Bts คิด ยัง ไง กับ Blackpink

ที่สามารถเข้ามามีบทบาทในวงการเพลงตะวันตกได้แม้ว่าจะมีเนื้อร้องเป็นภาษาเกาหลีและประโยคภาษาอังกฤษเล็กน้อย ต่างจากเพลง “Nobody” ของ Wonder Girls ปี 2009 ที่แปลงเพลงเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดและได้เข้าไปอยู่ในชาร์ต Billboard และอัลบั้มที่ออกทางการครั้งแรกเป็นภาษาญี่ปุ่น ก็ไม่ได้หยุดกระแสนิยมของวงในเวทีโลกเลย

ความหลากหลาย คือ “หัวใจ”

แต่อย่างไรก็ตาม ฐานแฟนคลับของวงยังคงจำกัดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ เริ่มมีแฟนคลับมากขึ้นในอเมริกา บราซิล และ เม็กซิโก จากข้อมูลการรับชมผ่าน YouTube และ ทัวร์คอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นนั้นมี 8 ประเทศนอกทวีปเอเชีย

ไม่ว่าความสำเร็จของ BlackPink จะมาจากจังหวะเพลงสไตล์ HipHop ประโยคง่ายๆ ภาษาอังกฤษในเพลง หรืออื่นๆ ที่ดันมาถูกใจแฟนคลับทั่วโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ BlackPink มีจุดต่างจากวงอื่นมากก็คือความหลากหลายที่กลายมาเป็น BlackPink สมาชิกของวงต่างมาจากหลายประเทศเช่น เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ ไทย โดยเฉพาะลิซ่า สาวไทยที่เข้ารับคัดเลือกให้เป็นศิลปินฝึกหัดของค่าย YG Entertainment ตั้งแต่อายุ 14 และเป็นสมาชิกที่สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษา ตั้งแต่ไทย เกาหลี อังกฤษ และ ญี่ปุ่น

ด้วยพื้นฐานของวงที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก พวกเรามีความได้เปรียบในการสื่อสารในแต่ละภาษาอย่างอิสระ ฉันคิดว่านี่คือความได้เปรียบที่วงมีมากกว่าวงอื่นในด้านการสื่อสารกับแฟนเพลงในทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ และ เพลงของเรายังมีผู้ฟังที่หลากหลายมาก โดยไม่มีข้อผูกมัดทางเชื้อชาติ อายุ และเพศลิซ่า กล่าวในการสัมภาษณ์ผ่านอีเมลกับ Forbes

คอนเสิร์ต World Tour ครั้งแรกที่จะเกิดขึ้นที่ลอสแอนเจลิสและต่อไปในอเมริกาเหนือ ยุโรป และ ออสเตรเลีย ถือเป็นการเปลี่ยนวงการเพลง mainstream ครั้งแรกในโลกตะวันตก และ BlackPink ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Interscope Records สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ และเป็นศิลปิน K-Pop วงแรกที่ได้แสดงในงานเทศกาลดนตรี Coachella ครั้งแรกในรอบ 20 ปี

มันเหมือนเป็นความฝันเลยที่ได้จัดคอนเสิร์ตที่อเมริกา สิ่งสำคัญที่สุดคือแฟนเพลงจะได้ฟังเพลงของพวกเราแบบสด พวกเราต้องการที่จะแสดงเสน่ห์ของ BlackPink จากเสียงร้องและการแสดงของพวกเราเท่านั้น เวทีที่พวกเราหายใจร่วมกับแฟนเพลง การแสดงสดที่คนดูมีส่วนร่วมในการแสดงออกทันทีทันใดจากการสัมภาษณ์ของวงผ่านอีเมล

ความภูมิใจของพลัง “เกิร์ล” ที่ไม่ต้องแบ๊ว 

คาแร็กเตอร์ของทั้ง 4 สาว รวมทั้งแนวเพลงป๊อป ผสาน ฮิพ-ฮ็อพ ดูเหมือนจะตรงกับความสนใจของคนในยุคนี้ ซึ่งแนวเพลงแบบนี้ ถ้าฮิตติดหูก็จะติดหูไปเลย ถึงแม้ว่าเราจะฟังภาษาเกาหลีไม่ออกแต่ท่อนฮุคของเพลง Ddu-du Ddu-du ที่ดูเหมือนจะเป็นการทำเสียงเลียนเสียงดนตรีมากกว่า ก็ทำให้ข้ามขีดจำกัดทางภาษาไปเลย โดยเบื้องหลังผลงานเพลงส่วนใหญ่ของวงนี้ หัวใจอยู่ที่โปรดิวเซอร์มือดีที่ชื่อว่า Teddy ซึ่งเคยอยู่เบื้องหลังวง 2ne1 มาทำให้นั่นเอง 

นอกจากนี้ลุคของพวกเธอ ที่ดูเป็นเด็กสาวรุ่นใหม่มีความมั่นใจไม่ได้ขายความน่ารักแบบ “แบ๊ว” แต่กลายเป็นพลังเกิร์ลกรุ๊ปที่มั่นใจในตัวเอง อินเตอร์ ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กสาวรุ่นใหม่ ส่วนแฟนคลับผู้ชายก็มีทางเลือกอื่น ที่ไม่ใช่แค่สาวคิวท์เท่านั้น และดูเหมือนว่า BlackPink จะปรากฏตัวขึ้นอย่างถูกที่ ถูกเวลา ในเมื่อช่วงนี้วงผู้หญิงของเกาหลีไม่มีวงไหนที่โดดเด่นขึ้นมาเทียบเท่า หลังจากหมดยุคของ Girl Generation, 2ne1 , 4Minute

ดังทั้งวง และส่วนตัว 

การเปิดตัวของ BlackPink ในปี 2016 จะว่าไปแล้วแฟนๆ รอคอยมานาน กว่าที่ทางค่าย YG จะบ่มเพาะพวกเธอออกมาได้ จนหลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนคลับชาวไทยรอคอยที่จะได้เห็น “ลิซ่า” เดบิวท์ซะดี (แต่ตอนนี้คงต้องบอกว่าคุ้มค่ากับที่รอแล้ว) นอกเหนือจากเรื่องการทำเพลง และหาจังหวะเหมาะเพื่อเปิดตัวพวกเธอ ทางค่ายได้วางเส้นทางให้แต่ละคนมีผลงานส่วนตัวเพื่อสร้างฐานแฟนคลับเอาไว้ก่อน เจนนี่ เคยมีผลงานร่วมกับ G-Dragon, จีซู เคยเผยโฉมให้เห็นในงานโฆษณาและมิวสิควิดีโอ, ลิซ่าเป็นนางแบบและเคยโชว์ความสามารถด้านการเต้นให้กับค่าย ส่วนโรเซ่ ก็เคยทำงานกับ G-Dragon ในเพลง After All

ด้านความสามารถของวงนี้ก็โดดเด่นของทั้ง 4 คน โรเซ่ ได้รับการยอมรับในเรื่องเสียงร้อง เจนนี่กับลิซ่ามีจุดเด่นเรื่องแร๊พ ซึ่งหาได้ยากในวงการที่ผู้หญิงจะแร๊พได้ดี นอกจากนี้ลิซ่ายังถูกเพื่อนๆ ในวงเรียกว่า “เครื่องโคลนนิ่งท่าเต้น” แค่ดูท่าเต้นไม่กี่ครั้งก็เต้นตามได้เป๊ะ นั่นแสดงให้เห็นเรื่องความสามารถในการแด๊นซ์ของเธอ ส่วนจีซูก็มีหน้าตาและบุคลิกภาพที่ชวนมอง