ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ recycle bin มากที่สุด

8.1 ความหมายของการกู้คืนข้อมูล

       การกู้คืนข้อมูล (Restore) เป็นกระบวนการที่ทำให้ข้อมูลที่สูญหายข้อมูลที่เสียหาย และข้อมูลที่ไม่สามารถใช้งานได้จากสื่อบันทึกข้อมูลให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งผลสำเร็จในการกู้คืนข้อมูลจะมากหรื้อน้อยนั้นขึ้นอยุ่กับสาเหุตที่ทำให้ข้อมูลนั้นใช้การไม่ได้ และการกระทำกับข้อมูลหลังจากที่เกิดความเสียหายในการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่

8.2 การกู้คืนข้อมูลจาก Recycle Bin ใน windows 7

1. ปิด 'ถังรีไซเคิล' ด้วยการคลิกสองครั้งที่ ถังรีไซเคิล บนเดสก์ท็อป

2. เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

    - เมื่อต้องการกู้คืนแฟ้ม คลิกที่แฟ้ม และบนแถบเครื่องมือ ให้คลิก คืนค่ารายการนี้

    - เมื่อต้องการคืนค่าแฟ้มทั้งหมด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีแฟ้มใดถูกเลือกอยู่ จากนั้นบนแถบเครื่องมือ ให้คลิก คืนค่ารายการทั้งหมดแฟ้มต่างๆ จะถูกคืนค่าไปยังตำแหน่งที่ตั้งเดิมบนคอมพิวเตอร์ของคุณ

8.3 การคืนค่า Windows 7

        หากคอมพิวเตอร์ทำงานไม่ถูกต้อง คุณสามารถคืนค่ากลับไปยังจุดก่อนหน้าในช่วงที่คอมพิวเตอร์ยังใช้การได้ดี หากการคืนค่าระบบไม่ช่วยแก้ไขปัญหา คุณสามารถย้อนกลับการคืนค่าระบบได้ ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อกู้คืนการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ของคุณ:

1. เพื่อความปลอดภัย ให้สำรองไฟล์สำคัญๆ ก่อนที่จะกู้คืนจากจุดคืนค่า
2. ปิดหน้าต่างซอฟต์แวร์ที่เปิดอยู่
3. คลิก เริ่ม, โปรแกรมทั้งหมด, เบ็ดเตล็ด, เครื่องมือระบบ แล้วคลิก การคืนค่าระบบ

หน้าต่างคืนค่าไฟล์ระบบและการตั้งค่าระบบจะเปิดขึ้น
รูปภาพ : หน้าต่างคืนค่าไฟล์ระบบและการตั้งค่าระบบ


4. เลือก เลือกจุดคืนค่าอื่น แล้วคลิก ถัดไป
5. เลือกวันที่และเวลาจากรายการจุดคืนค่าที่มีอยู่ แล้วคลิก ถัดไป
ไฟล์ระบบทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจะถูกเพิ่ม เอาออก หรือเปลี่ยนแปลงเป็นเวอร์ชันเดียวกันกับที่อยู่ในการกำหนดค่าไฟล์ระบบของคอมพิวเตอร์ในวันที่เลือก
หมายเหตุ
ซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ที่ติดตั้งหลังจากวันที่เลือกอาจทำงานไม่ถูกต้องและอาจจะต้องติดตั้งอีกครั้ง
รูปภาพ : หน้าต่างเลือกจุดคืนค่า


6. ยืนยันจุดคืนค่า จากนั้นคลิก เสร็จสิ้น

รูปภาพ : หน้าต่างยืนยันจุดคืนค่าของคุณ

7. คลิก ใช่ ในข้อความยืนยันที่เปิดขึ้น
8. คอมพิวเตอร์ควรจะปิดการทำงานและเปิดอีกครั้งโดยอัตโนมัติหลังจากที่การคืนค่าเสร็จสมบูรณ์รูปภาพ : ข้อความระบุความสำเร็จ

