เว็บเบราว์เซอร์ มีอะไรบ้าง

เว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมกูเกิล โครม (Google Chrome) ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและบนสมาร์ตโฟน

ปัจจุบันเว็บเบราว์เซอร์โปรแกรมท่องโลกออนไลน์ถูกพัฒนาขึ้นมาจากหลายบริษัท โดยมีเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมกูเกิล โครม (Google Chrome) ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและบนสมาร์ตโฟน


เว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมกูเกิล โครม (Google Chrome) ในปี 2022 เว็บเบราว์เซอร์กูเกิล โครม (Google Chrome) สัดส่วนผู้ใช้งานทั่วโลก 64.95% การเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2008 พัฒนาโดยภาษา C++ ปัจจุบันรองรับ 47 ภาษาทั่วโลก และได้รับความนิยมสูงสุด


เว็บเบราว์เซอร์ซาฟารี (Safari) ของบริษัทแอปเปิล ในปี 2022 เว็บเบราว์เซอร์ Safari มีสัดส่วนผู้ใช้งานทั่วโลก 19.01% การเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2003 พัฒนาโดยภาษา C++, Objective-C และ Swift รองรับการใช้งานบนผลิตภัณฑ์ของ Apple และระบบปฏิบัติการ Windows ในระหว่างปี 2007–2012


เว็บเบราว์เซอร์ไมโครซอฟท์ เอดจ์ (Microsoft Edge) ของบริษัท Microsoft ในปี 2022 เว็บเบราว์เซอร์ Microsoft Edge มีสัดส่วนผู้ใช้งานทั่วโลก 3.99% การเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2015 พัฒนาโดยภาษา C++, Java และ Swift รองรับการใช้งานบน ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, iPadOS, Linux และ Windows


เว็บเบราว์เซอร์มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ (Mozilla Firefox) ของบริษัท Mozilla Corporation ในปี 2022 เว็บเบราว์เซอร์ Firefox มีสัดส่วนผู้ใช้งานทั่วโลก 3.26% การเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2002 พัฒนาโดยภาษา C++, C, Rust, Assembly และ JavaScript รองรับการใช้งานบน ระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, iPadOS, Linux และ Windows


เว็บเบราว์เซอร์ซัมซุง อินเทอร์เน็ต (Samsung Internet) ของบริษัท Samsung ในปี 2022 เว็บเบราว์เซอร์ Samsung Internet มีสัดส่วนผู้ใช้งานทั่วโลก 2.85% การเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2016 จุดเด่นอยู่ที่การแสดงผลบนสมาร์ตโฟนของบริษัท Samsung ระบบปฏิบัติการ Android


เว็บเบราว์เซอร์โอเปรา (Opera) ของบริษัท Opera ในปี 2022 เว็บเบราว์เซอร์ Opera มีสัดส่วนผู้ใช้งานทั่วโลก 2.85% การเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1995 พัฒนาโดยภาษา C++ เป็นหนึ่งในเว็บเบราว์เซอร์ที่เก่าแก่มากที่สุดที่ยังถูกใช้งานอยู่ รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, macOS, iPadOS, Linux และ Windows


สำหรับอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ (Internet Explorer) อดีตเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมบนระบบปฎิบัติการ WIndows เปิดตัวในปี 1994 เคยมีผู้ใช้งานมากถึง 95% ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเหลือเพียง 0.64% บริษัท Microsoft หยุดซัพพอร์ตระบบในวันที่ 17 สิงหาคม 2022

ปัจจุบันเราต้องใช้งานเว็บไซท์และแอปมากมายที่ต้องทำการ log-in ก่อนเข้าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Hotmail, Steam, Origin, Facebook, iBanking ต่างๆ ฯลฯ จะใส่ Password แต่ละที ก็ใส่ผิดใส่ถูก สลับบัญชีกันบ้าง บางทีใส่จนโดนล็อคบัญชีไปเลยก็โดนกันมาเยอะแล้ว แต่ต่อไปนี้เราอาจจะไม่ต้องนั่งจำรหัสให้วุ่นวายกันอีกต่อไป เพราะ Web browser รวมถึงเว็บไซต์ต่างๆ กำลังจะรองรับการ Log-in ด้วยระบบ Biometric แล้ว

