แถวแนวตั้งในโปรแกรม google sheet เรียกว่าอะไร

รายการฟังก์ชันของ Google ชีต

 Google ชีตสนับสนุนสูตรของเซลล์ที่มักพบในโปรแกรมสเปรดชีตบนเดสก์ท็อปทั่วไป คุณจะใช้ฟังก์ชันเหล่านี้เพื่อสร้างสูตรที่จัดการกับข้อมูล และคำนวณสตริงและตัวเลขได้

นี่คือรายการของฟังก์ชันทั้งหมดที่พร้อมใช้งานในแต่ละประเภท เมื่อใช้ฟังก์ชันเหล่านี้ โปรดอย่าลืมใส่เครื่องหมายคำพูดครอบคอมโพเนนต์ของฟังก์ชันทั้งหมดที่เป็นตัวอักษรซึ่งไม่ได้อ้างอิงถึงเซลล์หรือคอลัมน์

คุณเปลี่ยนภาษาของฟังก์ชัน Google ชีตจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นอีก 21 ภาษาได้

TypeNameSyntaxDescriptionDATEDATE(year, month, day)สำหรับวันที่จะแปลงปี เดือน และวันที่ระบุเป็นวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDATEDIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)สำหรับวันที่จะคำนวณจำนวนวัน เดือน หรือปีระหว่างวันที่ 2 วัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมDATEVALUEDATEVALUE(date_string)สำหรับวันที่จะแปลงสตริงวันที่ที่ระบุในรูปแบบที่รู้จักเป็นค่าวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDAYDAY(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันของเดือนที่ระบุวันที่ในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมDAYSDAYS(end_date, start_date)สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันระหว่างวันที่สองวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม DAYS360DAYS360(start_date, end_date, [method])สำหรับวันที่จะแสดงผลส่วนต่างระหว่างวันที่ 2 วัน โดยใช้ 360 วันต่อปี ซึ่งใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยทางการเงิน ดูข้อมูลเพิ่มเติมEDATEEDATE(start_date, months)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันที่ที่ระบุตัวเลขของเดือนก่อน/หลังวันอื่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมEOMONTHEOMONTH(start_date, months)สำหรับวันที่จะแสดงผลวันที่ที่แทนวันสุดท้ายของเดือน ซึ่งอยู่ก่อนหรือหลังวันอื่นเป็นจำนวนเดือนที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHOURHOUR(time)สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของชั่วโมงในเวลาที่ระบุเป็นรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมISOWEEKNUMISOWEEKNUM(date)สำหรับวันที่จะแสดงผลเลขที่สัปดาห์ ISO ของปีที่ตรงกับวันที่ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINUTEDATEDIF(start_date, end_date, unit)0สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของนาทีในเวลาที่ระบุเป็นรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมMONTHDATEDIF(start_date, end_date, unit)1สำหรับวันที่จะแสดงผลเดือนของปีที่ระบุวันที่ในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมNETWORKDAYSDATEDIF(start_date, end_date, unit)2สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันทำการสุทธิระหว่างวันสองวันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมNETWORKDAYS.INTLDATEDIF(start_date, end_date, unit)3สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนวันทำการสุทธิระหว่างวันที่กำหนดให้ โดยไม่รวมวันสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ระบุไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNOWDATEDIF(start_date, end_date, unit)4สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าวันที่เป็นวันที่และเวลาในขณะนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSECONDDATEDIF(start_date, end_date, unit)5สำหรับวันที่จะแสดงผลองค์ประกอบของวินาทีในเวลาที่เฉพาะเจาะจงในรูปแบบตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมTIMEDATEDIF(start_date, end_date, unit)6สำหรับวันที่จะแปลงชั่วโมง นาที และวินาทีที่ให้เป็นเวลา ดูข้อมูลเพิ่มเติมTIMEVALUEDATEDIF(start_date, end_date, unit)7สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าเวลาเป็นเศษส่วนของวันแบบ 24 ชั่วโมง ดูข้อมูลเพิ่มเติมTODAYDATEDIF(start_date, end_date, unit)8สำหรับวันที่จะแสดงผลค่าวันที่เป็นวันที่ปัจจุบัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมWEEKDAYDATEDIF(start_date, end_date, unit)9สำหรับวันที่จะแสดงผลตัวเลขบอกวันในสัปดาห์ของวันที่ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมWEEKNUMDATEVALUE(date_string)0สำหรับวันที่จะแสดงผลตัวเลขซึ่งแสดงสัปดาห์ในปีสำหรับวันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมWORKDAYDATEVALUE(date_string)1สำหรับวันที่จะคำนวณวันที่สิ้นสุดหลังจากจำนวนวันทำงานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมWORKDAY.INTLDATEVALUE(date_string)2สำหรับวันที่จะคำนวณวันที่หลังจำนวนวันทำงานที่กำหนด โดยไม่รวมวันสุดสัปดาห์และวันหยุดที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมYEARDATEVALUE(date_string)3สำหรับวันที่จะแสดงผลปีซึ่งระบุตามวันที่ที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมYEARFRACDATEVALUE(date_string)4สำหรับวันที่จะแสดงผลจำนวนปีรวมถึงปีแบบมีเศษระหว่างวันที่สองวัน โดยใช้วิธีนับวันตามที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมBIN2DECDATEVALUE(date_string)5ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมBIN2HEXDATEVALUE(date_string)6ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมBIN2OCTDATEVALUE(date_string)7ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสองแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมBITANDDATEVALUE(date_string)8ทางวิศวกรรมจะบิตไวส์ AND บูลีนของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม BITLSHIFTDATEVALUE(date_string)9ทางวิศวกรรมจะเลื่อนบิตของอินพุตไปทางซ้ายเป็นตำแหน่งหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมBITORDAY(date)0ทางวิศวกรรมจะบิตไวส์โอเปอเรเตอร์บูลีนของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม BITRSHIFTDAY(date)1ทางวิศวกรรมจะเลื่อนบิตของอินพุตไปทางขวาเป็นตำแหน่งหนึ่งๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติม BITXORDAY(date)2ทางวิศวกรรมจะะบิตไวส์ XOR (โอเปอเรเตอร์แบบเฉพาะ) ของเลข 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติม COMPLEXDAY(date)3ทางวิศวกรรมจะสร้างจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุสัมประสิทธิ์จำนวนจริงและสัมประสิทธิ์จำนวนจินตภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEC2BINDAY(date)4ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบเป็นค่าฐานสองแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEC2HEXDAY(date)5ทางวิศวกรรมจะแปลงเลขฐาน 10 เป็นรูปแบบเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEC2OCTDAY(date)6ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมDELTADAY(date)7ทางวิศวกรรมจะเปรียบเทียบค่าตัวเลขสองรายการ และแสดงผลเลข 1 ถ้าค่าเท่ากัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมERFDAY(date)8ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าปริพันธ์ของฟังก์ชันข้อผิดพลาดเกาส์ในช่วงของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมERF.PRECISEDAY(date)9โปรดดู ERFGESTEPDAYS(end_date, start_date)0ทางวิศวกรรมจะแสดงผล 1 ถ้าอัตรามากกว่าหรือเท่ากับค่าขั้นที่ระบุ หรือไม่เช่นนั้นจะแสดงผล 0 แต่ถ้าไม่ได้ระบุค่าขั้นไว้ จะใช้ 0 เป็นค่าเริ่มต้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม HEX2BINDAYS(end_date, start_date)1ทางวิศวกรรมจะแปลงตัวเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับไปเป็นรูปแบบฐาน 2 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHEX2DECDAYS(end_date, start_date)2ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHEX2OCTDAYS(end_date, start_date)3ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานสิบหกแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานแปดแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMABSDAYS(end_date, start_date)4ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMAGINARYDAYS(end_date, start_date)5ทางวิศวกรรมจะแสดงผลสัมประสิทธิ์จำนวนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMARGUMENTDAYS(end_date, start_date)6ทางวิศวกรรมจะแสดงผลมุม (หรือที่เรียกกันว่าอาร์กิวเมนต์หรือ \เธต้า) ของจำนวนเชิงซ้อนเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCONJUGATEDAYS(end_date, start_date)7ทางวิศวกรรมจะแสดงผลสังยุคเชิงซ้อนของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOSDAYS(end_date, start_date)8ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOSHDAYS(end_date, start_date)9จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "cosh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOTDAYS360(start_date, end_date, [method])0จะแสดงผลค่าโคแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "cot(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCOTHDAYS360(start_date, end_date, [method])1จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "coth(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCSCDAYS360(start_date, end_date, [method])2ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าโคซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนดูข้อมูลเพิ่มเติมIMCSCHDAYS360(start_date, end_date, [method])3จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกโคซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "csch(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMEXPDAYS360(start_date, end_date, [method])4ทางวิศวกรรมจะแสดงผลจำนวนออยเลอร์ e (~ 2.718) ที่ยกกำลังด้วยจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLOGDAYS360(start_date, end_date, [method])5จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนในฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLOG10DAYS360(start_date, end_date, [method])6จะแสดงผลลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนฐาน 10 ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLOG2DAYS360(start_date, end_date, [method])7จะแสดงผลลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อนฐาน 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMREALDAYS360(start_date, end_date, [method])8ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าสัมประสิทธิ์จริงของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSECDAYS360(start_date, end_date, [method])9จะแสดงผลค่าซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sec(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSECHEDATE(start_date, months)0จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกซีแคนต์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sech(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSINEDATE(start_date, months)1ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าไซน์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSINHEDATE(start_date, months)2จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนที่ระบุ เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "sinh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSUBEDATE(start_date, months)3ทางวิศวกรรมจะแสดงผลต่างระหว่างจำนวนเชิงซ้อน 2 จำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMTANEDATE(start_date, months)4ทางวิศวกรรมจะแสดงผลค่าแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMTANHEDATE(start_date, months)5จะแสดงผลค่าไฮเปอร์โบลิกแทนเจนต์ของจำนวนเชิงซ้อน เช่น จำนวนเชิงซ้อน "x+yi" จะแสดงผล "tanh(x+yi)" ดูข้อมูลเพิ่มเติมOCT2BINEDATE(start_date, months)6ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานแปดแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสองแบบมีเครื่องหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมOCT2DECEDATE(start_date, months)7ทางวิศวกรรมจะแปลงจำนวนฐานแปดแบบมีเครื่องหมายเป็นค่าฐานสิบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมOCT2HEXEDATE(start_date, months)8ทางวิศวกรรมจะแปลงเลขฐาน 8 ที่มีเครื่องหมายกำกับเป็นรูปแบบเลขฐาน 16 ที่มีเครื่องหมายกำกับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMDIVEDATE(start_date, months)9ทางวิศวกรรมจะแสดงผลจำนวนเชิงซ้อน 1 จำนวนที่หารด้วยอีกจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPRODUCTEOMONTH(start_date, months)0ทางวิศวกรรมจะแสดงผลลัพธ์ของการคูณจำนวนเชิงซ้อนชุดหนึ่งเข้าด้วยกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSUMEOMONTH(start_date, months)1ทางวิศวกรรมจะแสดงผลรวมของจำนวนเชิงซ้อนชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมFILTEREOMONTH(start_date, months)2สำหรับตัวกรองจะแสดงผลช่วงที่มาในเวอร์ชันที่กรองแล้ว โดยส่งคืนเฉพาะแถวหรือคอลัมน์ที่ตรงตามเงื่อนไขที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSORTEOMONTH(start_date, months)3สำหรับตัวกรองจะจัดเรียงแถวของอาร์เรย์หรือช่วงที่ให้ตามค่าในคอลัมน์อย่างน้อยหนึ่งคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมUNIQUEEOMONTH(start_date, months)4สำหรับตัวกรองจะแสดงผลแถวที่ไม่ซ้ำกันในช่วงของแหล่งข้อมูลที่ระบุ โดยไม่แสดงข้อมูลซ้ำ ระบบจะแสดงผลแถวตามลำดับที่ปรากฏครั้งแรกในช่วงที่มา ดูข้อมูลเพิ่มเติมSORTNEOMONTH(start_date, months)5สำหรับตัวกรองจะแสดงผล n รายการแรกในชุดข้อมูลหลังจากจัดเรียง ดูข้อมูลเพิ่มเติมACCRINTEOMONTH(start_date, months)6ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมของหลักทรัพย์ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติมACCRINTMEOMONTH(start_date, months)7ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมของหลักทรัพย์ที่ชำระเมื่อครบกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมAMORLINCEOMONTH(start_date, months)8ทางการเงินจะแสดงผลค่าเสื่อมราคาสำหรับงวดบัญชี หรือค่าเสื่อมราคาที่แบ่งตามส่วนถ้าซื้อสินทรัพย์ในกลางงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติม COUPDAYBSEOMONTH(start_date, months)9ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันนับจากคูปองใบแรกหรือการชำระดอกเบี้ยจนถึงวันที่ส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPDAYSHOUR(time)0ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันในคูปอง หรือการชำระดอกเบี้ย ในงวดซึ่งมีวันที่ส่งมอบที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPDAYSNCHOUR(time)1ทางการเงินจะคำนวณจำนวนวันโดยนับจากวันที่ส่งมอบ จนถึงคูปองหรือการชำระดอกเบี้ยครั้งต่อไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPNCDHOUR(time)2ทางการเงินจะคำนวณวันที่คูปองสุดท้าย (หรือวันที่จ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย) หลังจากวันที่ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPNUMHOUR(time)3ทางการเงินจะคำนวณจำนวนคูปองหรือการชำระดอกเบี้ยในระหว่างวันที่ส่งมอบและวันที่ครบกำหนดการลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUPPCDHOUR(time)4ทางการเงินจะคำนวณวันที่ของคูปองสุดท้าย (หรือวันที่จ่ายดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย) ก่อนถึงวันที่ชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCUMIPMTHOUR(time)5ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยสะสมในช่วงการชำระเงินเป็นงวดสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCUMPRINCHOUR(time)6ทางการเงินจะคำนวณเงินต้นสะสมที่ชำระในช่วงการชำระเงินเป็นงวดสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDBHOUR(time)7ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีตามมูลค่าต้นทุนที่ลดลงตามหลักคณิตศาสตร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDDBHOUR(time)8ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีคิดยอดคงเหลือแบบลดลงทวีคูณ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDISCHOUR(time)9ทางการเงินจะคำนวณอัตราส่วนลดของหลักทรัพย์ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมDOLLARDEISOWEEKNUM(date)0ทางการเงินจะแปลงการเสนอราคาที่ระบุเป็นเศษส่วนให้เป็นค่าทศนิยม ดูข้อมูลเพิ่มเติมDOLLARFRISOWEEKNUM(date)1ทางการเงินจะแปลงการเสนอราคาที่ระบุเป็นค่าทศนิยมให้เป็นเศษส่วน ดูข้อมูลเพิ่มเติมDURATIONISOWEEKNUM(date)2 ทางการเงินจะคำนวณจำนวนงวดรวมที่จำเป็นสำหรับการลงทุนที่มีมูลค่าปัจจุบันที่ระบุและมีอัตราการเพิ่มมูลค่าตามที่กำหนด เพื่อให้ถึงมูลค่าเป้าหมาย ดูข้อมูลเพิ่มเติมEFFECTISOWEEKNUM(date)3ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี โดยพิจารณาอัตรากลางและจำนวนงวดรวมต่อปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมFVISOWEEKNUM(date)4ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าในอนาคตของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFVSCHEDULEISOWEEKNUM(date)5ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าเงินต้นในอนาคตจากอัตราดอกเบี้ยต่างๆ ที่ระบุว่าอาจเป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมINTRATEISOWEEKNUM(date)6ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เกิดขึ้นเมื่อซื้อการลงทุนที่ราคาหนึ่ง และขายไปอีกราคาหนึ่งโดยไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผลจากการลงทุนนั้นเอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมIPMTISOWEEKNUM(date)7ทางการเงินจะคำนวณการชำระดอกเบี้ยของการลงทุน โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIRRISOWEEKNUM(date)8ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนของการลงทุนจากกระแสเงินสดเป็นงวด ดูข้อมูลเพิ่มเติมISPMTISOWEEKNUM(date)9ทางการเงินจะคำนวณดอกเบี้ยที่ชำระ ณ งวดหนึ่งของการลงทุน ดูข้อมูลเพิ่มเติมMDURATIONDATEDIF(start_date, end_date, unit)00ทางการเงินจะคำนวณระยะเวลา Macaulay ที่แก้ไขของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมMIRRDATEDIF(start_date, end_date, unit)01ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนภายในที่แก้ไขของการลงทุนจากกระแสเงินสดเป็นงวดๆ และผลต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่ชำระในการจัดไฟแนนซ์และผลตอบแทนที่ได้รับจากรายได้ที่นำไปลงทุนซ้ำ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNOMINALDATEDIF(start_date, end_date, unit)02ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยกลางประจำปี โดยพิจารณาอัตราที่แท้จริงและจำนวนงวดรวมต่อปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมNPERDATEDIF(start_date, end_date, unit)03ทางการเงินจะคำนวณจำนวนของงวดการชำระเงินสำหรับการลงทุน โดยคำนวณจากการชำระเงินคงที่เป็นงวดและอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNPVDATEDIF(start_date, end_date, unit)04ทางการเงินPDURATIONDATEDIF(start_date, end_date, unit)05จะแสดงผลจำนวนงวดที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนถึงมูลค่าที่ต้องการในอัตราที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPMTDATEDIF(start_date, end_date, unit)06ทางการเงินจะคำนวณการชำระเงินรายงวดสำหรับเงินรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPPMTDATEDIF(start_date, end_date, unit)07ทางการเงินจะคำนวณการชำระเงินต้นของการลงทุน โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRICEDATEDIF(start_date, end_date, unit)08ทางการเงินจะคำนวณราคาหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRICEDISCDATEDIF(start_date, end_date, unit)09ทางการเงินจะคำนวณราคาของหลักทรัพย์ที่มีส่วนลด (ไม่มีดอกเบี้ย) จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRICEMATDATEDIF(start_date, end_date, unit)10ทางการเงินจะคำนวณราคาของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด จากผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPVDATEDIF(start_date, end_date, unit)11ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมRATEDATEDIF(start_date, end_date, unit)12ทางการเงินจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยของเบี้ยลงทุนรายปี โดยคิดจากการชำระเงินเป็นงวดคงที่และอัตราดอกเบี้ยคงที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมRECEIVEDDATEDIF(start_date, end_date, unit)13ทางการเงินจะคำนวณจำนวนเงินที่ได้รับ ณ วันครบกำหนดอายุการลงทุนในตราสารหนี้ที่ซื้อไว้ ณ วันที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมRRIDATEDIF(start_date, end_date, unit)14จะแสดงผลอัตราดอกเบี้ยที่จำเป็นเพื่อให้การลงทุนถึงมูลค่าที่ต้องการภายในจำนวนงวดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSLNDATEDIF(start_date, end_date, unit)15ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีเส้นตรง ดูข้อมูลเพิ่มเติมSYDDATEDIF(start_date, end_date, unit)16ทางการเงินจะคำนวณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ตามงวดที่ระบุ โดยใช้วิธีผลรวมจำนวนปี ดูข้อมูลเพิ่มเติมTBILLEQDATEDIF(start_date, end_date, unit)17ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนเทียบเท่ารายปีสำหรับตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ ตามอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมTBILLPRICEDATEDIF(start_date, end_date, unit)18ทางการเงินจะคำนวณราคาตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯ ตามอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมTBILLYIELDDATEDIF(start_date, end_date, unit)19ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังของสหรัฐฯ ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมVDBDATEDIF(start_date, end_date, unit)20ทางการเงินจะแสดงผลค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์สำหรับงวดที่ระบุ (หรือไม่เต็มงวด) ดูข้อมูลเพิ่มเติมXIRRDATEDIF(start_date, end_date, unit)21ทางการเงินจะคำนวณอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุนตามกระแสเงินสดแบบไม่เป็นงวดที่ระบุว่าอาจเป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมXNPVDATEDIF(start_date, end_date, unit)22ทางการเงินจะคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุนโดยอิงจากชุดกระแสเงินสดที่อาจมีช่วงเวลาห่างไม่คงที่และอัตราส่วนลด ดูข้อมูลเพิ่มเติมYIELDDATEDIF(start_date, end_date, unit)23ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนประจำปีของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเป็นงวด เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมYIELDDISCDATEDIF(start_date, end_date, unit)24ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนประจำปีของหลักทรัพย์ที่มีส่วนลด (ไม่มีดอกเบี้ย) ตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมYIELDMATDATEDIF(start_date, end_date, unit)25ทางการเงินจะคำนวณผลตอบแทนรายปีของหลักทรัพย์ที่ชำระดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดตามราคา ดูข้อมูลเพิ่มเติมARRAYFORMULADATEDIF(start_date, end_date, unit)26สำหรับ Googleจะอนุญาตให้แสดงค่าที่ได้จากสูตรอาร์เรย์ในหลายแถวและ/หรือหลายคอลัมน์ และให้ใช้ฟังก์ชันที่ไม่ใช่อาร์เรย์กับอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDETECTLANGUAGEDATEDIF(start_date, end_date, unit)27สำหรับ Googleจะระบุภาษาที่ใช้ในข้อความภายในช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGOOGLEFINANCEDATEDIF(start_date, end_date, unit)28สำหรับ Googleจะเรียกดูข้อมูลหลักทรัพย์ในปัจจุบันหรือในอดีตจาก Google Finance ดูข้อมูลเพิ่มเติมGOOGLETRANSLATEDATEDIF(start_date, end_date, unit)29สำหรับ Googleจะแปลข้อความจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษา ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMAGEDATEDIF(start_date, end_date, unit)30สำหรับ Googleจะแทรกรูปภาพในเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUERYDATEDIF(start_date, end_date, unit)31สำหรับ Googleจะเรียกใช้การค้นหาของ Google Visualization API Query Language จากข้อมูลทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSPARKLINEDATEDIF(start_date, end_date, unit)32สำหรับ Googleจะสร้างแผนภูมิขนาดเล็กในเซลล์เดี่ยว ดูข้อมูลเพิ่มเติมERROR.TYPEDATEDIF(start_date, end_date, unit)33สำหรับข้อมูลจะแสดงผลหมายเลขที่สอดคล้องกับค่าความผิดพลาดในอีกเซลล์หนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมISBLANKDATEDIF(start_date, end_date, unit)34สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเซลล์ที่อ้างอิงว่างเปล่าหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISDATEDATEDIF(start_date, end_date, unit)35สำหรับข้อมูลจะแสดงผลว่าค่าเป็นวันที่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติม ISEMAILDATEDIF(start_date, end_date, unit)36สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นที่อยู่อีเมลที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISERRDATEDIF(start_date, end_date, unit)37สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาดนอกเหนือจาก "#N/A" หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISERRORDATEDIF(start_date, end_date, unit)38สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาดหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISFORMULADATEDIF(start_date, end_date, unit)39สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่ามีสูตรในเซลล์ที่อ้างอิงหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISLOGICALDATEDIF(start_date, end_date, unit)40สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็น "TRUE" หรือ "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมISNADATEDIF(start_date, end_date, unit)41สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าเป็นค่าที่ผิดพลาด "#N/A" หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISNONTEXTDATEDIF(start_date, end_date, unit)42สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าไม่ใช่ข้อความหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISNUMBERDATEDIF(start_date, end_date, unit)43สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นตัวเลขหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISREFDATEDIF(start_date, end_date, unit)44สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่ามีการอ้างอิงเซลล์ที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISTEXTDATEDIF(start_date, end_date, unit)45สำหรับข้อมูลจะตรวจสอบว่าค่าเป็นข้อความหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNDATEDIF(start_date, end_date, unit)46สำหรับข้อมูลจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์ที่ระบุเป็นจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมNADATEDIF(start_date, end_date, unit)47สำหรับข้อมูลจะแสดงผลข้อผิดพลาด "ค่าไม่พร้อมใช้งาน" หรือ "#N/A" ดูข้อมูลเพิ่มเติมTYPEDATEDIF(start_date, end_date, unit)48สำหรับข้อมูลจะแสดงผลจำนวนที่เกี่ยวข้องกับประเภทข้อมูลที่ส่งผ่านไปยังฟังก์ชัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCELLDATEDIF(start_date, end_date, unit)49สำหรับข้อมูลจะแสดงผลข้อมูลที่ต้องการเกี่ยวกับเซลล์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมANDDATEDIF(start_date, end_date, unit)50ทางตรรกะFALSEDATEDIF(start_date, end_date, unit)51ทางตรรกะจะจะแสดงผลค่าเชิงตรรกะ "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)52ทางตรรกะจะแสดงผลค่าหนึ่งหากนิพจน์เชิงตรรกะเป็น "TRUE" และอีกค่าหนึ่งหากเป็น "FALSE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFERRORDATEDIF(start_date, end_date, unit)53ทางตรรกะจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์แรกหากไม่ใช่ค่าผิดพลาด ไม่เช่นนั้นจะส่งกลับอาร์กิวเมนต์ที่สอง (ถ้ามี) หรือเป็นค่าว่างถ้าไม่มีอาร์กิวเมนต์ที่สอง ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFNADATEDIF(start_date, end_date, unit)54จะประเมินค่า หากค่าดังกล่าวเป็นข้อผิดพลาด #N/A ก็จะแสดงผลค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIFSDATEDIF(start_date, end_date, unit)55ทางตรรกะจะประเมินเงื่อนไขจำนวนมากและแสดงผลค่าที่สอดคล้องกับเงื่อนไขแรกที่เป็นจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมแบบตรรกะLAMBDADATEDIF(start_date, end_date, unit)56สร้างและแสดงผลฟังก์ชันที่กําหนดเองซึ่งมีชุดของชื่อและ formula_expression ที่ใช้ฟังก์ชันดังกล่าว หากต้องการคำนวณ formula_expression คุณสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันที่แสดงผลพร้อมกับค่าต่างๆ ได้มากเท่าที่ "name" ประกาศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNOTDATEDIF(start_date, end_date, unit)57ทางตรรกะจะแสดงผลค่าตรรกะที่ตรงกันข้าม - "NOT(TRUE)" แสดงผล "FALSE" ส่วน "NOT(FALSE)" แสดง "TRUE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมORDATEDIF(start_date, end_date, unit)58ทางตรรกะSWITCHDATEDIF(start_date, end_date, unit)59ทางตรรกะจะทดสอบนิพจน์เทียบกับกรณีต่างๆ และแสดงผลค่าที่สอดคล้องกันของกรณีแรกที่ตรงกัน พร้อมกับค่าเริ่มต้นแบบเลือกได้ หากไม่มีกรณีตรงกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRUEDATEDIF(start_date, end_date, unit)60ทางตรรกะจะแสดงผลค่าเชิงตรรกะ "TRUE" ดูข้อมูลเพิ่มเติมXORDATEDIF(start_date, end_date, unit)61ทางตรรกะADDRESSDATEDIF(start_date, end_date, unit)62สำหรับการค้นหาจะแสดงผลการอ้างอิงเซลล์เป็นสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHOOSEDATEDIF(start_date, end_date, unit)63สำหรับการค้นหาCOLUMNDATEDIF(start_date, end_date, unit)64สำหรับการค้นหาจะแสดงผลหมายเลขคอลัมน์ของเซลล์ที่ระบุ โดยที่ "A=1" ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOLUMNSDATEDIF(start_date, end_date, unit)65สำหรับการค้นหาจะแสดงผลจำนวนคอลัมน์ในอาร์เรย์หรือช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFORMULATEXTDATEDIF(start_date, end_date, unit)66จะแสดงผลสูตรเป็นสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมGETPIVOTDATADATEDIF(start_date, end_date, unit)67สำหรับการค้นหาจะดึงค่าการรวมจากตาราง Pivot ซึ่งตรงกับส่วนหัวของแถวและคอลัมน์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมHLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)68สำหรับการค้นหาแนวนอนจะค้นหาแถวแรกของช่วงทั้งหมดเพื่อหาคีย์และส่งคืนค่าของเซลล์ที่ระบุในคอลัมน์ที่พบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมINDEXDATEDIF(start_date, end_date, unit)69สำหรับการค้นหาจะแสดงผลเนื้อหาของเซลล์ที่ระบุโดยค่าออฟเซ็ตของแถวและคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมINDIRECTDATEDIF(start_date, end_date, unit)70สำหรับการค้นหาจะแสดงผลการอ้างอิงเซลล์ที่ระบุโดยสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)71สำหรับการค้นหาจะค้นหาคีย์ในแถวหรือคอลัมน์ และแสดงผลค่าเซลล์ในช่วงผลลัพธ์ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับแถวหรือคอลัมน์ที่ค้นหา ดูข้อมูลเพิ่มเติมMATCHDATEDIF(start_date, end_date, unit)72สำหรับการค้นหาจะแสดงผลตำแหน่งสัมพัทธ์ของรายการในช่วงที่ตรงกับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมOFFSETDATEDIF(start_date, end_date, unit)73สำหรับการค้นหาจะแสดงผลช่วงการอ้างอิงที่เลือกเป็นจำนวนแถวและคอลัมน์ที่ระบุจากเซลล์อ้างอิงเริ่มต้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมROWDATEDIF(start_date, end_date, unit)74สำหรับการค้นหาจะแสดงผลหมายเลขแถวของเซลล์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมROWSDATEDIF(start_date, end_date, unit)75สำหรับการค้นหาจะแสดงผลจำนวนแถวในอาร์เรย์หรือช่วงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมVLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)76สำหรับการค้นหาแนวตั้งจะค้นหาตามคอลัมน์แรกของช่วงลงมาเพื่อหาคีย์และแสดงผลค่าของเซลล์ที่ระบุในแถวที่พบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมค้นหาXLOOKUPDATEDIF(start_date, end_date, unit)77แสดงผลค่าในช่วงผลลัพธ์ตามตำแหน่งซึ่งพบรายการที่ตรงกันในช่วงการค้นหา หากไม่พบรายการที่ตรงกัน ระบบจะแสดงผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมABSDATEDIF(start_date, end_date, unit)78ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าสัมบูรณ์ของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOSDATEDIF(start_date, end_date, unit)79ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคไซน์ผกผันของค่า เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOSHDATEDIF(start_date, end_date, unit)80ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOTDATEDIF(start_date, end_date, unit)81ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมACOTHDATEDIF(start_date, end_date, unit)82ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน โดยต้องไม่ใช่ค่าตั้งแต่ "-1" ถึง "1" ดูข้อมูลเพิ่มเติมASINDATEDIF(start_date, end_date, unit)83ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ผกผันเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมASINHDATEDIF(start_date, end_date, unit)84ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมATANDATEDIF(start_date, end_date, unit)85ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแทนเจนต์ผกผันของค่าเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมATAN2DATEDIF(start_date, end_date, unit)86ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลมุมระหว่างแกน x และส่วนของเส้นตรงจากจุดเริ่มต้น (0,0) ไปยังคู่พิกัดที่ระบุ ("x", "y") เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมATANHDATEDIF(start_date, end_date, unit)87ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแทนเจนต์ไฮเปอร์โบลิกผกผันของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมBASEDATEDIF(start_date, end_date, unit)88ทางคณิตศาสตร์จะแปลงตัวเลขเป็นการนำเสนอแบบตัวอักษรในฐานอื่น เช่น ฐาน 2 สำหรับไบนารี ดูข้อมูลเพิ่มเติมCEILINGDATEDIF(start_date, end_date, unit)89ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCEILING.MATHDATEDIF(start_date, end_date, unit)90ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญที่กำหนด ส่วนค่าลบให้ปัดเศษใกล้ 0 หรือน้อยกว่า 0 โดยขึ้นอยู่กับโหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม CEILING.PRECISEDATEDIF(start_date, end_date, unit)91ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด หากจำนวนเป็นค่าบวกหรือค่าลบ จะมีการปัดเศษขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติม COMBINDATEDIF(start_date, end_date, unit)92ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนของวิธีการที่จะเลือกจำนวนของวัตถุบางอย่างจากกลุ่มตัวเลือกของวัตถุซึ่งมีขนาดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOMBINADATEDIF(start_date, end_date, unit)93ทางคณิตศาสตร์แสดงผลจำนวนวิธีที่จะเลือกวัตถุจำนวนหนึ่งจากกลุ่มวัตถุที่มีจำนวนที่ระบุ รวมถึงจำนวนวิธีที่จะเลือกวัตถุเดียวกันซ้ำหลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOSDATEDIF(start_date, end_date, unit)94ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOSHDATEDIF(start_date, end_date, unit)95ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าโคไซน์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOTDATEDIF(start_date, end_date, unit)96ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคแทนเจนต์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOTHDATEDIF(start_date, end_date, unit)97ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกโคแทนเจนต์ของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTBLANKDATEDIF(start_date, end_date, unit)98ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนของเซลล์ที่ว่างในช่วงที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTIFDATEDIF(start_date, end_date, unit)99ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลการนับที่มีเงื่อนไขในช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTIFSDATEVALUE(date_string)00COUNTUNIQUEDATEVALUE(date_string)01ทางคณิตศาสตร์CSCDATEVALUE(date_string)02ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลโคซีแคนต์ของมุมที่ระบุเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCSCHDATEVALUE(date_string)03ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกโคซีแคนต์ของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDECIMALDATEVALUE(date_string)04ทางคณิตศาสตร์จะแปลงการนำเสนอจำนวนแบบอักษรในฐานอื่นเป็นฐาน 10 (ทศนิยม) ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEGREESDATEVALUE(date_string)05ทางคณิตศาสตร์จะแปลงค่ามุมในเรเดียนให้เป็นองศา ดูข้อมูลเพิ่มเติมERFCDATEVALUE(date_string)06ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลฟังก์ชันข้อผิดพลาดเกาส์เสริมของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมERFC.PRECISEDATEVALUE(date_string)07โปรดดู ERFCEVENDATEVALUE(date_string)08ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มคู่ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมEXPDATEVALUE(date_string)09ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนออยเลอร์ e (~ 2.718) ยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมFACTDATEVALUE(date_string)10ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแฟกทอเรียลของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมFACTDOUBLEDATEVALUE(date_string)11ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่า "ดับเบิลแฟกทอเรียล" ของจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมFLOORDATEVALUE(date_string)12ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของ "ตัวประกอบ" ที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมFLOOR.MATHDATEVALUE(date_string)13ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของจำนวนที่มีนัยสำคัญที่กำหนด ส่วนค่าลบให้ปัดเศษใกล้ 0 หรือน้อยกว่า 0 โดยขึ้นอยู่กับโหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติม FLOOR.PRECISEDATEVALUE(date_string)14ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษลงให้เป็นจำนวนเต็มหรือค่าผลคูณที่ใกล้เคียงที่สุดที่มีนัยสำคัญตามที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMALNDATEVALUE(date_string)15ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของฟังก์ชันแกมมาที่ระบุ ฐาน e (จำนวนออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMALN.PRECISEDATEVALUE(date_string)16โปรดดู GAMMALNGCDDATEVALUE(date_string)17ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลตัวหารร่วมมากของจำนวนเต็มหนึ่งตัวขึ้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMLNDATEVALUE(date_string)18ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนเชิงซ้อน ฐาน e (ตัวเลขของออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPOWERDATEVALUE(date_string)19ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนเชิงซ้อนที่เพิ่มตามเลขยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMSQRTDATEVALUE(date_string)20ทางคณิตศาสตร์จะคำนวณรากที่สองของจำนวนเชิงซ้อน ดูข้อมูลเพิ่มเติมINTDATEVALUE(date_string)21ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนลงไปยังจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับจำนวนนั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมISEVENDATEVALUE(date_string)22ทางคณิตศาสตร์จะตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นเลขคู่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมISO.CEILINGDATEVALUE(date_string)23โปรดดู CEILING.PRECISEISODDDATEVALUE(date_string)24ทางคณิตศาสตร์จะตรวจสอบว่าค่าที่ระบุเป็นเลขคี่หรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLCMDATEVALUE(date_string)25ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลตัวคูณร่วมน้อยของจำนวนเต็มหนึ่งตัวขึ้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมLNDATEVALUE(date_string)26ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวน ฐาน e (จำนวนออยเลอร์) ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGDATEVALUE(date_string)27ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนที่กำหนดฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOG10DATEVALUE(date_string)28ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าลอการิทึมของจำนวนฐาน 10 ดูข้อมูลเพิ่มเติมMODDATEVALUE(date_string)29ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลลัพธ์ของโอเปอเรเตอร์โมดูโลและเศษหลังการหาร ดูข้อมูลเพิ่มเติมMROUNDDATEVALUE(date_string)30ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนหนึ่งขึ้นให้เป็นจำนวนเต็มทวีคูณที่ใกล้เคียงที่สุดของอีกจำนวนหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMULTINOMIALDATEVALUE(date_string)31ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าแฟกทอเรียลของผลรวมของค่า หารด้วยผลลัพธ์ของแฟกทอเรียลของค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมMUNITDATEVALUE(date_string)32จะแสดงผลเมทริกซ์หน่วยของขนาดเป็น ขนาด x ขนาด ดูข้อมูลเพิ่มเติมODDDATEVALUE(date_string)33ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษเป็นจำนวนเต็มคี่ที่ใกล้เคียงที่สุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมPIDATEVALUE(date_string)34ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่า Pi จนถึงทศนิยมหลักที่ 14 ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOWERDATEVALUE(date_string)35ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมPRODUCTDATEVALUE(date_string)36ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลลัพธ์ของการคูณกลุ่มจำนวนเข้าด้วยกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUOTIENTDATEVALUE(date_string)37ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลหมายเลขหนึ่งที่ถูกหารด้วยอีกจำนวน ดูข้อมูลเพิ่มเติมRADIANSDATEVALUE(date_string)38ทางคณิตศาสตร์จะแปลงค่ามุมที่เป็นองศาให้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANDDATEVALUE(date_string)39ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนสุ่มที่มีค่าระหว่าง 0 และ 1 (รวม 0 แต่ไม่รวม 1) ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANDARRAYDATEVALUE(date_string)40ทางคณิตศาสตร์จะสร้างอาร์เรย์ของจำนวนสุ่มที่มีค่าระหว่าง 0 และ 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANDBETWEENDATEVALUE(date_string)41ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนเต็มแบบสุ่มที่สม่ำเสมอระหว่างสองค่า โดยรวมทั้งสองค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมROUNDDATEVALUE(date_string)42ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนที่ระบุเป็นจำนวนหลักทศนิยมที่กำหนดตามกฎเกณฑ์มาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมROUNDDOWNDATEVALUE(date_string)43ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนเป็นหลักทศนิยมที่กำหนด โดยปัดลงไปหาจำนวนที่ถูกต้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมROUNDUPDATEVALUE(date_string)44ทางคณิตศาสตร์จะปัดเศษจำนวนเป็นหลักทศนิยมที่กำหนด