โครงสร้างองค์กรORGANIZATION STRUCTUREปัจจุบันองค์กรต่างๆ ที่ดำเนินกิจการมาได้ระยะหนึ่งมักต้องผ่านการออกแบบโครงสร้างองค์กรและการจัดผังองค์กรใหม่ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง การนำกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ มาใช้ในองค์กรเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งนี้ ทำให้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนองค์ประกอบหลักของโครงสร้างองค์กรที่ดี ควรประกอบด้วย
ที่ปรึกษา A&A ให้บริการออกแบบโครงสร้างองค์กร (Organization Structure) และดำเนินการจัดทำผังองค์กร (Organization Chart) โดยมีวิธีการดำเนินการ ดังนี้
(Types of organizational structure) การจัดโครงสร้างขององค์การมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย ดังนั้นผู้จัดการหรือผู้บริหารจะนำแนวทางการจัดโครงสร้างองค์การไปใช้ในองค์การ ต้องพิจารณาจากขนาดขององค์การ ประเภทขององค์การ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ การจัดโครงสร้างองค์การมี ดังนี้ 3.1 การจัดโครงสร้างองค์การตามหน้าที่ เป็นการจัดโครงสร้างขององค์การ โดยคำนึงถึงหน้าที่ของงานเป็นสำคัญ โดยจัดกลุ่มบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ ที่คล้ายคลึงกันหรือใกล้เคียงกันให้ทำหน้าที่มีลักษณะเหมือนกัน เป็นโครงสร้างการจัดองค์การ ที่ได้รับความนิยมมานาน เป็นการจัดองค์การแบบเก่าแก่ที่สุด และยังเป็นมาตรฐานโครงสร้างที่มักถูกนำไปผสมผสานกับการจัดองค์การในรูปแบบโครงสร้างอื่น ๆ ตามขนาดและความจำเป็น บุคลากรในกลุ่มหรือในแผนกงานจะร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์ ความคิด เทคนิคการทำงาน และความสนใจ ภาพที่ 6.5 โครงสร้างองค์การตามหน้าที่ การจัดโครงสร้างตามหน้าที่มีข้อดีและข้อเสีย 3.1.1 ข้อดี ของการจัดโครงสร้างองค์การแบบตามหน้าที่ คือ 3.1.1.1 ทำให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ในการใช้ทรัพยากรขององค์การคือ คน เงิน เครื่องจักร และ วัตถุดิบ 3.1.1.2 ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน ของแต่ละหน้าที่เพราะแต่ละคนทำหน้าที่ของตนด้วยความรู้ ความสามารถ 3.1.1.3 ทำให้เกิดความชำนาญเฉพาะด้านเพราะแต่ละคนได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ 3.1.1.4 การแก้ปัญหาการทำงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 3.1.1.5 การบริหารงานไม่ซ้ำซ้อน เนื่องจากผู้จัดการให้แบ่งหน้าที่ที่ชัดเจนให้แก่พนักงาน 3.1.1.6 ผู้บริหารงานระดับสูงสามารถควบคุมการทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง 3.1.2 ข้อเสีย ของการจัดโครงสร้างองค์การตามหน้าที่ คือ 3.1.2.1 บุคลากรในแต่ละหน้าที่ อาจให้ความสนใจเฉพาะหน้าที่หลักของตนเองโดยขาดการมองถึงวัตถุประสงค์รวมขององค์การ เช่นทำงานด้านการบัญชี ก็ทำแต่งานด้านบัญชี เป็นต้น 3.1.2.2 ผู้บริหารแต่ละคนมีความถนัด และ ความชำนาญในงานของตนมาก ทำให้แนวความคิดแคบ 3.1.2.3 การพัฒนาบุคคลเพื่อรองรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงทำได้ยากเนื่องจากพนักงานแต่ละคนรู้แต่หน้าที่ของตน แต่ไม่รู้การทำงานด้านอื่น ๆ 3.1.2.4 การประสานงานระหว่างแผนกงานมีน้อย 3.1.2.5 ความรับผิดชอบทางด้านทำกำไรอยู่ที่ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น 3.2 การจัดโครงสร้างองค์การตามผลิตภัณฑ์ (Product structures) เป็น การจัดองค์การตามกลุ่มของผลิตภัณฑ์หรือบริการ มีผู้จัดการผลิตภัณฑ์หนึ่ง ๆ รับผิดชอบในการจัดการเกี่ยวกับกิจการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการนั้น ๆ โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าตามผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์นั้นต้องมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ภาพที่ 6.6 โครงสร้างองค์การตามผลิตภัณฑ์ การจัดโครงสร้างองค์การตามผลิตภัณฑ์หรือบริการ มีข้อดีและข้อเสีย คือ 3.2.1 ข้อดีของ การจัดโครงสร้างองค์การตามผลิตภัณฑ์หรือบริการ คือ 3.2.1.1 ผลิตภัณฑ์ หรือ บริการ ทุกชนิดที่ธุรกิจผลิตขึ้นมา จะได้รับความสนใจจากผู้บริหารอย่างทั่วถึง เนื่องจากต้องรับผิดชอบทุกอย่าง เช่น การสั่งซื้อ ดูแล และจำหน่าย สินค้า เป็นต้น 3.2.1.2 ความรับผิดชอบเกี่ยวกับกำไรจะอยู่ในระดับแผนก 3.2.1.3 การประสานงานในแผนกต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์หรือบริการ จะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ 3.2.1.4 การฝึกอบรมเตรียมบุคลากรที่จะเป็นผู้บริหารระดับสูงทำได้ง่าย 3.2.1.5 โอกาสที่จะมีการขยายตัวของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีมาก 3.2.2 ข้อเสียของการจัดโครงสร้างองค์การตามผลิตภัณฑ์ 3.2.2.1 ต้องใช้ ทรัพยากรเพิ่มมากขึ้นในการปฏิบัติงานตามผลิตภัณฑ์ 3.2.2.2 เกิดความซ้ำซ้อนของ ทรัพยากร และวัสดุอุปกรณ์ 3.2.2.3 แนวโน้มการใช้บริการจากส่วนกลางเป็นไปได้ยาก 3.2.2.4 ผู้บริหารมีภาระมาก ในการประสานงานและ ควบคุมฝ่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ 3.3 การจัดโครงสร้างองค์การตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ (Geographical structures) เป็นรวมกลุ่มของบุคลากร และงานที่ทำร่วมกันในเขตหรือพื้นที่เดียวกัน จึงแบ่งหน่วยงานตามพื้นที่ โดยหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งจะมีผู้จัดการหรือผู้บริหารรับผิดชอบกิจกรรมทุกอย่างในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งขอบเขตการรับผิดชอบของผู้จัดการหน่วยงานตามพื้นที่ จะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับองค์การที่เป็นศูนย์กลางการจัดองค์การแบบนี้ทำให้สินค้าสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง บริษัทที่มีเครือข่ายหรือมีสาขาทั่วโลก มักนิยมจัดแผนกงานหรือหน่วยงานเช่นนี้ ภาพที่ 6.7 โครงสร้างองค์การตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ การจัดโครงสร้างองค์การตามพื้นที่ภูมิศาสตร์มีข้อดีข้อเสีย คือ 3.3.1 ข้อดีของการจัดโครงสร้างองค์การตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ 3.3.1.1 ทำให้องค์การมีโอกาสในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้ดีเท่าที่จะมีให้ เฉพาะผู้ที่อยู่ในส่วนกลางเท่านั้น 3.3.1.2 ทำให้เกิดการประหยัดในแง่ของการขนส่งและการผลิต 3.3.1.3 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ เพื่อแข่งขันในแต่ละเขตพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว 3.3.1.4 เปิดโอกาสให้ผู้บริการมองลู่ทางที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในแต่ละเขตพื้นที่ 3.3.1.5 ทำให้ผู้บริหารในเขตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เกิดความรู้เชี่ยวชาญในเขตพื้นที่นั้น ๆ 3.3.1.6 ทำให้เกิดการจ้างแรงงานในเขตพื้นที่นั้น ๆ 3.3.2 ข้อเสียของการจัดโครงสร้างองค์การตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ 3.3.2.1 เกิดปัญหาในการประสานงานและการควบคุม เพราะเขตพื้นที่ กระจัดกระจาย 3.3.2.2 ต้องการผู้บริหารที่มีความสามารถหลายคน เพราะมีสาขาหลาย ๆ พื้นที่ 3.3.2.3 เป็นปัญหาในการควบคุมให้กับผู้บริหารระดับสูง เพราะเขตพื้นที่มีหลาย ๆ แห่ง 3.4 การจัดโครงสร้างองค์การตามกลุ่มลูกค้า (Customers structure) เป็นการจัดกลุ่มบุคลากร และงานที่ให้บริการลูกค้าประเภทเดียวกันเข้าไว้ด้วยกัน โดยองค์การมีลูกค้าหลายประเภท จึงจัดแผนกงานแยกออกจากกัน โดยแต่ละแผนกงานได้จัดแยกตามประเภทของลูกค้า และมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญทำหน้าที่ให้บริการต่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม ภาพที่ 6.8 โครงสร้างองค์การตามกลุ่มลูกค้า การจัดโครงสร้างองค์การตามกลุ่มลูกค้ามีข้อดีและข้อเสีย คือ 3.4.1 ข้อดีของการจัดโครงสร้างองค์การตามกลุ่มลูกค้า 3.4.1.1 