  • เว็บเบราว์เซอร์ มีอะไรบ้าง

    Google Chrome กวาดส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ปี 2020 เกือบ 70% ทิ้งห่าง Microsoft Edge แบบไม่เห็นฝุ่น

    บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต Net Applications ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งการตลาด หรือ Market Share ของเว็บเบราว์เซอร์ต่างๆ ในช่วงปี 2020 พบว่าแชมป์ยังคงเป็นหน้าเก่าอย่าง Google Chrome ที่ปีนี้กวาดส่วนแบ่งไปมากถึง 69.8% ส่วนน้องใหม่ Microsoft Edge โตขึ้นกว่าเดิม มาติดอยู่ที่อันดับสอง แต่ก็ยังนับว่าห่างกับ Chrome แบบไม่เห็นฝุ่น

  • เว็บเบราว์เซอร์ มีอะไรบ้าง

    Chrome ยังเป็นเบราว์เซอร์อันดับ 1 ทั้งมือถือและพีซี ส่วน Safari อาจถูก Edge แซงในไม่ช้า

    StatCounter เปิดเผยรายงานส่วนแบ่งการตลาดเว็บเบราว์เซอร์ฝั่งเดสก์ท็อป ประจำปี 2564 โดย Chrome ยังคงนำโด่งเป็นอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วน 65.38% ทางด้าน Safari มีผู้ใช้งาน 9.84% อยู่ในอันดับสอง แต่ตำแหน่งนี้ดูจะเริ่มสั่นคลอน เมื่อ Edge และ Firefox ไล่บี้มาติด ๆ แล้ว และมีแนวโน้มจะแซงได้ในไม่ช้า

  • เว็บเบราว์เซอร์ มีอะไรบ้าง

    เลิกกินแรมแล้ว ! Google Chrome เดสก์ท็อป เพิ่มโหมดประหยัดแรม และประหยัดแบต เลือกเปิด-ปิดใช้งานได้

    นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ชาวพีซีทุกคนตั้งตารอคอยเลยก็ว่าได้ หลังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งเบราว์เซอร์ที่ครองแชมป์การกินแรมเครื่องหนักมานาน ล่าสุด Google Chome ได้เพิ่มเจอร์ใหม่ขึ้นมา 2 โหมด เป็นทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถเปิดเพื่อลดอัตราการบริโภคทรัพยากรในเครื่องลงได้แล้ว

    คุณสมบัติที่เน้นความปลอดภัย เช่น NoScript, HTTPS Everywhere และข้อมูลที่เข้ารหัส ทำให้ Tor เป็นเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยอย่างน่าทึ่ง
  • Tor สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี และผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซและอ่านโค้ดได้
  • Tor สามารถเข้าถึงเว็บเชิงลึกได้ ซึ่งแตกต่างจากเบราว์เซอร์กระแสหลัก, ไซต์ต่างๆที่ลงท้ายด้วย .onion ก็จะสามารถเห็นได้เมื่อใช้เว็บเบราว์เซอร์ Tor 
  •  
    ข้อเสียของ Tor :

    1. Tor ส่งผ่านการเชื่อมต่อของคุณออกจากหลายโหนด ทำให้การทำงานช้ากว่าเบราว์เซอร์อื่นมาก
    2. ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่สามารถทำงานบน Torได้ เพราะเบราว์เซอร์ Tor บล็อก Javascript และการติดตามสคริปต์ที่ทำให้บางเว็บไซต์หยุดทำงาน และถึงแม้ว่าคุณจะเลือกสคริปต์ที่อนุญาตได้ แต่ก็ยังสามารถส่งผลต่อความปลอดภัยของเบราว์เซอร์ได้
    3. ความเร็วที่ช้าลงของ Tor ไม่เหมาะสำหรับการสตรีม
     

    Brave

    Brave เป็นมืออาชีพในการบล็อกโฆษณาและเครื่องมือติดตามที่ดูดข้อมูล โดยการใช้เบราว์เซอร์ Brave นี้จะช่วยบล็อกโฆษณาติดตามข้อมูลส่วนใหญ่, มีการป้องกัน HTTPS โดยอัตโนมัติ และสามารถโหลดเว็บไซต์ อย่างเช่น ช่องข่าวหลักๆ ได้เร็วกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆเกือบหกเท่า ที่รวมไปถึง Chrome, Safari และ Firefox บนมือถือหรือเดสก์ท็อป
     
