พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นใครมาจากไหน

คาถาที่วิทวัสสวดเพื่อ ขับไล่ภูตผีปีศาจ ในละครเรื่อง แก้วขนเหล็ก คือ คาถาศักดิ์สิทธิ์บทนี้นี่เอง

คาถาที่วิทวัสสวดเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจในละครเรื่อง แก้วขนเหล็ก คือ คาถาศักดิ์สิทธิ์บทนี้นี่เอง แก้วขนเหล็ก นวนิยายสยองขวัญผลงานของตรี อภิรุม หรือที่หลายคนต่างขนานนามนิยายเรื่องนี้ว่า แดร็กคิวลาเมืองไทย สะท้อนเรื่องบาป-บุญ และภพ-ชาติ การเปลี่ยนจากมนุษย์ไปสู่อมนุษย์ของเมฆินทร์ที่เกิดมาจากพลังความแค้นที่มีต่อพ่อและคนรัก กับการกลับมาเกิดใหม่ของบุญชื่น หญิงที่เมฆินทร์รัก และเสือเที่ยง ที่กลับชาติมาเกิดเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อ วิทวัส     วิทวัสได้ทดลองคาถานี้หลังจากสอนหนังสือเสร็จ ผลปรากฏว่า วิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในห้องเรียนกลับปรากฏตัวขึ้นแล้วเข้าจู่โจมทำร้ายเขา วิทวัสได้ใช้แก้วขนเหล็กชี้ไปยังกลุ่มวิญญาณร้าย แล้วมันก็สลายไปด้วยอานุภาพของแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้     สำหรับความรู้จากละครเรื่องนี้ที่ซีเคร็ตอยากบอกต่อคือที่มาของคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่วิทวัสสวดนั้น มิใช่คาถาธรรมดา ๆ เลย แต่เป็นคาถาที่แต่งขึ้นจากเหตุการณ์พระเถระในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชปราบยักษ์ ซึ่งมีปรากฏในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา     สะมุทา ภูตุงคังกา นาเคนทะนาคี ทุนนิมิตตะโรคี ปิศาจจะ ภูตะกาลี สุกะระภุชง สีหะ สะทาสุชัยยา ฉัฏฐาระสะ ชัยยะกัง ชัยยะมัคะลัง ฉะยัง มารัสสะ จะ ปาปิมะโต ปะราชะโย สุปัณณะคนา นันทิ วัฑฒโน สุมิตา วิรุฬหา […]

  • 07 ต.ค. 2559
  • 0

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

 เปิดตำนานพระโลกอุดรกลุ่มแรก       

พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นใครมาจากไหน

พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นใครมาจากไหน
                        

                ดังที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่าการกำเนิดพระโลกอุดรกลุ่มแรกนั้น คือพระปิณโฑละวัชชะ พระอุปคุต พระโสณะและพระอุตตระ รวมไปถึงสายธรรมของพระมหากัสสปะด้วย ทั้งหมดรวมกันเป็นต้นกำเนิดของ“คณะเทพโลกอุดร ที่สืบกันมาจนถึงทุกวันนี้ คณะนี้เป็นคณะที่ทรงภูมิจิตภูมิธรรมขั้นสูงและพร้อมด้วยอิทธิฤทธิ์สูงสุดทำงานให้พระพุทธศาสนาในทางเร้นลับไม่เปิดเผยตัวตน คอยเล็งญาณหาผู้มีบุญวาสนามาเกิด ทำหน้าที่เป็นครูเป็นพี่เลี้ยงเป็นอาจารย์ ให้พระโพธิสัตว์ที่ลงสร้างบารมี และผู้จะพึงบรรลุมรรคผลนิพานในปัจจุบันชาติ ทำหน้าที่ปลูกหน่อเนื้อเชื้อวงศ์พระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ไว้ไม่ให้สาบสูญไปจากแผ่นดินสุวรรณภูมิ

