ผู้ถือหุ้นมีฐานะใดในบริษัท

บริษัทเล็งเห็นถึงความสําคัญของสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกราย ซึ่งรวมทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และ ผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยสิทธิของผู้ถือหุ้นครอบคลุมสิทธิพื้นฐานต่างๆ ทั้งในฐานะของนักลงทุนในหลักทรัพย์และในฐานะเจ้าของบริษัท เช่น สิทธิในการซื้อ ขายโอน หลักทรัพย์ที่ตนถืออยู่ สิทธิในการที่จะได้รับส่วนแบ่งผลกําไรจากบริษัท สิทธิต่าง ๆ ในการประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการได้รับข่าวสาร ข้อมูลของบริษัทอย่างครบถ้วน เพียงพอ ทันเวลา ผ่านช่องทางที่เข้าถึงได้ง่าย สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในการร่วมตัดสินใจในเรื่องสําคัญของบริษัท เช่น การเลือกตั้งกรรมการ การอนุมัติธุรกรรมที่สําคัญและมีผลต่อทิศทางในการดําเนินธุรกิจของบริษัท การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับของบริษัท เป็นต้น

ในปี 2564 บริษัทได้ดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นการส่งเสริม และอํานวยความสะดวกในการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ดังนี้

ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้น

1. บริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการเสนอเรื่องที่เห็นว่าสําคัญและควรบรรจุเป็นวาระในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปีของบริษัท และเสนอชื่อบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติที่เหมาะสมเพื่อรับการพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการบริษัทล่วงหน้าก่อนที่จะมีการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นขึ้นโดยผู้ถือหุ้นสามารถดูรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติได้ในเว็บไซต์ของบริษัท https://investor.chularat.com/th/downloads/shareholders-meeting

การส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น

2. บริษัทได้จัดส่งหนังสือเชิญประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าก่อนการประชุมอย่างน้อย 21 วันก่อนวันประชุม เพื่อแจ้งวาระการประชุม พร้อมความคิดเห็นของคณะกรรมการในแต่ละวาระ รวมถึงเอกสารประกอบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจ และเพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิได้เต็มที่โดยได้ชี้แจงรายละเอียดของเอกสารที่ผู้ถือหุ้นต้องนํามาแสดงในวันประชุม เพื่อรักษาสิทธิในการเข้าประชุมรวมทั้งสิทธิออกเสียงลงมติของผู้ถือหุ้นไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ เพื่ออํานวยความสะดวกให้แก่ ผู้ถือหุ้น บริษัทมีการเปิดเผยหนังสือเชิญประชุมบนเว็บไซต์ของบริษัทล่วงหน้า และการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2564 บริษัทได้เปิดเผยหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นฉบับสมบูรณ์บนเว็บไซต์บริษัท https://investor.chularat.com/th/downloads/shareholders-meeting ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนวันประชุม

การนําเสนอค่าตอบแทนกรรมการ

3. บริษัทนําเสนอค่าตอบแทนกรรมการทุกรูปแบบที่ได้จ่ายให้กรรมการ ได้แก่ ค่าตอบแทนเบี้ยประชุม รวมถึง อัตราจ่ายเบี้ยประชุมต่อครั้งและจํานวนครั้งที่จัดประชุมทั้งปีแยกตามการประชุมคณะกรรมการทุกคณะเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้เห็นยอดค่าตอบแทนเบี้ยประชุมรวมที่จ่ายทั้งปีและนําเสนอค่าตอบแทนโบนัส/บําเหน็จ โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณาจ่ายเงินโบนัส/บําเหน็จ ประจําปีตามผลประกอบการ

ในจํานวนวงเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกินวงเงินที่นําเสนอต่อปีและให้ คํานวณจ่ายตามระยะเวลาการดํารงตําแหน่ง เพื่อให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในวาระการพิจารณาและอนุมัติการกําหนดค่าตอบแทนกรรมการทุกปี และในปี 2564 บริษัทได้ปรับปรุงการเปิดเผยค่าตอบแทนเพิ่มในกรณีค่าตอบแทนที่ไม่มีการจ่าย ให้ระบุทุกครั้งว่าไม่มี เช่น ค่าตอบแทนประจําและสิทธิประโยชน์อื่นๆ บริษัทไม่มีนโยบายจ่ายให้กรรมการ

การมอบฉันทะเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น

4. ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้าประชุมได้ด้วยตนเอง ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิโดยการมอบฉันทะให้กรรมการอิสระ หรือบุคคลใด ๆ เข้าร่วมประชุมแทน และออกเสียงลงคะแนนแทนตนได้ โดยใช้หนังสือมอบฉันทะแบบหนึ่งแบบใดที่บริษัทได้จัดส่งไปพร้อมกับหนังสือนัดประชุม นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นสามารถ Download หนังสือมอบฉันทะผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทได้อีกด้วย

การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น

5. เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับความสะดวกในการประชุม บริษัทได้จัดให้มีการลงทะเบียนโดยใช้ระบบบาร์โค้ด พร้อมจัดทําบัตรลงคะแนนสําหรับแต่ละวาระ เพื่อให้ขั้นตอนในการลงทะเบียนและการนับคะแนนในแต่ละวาระเป็นไปอย่างรวดเร็ว และถูกต้อง และภายหลังเปิดประชุมแล้ว ผู้ถือหุ้น สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมได้ตลอดเวลาการประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียงในวาระที่ยังไม่ได้ลงมติ นอกจากนี้ เมื่อจบการประชุมผู้ถือหุ้นสามารถขอตรวจสอบรายละเอียดของการลงมติได้

การดําเนินการในวันประชุมผู้ถือหุ้น

6. ก่อนเริ่มเข้าสู่การประชุมตามลําดับวาระในหนังสือเชิญประชุม ประธานกรรมการ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้เลขานุการบริษัทแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงวิธีการปฏิบัติในการออกเสียงลงคะแนนในแต่ละวาระการประชุม และระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประธานในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นทุกรายสามารถเสนอแนะ ซักถาม และเสนอข้อคิดเห็นได้ทุกวาระเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบข้อมูลรายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ อย่างเพียงพอก่อนการลงมติในแต่ละวาระโดยประธานและผู้บริหารจะให้ความสําคัญกับทุกคําถาม และตอบข้อซักถามอย่างชัดเจนและตรงประเด็น

การจัดทํารายงานการประชุม และการเปิดเผยมติการประชุมผู้ถือหุ้น

7. เลขานุการบริษัทได้บันทึกการประชุมที่ถูกต้อง ครบถ้วน โดยบันทึกการออกเสียงลงคะแนนในแต่ละวาระอย่างละเอียดและได้จัดส่งรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 14 วันหลังการประชุม และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบอย่างรวดเร็วและสามารถตรวจสอบได้

กรณีเป็นหุ้นของบริษัทจำกัด เริ่มต้นจากการมีชื่อเป็นผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งตามกฎหมายเดิมกำหนดให้มีบุคคลอย่างน้อย 7 คน ปัจจุบันกำหนดไว้ 3 คน เข้าชื่อกันดำเนินการเพื่อจัดตั้งบริษัทจำกัด

โดยผู้เริ่มก่อการทุกคนต้องลงชื่อซื้อหุ้น อย่างน้อยคนละหนึ่งหุ้น ด้วยผลของบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้ว ผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทจะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอย่างน้อยหนึ่งหุ้นทุกคน จนกว่าจะโอนหุ้นนั้นไปให้ผู้อื่น 

หรือเป็นผู้ถือหุ้น โดยเข้าชื่อซื้อหุ้นในขณะเริ่มจัดตั้งบริษัท และเมื่อมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วก็จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้นตามที่เข้าชื่อซื้อไว้จนกว่าจะโอนหุ้นนั้นไปให้ผู้อื่น หรือเป็นผู้ถือหุ้นจากการรับโอนหุ้นไม่ว่ากรณีใดๆ จนกว่าจะโอนหุ้นนั้นไปให้บุคคลอื่นต่อไป

กรณีการเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทมหาชนจำกัด ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 เริ่มจากเป็นหนึ่งในบุคคลอย่างน้อย 15 คน ที่จะเริ่มดำเนินการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด โดยผู้เริ่มจัดตั้งต้องจองหุ้นที่ต้องชำระเป็นตัวเงินรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน

ดังนั้น เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว ผู้เริ่มจัดตั้งจะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียนตามที่จองไว้ จนกว่าผู้เริ่มจัดตั้งคนใดคนหนึ่งจะโอนขายหุ้นส่วนของตนไปบางส่วนหรือทั้งหมด หรือ

เป็นผู้ถือหุ้นที่เข้าจองซื้อหุ้นเมื่อบริษัทมหาชนจำกัดเปิดให้จองหุ้น และได้รับจัดสรรให้ซื้อหุ้นตามจำนวนที่กำหนด จนกว่าจะขายหุ้นส่วนนี้ไปทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ

ได้รับหุ้นที่โอนมาไม่ว่ากรณีใดๆ หรือซื้อหุ้นที่มีการเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้ ผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด อาจเป็นผู้ถือหุ้นแทนบุคคลอื่นที่ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อก็ได้ โดยปกติการถือหุ้นแทนกันไม่มีข้อห้ามและไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย เว้นแต่เป็นการถือหุ้นแทนเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือกฎหมายอื่น ลักษณะเดียวกัน หรือหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดินเพื่อให้นิติบุคคลที่ถือเป็นคนต่างด้าวให้เข้าถือครองที่ดินได้