    Brave ยังได้รวม Tor เข้ากับคุณสมบัติการท่องเว็บแบบส่วนตัว ดังนั้นคุณจึงสามารถปิดบังตำแหน่งของคุณและซ่อนประวัติอินเทอร์เน็ตของคุณได้
     
    สิ่งที่เราพบว่าน่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Brave คือโปรแกรม Brave Rewards ที่มีความแตกต่างจากเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่ เพราะผู้ใช้ Brave สามารถรับ Basic Attention Tokens (BAT) เพื่อดูโฆษณาที่เคารพความเป็นส่วนตัวได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้ใช้สามารถใช้โทเค็นเหล่านี้เพื่อสนับสนุนผู้สร้างเว็บได้เท่านั้น แต่ Brave ได้มีการอ้างว่า ผู้ใช้จะสามารถใช้โทเค็นของตนในเนื้อหาพรีเมียม, บัตรของขวัญ และอื่นๆได้ในไม่ช้านี้
     

    ข้อดีของ Brave:

    1. Brave ใช้การเชื่อมต่อ HTTPS ที่ปลอดภัย, ไม่รวบรวมหรือขายข้อมูลผู้ใช้ และบล็อกเครื่องมือติดตามโฆษณาโดยอัตโนมัติ
    2. การรวมกันของการบล็อกโฆษณาและตัวติดตามโฆษณา ทำให้ Brave โหลดไซต์ได้เร็วกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ เกือบ 6 เท่า
    3. Brave สร้างขึ้นจาก Chromium ซึ่งเป็นแหล่งโค้ดเดียวกับที่ใช้ใน Chrome
     
    ข้อเสีย Brave cons:

    1. ในขณะที่เบราว์เซอร์อย่างเช่น Chrome, Firefox และ Opera มีส่วนขยายมากมาย แต่ Brave ยังขาดส่วนขยาย, ส่วนเสริม และปลั๊กอินอีกจำนวนมาก แม้ว่าส่วนขยาย Chrome บางส่วนจะใช้งานได้ใน Brave แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าส่วนขยาย Chrome ทั้งหมดจะสามารถมีอยู่ใน Chrome เว็บสโตร์ได้
    2. หากคุณต้องการแลกเปลี่ยนโทเค็น BAT ของคุณด้วยเงินจริง คุณจะต้องมีบัญชีธนาคารที่สอดคล้องกับ KYC และสำหรับใครหลายๆ คน สิ่งนี้สามารถเอาชนะจุดที่ใช้เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยได้
    3. ผู้ใช้เบราว์เซอร์ Brave สามารถท่องเว็บแบบส่วนตัวโดยใช้ Tor ได้ และที่น่าเสียดายคือคุณลักษณะนี้ยังไม่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้เบราว์เซอร์บนมือถือ

    Epic Privacy Browser

    อ้างอิงจาก Epic Privacy Browser: “การเยี่ยมชมเว็บไซต์ 50 อันดับแรกจะติดตั้งไฟล์ติดตามมากกว่า 3,000 ไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ” เพื่อจัดการกับปัญหานี้ Epic ได้กำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลเว็บทั้งหมดผ่านพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่บล็อกสิ่งต่างๆโดยอัตโนมัติ เช่น ตัวติดตามและคุกกี้ นอกจากนี้ยังล้างประวัติการเข้าชมของคุณเมื่อสิ้นสุดการใช้งานในแต่ละเซสชัน
     
    เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น Epic ยังช่วยบล็อกการโทรติดต่อสื่อสารแบบเรียลไทม์บางประเภทที่มีโอกาสรั่วไหลที่อยู่ IP ของคุณแม้ว่าคุณจะใช้พร็อกซีที่เข้ารหัสหรือ VPN ก็ตาม
     

    ข้อดีของ Epic Privacy Browser:

    1. Epic ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่เข้ารหัสเพื่อซ่อนที่อยู่ IP ของคุณและเข้ารหัสการท่องเว็บของคุณ
    2. Epic มาพร้อมกับการป้องกันสคริปต์ติดตามโฆษณาคุกกี้, สคริปต์การขุด cryptocurrency และวิดเจ็ตของบุคคลที่สามในตัว
    3. ใช้ Epic เพื่อ "สอดแนมสายลับ" ตามที่พวกเขาพูด ซึ่งแตกต่างจากเบราว์เซอร์อื่นๆเนื่องจาก Epic ช่วยให้คุณสามารถมองเห็นภายในได้ว่าใครติดตามคุณและตัวติดตามที่เบราว์เซอร์ได้ถูกบล็อกตลอดจนช่วงการเรียกดูแล้ว
     
    ข้อเสีย Epic Privacy Browser:

    1. Epic ไม่มีปลั๊กอิน ซึ่งแตกต่างจากเบราว์เซอร์กระแสหลักอื่นๆ
    2. หากคุณใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน Epic อาจไม่เหมาะกับคุณเนื่องจากตัวจัดการรหัสผ่านทำงานเหมือนปลั๊กอิน
    3. Epic อ้างว่าเป็นข้อมูลแบบเปิด แต่ผู้ใช้กลับไม่สามารถดาวน์โหลดแหล่งโค้ดของเบราว์เซอร์ได้ และในการรับแหล่งโค้ดของเบราว์เซอร์คุณต้องติดต่อทีม Epic ก่อน
     

    Opera

    ด้วยตัวบล็อกโฆษณาในตัวและมี VPN ทำให้ Opera สามารถปกป้องประวัติการท่องเว็บของคุณในขณะเดียวกันก็ช่วยกำจัดโฆษณาที่ไม่มีที่สิ้นสุดบนอินเทอร์เน็ต
     
    นอกเหนือจากคุณสมบัติการปกป้องความเป็นส่วนตัวแล้ว Opera ยังมีคุณสมบัติที่เป็นระเบียบอื่นๆอีกมากมาย อย่างเช่นเมื่อเปิดใช้งานโหมดประหยัดแบตเตอรี่ คุณสามารถท่องเว็บได้นานกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆที่หนักกว่า เช่น Google Chrome และ Microsoft Edge ถึง 35%
     
    “ฉันพบว่าฟีเจอร์ข่าวส่วนตัวของ Opera น่าสนใจที่สุด” โดยมันทำหน้าที่เหมือนฟีด RSS ที่มีผู้รวบรวมข่าวส่วนตัวให้โดยรวบรวมข่าวสารและแสดงให้คุณเห็นในที่เดียว
     

    ข้อดีของ Opera:

    1. Opera มาพร้อมกับ VPN ฟรีที่ช่วยลดการติดตามออนไลน์ และช่วยปกป้องประวัติการท่องเว็บของคุณ
    2. การบล็อกโฆษณาในตัวทำให้หน้าเว็บโหลดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณยังสามารถปลดบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์ใดก็ได้
    3. Opera ช่วยให้คุณสามารถซิงค์บุ๊กมาร์ก, แท็บ และรหัสผ่านในอุปกรณ์หลายเครื่องและรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยโดยใช้โทเค็นที่ไม่ระบุชื่อเพื่อระบุตัวคุณและซิงค์ข้อมูลของคุณได้
     
    ข้อเสีย Opera:

    1. แม้ว่า Opera จะได้รับความนิยมในหมู่คนจำนวนมาก แต่ก็เป็นที่นิยมน้อยกว่าเว็บเบราว์เซอร์ทั่วไป จึงทำให้นักพัฒนาเว็บไซต์ไม่ค่อยตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของตนเข้ากันได้กับเบราว์เซอร์ Opera หรือไม่
    2. ส่วนขยายอาจหาได้ยากใน Opera
    3. Opera ได้รับการอัปเดตทุกๆ 4 - 6 สัปดาห์ ในขณะที่ Chromium ซึ่งเป็นพื้นฐานของ Opera จะได้รับการอัปเดตทุกๆ 2-3 สัปดาห์ สำหรับผู้ใช้ Opera ปัญหาด้านความปลอดภัยใน Chromium อาจยังคงอยู่ใน Opera ซึงอาจเป็นเวลาหลายสัปดาห์กว่าจะถูกค้นพบและได้รับการแก้ไข
     