โดยปัดขึ้นไปหาจำนวนต่อไปที่ถูกต้องเสมอ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSECDATEVALUE(date_string)45ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลซีแคนต์ของมุมที่วัดเป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSECHDATEVALUE(date_string)46ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไฮเปอร์โบลิกซีแคนต์ของมุม ดูข้อมูลเพิ่มเติมSEQUENCEDATEVALUE(date_string)47จะแสดงผลอาร์เรย์ของตัวเลขที่เรียงตามลำดับ เช่น 1, 2, 3, 4 ดูข้อมูลเพิ่มเติมSERIESSUMDATEVALUE(date_string)48ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลอนุกรมกำลังโดยรวม a1xn + a2x(n+m) + ... + aix(n+(i-1)m) หากพารามิเตอร์เป็น DATEVALUE(date_string)49, DATEVALUE(date_string)50, DATEVALUE(date_string)51 และ DATEVALUE(date_string)52 โดย i คือจำนวนข้อมูลในช่วง "a"ดูข้อมูลเพิ่มเติมSIGNDATEVALUE(date_string)53ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผล "-1" ถ้าตัวเลขเป็นลบ "1" ถ้าเป็นบวก และ "0" ถ้าเป็นศูนย์ โดยขึ้นอยู่กับตัวเลขอินพุต ดูข้อมูลเพิ่มเติมSINDATEVALUE(date_string)54ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลค่าไซน์ของมุมที่ให้ไว้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSINHDATEVALUE(date_string)55ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลไซน์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมSQRTDATEVALUE(date_string)56ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนบวกของรากที่สองของจำนวนบวก ดูข้อมูลเพิ่มเติมSQRTPIDATEVALUE(date_string)57ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลจำนวนบวกของรากที่สองของผลลัพธ์ของ Pi และจำนวนบวกที่ให้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUBTOTALDATEVALUE(date_string)58ทางคณิตศาสตร์SUMDATEVALUE(date_string)59ทางคณิตศาสตร์SUMIFDATEVALUE(date_string)60ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลรวมแบบมีเงื่อนไขตลอดช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMIFSDATEVALUE(date_string)61ทางคณิตศาสตร์SUMSQDATEVALUE(date_string)62ทางคณิตศาสตร์TANDATEVALUE(date_string)63ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลแทนเจนต์ของมุมที่ให้ไว้เป็นเรเดียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTANHDATEVALUE(date_string)64ทางคณิตศาสตร์จะแสดงผลแทนเจนต์ไฮเปอร์โบลิกของจำนวนจริงใดๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRUNCDATEVALUE(date_string)65ทางคณิตศาสตร์จะตัดทอนจำนวนให้เหลือจำนวนเลขนัยสำคัญที่กำหนด โดยละจำนวนที่มีความสำคัญน้อยกว่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมADDDATEVALUE(date_string)66สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลรวมของสองจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "+" ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONCATDATEVALUE(date_string)67สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลการเชื่อมสองค่าเข้าด้วยกัน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "&" ดูข้อมูลเพิ่มเติมDIVIDEDATEVALUE(date_string)68สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนหนึ่งที่ถูกหารด้วยอีกจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "/" ดูข้อมูลเพิ่มเติมEQDATEVALUE(date_string)69สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากสองค่าที่ระบุเท่ากัน และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "=" ดูข้อมูลเพิ่มเติมGTDATEVALUE(date_string)70สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกเจาะจงว่ามากกว่าอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย ">" ดูข้อมูลเพิ่มเติมGTEDATEVALUE(date_string)71สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกมากกว่าหรือเท่ากับอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย ">=" ดูข้อมูลเพิ่มเติมโอเปอเรเตอร์ISBETWEENDATEVALUE(date_string)72ตรวจสอบว่าหมายเลขที่ระบุอยู่ระหว่างหมายเลขอื่น 2 หมายเลข โดยนับรวมหรือไม่นับรวมหมายเลขเหล่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมLTDATEVALUE(date_string)73สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกเจาะจงว่าน้อยกว่าอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "<" ดูข้อมูลเพิ่มเติมLTEDATEVALUE(date_string)74สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากอาร์กิวเมนต์แรกน้อยกว่าหรือเท่ากับอาร์กิวเมนต์ที่สอง และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "<=" ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINUSDATEVALUE(date_string)75สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลต่างของสองจำนวนโดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "-" ดูข้อมูลเพิ่มเติมMULTIPLYDATEVALUE(date_string)76สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลคูณของสองจำนวน โดยมีค่าเท่ากับเครื่องหมาย "*" ดูข้อมูลเพิ่มเติมNEDATEVALUE(date_string)77สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผล "TRUE" หากสองค่าที่ระบุไม่เท่ากัน และ "FALSE" หากไม่เป็นเช่นนั้น โดยมีค่าเทียบเท่ากับเครื่องหมาย "<>" ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOWDATEVALUE(date_string)78สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนยกกำลัง ดูข้อมูลเพิ่มเติมUMINUSDATEVALUE(date_string)79สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลจำนวนที่มีเครื่องหมายตรงกันข้าม ดูข้อมูลเพิ่มเติมUNARY_PERCENTDATEVALUE(date_string)80สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลค่าตีความว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ นั่นคือ "UNARY_PERCENT (100)" เท่ากับ "1" ดูข้อมูลเพิ่มเติมโอเปอเรเตอร์UNIQUEDATEVALUE(date_string)81แสดงผลแถวที่ไม่ซ้ำกันในช่วงของแหล่งข้อมูลที่ระบุ โดยไม่แสดงข้อมูลซ้ำ ระบบจะแสดงผลแถวตามลำดับที่ปรากฏครั้งแรกในช่วงของแหล่งที่มา ดูข้อมูลเพิ่มเติมUPLUSDATEVALUE(date_string)82สำหรับเครื่องหมายจะแสดงผลตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่เปลี่ยนแปลง ดูข้อมูลเพิ่มเติมAVEDEVDATEVALUE(date_string)83ทางสถิติAVERAGEDATEVALUE(date_string)84ทางสถิติAVERAGEADATEVALUE(date_string)85ทางสถิติAVERAGEIFDATEVALUE(date_string)86ทางสถิติจะแสดงผลค่าเฉลี่ยของช่วงโดยขึ้นอยู่กับเกณฑ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมAVERAGEIFSDATEVALUE(date_string)87ทางสถิติAVERAGE.WEIGHTEDDATEVALUE(date_string)88ทางสถิติจะค้นหาค่าเฉลี่ยการถ่วงน้ำหนักของชุดค่า โดยพิจารณาจากค่าและการถ่วงน้ำหนักที่เกี่ยวข้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมBETADISTDATEVALUE(date_string)89ทางสถิติจะแสดงผลความน่าจะเป็นของค่าที่กำหนดตามฟังก์ชันการแจกแจงแบบเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมBETA.DISTDATEVALUE(date_string)90ทางสถิติโปรดดู BETADISTBETAINVDATEVALUE(date_string)91ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการแจกแจงเบต้าแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม BETA.INVDATEVALUE(date_string)92ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการแจกแจงเบต้าแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติม BINOMDISTDATEVALUE(date_string)93ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความสำเร็จในจำนวนครั้งที่กำหนด (หรือจำนวนความสำเร็จสูงสุด) จากจำนวนการทดลองที่กำหนด โดยมีขนาดประชากรที่กำหนดที่มีจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยมีการแทนที่ค่าที่เสมอกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมBINOM.DISTDATEVALUE(date_string)94โปรดดู BINOMDISTBINOM.INVDATEVALUE(date_string)95โปรดดู CRITBINOMCHIDISTDATEVALUE(date_string)96ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ซึ่งมักจะใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHIINVDATEVALUE(date_string)97ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.DISTDATEVALUE(date_string)98ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านซ้าย ซึ่งมักจะใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.DIST.RTDATEVALUE(date_string)99ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ซึ่งมักใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.INVDAY(date)00ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านซ้าย ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.INV.RTDAY(date)01ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงแบบไคสแควร์ทางด้านขวา ดูข้อมูลเพิ่มเติมCHISQ.TESTDAY(date)02โปรดดู CHITESTCHITESTDAY(date)03ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบไคสแควร์ของ Pearson