๐ ผลการจดทะเบียนบริษัท

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะหุ้นส่วนบริษัท มาตรา 1015 บัญญัติว่า ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท เมื่อได้จดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้แล้ว ท่านจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ซึ่งรวมเข้ากันเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น

สำหรับบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อจดทะเบียนแล้ว ก็มีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามที่บัญญัติในมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.บริษัทมหาชน

ดังนั้น ทั้งบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อจดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคล ถือได้ว่าเป็นบุคคลอีกหนึ่งคนแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น ในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดในหนี้สินของบริษัท เจ้าหนี้ของบริษัทจะมาบังคับเอาจากผู้ถือหุ้นไม่ได้

ยกเว้นในกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดที่ยังชำระค่าหุ้นไม่ครบ ซึ่งเจ้าหนี้อาจใช้สิทฺธิเรียกร้องของบริษัทลูกหนี้เรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งชำระเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระเอามาชำระหนี้ได้

ผู้ถือหุ้นมีฐานะใดในบริษัท

๐ แนวคำพิพากษาศาลฎีกา

มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่วินิจฉัยไว้อย่างชัดแจ้ง ว่าเมื่อจดทะเบียนแล้วบริษัทเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น เช่น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4143/2532 ที่วินิจฉัยว่า ป.พ.พ.มาตรา 1096 ไม่ใช่บทบัญญัติให้ผู้ถือหุ้นรับผิดต่อเจ้าหนี้ของบริษัทจำเลยที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 8 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นจึงไม่มีหน้าที่ชำระภาษีที่บริษัทจำเลยที่ 1 ค้างชำระต่อกรมสรรพากรโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ 

การที่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ถึงที่ 8ไม่ชำระภาษีอากรที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระต่อโจทก์จึงหาเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทั้งไม่ใช่กรณีที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องเงินค่าหุ้นค้างชำระแทนจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ในนามของโจทก์ได้ เพราะตามฟ้องไม่มีข้อเท็จจริงให้เห็นเช่นนั้น ศาลภาษีอากรกลางจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของจำเลยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1910/2538 ที่วินิจฉัยว่าเมื่อบริษัทจดทะเบียนแล้วถือว่าเป็นบุคคลมีสิทธิหน้าที่ต่างหากจากผู้ถือหุ้น กรรมการผู้ใดทำให้บริษัทเสียหาย บริษัทย่อมเป็นผู้ฟ้องเรียกให้กรรมการผู้นั้นชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท ส่วนผู้ถือหุ้นจะฟ้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 ต้องเป็นการฟ้องแทนหรือฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัท เฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้อง และเป็นการฟ้องเพื่อเรียกร้องเอาสินไหมทดแทนเท่านั้น โจทก์ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของบริษัทจึงมิได้อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ของจำเลยที่จะฟ้องจำเลยให้ล้มละลาย

คำพิพากษาฎีกาที่ 1180/2511 วินิจฉัยว่า บริษัท ขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้นร้อยละ 97 เมื่อจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ย่อมเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ถือหุ้น อยู่ภายใต้การจัดการของคณะกรรมการตามข้อบังคับของบริษัทซึ่งได้ตราขึ้นและจดทะเบียนไว้ 

 ระเบียบการจ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญลูกจ้าง พ.ศ.2502 ซึ่งคณะรัฐมนตรีวางไว้ เป็นระเบียบของทางราชการ กำหนดวิธีการ จ่ายเงินบำเหน็จและเงินทำขวัญแก่ลูกจ้างของส่วนราชการไม่ใช่บังคับแก่บริษัท ขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเว้นแต่คณะกรรมการบริษัท จะอนุมัติให้ใช้ระเบียบดังกล่าวแก่ลูกจ้างของบริษัทด้วย

๐ ความรับผิดของผู้ถือหุ้นต่อการที่บริษัทกระทำความผิดทางอาญา

ในกรณีที่บริษัทกระทำความผิดทางอาญานั้น ตามหลักกฎหมายอาญา บุคคลจะต้องรับโทษทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในการกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ เมื่อบริษัทเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นเป็นคนละคนกับบริษัท 

เมื่อผู้ถือหุ้นไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดจึงไม่ต้องรับผิด เว้นแต่ผู้ถือหุ้นจะเป็นกรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารจัดการบริษัท ที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดด้วยเมื่อบริษัทที่เป็นนิติบุคคลกระทำความผิด.