ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

Skip to content

ตัวแทน และ นายหน้า ในทางประกันภัย แตกต่างกันอย่างไร

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยทำประกันภัยเลย ซึ่งคำหรือชื่อเรียกของตัวแทน และ นายหน้านี้ ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่ให้เกิดความสับสนขึ้นได้ เราจึงขอทำการให้ข้อมูลดังนี้ครับ

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

ตัวแทน

  • ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ ที่ใช้บังคับและควบคุมตัวแทน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย ( คปภ ) จะน้อยกว่าที่ใช้ควบคุมนายหน้า
  • ในทางกฎหมายจะใช้คำว่าทำหน้าที่ชักชวน ให้บุคคลมาทำประกันภัย คำว่า ” ชักชวน” ในที่นี้ก็จะให้ภาพที่ตัวแทนค่อนข้างมีความสนิทสนมกับลูกค้าเป้าหมาย และทำการแนะนำ ชักชวน ให้มาทำประกันผ่านเขา
  • มีเพียงตัวแทนประกันภัยที่เป็นบุคคลเท่านั้น ตัวแทนไม่สามารถทำเป็นนิติบุคคล หรือในรูปแบบบริษัทได้
  • จะสังกัดบริษัทประกันภัย เพียงบริษัทประกันเดียว ( โดยเฉพาะประกันชีวิตจะเห็นได้ชัดเจน ) ดังนั้นแบบกรมธรรม์ที่ตัวแทนขาย ก็มาจากบริษัทประกันภัย บริษัทเดียวเท่านั้น
  • การดำเนินงานใดก็ตามของตัวแทนในนามบริษัทประกันภัย ถ้าเกิดความผิดพลาดหรือเสียหาย บริษัทประกันภัยที่ตัวแทนที่สังกัดจะมีส่วนร่วมรับผิดชอบตามกฎหมาย
  • จะเน้นการขาย โดยใช้ความสัมพันธ์ ส่วนบุคคล ( Relationship ) เพราะลูกค้ามีความสนิทสนมเชื่อใจกัน
  • ชั่วโมงในการอบรมความรู้ทางด้านประกันภัย ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อขอต่ออายุใบอนุญาตตัวแทน จะน้อยกว่า

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

นายหน้า 

  • ข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ ที่ใช้บังคับและควบคุมนายหน้า โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย ( คปภ ) จะมากกว่าที่ใช้ควบคุมตัวแทน
  • ในทางกฎหมายจะใช้คำว่าทำหน้าที่ชี้ช่องให้บุคคลมาทำประกันภัย คำว่า ” ชี้ช่อง ” ในที่นี้ก็จะให้ภาพที่นายหน้าจะมีทางเลือกและชี้ช่องทางที่คิดว่าแบบประกันเหมาะสมกับเป้าหมายที่สุด
  • นายหน้าสามารถสังกัดได้หลายบริษัทประกันภัย ดังนั้นรูปแบบกรมธรรม์ที่นำเสนอลูกค้า ก็จะมีความหลากหลายมากว่า
  • นายหน้าประกันภัย สามารถมีได้ทั้ง นายหน้าบุคคล และนายหน้านิติบุคคล ( ประกอบด้วยนายหน้าบุคคล 5 คน มารวมตัวกัน ) ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะเป็นรูปบริษัท ซึ่งในการจัดตั้งจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด และถูกควบคุมการดำเนินงานที่เข้มงวด
  • เนื่องจากสังกัดหลายบริษัทประกันภัย นายหน้าประกันภัยจึงต้องมีความรู้ความเข้าในแบบประกันภัยที่ลึกซึ้ง เพราะต้องคัดสรรและเลือกแบบประกันที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย
  • ในการต่ออายุใบอนุญาต จะต้องมีการเก็บชั่วโมงในการอบรมที่มากกว่าตัวแทน

สรุป .. สำหรับลูกค้าที่จะเริ่มต้นทำประกันภัย อาจจะต้องเลือกหรือชั่งใจก่อนทำประกัน ว่าจะเลือกทำประกันโดย ผ่านตัวแทน หรือจะทำประกันผ่านนายหน้า

ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับความสบายใจของลูกค้าที่ทำประกันเองด้วย ว่าเลือกทำประกันผ่านใครแล้วสบายใจ ไว้ใจใครมากกว่า หรือ มองเห็นข้อดี , ประโยชน์ในการเลือกทำกับใครมากกว่า รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจในเรื่องประกันภัยของลูกค้าที่ทำประกันภัย ก็มีส่วนช่วยในการตัดสินใจด้วยครับ

