นิติศาสตร์ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า Show ตั้งกระทู้ใหม่ ตั้งกระทู้ใหม่
คนนอกอยากเข้า เพราะยังไม่รู้ข้อมูลจริงๆ ขออนุญาตเล่าตามประสบการณ์ที่เคยอยู่ในวงการยุติธรรมมาหลายสิบปี เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากเงินเดือนผู้พิพากษา อัยการไม่มาก เป็น เงินเดือนแสนกว่าบาท ก็เริ่มมีคนสนใจเรียนนิติศาสตร์เพิ่มมากขึ้น สมัยก่อนคนเรียนนิติศาสตร์ยังไม่มาก มี 3 - 4 สถาบันที่คนรู้จัก เช่น จุฬา ธรรมศาสตร์ รามฯ สุโขทัยฯ จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ สมัครวิสามัญสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา ก็เสียเงินเเลือกเป็นทนายชั่วคราว หรือตลอดชีพได้ ไม่ต้องอบรม ไม่ต้องสอบ เพราะช่วงนั้นยังไม่ได้มีการหาเงินเข้าสภาทนายมากเหมือนปัจจุบันนี้ ถ้ามีตั๋วทนายแล้ว ก็ต้องหาสำนักงานทนายความเข้าทำงานเพื่อได้ประสบการณ์ สำนักทนายจะรับคนเข้าใหม่เฉพาะลูก หลานคนในสำนัก หรือคนที่มีบุญคุณฝากมา ถึงจะรับ เพราะพวกทนายใหม่ พอทำงานมีประสบการณ์ 3-5 ปี ก็จะออกไปตั้งสำนักงานเอง ดึงลูกค้าบางส่วนไปด้วย เริ่มทำงานใหม่ๆ ทนายจะไม่มีเงินเดือน ค่าจ้างเลย แม้แต่บาทเดียว เพราะต้องการหาความรู้เอง เจอลูกพี่ใจดี ให้ไปยื่นคำร้อง คำแถลงที่ศาล ก็จะให้เงินค่ารถเมล์ 100 บาท ลูกพี่บางคนไม่ให้เงินเลยก็มี ทนายใหม่ และผู้จบนิติศาสตร์ส่วนใหญ่จะหาสอบงานราชการไว้ด้วย เพราะงานเอกชนมีน้อย และไม่มั่นคง เอาที่เด่นๆรับคนจำนวนมาก คือ 1.ปลัดอำเภอ 2.พัฒนากร 3.ตำรวจ 4.ทหาร 5. ก.พ.และส่วนราชการต่างๆ 6.รัฐวิสาหกิจ 7.ธนาคาร(เอกชน) ส่วนพวกมีเงิน ฐานะทางบ้านดี ลูกพ่อค้า ลูก ส.ส. ลูกทนายความ ลูกข้าราชการ ลูกผู้พิพากษา/อัยการ ก็เรียนให้เรียนต่อจนจบเนติฯอาจจะ 1 ปี หรือ 2 ปี หรือ 3 ปี แล้วแต่คุณภาพของคนสอบ จบแล้วทำงานในวงการกฎหมาย 2 ปี รอสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา อัยการ สมัยนั้นสอบได้จำนวนเป็นร้อย มีบางปีปล่อยผีได้ประมาณ 500 คนก็มี บางคนสอบปีเดียวติดก็มี บางคน 2-3 ปีถึงติด สมัยนี้คนเรียนนิติศาสตร์ มีจำนวนเท่าใด ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีจำนวนมาก มีสถาบันสอนนิติศาสตร์เยอะแยะไปหมด ทั้ง ม.รัฐ และ ม.เอกชน แข่งกันเปิด เพราะตลาดมีความต้องการมาก(ต้องการเรียน) การลงทุนถูก ค่าใช้จ่ายดำเนินการเปิดสอนนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยน้อยมากเมื่อเทียบกับคณะอื่นๆ พวกสายวิทยาศาสตร์ ขอยกตัวอย่าง ม.รัฐที่ผลิตนิติศาสตร์บัณฑิตเยอะๆ เช่น รามฯ ราชภัฏทั่วประเทศ สุโขทัย ส่วน ม.