บนข้อมูลสองช่วง โดยคำนวณความเป็นไปได้ที่ข้อมูลกลุ่มที่พบจะมาจากการกระจายที่คาดไว้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONFIDENCEDAY(date)04ทางสถิติจะคำนวณความกว้างของครึ่งหนึ่งของช่วงความเชื่อมั่นสำหรับการกระจายปกติ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONFIDENCE.NORMDAY(date)05ทางสถิติโปรดดู CONFIDENCECONFIDENCE.TDAY(date)06จะคำนวณความกว้างครึ่งหนึ่งของช่วงความเชื่อมั่นสำหรับการแจกแจงแบบทีของนักเรียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCORRELDAY(date)07ทางสถิติจะคำนวณ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOUNTDAY(date)08ทางสถิติCOUNTADAY(date)09ทางสถิติCOVARDAY(date)10ทางสถิติจะคำนวณความแปรปรวนของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมCOVARIANCE.PDAY(date)11โปรดดู COVARCOVARIANCE.SDAY(date)12จะคำนวณความแปรปรวนของชุดข้อมูล โดยที่ชุดข้อมูลคือตัวอย่างของประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมCRITBINOMDAY(date)13ทางสถิติจะคำนวณจำนวนที่น้อยที่สุดที่การกระจายทวินามสะสมแบบผกผันมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมDEVSQDAY(date)14ทางสถิติจะคำนวณผลรวมของกำลังสองของความเบี่ยงเบนตามตัวอย่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมสถิติEXPON.DISTDAY(date)15แสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายแบบเลขยกกำลังด้วย LAMBDA เฉพาะในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติม สถิติEXPONDISTDAY(date)16โปรดดู EXPON.DISTFDISTDAY(date)17ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.DISTDAY(date)18ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านซ้าย (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x. หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.DIST.RTDAY(date)19ทางสถิติจะคำนวณการกระจายความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา (การแจกแจงความน่าจะเป็น) สำหรับชุดข้อมูล 2 ชุด ที่ระบุค่า x หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงแบบ F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.INVDAY(date)20ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบ F ทางด้านซ้าย หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมFINVDAY(date)21ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบ F ทางด้านขวา หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมF.INV.RTDAY(date)22ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของการแจกแจงความน่าจะเป็นของค่า F ทางด้านขวา หรือที่เรียกว่าการแจกแจงของ Fisher-Snedecor หรือการแจกแจงค่า F ของ Snedecor ดูข้อมูลเพิ่มเติมFISHERDAY(date)23ทางสถิติจะแสดงผลการเปลี่ยนแปลงฟิชเชอร์ของค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFISHERINVDAY(date)24ทางสถิติจะแสดงผลการเปลี่ยนแปลงฟิชเชอร์ผกผันของค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFORECASTDAY(date)25ทางสถิติจะคำนวณค่า y ที่คาดไว้สำหรับ x ที่ระบุ ตามการถดถอยเชิงเส้นของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมFORECAST.LINEARDAY(date)26โปรดดู FORECASTF.TESTDAY(date)27ทางสถิติโปรดดูฟังก์ชัน FTESTFTESTDAY(date)28ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่สัมพันธ์กับ F-test ที่ใช้ทดสอบความเท่ากันของความแปรปรวน เพื่อพิจารณาว่าตัวอย่างสองกลุ่มมีแนวโน้มว่ามาจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มที่มีค่าความแปรปรวนเท่ากันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMADAY(date)29จะแสดงผลฟังก์ชัน Gamma ซึ่งประเมินที่ค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMADISTDAY(date)30ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแกมมา หรือการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลพารามิเตอร์ 2 ค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMA.DISTDAY(date)31ทางสถิติจะคำนวณการแจกแจงแกมมา หรือการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบต่อเนื่องโดยใช้ข้อมูลพารามิเตอร์ 2 ค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMAINVDAY(date)32ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแกมมาแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่ระบุ และพารามิเตอร์อัลฟาและเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAMMA.INVDAY(date)33ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการแจกแจงสะสมแกมมาแบบผกผันสำหรับความน่าจะเป็นที่ระบุ และพารามิเตอร์อัลฟาและเบต้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมGAUSSDAY(date)34ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่เป็นตัวแปรสุ่มจากการแจกแจงแบบปกติ โดยจะอยู่ระหว่างค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน z ที่สูงกว่า (หรือต่ำกว่า) ค่าเฉลี่ย ดูข้อมูลเพิ่มเติมGEOMEANDAY(date)35ทางสถิติจะคำนวณมัชฌิมเรขาคณิตของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมHARMEANDAY(date)36ทางสถิติจะคำนวณมัชฌิมฮาร์โมนิกของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมHYPGEOMDISTDAY(date)37ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความสำเร็จในจำนวนครั้งที่กำหนด (หรือจำนวนความสำเร็จสูงสุด) จากจำนวนการทดลองที่กำหนด โดยมีขนาดประชากรที่กำหนดที่มีจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยไม่มีการแทนที่ค่าที่เสมอกันดูข้อมูลเพิ่มเติมฟังก์ชันเชิงสถิติHYPGEOM.DISTDAY(date)38โปรดดู HYPGEOMDISTINTERCEPTDAY(date)39ทางสถิติจะคำนวณค่า y ที่เส้นเกิดจากการถดถอยเชิงเส้นของข้อมูลและตัดกับแกน y (x=0) ดูข้อมูลเพิ่มเติมKURTDAY(date)40ทางสถิติจะคำนวณความโด่งของชุดข้อมูล ซึ่งจะอธิบายถึงรูปร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จุดสูงสุด" ของชุดข้อมูลดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมLARGEDAY(date)41ทางสถิติจะแสดงผลองค์ประกอบที่ใหญ่เป็นอันดับ N จากชุดข้อมูล โดย N คือค่าที่ผู้ใช้ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGINVDAY(date)42ทางสถิติจะแสดงผลค่าผกผันของการกระจายสะสมของระบบปกติพร้อมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGNORMDISTDAY(date)43ทางสถิติจะแสดงผลค่าการกระจายสะสมของระบบปกติพร้อมค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานในค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGNORM.DISTDAY(date)44โปรดดู LOGNORMDISTLOGNORM.INVDAY(date)45โปรดดู LOGINVMAXDAY(date)46ทางสถิติMAXADAY(date)47ทางสถิติจะแสดงผลค่าจำนวนที่สูงสุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมMAXIFSDAY(date)48ทางสถิติจะแสดงผลค่าสูงสุดในช่วงของเซลล์ที่กรองโดยเกณฑ์ชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMEDIANDAY(date)49ทางสถิติMINDAY(date)50ทางสถิติMINADAY(date)51ทางสถิติจะแสดงผลค่าจำนวนต่ำสุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINIFSDAY(date)52ทางสถิติจะแสดงผลค่าต่ำสุดในช่วงของเซลล์ที่กรองโดยเกณฑ์ชุดหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMODEDAY(date)53ทางสถิติMODE.MULTDAY(date)54จะแสดงผลค่าที่ซ้ำมากที่สุดในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมMODE.SNGLDAY(date)55NEGBINOMDISTDAY(date)56ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นของการประสบความล้มเหลวในจำนวนครั้งที่กำหนดก่อนจำนวนความสำเร็จที่ระบุ โดยพิจารณาตามความน่าจะเป็นของความสำเร็จในการทดลองอิสระ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNEGBINOM.DISTDAY(date)57โปรดดู NEGBINOMDISTNORMDISTDAY(date)58ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายปกติ (หรือฟังก์ชันการกระจายสะสมปกติ) สำหรับค่า ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.DISTDAY(date)59โปรดดู NORMDISTNORMINVDAY(date)60ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายปกติแบบผกผันสำหรับค่า ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.INVDAY(date)61โปรดดู NORMINVNORMSDISTDAY(date)62ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายสะสมปกติแบบมาตรฐานสำหรับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.S.DISTDAY(date)63โปรดดู NORMSDISTNORMSINVDAY(date)64ทางสถิติจะแสดงผลค่าผกผันของฟังก์ชันการกระจายปกติตามมาตรฐานสำหรับค่าที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมNORM.S.INVDAY(date)65โปรดดู NORMSINVPEARSONDAY(date)66ทางสถิติจะคำนวณ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTILEDAY(date)67ทางสถิติจะแสดงผลค่าของเปอร์เซ็นไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTILE.EXCDAY(date)68จะแสดงผลค่าซึ่งอยู่ที่เปอร์เซ็นไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTILE.INCDAY(date)69โปรดดู