8.4 วิธีกู้ไฟล์ด้วยโปรแกรม Recuva

       โปรแกรม Recuva หรือออกเสียงง่ายๆว่า recover เป็นฟรีแวร์วินโดว์ที่มีประโยชน์ในการกู้เอกสารที่ถูกลบไปจากคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงไฟล์ข้อมูลที่ถูกลบจากการทำความสะอาดถังขยะคอมของคุณ (Recycle bin) ไฟล์ภาพและไฟล์อื่นๆ อีกทั้ง รวมถึงไฟล์ที่ถูกลบจากเมมโมรี่การ์ดและไฟล์เสียง mp.3 โดยที่โปรแกรม Recuva นี้ ยังสามารถนำไฟล์ที่ถูกลบอันเกิดจาก bugs , crashes และ viruses กลับคืนมาได้อีกด้วยเช่นกัน
สำหรับไฟล์ที่ถูกลบไปแล้ว ไฟล์ยิ่งเก่ามากแค่ไหน ก็ยิ่งนำกลับมายากแค่นั้น ดังนั้นถ้าต้องการทำการกู้ไฟล์ให้กลับมา ก็ควรจะรีบทำการกู้มันเท่าที่จะทำได้ ยิ่งช้า โอกาสที่จะกู้กลับมาได้ยิ่งน้อย
หลังจากที่ผมลองใช้เจ้าโปรแกรม Recuva ผมรู้สึกประทับใจกับมันมาก มันค้นหาไฟล์ที่สามารถทำการกู้ได้อย่างรวดเร็วมาก และ แค่คุณคลิกไปที่ไฟล์ที่คุณต้องการให้โปรแกรม Recuva ทำการกู้เกลับมา มันก็จะทำการกู้กลับมาไว้ที่ฮาร์ดไดร์ฟของคุณเพียงไม่กี่วินาที

การใช้งานโปรแกรม Recuva

ขั้นตอนที่ 1 หลังการติดตั้งโปรแกรม Recuva เสร็จแล้วเมื่อเปิดโปรแกรมจะมีข้อมความกล่าวต้อนรับดังรูปด้านบน คลิ๊ก Next
ขั้นตอนที่2. เลือกประเภทของไฟล์ที่เราต้องการกู้ข้อมูลคืน แล้วเลือก คลิ๊ก next

ขั้นตอนที่สาม เลือกแหล่งที่ต้องการค้นหาข้อมูลเพื่อกู้คืน หากไม่แน่ใจ คลิ๊ก I ‘m not sure ดังรูปด้านบนเลยค่ะ ถัดไปให้คลิ๊ก Next ขั้นตอนที่ 4. จะปรากฏหน้าจอขอบคุณ แล้วให้เริ่มการค้นหาด้วยการเลือก start  ต่อจากนั้นรอสักอึดใจ ให้ Recuva ช่่วยค้นหาไฟล์ข้อมูลตามที่เรากำหนดเงื่อนไขไว้

บนระบบปฏิบัติการ Windows นั้น เมื่อเรากดลบไฟล์แล้ว ไฟล์ดังกล่าวจะยัง "ไม่หายไปจากฮาร์ดดิสก์โดยทันที" แต่ว่ามันจะถูกย้ายไปเก็บเอาไว้ใน ถังขยะรีไซเคิล (Recycle Bin) ก่อน ที่มันเป็นแบบนั้น ก็เพื่อให้โอกาสคุณในการกู้ไฟล์กลับมาใหม่ได้ง่าย ๆ เผื่อคุณลบไฟล์ผิด หรือเกิดเปลี่ยนใจมีเหตุให้ต้องใช้ไฟล์นั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะเคยเจอเหตุการณ์ ลบไฟล์แล้วไฟล์ไม่ปรากฏใน Recycle Bin 

บทความเกี่ยวกับ Microsoft อื่นๆ

เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แล้วจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร มาอ่านแนวทางแก้ปัญหากันเลย ...

เผลอลบไฟล์แบบถาวร

โดยปกติแล้ว ระบบปฏิบัติการ Windows จะถูกตั้งค่าเริ่มต้นให้ไฟล์ที่ถูกลบโดนส่งไปที่ Recycle Bin แต่ถ้าไฟล์ที่คุณลบมันหายไปเลย แสดงว่าไฟล์ที่คุณลบนั้นไม่ได้ถูกส่งไปที่ Recycle Bin ก่อน อย่างที่มันควรจะเป็น ซึ่งมีความเป็นไปได้หลายสาเหตุดังต่อไปนี้

  • กด "ปุ่ม Shift" ค้างไว้ขณะที่สั่งลบไฟล์ (อาจจะไม่ได้ตั้งใจ)
  • ลบไฟล์ที่อยู่ในแฟลชไดร์ฟ หรือฮาร์ดดิสก์ภายนอก (External Harddisk)
  • สั่งลบไฟล์ผ่าน Command Prompt (CMD)