องค์การสามารถทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ เป็นอย่างดี 3.4.1.2 ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อบริการที่ได้รับ 3.4.1.3 เป็นการพัฒนาให้มีผู้เชี่ยวชาญในการเสนอขายให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ 3.4.2 ข้อเสียของการจัดโครงสร้างองค์การตามกลุ่มลูกค้า 3.4.2.1 การประสานงานทำได้ยาก เพราะมีการแข่งขันกันระหว่างการทำงานต่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม 3.4.2.2 ขาดการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างหน่วยงาน เพราะต้องแบ่งตามลูกค้า 3.5 การจัดโครงสร้างองค์การตามกระบวนการ (Process structures) เป็นการรวมกลุ่มของกิจกรรม ตามกระบวนการผลิต หรือการใช้เครื่องมือเครื่องจักร ซึ่ง โดยทั่วไปแล้วมักจะนำไปใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ โดยพิจารณาในกระบวนการแปรรูปจากทรัพยากรไปเป็นสินค้าและบริการ หรือเป็นกิจกรรมที่นำมารวมกัน โดยมีลักษณะที่ต่อเนื่องในกระบวนการเดียวกัน ภาพที่ 6.9 โครงสร้างองค์การตามกระบวนการ การจัดโครงสร้างองค์การตามกระบวนการมีข้อดีและข้อเสีย คือ 3.5.1 ข้อดีของการจัดโครงสร้างองค์การตามกระบวนการ 3.5.1.1 ทำให้เกิดผู้ชำนาญการอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้ทำงานด้านที่ชำนาญ 3.5.1.2 ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานตลอดกระบวนการ 3.5.1.3 เกิดการติดต่อสื่อสารและประสานงานกันอย่างดีได้ 3.5.2 ข้อเสียของการจัดโครงสร้างองค์การตามกระบวนการ 3.5.2.1 การขาดความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน อันเนื่องมาจากการที่บุคลากร มีความชำนาญเฉพาะด้านที่เจาะจง 3.5.2.2 การฝึกหัดบุคลากรที่จะเข้ามาทำงาน ต้องอาศัยเวลานานพอสมควร 3.6 การจัดโครงสร้างองค์การแบบผสม (Hybrid organization) เป็นการจัดองค์การโดยการนำแต่ละโครงสร้างมาผสมกันเช่น โครงสร้างองค์การตามหน้าที่และโครงสร้างองค์การตามผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งการจัดโครงสร้างองค์การแบบผสม ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับลักษณะขององค์การ ภาพที่ 6.10 โครงสร้างองค์การแบบผสม 3.7 การจัดโครงสร้างองค์การแบบแมกทริกซ์ (Matrix organization) เป็นการจัดโครงสร้างองค์การแบบแบ่งพนักงาน ต้องทำงานสองอย่างคือ งานในหน้าที่โดยตรงกับงานโครงการ จึงทำให้พนักงานมีเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชาถึงสองคน มีการจัดโครงสร้างองค์การแบบแมกทริกซ์ ภาพที่ 6.11 โครงสร้างองค์การแบบแมกทริกซ์ การจัดองค์การแบบแมกทริกซ์มีข้อดีและข้อเสีย คือ 3.7.1 ข้อดีของการจัดโครงสร้างองค์การแบบแมกทริกซ์ 3.7.1.1 มีความยืดหยุ่นในการเพิ่ม ลด เปลี่ยนพนักงานได้สะดวกตามความต้องการของแต่ละโครงการ 3.7.1.2 การทำงานตามโครงการสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เกี่ยวข้องได้ดีและรวดเร็ว 3.7.1.3 ฝ่ายโครงการต้องรายงานของความก้าวหน้าทุกโครงการให้แก่ผู้บริหารระดับสูงทราบทุกระยะ 3.7.1.4 การตัดสินใจของพนักงานมีความละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น เพราะทำงานเป็นทีมมีข้อมูลพร้อมอยู่ ตลอดเวลา 3.7.1.5 ผู้บริหารระดับสูงมีเวลาในการบริหารมากขึ้น ไม่ต้องลงไปตัดสินใจในปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน 3.7.2 ข้อเสียของการจัดโครงสร้างองค์การแบบแมกทริกซ์ 3.7.2.1 พนักงานเกิดความสับสนหรือเกิดความไม่แน่ใจในการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาถึงสองคน 3.7.2.2 ถ้าหากพนักงานใช้อำนาจกลุ่มทีมงานไปในทางไม่เกิดผลประโยชน์ต่อองค์การ ทำให้งานไม่บรรลุ เป้าหมายขององค์การได้ 3.7.2.3 การจัดองค์การแบบแมกทริกซ์ให้ความเป็นประชาธิปไตยแก่พนักงานมากเกินไปงานจึงล่าช้าหรือ ยากที่จะนำไปปฏิบัติได้ 3.7.2.4 ค่าใช้จ่ายขององค์การเพิ่มขึ้นเพราะต้องมีโครงการและเงินเดือนของผู้จัดการฝ่ายโครงการอีกด้วย |