เอกชนทั่วประเทศ ก็รับไม่อั้น เพราะรายได้เข้ามหาลัยดีมาก จบปริญญาตรีนิติศาสตร์แล้ว ก็ยังเป็นทนายไม่ได้ ต้องเสียเงินค่าอบรม สอบให้ผ่านก่อน ถ้าสอบผ่านแล้ว เสียเงินสมัครวิสามัญสมาชิกเนติฯ เสียค่าจดทะเบียนเป็นทนาย 800 บาท เสียค่าตั๋วทนายชั่วคราว 2 ปี 800 บาท ตั๋วทนายตลอดชีพ 4,000 บาท(เสียเงินทั้งหมดให้สภาทนายไม่ใช่น้อย) เป็นทนายแล้ว ก็ยังหาสำนักลงไม่ได้ เพราะพ่อแม่ไม่มีพรรคพวกเป็นเจ้าสำนัก จึงต้องไปสมัครเป็นลูกจ้างชั่วคราวตามส่วนราชการก่อน ถ้าลูกมีพ่อแม่เป็นผู้พิพากษา ก็อาจจะฝากเข้าเป็นลูกจ้างชั่่วคราว นิติกรตามศาลต่างๆได้ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา(ถ้าเส้นใหญ่ชอบศาลฎีกา) เพื่อให้ได้คุณสมบัติ รอสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา อัยการต่อไป แต่ก็ไม่รู้จะสอบติดอีกกี่ปี เพราะจะมีผู้สอบติดปีละไม่กี่คน น้อยมาก มีบางปีได้ 6 คนก็มี พวกสอบไม่ได้ ก็ต้องรอสอบไปเรื่อยๆ ทุกปีก็มีคนสะสมเพิ่มจำนวนคู่แข่งขันมากขึ้นไปเรื่อยๆ มีบางคนสอบ 3 ปี ก็ยังไม่ติดเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา อัยการ ถ้าคนไม่มีงานทำ ก็ถอดใจ ถูกทางบ้านด่าทุกวัน ก็ต้องไปหางานทำ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับสายงานก็ได้ สมัยก่อน ตำแหน่งนิติกรลูกจ้างชั่วคราวในศาลยุติธรรม เด็กนิติศาสตร์ จุฬา ธรรมศาสตร์ ไม่ค่อยสนใจมาสมัคร มีแต่เด็กนิติฯรามฯมาสมัครทั้งนั้น ต่อมาเด็กรามฯ ก็สอบเป็นผู้พิพากษา อัยการได้หลายคน สมัยปัจจุบันนี้ มีเด็กนิติศาสตร์จุฬา ธรรมศาสตร์ รามฯ และอื่นๆ ทุกสถาบันมาสมัครสอบเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งนิติกร ครั้งละจำนวนมากๆ แต่รับไม่กี่คนเอง เคยเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ ถามเด็กว่า ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีงานวิชาการอะไรทำ ส่วนมากจะเป็นงานช่วยขนของ โต๊ะ เก้าอี้ ถ่ายเอกสาร ค้นหาเอกสาร ส่งเอกสาร ฯลฯ ทำได้หรือไม่ ทุกคนบอกทำได้ ทุกคนต้องการทำงาน แม้เงินเดือนน้อย สวัสดิการไม่มีเหมือนข้าราชการ ความจริงมีรายละเอียดมากกว่านี้ แต่ขออนุญาตเล่าประสบการณ์คร่าวๆ เพียงเท่านี้ แล้วพิจารณาเอาเอง สรุป เรียนอะไรก็ได้ ขอให้จบมาแล้วมีงานทำ ไม่ตกงาน กัลย์ 1 ก.ย. 59 เวลา 11:10 น.1 like 45,849 views Facebook Twitter รายชื่อผู้ถูกใจกระทู้นี้ คนยกเลิก เห็นด้วยครับเด็กม.6จำนวนมากคงคิดว่าอยากเป็นผู้พิพากษา อัยการ เห็นว่าเท่สวัสดิการดี เลยเเห่กันมาเรียน เด็กพวกนี้ยังไม่เคยสมัครงาน ยังไม่เคยรู้ว่าการสอบเข้างานในตำเเหน่งอัยการผูพิพากษามันเเข่งกันสูงขนาดไหน