    Vivaldi

    เช่นเดียวกับเบราว์เซอร์อื่นๆ Vivaldi จะบล็อกไซต์ไม่ให้ติดตามคุณเมื่อคุณเข้าไปยังเว็บนั้นๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติ เช่น ตัวบล็อกโฆษณาในตัวและการซิงค์ที่ปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง
     
    คุณสมบัติที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่ Vivaldi นำเสนอ คือ การซ้อนแท็บ, การเรียงแท็บ และแท็บแบบแนวตั้ง ด้วยการมอบคุณสมบัติการปรับแต่งดังกล่าว Vivaldi ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมวิธีการจัดกลุ่มแสดงและโต้ตอบกับแท็บภายในเว็บเบราว์เซอร์ได้อย่างเต็มที่
     

    ข้อดีของ Vivaldi pros:

    1. Vivaldi นำเสนอการซิงค์ที่ปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง ทำให้ง่ายและปลอดภัยกว่าที่เคยในการซิงค์บุ๊กมาร์ก, รหัสผ่าน และส่วนขยายในอุปกรณ์แต่ละเครื่องของคุณ
    2. Vivaldi ไม่เก็บประวัติเว็บคุกกี้และไฟล์ชั่วคราวของคุณเมื่อคุณเรียกดูในหน้าต่างส่วนตัว
    3. เพื่อให้การท่องเว็บแบบส่วนตัวของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น Vivaldi ให้คุณตั้งค่าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นอื่นเมื่อใช้หน้าต่างส่วนตัว
     
    ข้อเสีย Vivaldi cons:

    1. Vivaldi มีในเวอร์ชัน Android แต่ไม่มีใน iOS 
    2. Vivaldi ไม่ใช่เบราว์เซอร์ที่เร็วที่สุดในโลก แนวโน้มที่จะหยุดนิ่งยังสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้มากพอที่จะกลายเป็นเรื่องร้องเรียนทั่วไป
    3. Vivaldi มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ในบุ๊กมาร์กเริ่มต้น และ Vivaldi ยังได้รับรายได้ส่วนแบ่งจากบุ๊กมาร์กเริ่มต้นบางส่วน ซึ่งหมายความว่า Vivaldi ได้สร้างพื้นที่โฆษณาออกจากพื้นที่บุ๊กมาร์กต่างๆ
     

    Mozilla Firefox

    ตั้งแต่การตั้งค่าความปลอดภัยที่ครอบคลุมไปจนถึงคุณสมบัติที่ดีอย่าง Firefox Lockwise, Mozilla Firefox ที่ทำให้ผู้ใช้พึงพอใจ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยบล็อกตัวติดตามข้อมูลกว่า 2,000 ตัวโดยอัตโนมัติ แต่เบราว์เซอร์จะแจ้งเตือนคุณด้วยหากข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกบุกรุก เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดข้อมูลขององค์กร
     
    เมื่อพูดถึงคุณสมบัติ Firefox Lockwise คุณยังสามารถวางใจในเบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อให้รหัสผ่านของคุณปลอดภัย และด้วยการใช้การเข้ารหัสที่ 256 บิต, Firefox Lockwise จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงรหัสผ่านที่คุณบันทึกไว้ใน Firefox ได้จากทุกที่
     

    ข้อดีของ Firefox:

    1. คุณลักษณะ Firefox Monitor สามารถบอกคุณได้ว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดข้อมูลออนไลน์หรือไม่
    2. Firefox เป็นมืออาชีพในการบล็อกโฆษณาและบล็อกผู้ติดตาม 10,000,000,000 คนในแต่ละวันสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก
    3. Firefox รวบรวมข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนา โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับประวัติการเข้าชมหรือการค้นหาของคุณ นอกจากนี้ข้อมูลยังเชื่อมโยงกับตัวระบุตัวเลขแบบสุ่มแทนที่จะเป็นชื่อหรือบัญชีผู้ใช้ของคุณ และหากคุณไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลใดๆ เลยคุณสามารถปิดมันได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของเบราว์เซอร์
     