สนใจทำประกันประเภทต่างๆ สามารถติดต่อเราได้ เพราะเรามีประสบการณ์โดยตรงในการประกันภัย เราสามารถให้คำปรึกษา บริการ และให้คำแนะนำได้

TEL : 02-848-9858-9 , Mobile 083-246-3599 , [email protected] @k.strong ,

Email : [email protected]

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

ภายใต้หลักคิดที่ว่า การที่จะเป็นที่ปรึกษาทางด้านประกันภัยที่ดีนั้น เราจะต้องรู้จริงในแบบประกันแต่ละกรมธรรม์ให้ชัดเจน เข้าใจในความเสี่ยงที่ลูกค้ามี นอกเหนือจากการให้บริการและให้ความรู้ที่จริงใจ มิเช่นนั้นคนขายประกันจะเป็นเพียงคนส่งเอกสาร ที่ไม่สามารถต่อรองผลประโยชน์ให้กับลูกค้าได้เลย จากหลักการคิดดังกล่าว บริษัท เค.สตรองค์ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด จึงถือกำเนิดขึ้น [email protected] : @k.strong Tel: 083-246-3599 Email: [email protected] Social Media: Bandith Tangworachet

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านที่วนเวียนอยู่ในแวดวงอสังหาฯ ย่อมต้องเคยผ่านหูผ่านตา หรือข้องเกี่ยวกับคำว่า “นายหน้าอสังหาฯ” และ “ตัวแทนอสังหาฯ” กันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นแค่เรื่องระหว่าง 2 ฝ่าย คือ ผู้ซื้อกับผู้ขายเสมอไป ในหลายครั้งครา “คนกลาง” นี่แหละ คือผู้ที่เข้ามามีบทบาทในการซื้อขาย แถมยังสามารถดำเนินขั้นตอนต่างๆ ในการซื้อขายได้ตั้งแต่จนจบเลยด้วย

อาจเพราะในปัจจุบัน ทั้งนายหน้าและตัวแทนมักจะรวมร่างอยู่ในคนคนเดียวกัน พร้อมทำทุกอย่างให้คุณได้แบบเสร็จสรรพ จนทำให้หลายคนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว นายหน้ากับตัวแทน ต่างกัน! ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตของอำนาจหน้าที่ ไปจนถึงในแง่ของความรับผิดชอบทางกฎหมาย ตัวแทน นายหน้านั้นไม่เหมือนกัน และความแตกต่างที่ว่านี้ก็คือสิ่งสำคัญที่ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้สนใจซื้อขายอสังหาฯ หรืออยากจะกระโดดเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวกลางกับเค้าบ้าง ก็ควรทำความเข้าใจเอาไว้ให้ดีๆ เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

นายหน้า คืออะไร?

“นายหน้า” หมายถึง บุคคลผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้บุคคล 2 ฝ่าย ได้เข้าทำสัญญากัน โดยสัญหาที่ว่านี้จะเป็นสัญญาอะไรก็ได้ เช่น สัญญาซื้อขาย, สัญญาเช่าซื้อ, สัญญากู้เงิน เป็นต้น และบุคคลที่ได้ตกลงจะให้ค่าบำเหน็จแก่นายหน้าก็จะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบตามที่ได้ตกลงไว้กับนายหน้า ซึ่งตำแหน่งคนกลางที่ว่านี้ก็มีให้พบเห็นได้ในหลากหลายวงการที่ข้องเกี่ยวกับการซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิต, ประกันภัย, หุ้น ฯลฯ

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

เมื่อมีคำว่า “อสังหาริมทรัพย์” มาต่อท้ายคำว่า “นายหน้า” ก็กลายมาเป็นคำว่า “นายหน้าอสังหาฯ” ซึ่งหมายความถึง บุคคลผู้ชี้ช่องให้บุคคล 2 ฝ่ายได้ทำสัญญาซื้อขาย, สัญญาเช่า หรือสัญญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ นั่นเอง ทั้งนี้ คนที่ตกลงเป็นนายหน้าอสังหาฯ นั้นจะเป็นนายหน้าให้ได้กับทั้งฝั่งผู้ซื้อ-ผู้ขาย, ผู้เช่า-ผู้ให้เช่า ก็ได้ทั้งนั้น และเมื่อจัดการทุกอย่างได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับฝั่งผู้ซื้อหรือผู้ขายแล้ว ในทางกฎหมาย นายหน้าอสังหาฯ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินบำเหน็จจากบุคคลที่ตกลงกันไว้นั่นเอง ทั้งนี้ การแต่งตั้งนายหน้านั้น เจ้าของทรัพย์(หรือผู้ที่ต้องการซื้อ) สามารถทำเป็นลายลักษณ์อักษร หรือจะบอกกล่าวทางวาจาก็ได้ กฎหมายไม่ได้กำหนดรูปแบบตายตัวไว้