-อาชีพแพทย์/ทันตะ กำลังเรียน ม.6 สอบติดแพทย์/ทันตะ รู้เลยว่าอีก 6 ปีข้างหน้า จะต้องทำงานเป็นแพทย์/ทันตะ ตามสัญญาใช้ทุนที่ทำไว้(รู้อนาคต)
หลายคนคงได้อ่านบทความที่ลิงค์ไว้แล้ว มีบางส่วนข้อมูลอาจจะเปลี่ยนแปลงแล้ว เช่น อำนาจ หน้าที่ บารมี ของเจ้าหน้าที่อื่นๆ(จบนิติศาสตร์) ที่ไม่ใช่ผู้พิพากษา การสอบแข่งขันเป็นผู้พิพากษาเข้มข้นขึ้นมากกว่าเดิม ยากมากกว่าเดิม และมีข้อมูลบางส่วนถูกต้อง ใกล้เคียงกับความจริงมาก สงสัยคงได้รับข้อมูลจากผู้พิพากษา เช่น ผู้พิพากษที่ฐานะดี ผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ วางแผนให้ลูกเป็นผู้พิพากษาทางลัด นิยมส่งลูกที่จบ ป.ตรี นิติศาสตร์ไทยแล้ว ไปเรียนต่อต่างประเทศใช้เงินประมาณ 4-5 ล้านบาท จบง่ายกว่าปริญญาโทกฎหมายในไทย(ม.ธรรมศาสตร์) ให้ได้คุณวุฒิตามที่ กต.กำหนด เพื่อสอบสนามเล็ก สนามจิ๋ว ง่ายกว่า ไม่อยากสอบสนามใหญ่แข่งกับลูกชาวบ้าน ประชาชนทั่วไปที่เก่งๆ
เคยเห็นนิติกร ข้าราชการศาลยุติธรรม ระดับ 5 คนหนึ่ง สอบผู้พิพากษาหลายครั้งแล้ว ยังไม่ติด
มีเพืื่อนเป็นทนายความ ผ่านเนติฯตั้งแต่หนุ่มๆ สอบผู้พิพากษาตั้งแต่มีคุณสมบัติครบ จนถึงอายุ 56 ปี เปิดสอบผู้พิพากษาทุกครั้ง จะสมัครสอบทุกครั้ง แต่สมัครจำนวนกี่ครั้งแล้ว นับครั้งไม่ได้ จำไม่ได้ รู้แต่ว่าได้บริจาคเงินให้สำนักงานศาลยุติธรรม หลายหมื่นบาทแล้ว ยังสอบไม่ติดเลย ปัจจุบันนี้อายุน่าจะใกล้ 60 ปี อายุมากแล้ว คงจะถอดใจไม่สมัครอีกแล้ว
จบเนติบัณฑิต ทํางานอะไรได้บ้างเรียนจบคณะนิติศาสตร์ทำงานอะไรได้บ้าง. ทนายความ. ที่ปรึกษาทางกฎหมาย. ผู้พิพากษา. พนักงานอัยการ. นิติกร. งานราชการ. งานธนาคาร. อาจารย์พิเศษ. ทำงานเกี่ยวกับกฎหมายเงินเดือนเท่าไหร่ผู้จัดการฝ่ายกฎหมาย (มีประสบการณ์ มากกว่า 5 ปี) เงินเดือนประมาณ 60,000 - 200,000 บาท ถ้าหากเก่งภาษา สามารถใช้ในการทำงานได้ ก็จะสามารถอัพเกรดเงินเดือนเพิ่มขึ้นได้อีกเยอะเลยหละครับ
จบนิติศาสตร์ ทํางานราชการอะไรได้บ้างข้าราชการ: ปลัดอำเภอ/ตำรวจ/ทหาร/พระธรรมนูญศาลทหาร/นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ - ที่ปรึกษากฎหมาย – นักวิชาการ - อาจารย์ - เจ้าของกิจการสำนักงานที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
ทํางานในศาล ต้องเรียนอะไรหลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์แล้วไม่ว่าจะเป็นมหาวิทาลัยไหนก็ตาม เราก็ต้องมาสอบเพื่อเอาใบอนุญาตว่าความ (เพื่อทำงานทางด้านว่าความในศาลได้) โดยการสอบใบอนุญาตดังกล่าวจะต้องมีการสอบทั้งทางภาคทฤษฏี และ ภาคปฏิบัติควบคู่กันด้วย ถ้าใครสอบยังไม่ผ่านหรือเลือกที่จะไม่สอบ(ซึ่งไม่ควรเลือก) เราสามารถไปเลือกทำงานทาง ...
|