            และนับจากกลุ่มโลกอุดรกลุ่มนี้เองที่ได้เผยแพร่จนมีพระอภิญญาโลกอุดรอีกจำนวนร้อยจำนวนพันเกิดขึ้นตามๆกันมา โดยกลุ่มโลกอุดรที่มีทุกวันนี้ มีทั้งที่เป็น“พระโพธิสัตว์” และ “พระอรหันต์“พระอนาคามี ทำหน้าที่ดูแลพระศาสนาให้ครบ ๕ พันปี และส่งมอบศาสนาให้ถึง “พระศรีอริยะเมตรตรัย”ผู้ใดมีบุญแล้วองค์โลกอุดรจะมาโปรดแสดงธรรมบ้าง มาให้กำลังใจบ้าง มาบิณฑบาตโปรดบ้าง แล้วแต่วาสนาที่ใครจะบำเพ็ญมาในกาลก่อนและปัจจุบัน เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ได้รับการอนุเคราะห์ในแต่ละระดับแตกต่างกันไปตามภูมิธรรมนั่นเอง

            หากจะกล่าวสรุปเบื้องต้นคือพระโลกอุดรกลุ่มแรกคือพระอรหันต์ทรงปฏิสัมภิทา ญาณซึ่งเป็นเอหิภิกขุมาแต่เดิม รวมกับกลุ่มพระสมณะฑูตสมัยพระเจ้าอโศก และทำการสืบพระศาสนาสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพสืบมาเป็นรุ่นๆ จวบจนถึงทุกวันนี้

             ตำนานพระโสณะและพระอุตระสมณทูตสู่สุวรรณภูมิ             

                “หลวงปู่เทพโลกอุดร” พระอรหันต์ทรงฤทธิ์ในตำนานนับเป็นพระอริยเจ้าพระองค์หนึ่งที่ลี้ลับแต่กลับปรากฏหลักฐานพยานจากพระเถระและผู้ปฏิบัติธรรมจำนวนมากว่าได้เคยพบเคยเห็นท่าน เรื่องราวของหลวงปู่โลกอุดรนั้นเป็นเรื่องล้ำลึกพิสดาร เพราะกล่าวกันว่าท่านมีอายุยาวนานนับพันปี ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงท่านคือใคร อยู่ที่ไหน การไปการมาของท่านนั้นไร้ร่องรอย และท่านยังสามารถเนรมิตบิดเบือนกายได้สารพัด  บางครั้งมาปรากฏกายในรูปของเณรน้อย บ้างเป็นพระหนุ่ม บ้างเป็นพระชรา บ้างผิวขาวบ้างก็ผิวดำเอาแน่ไม่ได้เลย

พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นใครมาจากไหน

             “หลวงปู่โง่น โสรโย” เป็นพระมหาเถระท่านหนึ่งที่ทรงความสามารถทางวิปัสสนากรรมฐานและสมถะกรรมฐาน อย่างเยี่ยมยอด ท่านได้ยืนยันว่าท่านเองก็เป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงปู่โลกอุดร และรับรองด้วยว่าหลวงปู่โลกอุดรทำหน้าที่ช่วยเหลือบ้านเมืองไทย พระพุทธศาสนามาหลายยุคหลาย สมัยปัจจุบันท่านก็ดูแลอยู่อย่างลี้ลับ

               หลวงปู่ท่านยังเปิดเผยอีกว่า หลวงปู่โลกอุดรนั้นท่านเป็นชาวเนปาล ท่านเคยไปเยือนถึงถิ่นบ้านเกิดหลวงปู่โลกอุดรไปพร้อมกับครูบาบุญชุ่ม วัดพระธาตุดอนเรือง จนไปพบหลวงปู่โลกอุดรในร่างของพระแขกผิวดำมาแล้ว พอถ่ายภาพออกมากลับกลายเป็นฤๅษีมีหนวดเคราน่าอัศจรรย์ ที่สำคัญกว่านั้นคือ หลวงปู่โง่นยืนยันมั่นคงว่าหลวงปู่โลกอุดรแท้จริงท่านก็คือพระอุตรเถระ พระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกท่านส่งมานั่นเอง

พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นใครมาจากไหน

ในสมัยนั้นพระเจ้าอโศกได้ส่งพระธรรมฑูต มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั่วโลกแบ่งได้ ๙ สายดังนี้คือ

สายที่ ๑ มีพระมัชฌันติกเถระเป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นกัษมิระ คือ รัฐแคชเมียร์ ประเทศอินเดียปัจจุบัน และแคว้นคันธาระ ในปัจจุบัน คือ รัฐปัญจาป ทั้งของประเทศอินเดียและประเทศปากีสถาน

สายที่ 2 พระมหาเทวเถระ เป็นหัวหน้าคณะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแคว้นมหิสมณฑ,ปัจจุบัน ได้แก่ รัฐไมเซอร์และดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโคธาวารี ซึ่งอยู่ในตอนใต้ประเทศอินเดีย

สายที่ 3 พระรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ วนวาสีประเทศ ในปัจจุบันได้แก่ ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย

สายที่ 4 พระธรรมรักขิตเถระ หรือพระโยนกธรรมรักขิตเถระ (ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นฝรั่งคนแรกในชาติกรีกที่ได้เข้าบวชในพระพุทธศาสนา)เป็นหัวหน้าคณะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ อปรันตกชนบทปัจจุบันสันนิษฐานว่าคือดินแดนแถบชายทะเลเหลือเมืองบอมเบย์

สายที่ 5 พระมหาธรรมรักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ แคว้นมหาราษฎร์ ปัจจุบัน ได้แก่ รัฐมหาราษฎร์ของประเทศอินเดีย

สายที่ 6 พระมหารักขิตเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในเอเซ๊ยกลาง ปัจจุบันได้แก่ ดินแดนที่เป็นประเทศอิหร่านและตุรกี

สายที่ 7 พระ มัชฌิมเถระ พร้อมด้วยคณะ คือพระกัสสปโคตรเถระ พระมูลกเทวเถระ พระทุนทภิสสระเถระ และพระเทวเถระ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนแถบภูเขาหิมาลัย สันนิษฐานว่า คือ ประเทศเนปาล

สายที่ 8 พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ เป็นหัวหน้าคณะ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันคือ ประเทศในคาบสมุทรอินโดจีน เช่น พม่า ไทย ลาว เขมร เป็นต้น

สายที่ 9 พระมหินทเถระ (โอรสพระเจ้าอโศกมหาราช) พร้อมด้วยคณะ คือพระอริฏฐเถระ พระอุทริยเถระ พระสัมพลเถระ และพระหัททสารเถระ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ลังกาทวีป ในรัชสมัยของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ กษัตริย์แห่งลังกาทวีป (ปัจจุบันคือประเทศศรีลังกา)

ทั้ง ๙ สายที่พระเจ้าอโศกส่งมานั้น ล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสายที่ ๘ พระโสณะและพระอุตตระเถระนั้น คือต้นตำนานแห่งหลวงปู่โลกอุดรในประเทศไทยเราจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งผู้ปฏิบัติจำนวนมากยังให้ความเชื่อถือว่า แม้บัดนี้เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าสองพันปีแต่พระอุตตระเถระก็ทรงทรงสังขารอยู่เพื่อโปรดพุทธศาสนิกชนคนมีบุญ ให้เข้าถึงพระสัทธรรมเป็นการสืบพระศาสนาต่อไปจนครบ ๕ พันปี ก็นับเป็นอีกหนึ่งพระคุณแห่งองค์พระเจ้าอโศกที่ได้ส่งพระอรหันต์ผู้ทรง อภิญญาสูงสุดมายังดินแดนแห่งนี้จนเป็นที่มาแห่งตำนานโลกอุดรในสยามประเทศ