    ข้อเสียของ Firefox:

    1. แม้ว่า Mozilla จะนำเสนอบทความและคำถามที่พบบ่อยมากมายสำหรับผู้ใช้ Firefox ที่ต้องการการสนับสนุน แต่การนำทางระบบสนับสนุนนี้อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะไม่เพียงแต่ต้องใช้การคลิกจำนวนมาก แต่ฟอรัมชุมชนก็ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือเท่าที่ควร
    2. Firefox มีส่วนขยายหลายอย่าง แต่ไม่มีมากเท่าเบราว์เซอร์อื่นๆ เช่น Chrome
    3. Firefox ได้รับการอัปเดตทุกเดือน แม้ว่าจะทำให้การอัปเดตเป็นไปตามกำหนดเวลา แต่เบราว์เซอร์อื่นๆ ได้รับการอัปเดตที่บ่อยกว่า
     

    Google Chrome

    Google ไม่ได้เป็นที่รู้จักในเรื่องการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม Chrome ช่วยปกป้องผู้ใช้จากไซต์ที่เป็นอันตรายและการดาวน์โหลดที่อาจขโมยรหัสผ่านของคุณหรือทำให้เครื่องของคุณติดไวรัสได้ นอกจากนี้ Chrome ยังอัปเดตทุก 6 สัปดาห์เพื่อให้ผู้ใช้มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยและการแก้ไขล่าสุดเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่สำคัญยิ่งขึ้น โดย Google จะทำการส่งการแก้ไขภายใน 24 ชั่วโมง
     
    เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณขณะใช้ Chrome ให้ลองพิจารณาเพิ่ม DuckDuckGo ลงใน Chrome เพราะด้วยส่วนขยายที่มีประโยชน์นี้คุณสามารถปกป้องข้อมูล, ประวัติการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต และหลีกเลี่ยงเครื่องมือติดตามโฆษณาที่น่ารำคาญได้


    ข้อดีของ Chrome:

    1. Chrome เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ทำงานเร็ว ทั้งการดาว์นโหลดและการแสดงหน้าเว็บก็สามารถทำได้เร็วมาก
    2. คุณลักษณะต่างๆ เช่น Google Safe Browsing จะเตือนคุณ หากคุณพยายามไปยังเว็บไซต์อันตรายหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นอันตราย
    3. การใช้ Chrome คุณจะไม่ต้องกังวลกับการจำรหัสผ่านทั้งหมดของคุณ เพราะ Chrome จะช่วยสร้างรหัสผ่านเฉพาะสำหรับแต่ละไซต์ที่คุณเข้าชม
     
    ข้อเสีย Chrome:

    1. Google รวบรวมข้อมูลจำนวนมากเนื่องจากมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับฐานผู้ใช้ บริษัทไม่เพียงแต่ติดตามทุกการค้นหาของคุณ แต่ยังติดตามตำแหน่งของคุณด้วย
    2. หากคุณใช้ Chrome ในอุปกรณ์หลายเครื่อง คุณสามารถซิงค์ประวัติการค้นหาบุ๊กมาร์กและสิ่งอื่นๆ ได้ แต่น่าเสียดายที่คุณต้องเปิดใช้งานการซิงค์ก่อนเพื่อใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะนี้
    3. แม้ว่า Google จะบอกว่าไม่ขายข้อมูลผู้ใช้ แต่ก็ยังนำไปใช้เพื่อแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องในผลิตภัณฑ์ของ Google บนเว็บไซต์พันธมิตรและในแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

    Microsoft Edge

    Microsoft Edge ให้สัญญาว่า "ประสิทธิภาพระดับโลกพร้อมความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น, ประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น และคุณค่าที่มากขึ้น" ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจจับและบล็อกตัวติดตาม ยิ่งไปกว่านั้น Microsoft Edge ยังมาพร้อมกับ Microsoft Defender SmartScreen
     
    Microsoft Defender SmartScreen จะเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นและช่วยปกป้องคุณจากเว็บไซต์ที่มีมัลแวร์ ซึ่งคุณลักษณะนี้จะช่วยป้องกันฟิชชิงและยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณดาวน์โหลดไฟล์ที่อาจเป็นอันตรายเมื่อท่องเว็บ
     