ประเภทของนายหน้าอสังหาฯ ก็มีอยู่หลายรูปแบบ แต่อาจแบ่งแบบง่ายๆ ได้เป็น

  1. นายหน้าท้องถิ่น นายหน้าประเภทนี้จะเกิดขึ้นผ่านการบอกกล่าวมาจากคนรู้จัก ว่ามีความต้องการที่จะขายหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ ถ้าได้ตามที่ต้องการแล้วจะมีส่วนแบ่งหรือบำเหน็จรางวัลให้ ตัวอย่างเช่น ญาติของคุณมาบอกคุณว่าต้องการขายบ้าน ถ้าขายได้จะให้ส่วนแบ่ง 3% ต่อมาคุณทราบว่าเพื่อนร่วมงานของคุณต้องการซื้อบ้าน คุณจึงเป็นคนกลางผู้ทำหน้าที่จับคู่ความต้องการดังกล่าวของทั้งสองฝ่าย ซึ่งนายหน้าประเภทดังกล่าวนี้นับว่ามีจำนวนเยอะที่สุด แต่โดยมากจะไม่ได้ยึดถือเป็นอาชีพหลักแต่อย่างใด
  2. นายหน้าวิชาชีพ คือนายหน้าที่ทำงานภายใต้องค์กร หรือบริษัท มีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและบริหารงานอย่างจริงจัง เช่น พนักงานขายบ้านหรือคอนโดตามโครงการต่างๆ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “เซลล์” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนายหน้าประเภทนี้มักจะทำงานอยู่ภายใต้สังกัดของบริษัทซึ่งแยกตัวออกมาจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นั่นคือ จะเป็นการเข้ามารับผิดชอบหน้าที่ขายโครงการเพียงอย่างเดียว

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์

ในขณะที่ฝั่งของ “ตัวแทนอสังหาฯ” นั้นจะมีความหมายที่ค่อนข้างตรงตัวพอสมควร คือทำหน้าที่เป็น “ตัวแทนเจ้าของทรัพย์” หรือ “ตัวแทนฝั่งผู้ซื้อ” ไปเลย นั่นคือการมีอำนาจหน้าที่ที่จะจัดกาารแทนเจ้าของทรัพย์(หรือผู้ซื้อ) ไม่ว่าจะเป็นการทำนิติกรรมสัญญาหรือธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ นั้นๆ ไปจนถึงการฟ้องร้องแทนก็ได้เช่นเดียวกัน

ซึ่งอำนาจหน้าที่ที่ว่ามานี้ของตัวแทนนั้น ก็ไม่ได้เป็นการยกขึ้นมาแบบลอยๆ แต่จะต้องมีการทำสัญญาตกลงกันเอาไว้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย รวมถึงเจ้าของทรัพย์(หรือผู้ซื้อ) ยังสามารถที่จะกำหนดขอบเขตของอำนาจหน้าที่ที่จะมอบหมายให้กับตัวแทนได้ด้วย อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ก็จะต้องระบุเอาไว้ให้ชัดเจน สิ่งไหนไม่ได้ตกลงไว้ว่าให้ทำได้ ตัวแทนก็จะไม่มีสิทธิ์ทำการแทน

ตัวอย่างของตัวแทนอสังหาฯ ที่เรามักจะได้เห็นกันโดยทั่วไปก็เช่น ตัวแทนขายของโครงการบ้านหรือคอนโด ซึ่งเป็นผู้ที่จะเข้ามาดำเนินการทำสัญญาต่างๆ กับผู้ซื้อแทนบริษัทเจ้าของโครงการซึ่งเป็นนิติบุคคลนั่นเอง

นายหน้ากับตัวแทน ต่างกัน…

คงจะพอเห็นภาพกันแล้วว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของนายหน้ากับตัวแทน ต่างกัน ซึ่งโดยรวมจะเห็นว่าความรับผิดชอบในทางกฎหมายของตัวแทนนั้นจะมีเยอะกว่านายหน้าอย่างชัดเจน เพราะการเข้าไปทำธุรกรรม หรือนิติกรรมใดๆ แทนบุคคลอื่นได้นั้น ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากบุคคลดังกล่าวเสียก่อน หรือได้รับอนุญาตแล้ว แต่ทำเกินขอบเขต ก็อาจส่งผลเสียหายถึงขนาดโดนฟ้องร้องได้เลยทีเดียว รวมไปจนถึงความรับผิดชอบที่ตัวแทนจะต้องมีต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งด้วย เพราะในฐานะของการเป็นตัวแทนเจ้าของทรัพย์(หรือผู้ซื้อ) เมื่อมีสิทธิ์ฟ้องร้องแทนได้แล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน

ในขณะที่ฝั่งนายหน้านั้น เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องมีความรับผิดชอบใดๆ ต่อฝ่ายเจ้าของทรัพย์(หรือผู้ซื้อ) เลย ไม่ว่าจะมีการตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากข้อตกลงเป็นเพียงแค่การตกลงว่า ถ้านายหน้าสามารถหาคนมาซื้ออสังหาฯ ได้ หรือหาอสังหาฯ มาให้ผู้ที่ต้องการได้ ก็จะได้รับค่าบำเหน็จ ถ้าหาไม่ได้ตามนั้น ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่ในทางกลับกัน ถ้านายหน้าสามารถทำตามที่ตกลงไว้ได้ ทางฝั่งเจ้าของทรัพย์(หรือผู้ซื้อ) ต่างหาก ที่จะต้องผลผูกพันธ์ทางกฏหมายในการส่งมอบบำเหน็จให้แก่นายหน้า

ตัวแทนกับนายหน้าแตกต่างกันอย่างไร

ตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์

นายหน้ากับตัวแทน ต่างกันก็จริง แต่ด้วยรูปแบบของเนื้องานที่มีความใกล้เคียงกันมาก ในปัจจุบันคนจึงนิยมทำควบคู่กับไปเสียเลย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อผู้ขายในการดำเนินการซื้อขายตั้งแต่ต้นจนจบ กลายมาเป็นประเภทของนายหน้าที่เรียกกันทั่วไปว่า “ตัวแทนนายหน้า”

โดยในปัจจุบัน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพนี้ก็ได้มีความพยายามที่จะยกระดับของวิชาชีพให้มีความเป็นมาตรฐานมากขึ้น มีการจัดอบรมและสอบใบอนุญาตนายหน้า ที่รับรองโดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดเป็นข้อบังคับว่าคนที่จะทำอาชีพตัวแทนนายหน้าจะต้องมีใบอนุญาตเท่านั้น เพียงแต่มีไว้เพื่อความน่าเชื่อถือ ถึงแม้ไม่มีก็ยังทำได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เคยเป็นตัวแทนอยู่แล้วเรื่องกฎหมายอาจไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับฝั่งของนายหน้านั้น ถ้าไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน ระวังจะเกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ การเข้าอบรมและสอบใบอนุญาตก็จะเป็นอีกหนึ่งใบเบิกทางที่ดีเลยทีเดียว

อ้างอิง :   ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญา, ลักษณะ 16 นายหน้า มาตรา 845-849

Agent Broker ต่างกันยังไง

Broker (โบรคเกอร์) นายหน้า ตัวแทน (Agent) คือ บุคคลที่ทำหน้าที่แทนบริษัท ซึ่งจะมองว่าเป็นคล้ายพนักงานของบริษัทก็ได้ เพราะตัวแทนสามารถทำบริษัทที่ตนสังกัดได้เพียงบริษัทเดียว ดังนั้นในการนำเสนอขายประกัน จึงขายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ตนสังกัดเท่านั้น

ข้อใดเป็นความเหมือนกันของนายหน้าและตัวแทน

ส่วนที่คล้ายคลึงกันของตัวแทนและนายหน้าประกันภัยก็คือ เป็นผู้ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยง หรือเป็นตัวกลางในการประสานงานให้เกิดการทำประกันขึ้นระหว่างผู้เอาประกันภัยและบริษัทประกันภัย ความแตกต่างระหว่างตัวแทนและนายหน้าประกันภัย

นายหน้าเป็นตัวแทนใคร

นายหน้า (Broker) คือ ผู้ทำหน้าที่ชี้ช่องหรือจัดหาช่องทางทำประกันให้กับผู้เอาประกันภัย นายหน้าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ข้อดีของนายหน้าคือมีอิสระในการแนะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทใดก็ได้ ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง

บุคคลที่ทำหน้า Agent คือใคร

ตัวแทน (Agent)คือ บุคคลที่ทำหน้าที่แทนบริษัทซึ่งจะมองว่าเป็นคล้ายพนักงานของบริษัทก็ได้เพราะตัวแทนสามารถทำงานกับบริษัทที่ตนสังกัดได้เพียงบริษัทเดียวดังนั้นในการนำเสนอขายสินค้า จึงขายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ตนสังกัดเท่านั้น