หนึ่งในพระอรหันตเจ้าผู้ทรงปฏิสัมภิทาญาณ ซึ่งมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิคู่กับหลวงปู่อุตตระเถระหรือหลวงปู่โลกอุดร ก็คือ “พระโสณะเจ้า” ท่านนี้ก็เป็นหนึ่งในคณะโลกอุดรเช่นกัน แต่ประวัติเรื่องเล่าของท่านค่อนข้างน้อยกว่าหลวงปู่พระอุตระเถระมาก ในปัจจุบันหากจะหารูปของหลวงปู่พระโสณะ ต้องไปดูที่วัดอโศการาม ท่านพ่อลีท่านสร้างคณะโลกอุดรไว้ครบถ้วนทั้งสามองค์ คือ พระอุปคุต พระอุตตระเถระและพระโสณะ

            สำหรับตำนานของ “พระโสณะ” นั้น มีฤทธิ์อภิญญาปรากฏเป็นเกียรติประวัติไม่แพ้ท่านใดเหมือนกัน ตำนานของท่านมาจากเมืองพม่า เล่าขานกันว่าพระโสณะขึ้นไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาถึงเมืองพม่า สมัยนั้นมียักษิณีเที่ยวจับคนกิน พระโสณะเจ้าหวังปราบยักษิณีตนนี้เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขและเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาต่อไปในอนาคต จึงรับนิมนต์จากศรัทธาญาติโยมที่ต้องการให้ท่านเป็นที่พึ่ง เมื่อถึงเวลานางยักษ์ออกมาหาอาหาร พระโสณะเจ้าได้เนรมิตบิดเบือนกายแปลงร่างเป็นพญานรสิงห์ ไล่ตวาดนางยักษ์จนกลัวลนลานมิอาจต้านทานตบะเดชะอิทธิฤทธิ์บุญฤทธิ์ของพระโสณะเจ้าได้ ยอมศิโรราบหมอบกราบด้วยประการทั้งปวง เมื่อองค์อรหันต์โสณะเจ้าเห็นนางยักษ์ละทิฐิมานะของตนแล้วจึงกลับเพศเป็น “สมณะพุทธบุตร” แล้วเทศนาสั่งสอนให้รู้จักดีชั่วบาปบุญโทษของราคะ โทสะ โมหะ โทษของการเบียดเบียน คุณของศีลการรักษาศีล ตลอดจนการภาวนามีปัญญาเห็นถึงทุกข์ในวัฏฏสงสาร ความทรมานในการเกิดแก่เจ็บตายการพลัดพรากเป็นที่สุด

              นางยักษ์ฟังธรรมจนรู้สึกสังเวชในตนและศรัทธาในพระพุทธศาสนานี้ จึงได้สมาทานศีล ๕ ตั้งใจรักษาศีลขอเข้าถึงไตรสรณคมณ์ละเลิกจากการเที่ยวเบียดเบียนสัตว์น้อย ใหญ่ตั้งใจออกจากอำนาจแห่งโทสะ ตั้งใจละเสียซึ่งอกุศลกรรมทั้งปวง บำเพ็ญตนให้ล่วงออกจากทุกข์ และปวารานาตนเป็นพุทธบริษัทตั้งใจดูแลรักษาพระพุทธศาสนานี้ให้คงอยู่จนครบ ๕ พันปี แต่นั้นมาเมืองพม่าก็สงบสุขจากนางยักษ์ตนนี้

                พระโสณะเที่ยวโปรดประชาชนเมืองพม่ามาช้านาน ต่อมาท่านก็หายตัวไปอย่างลึกลับบางท่านว่าท่านนิพพานในเมืองพม่านั้นเหลือเพียงพระอุตตระที่ยังอธิษฐานดูแลพระพุทธศาสนา

ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ บารมีเหนือโลกหลวงปู่เทพโลกอุดร

พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเป็นใครมาจากไหน