พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทย... Show
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2495 เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
พ.ศ.2499 ทรงเข้าศึกษาระดับอนุบาล ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนจิตรลดา ก.ค.2509 ทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงส์มีด เมืองซีฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ก.ย.2509 ทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนมิลฟีลด์ เมืองสตรีท ประเทศอังกฤษ ส.ค.2513 ทรงศึกษาที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนเตรียมทหาร ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
พ.ศ.2515 ทรงศึกษาในวิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย 28 ธ.ค.2515 ทรงรับการสถาปนาเป็นองค์รัชทายาท พ.ศ.2518 ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหาร จากวิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย 6 พ.ย.2521 ทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินประทับจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพฯ 4 พ.ค.2537 กองทัพอากาศทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเกียรติบัตรครูฝึกการบิน เครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง แบบ F-5 F/F จากการพระราชทานการฝึกสอนแก่นักบินขับไล่ของกองทัพอากาศ
พ.ค.2547 ทรงเข้ารับการถวายการฝึกหลักสูตรนักบินโบอิ้ง 737 ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และทรงสำเร็จหลักสูตรนักบินของการบินไทย โดยคณะผู้บริหารเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายประกาศนียบัตรกัปตันพร้อมฉลองพระองค์ชุดกัปตัน 16 ส.ค.2558 ทรงนำปั่นจักรยานกิจกรรม Bike for Mom “ปั่นเพื่อแม่” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 11 ธ.ค. 2558 ทรงนำปั่นจักรยานกิจกรรม Bike for Dad “ปั่นเพื่อพ่อ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 1 ธ.ค. 2559 เสด็จขึ้นครองราชย์ สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทย 1 พ.ค.2562 ทรงประกอบพระราชพิธี ราชาภิเษกสมรสกับ พลเอกหญิงสุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา และทรงมีพระราชโองการสถาปนาเป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.
พระราชโอรสและพระราชธิดา รัชกาลที่ ๑๐ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Information Division of OHM สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชธิดา ๒ พระองค์ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ประสูติ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประสูติ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ ภาพประกอบจากกรมประชาสัมพันธ์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประสูติ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ← กลับไปหน้าแรก27 ก.ค. 2564 เวลา 7:09 น. 92.6k เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 นี้“ฐานเศรษฐกิจ” ได้รวบรวม 10 เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับวันพระราชสมภพ ของพระองค์ท่านเมื่อย้อนไปในปี พ.ศ. 2495 และบางช่วงเหตุการณ์สมัยทรงพระเยาว์เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายพระพรในวโรกาสอันน่าชื่นชมยินดีนี้ 1.ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประสูติ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2495 ได้รับพระราชทานพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูปการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร” 2.พระนาม “วชิราลงกรณ” นั้น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงตั้งถวาย มาจาก “วชิรญาณ” พระนามฉายาขณะทรงพระผนวชในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนวกกับ “อลงกรณ์” จากพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
3. ในวันพระราชสมภพนั้น ศาสตราจารย์หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล ได้บันทึกบรรยายบรรยากาศก่อนเวลาพระราชสมภพว่า “...วันนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝนตั้งแต่เช้า ฝนไม่ได้ตกมานาน...นายแพทย์ผู้ถวายการประสูติเข้าประจำที่ สักครู่ก็ประสูติพระราชกุมาร เวลา 17 นาฬิกา กับ 45 นาที ในนาทีเดียวกันนั้นเองฝนที่แล้งมาตลอดฤดูก็เริ่มโปรยละอองลงมา ดูคล้ายๆ ฟ้าก็รู้เห็นเป็นใจกับการประสูติครั้งนี้...อารามดีใจสมประสงค์ของดวงใจทุก ๆ ดวง นายแพทย์ที่ถวายการประสูติ ซึ่งพร้อมที่จะบอกแก่ที่ประชุม ณ พระที่นั่งอัมพรสถานว่า พระราชโอรส หรือพระธิดา กล่าวออกมาด้วยเสียงอันตื่นเต้นกังวานว่า ผู้ชาย แทนที่จะว่า พระราชโอรส...” 4.แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2495 ระบุว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ทรงพระสำราญดีทั้งสองพระองค์ 5.หลังวันพระราชสมภพ 1 เดือนกับอีก 18 วัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง ร.9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ประกอบพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ตามโบราณราชประเพณี ในวันที่ 14 และ 15 กันยายน 2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในพระราชพิธีนี้ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ได้มีพระลิขิตไปถวายพระพรชัยมงคลในนามแห่งคณะสงฆ์ไทย 6.ในพระราชพิธีดังกล่าว สภาวัฒนธรรมแห่งชาติได้จัดขับไม้มโหรีถวายพระพร มีการถ่ายทอดเสียงในพระราชพิธีทางวิทยุไปทั่วประเทศ เนื้อหามีความไพเราะยิ่ง ดังนี้ “เห่เอยพระหน่อนาถ พระเยาวราชอดิศร หน่อเนื้อพระชินวร จำเริญสวัสดิมงคล เทพเชิญเจริญพักตร์ พระยอดรักมาปฏิสนธิ์ ปวงข้าประชาชน ประชุมชื่นนิยมชม เห่เอยเห่กล่อม พระทูลกระหม่อมจะบรรทม ข้าบาทขอบังคม ขับประสมดนตรี ฟังเสนาะเพราะสำเนียง ประสานเสียงดีดสี ขับไม้มโหรี บำเรอบาทให้ไสยา”
7.ปีพ.ศ.2499 ทรงเข้ารับการศึกษาขั้นต้นเป็นนักเรียนอนุบาลรุ่นที่ 2 ณ พระที่นั่งอุดร ในพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ซึ่งขณะนั้นเป็นที่ประทับ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 เสด็จไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างอาคารเรียนชั้นเดียวในบริเวณสวนจิตรลดา และพระราชทานนามโรงเรียนว่า โรงเรียนจิตรลดา ในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้ทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนนี้ จนถึงปีพ.ศ. 2505 8.ทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด เมืองซีฟอร์ด แคว้นซัสเซกส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2509 จากนั้นทรงศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ระหว่างปี 2509-2513 ด้วยพระอุปนิสัยโปรดความมีระเบียบวินัย และสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับกองทัพ โปรดการสเด็จเยี่ยมที่ตั้งกองทหารหน่วยต่าง ๆกับพระราชบิดานับตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จึงทรงเข้ารับการศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ช่วงเดือนส.ค. 2513 ถึง พ.ค. 2514 จากนั้นในเดือนม.ค. 2515 จึงทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา 9.เมื่อมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารตามโบราณราชประเพณี ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร” นับเป็นองค์สยามมกุฎราชกุมารพระองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
10.ในวาระอันเป็นมงคลนั้น พระองค์ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ความว่า ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอิสริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่างโดยเต็มกำลังสติปัญญา ความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิต ร่างกายจะหาไม่ บัดนี้กาลเวลาผ่านไป ได้เป็นที่ประจักษ์ว่าตลอดระยะเวลา นับแต่ยังทรงพระเยาว์ตราบจนปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงยึดมั่นในพระราชปฏิญญามาโดยตลอด ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอขอบคุณข้อมูลจาก: รัชกาลที่ 10 เกิดปีพศอะไรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อพระชนมายุได้ 5 พรรษา ทรงเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอี กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้นทรงเสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
รัชกาลที่ 10 เกิดที่ใดสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ
นายหลวงรัชกาลที่ 10 อายุกี่ปีเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 นี้
พระราชสมภพที่ใดและเมื่อใด ร.10สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 ก.ค.2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ
|