    ข้อดีของ Microsoft Edge:

    1. Edge สร้างขึ้นโดยใช้ Chromium ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้ส่วนขยายจากทั้ง Microsoft และเว็บสโตร์ของ Google ได้
    2. Edge มีการป้องกันความเป็นส่วนตัวสามระดับ โดยค่าเริ่มต้นเบราว์เซอร์จะตั้งค่าตัวเองเป็นกลาง ซึ่งมันจะบล็อกตัวติดตามที่เป็นอันตราย และหากคุณต้องการบล็อกเครื่องมือติดตามทั้งหมด ให้เลือกตัวเลือกใช้การป้องกันการติดตามอย่างเข้มงวด
    3. Edge ช่วยให้คุณสามารถซิงค์บุ๊กมาร์ก, การตั้งค่า และรหัสผ่านโดยใช้บัญชี Microsoft ของคุณ นอกจากนั้น Microsoft ยังช่วยวางแผนให้ผู้ใช้สามารถซิงค์ประวัติ, เปิดแท็บ, ส่วนขยายและคอลเล็กชันต่างๆ ได้
     
    ข้อเสีย Microsoft Edge:

    1. Edge ขาดคุณสมบัติที่น่าดึงดูดใจมากมาย เพราะในขณะที่ผู้ใช้ Brave ได้รับประโยชน์จาก BAT และผู้ใช้ Opera จะเพลิดเพลินไปกับเหล่าคุณสมบัติต่างๆ เช่น โหมดประหยัดแบตเตอรี่ แต่ผู้ใช้ Edge จะไม่พบคุณสมบัติที่สนุกสนานหรือน่าสนใจมากมายแบบนั้น
    2. เมื่อเยี่ยมชมเว็บไซต์สำหรับ Edge คุณจะพบว่ามีคุณสมบัติใหม่มากมายให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลิน แต่น่าเสียดายที่คุณลักษณะเหล่านั้นยังไม่พร้อมให้ใช้งาน

      เว็บเบราว์เซอร์ คืออะไร มีอะไรบ้าง

      โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) คือ โปรแกรมที่ใช้แปลงภาษา HTML แล้วแสดงผล เป็นหน้าเว็บเพจตามที่ผู้ใช้ฝั่งไคลแอนต์ได้ร้องขอไป สำหรับโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยม ในปัจจุบัน คือ Internet Explorer, FireFox หรือ Opera เป็นต้น

      Web Browser ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคืออะไร

      อันดับ 1 ก็ไม่หนีไปไหนไกลจากเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome และยังทิ้งห่างความนิยมจากเจ้าอื่น ๆ รวมทุกแพลตฟอร์มกินส่วนแบ่งไปถึง 65.18% ขยับตัวขึ้นจากปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ที่เคยมีสถิติจดไว้อยู่ที่ 62.09% ถือว่าไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก

      Brave Browser อันตรายไหม

      Brave ใช้การเชื่อมต่อ HTTPS ที่ปลอดภัย, ไม่รวบรวมหรือขายข้อมูลผู้ใช้ และบล็อกเครื่องมือติดตามโฆษณาโดยอัตโนมัติ การรวมกันของการบล็อกโฆษณาและตัวติดตามโฆษณา ทำให้ Brave โหลดไซต์ได้เร็วกว่าเบราว์เซอร์อื่นๆ เกือบ 6 เท่า Brave สร้างขึ้นจาก Chromium ซึ่งเป็นแหล่งโค้ดเดียวกับที่ใช้ใน Chrome.

      Web Browser ที่คนไทยนิยมใช้ในปัจจุบันคืออะไร

      สำหรับ Web Browser ที่เราใช้กันบ่อย ได้แก่ โปรแกรม Google Chrome, โปรแกรม FireFox, โปรแกรม Safari จากค่าย Apple, โปรแกรม Edge, โปรแกรม Opera หรือแม้แต่ โปรแกรม IE (Internet Explorer) และยังมี Web Browser อื่นๆ อย่าง Brave, 360 Secure, Sogou, Vivaldi, CM หรือ UC เป็นต้น