โดยทั้ง 3 สิ่งที่กล่าวไป จะเป็นการลบไฟล์แบบถาวรนะครับ ไม่สามารถกู้คืนจาก Recycle Bin (ถ้าอยากกู้ต้องใช้พวก โปรแกรมกู้ไฟล์ (Data Recovery Software) เข้ามาช่วย) โดยเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นบ่อยที่สุด คือ การลบไฟล์ในแฟลชไดร์ฟ หรือฮาร์ดดิสก์ภายนอก โดยเราต้องจำให้ขึ้นใจเอาไว้เลยว่า การลบไฟล์ในไดร์ฟเหล่านี้ ไฟล์จะหายไปเลยอย่างถาวร ดังนั้นก่อนลบควรตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน

ตรวจสอบการตั้งค่าของ Recycle Bin

ถ้าลบไฟล์ แล้วไฟล์ไม่ไปอยู่ใน Recycle Bin อาจจะเกิดจากการตั้งค่าการทำงานของ Recycle Bin ก็เป็นได้ โดยเราควรจะตรวจสอบว่า มันไม่ได้ถูกเลือก ◉ Don’t move files to the Recycle Bin เอาไว้ ด้วยวิธีการดังนี้

  • คลิกขวาที่ไอคอน Recycle Bin แล้วเลือกที่ "เมนู Properties
  • ถ้ามันถูกเลือกที่ "ช่อง Don’t move files to the Recycle Bin" ให้คลิกเปลี่ยนไปเป็นที่ "ช่อง Custom Size" แทน
  • จากนั้นให้คลิก "ปุ่ม Apply" แล้วตามด้วย "ปุ่ม OK"

ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ recycle bin มากที่สุด

เปลี่ยนค่าความจุของ Recycle Bin

โฟลเดอร์ Recycle Bin จะมีการจำกัดความจุที่เก็บไฟล์เอาไว้ ถ้าหากเราลบไฟล์ที่มีขนาดใหญ่กว่าความจุที่ตั้งไว้ล่ะก็ ไฟล์ก็จะไม่ถูกทิ้งลงถังขยะ แต่มันจะหายไปเลย

การตั้งขนาดความจุของ Recycle Bin ให้เหมาะสม ต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้งาน ถ้างานที่เราทำไฟล์มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เราก็ควรปรับให้ความจุของ Recycle Bin ให้สูงตามไปด้วย

วิธีเปลี่ยนค่าความจุของ Recycle Bin

  • คลิกขวาที่ไอคอน Recycle Bin แล้วเลือก "เมนู Properties"
  • เลือก "ช่อง Custom size"
  • คลิกตรง "ช่อง Maximum size (MB)" กรอกค่าความจุที่ต้องการลงไปตามต้องการ
  • จากนั้นให้คลิก "ปุ่ม Apply" แล้วตามด้วย "ปุ่ม OK"

กำหนดระยะเวลาในการเก็บไฟล์ของ Recycle Bin

อีกปัญหาที่หลายคนเจอ คือ ลบไฟล์แล้วมันไปอยู่ใน Recycle Bin ก็จริง แต่สักพักมันก็หายไปเอง

ปัญหานี้เกิดจากการตั้งค่า โดยเราสามารถกำหนดให้ Recycle Bin ลบไฟล์ในถังขยะทิ้งอัตโนมัติ หลังจากที่ผ่านไป 1, 14, 30, 60 หรือไม่ต้องลบเลย

วิธีตั้งค่าระยะเวลาในการเก็บไฟล์ของ Recycle Bin

คลิกที่ปุ่ม Start → Settings → System → Storage แล้วคลิกที่ "ลิงก์ Configure Storage Sense or run it now"

ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ recycle bin มากที่สุด

ใต้หัวข้อ Temporary Files ตรง "เมนู Delete files in my recycle bin if they have been there for ever:" ให้คลิกเลือกวันที่ต้องการจากเมนูดรอปดาวน์ ถ้าไม่อยากให้ลบเลยก็ "เลือก Never"

ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ recycle bin มากที่สุด

ล้างการตั้งค่า หรือ รีเซ็ต Recycle Bin

บางครั้งสาเหตุของการที่สั่งลบไฟล์ แล้วไฟล์ไม่ยอมไปอยู่ใน Recycle Bin ก็สามารถเกิดมาจากการที่ระบบเสียหาย ซึ่งเราสามารถรีเซ็ต Recycle Bin เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้