PERCENTILEPERCENTRANKDAY(date)70ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) ของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTRANK.EXCDAY(date)71ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) จาก 0 ถึง 1 โดยไม่รวมค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERCENTRANK.INCDAY(date)72ทางสถิติจะแสดงผลอันดับเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นไทล์) จาก 0 ถึง 1 โดยรวมค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERMUTATIONADAY(date)73จะแสดงผลการเรียงสับเปลี่ยนสำหรับการเลือกกลุ่มวัตถุ (มีการแทนที่) จากจำนวนวัตถุทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมPERMUTDAY(date)74ทางสถิติจะแสดงผลจำนวนวิธีการที่จะเลือกจำนวนวัตถุบางอย่างจากกลุ่มของขนาดวัตถุที่ให้ เมื่อพิจารณาลำดับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPHIDAY(date)75ทางสถิติจะแสดงผลค่าของการแจกแจงปกติที่มีค่าเฉลี่ยเป็น 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 1 ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOISSONDAY(date)76ทางสถิติจะแสดงผลค่าของฟังก์ชันการกระจายแบบ Poisson (หรือฟังก์ชันกระจายสะสมแบบ Poisson) สำหรับค่าและค่าเฉลี่ยที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPOISSON.DISTDAY(date)77ทางสถิติโปรดดู POISSONPROBDAY(date)78ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นที่ค่าที่สุ่มเลือกจะอยู่ระหว่างค่าจำกัดสองค่าโดยพิจารณาจากกลุ่มของค่าและความน่าจะเป็นที่สัมพันธ์กัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUARTILEDAY(date)79ทางสถิติจะแสดงผลค่าที่ใกล้เคียงที่สุดกับควอไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUARTILE.EXCDAY(date)80จะแสดงผลค่าที่ใกล้ที่สุดกับควอไทล์ที่ระบุของชุดข้อมูลซึ่งอยู่ระหว่าง 0 ถึง 4 ดูข้อมูลเพิ่มเติมQUARTILE.INCDAY(date)81โปรดดู QUARTILERANKDAY(date)82ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANK.AVGDAY(date)83ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล หากในชุดข้อมูลมีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีค่าเดียวกัน ระบบจะแสดงผลอันดับเฉลี่ยของค่าดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมRANK.EQDAY(date)84ทางสถิติจะแสดงผลอันดับของค่าที่ระบุในชุดข้อมูล หากในชุดข้อมูล มีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีค่าเดียวกัน ระบบจะแสดงผลอันดับสูงสุดของค่าดังกล่าว ดูข้อมูลเพิ่มเติมRSQDAY(date)85ทางสถิติจะคำนวณกำลังสองของ r หรือสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมSKEWDAY(date)86ทางสถิติจะคำนวณความเบ้ของชุดข้อมูลซึ่งอธิบายถึงความสมมาตรของชุดข้อมูลที่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ดูข้อมูลเพิ่มเติมSKEW.PDAY(date)87จะคำนวณความเบ้ของชุดข้อมูลที่เป็นตัวแทนประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSLOPEDAY(date)88ทางสถิติจะคำนวณความชันของเส้นซึ่งเป็นผลจากความถดถอยเชิงเส้นของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมSMALLDAY(date)89ทางสถิติจะแสดงผลองค์ประกอบที่เล็กเป็นอันดับ N จากชุดข้อมูล โดย N คือค่าที่ผู้ใช้ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTANDARDIZEDAY(date)90ทางสถิติจะคำนวณค่าเทียบเท่ามาตรฐานของตัวแปรสุ่ม หากการกระจายมีค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEVDAY(date)91ทางสถิติSTDEVADAY(date)92ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามกลุ่มตัวอย่าง โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEV.PDAY(date)93โปรดดู STDEVPSTDEVPDAY(date)94ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานจากกลุ่มประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEVPADAY(date)95ทางสถิติจะคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานตามกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมSTDEV.SDAY(date)96โปรดดู STDEVSTEYXDAY(date)97ทางสถิติจะคำนวณข้อผิดพลาดมาตรฐานของการคาดคะเนค่า y สำหรับค่า x แต่ละค่าในการถดถอยของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมTDISTDAY(date)98ทางสถิติจะคำนวณความน่าจะเป็นสำหรับการแจกแจงค่า t กับข้อมูลที่กำหนด (x) ของนักเรียน ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.DISTDAY(date)99จะแสดงผลการแจกแจงนักเรียนทางด้านขวาของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.DIST.2TDAYS(end_date, start_date)00จะแสดงผลการแจงแจกนักเรียนแบบ 2 ด้านของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.DIST.RTDAYS(end_date, start_date)01จะแสดงผลการแจกแจงนักเรียนทางด้านขวาของค่า x ดูข้อมูลเพิ่มเติมTINVDAYS(end_date, start_date)02ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของฟังก์ชัน TDIST แบบสองด้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.INVDAYS(end_date, start_date)03ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันที่เป็นลบของฟังก์ชัน TDIST แบบด้านเดียว ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.INV.2TDAYS(end_date, start_date)04ทางสถิติจะคำนวณค่าผกผันของฟังก์ชัน TDIST แบบสองด้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRIMMEANDAYS(end_date, start_date)05ทางสถิติจะคำนวณค่าเฉลี่ยชุดข้อมูลโดยไม่รวมข้อมูลส่วนหนึ่งจากปลายที่สูงและต่ำของชุดข้อมูล ดูข้อมูลเพิ่มเติมTTESTDAYS(end_date, start_date)06ทางสถิติจะแสดงผลค่าความน่าจะเป็นที่ได้จากการทำ t-Test เพื่อพิจารณาว่า ตัวอย่างสองกลุ่มมาจากกลุ่มประชากรสองกลุ่มที่เหมือนกัน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากันใช่ไหม ดูข้อมูลเพิ่มเติมT.TESTDAYS(end_date, start_date)07ทางสถิติโปรดดู TTESTVARDAYS(end_date, start_date)08ทางสถิติVARADAYS(end_date, start_date)09ทางสถิติจะคำนวณความแปรปรวนโดยประมาณตามกลุ่มตัวอย่าง โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมVAR.PDAYS(end_date, start_date)10โปรดดู VARPVARPDAYS(end_date, start_date)11ทางสถิติจะคำนวณค่าความแปรปรวนตามกลุ่มประชากรทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมVARPADAYS(end_date, start_date)12ทางสถิติจะคำนวณค่าความแปรปรวนตามกลุ่มประชากรทั้งหมด โดยตั้งค่าให้ข้อความมีค่าเป็น "0" ดูข้อมูลเพิ่มเติมVAR.SDAYS(end_date, start_date)13โปรดดู VARWEIBULLDAYS(end_date, start_date)14ทางสถิติจะแสดงผลค่าฟังก์ชันการกระจายแบบ Weibull (หรือฟังก์ชันการกระจายสะสมแบบ Weibull) สำหรับรูปทรงและขั้นคะแนนที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมWEIBULL.DISTDAYS(end_date, start_date)15โปรดดู WEIBULLZ.TESTDAYS(end_date, start_date)16ทางสถิติโปรดดู ZTESTZTESTDAYS(end_date, start_date)17ทางสถิติจะแสดงผลค่า p ด้านเดียวของการทดสอบ z กับการกระจายมาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมARABICDAYS(end_date, start_date)18สำหรับข้อความจะคำนวณค่าของเลขโรมัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมASCDAYS(end_date, start_date)19สำหรับข้อความจะแปลงอักขระ ASCII และอักขระ katakana ความกว้างเต็มเป็นแบบครึ่งความกว้าง อักขระความกว้างมาตรฐานทั้งหมดจะยังคงเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติม CHARDAYS(end_date, start_date)20สำหรับข้อความจะแปลงตัวเลขเป็นอักขระตามตาราง Unicode ปัจจุบัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมCODEDAYS(end_date, start_date)21สำหรับข้อความจะแสดงผลตัวเลขรหัสคู่ของอักขระแรกในสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONCATENATEDAYS(end_date, start_date)22สำหรับข้อความDOLLARDAYS(end_date, start_date)23สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบจำนวนให้เป็นรูปแบบสกุลเงินสำหรับท้องถิ่นที่ต้องการ ดูข้อมูลเพิ่มเติมEXACTDAYS(end_date, start_date)24สำหรับข้อความจะทดสอบว่าสตริงทั้งสองเหมือนกันหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFINDDAYS(end_date, start_date)25สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติมFINDBDAYS(end_date, start_date)26สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความโดยนับอักขระคู่แต่ละตัวเป็น 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมFIXEDDAYS(end_date, start_date)27สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบตัวเลขด้วยจำนวนคงที่ของตำแหน่งทศนิยม ดูข้อมูลเพิ่มเติมJOINDAYS(end_date, start_date)28สำหรับข้อความLEFTDAYS(end_date, start_date)29สำหรับข้อความจะแสดงผลสตริงย่อยจากช่วงแรกของสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLEFTBDAYS(end_date, start_date)30จะแสดงผลสตริงส่วนซ้ายตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมLENDAYS(end_date, start_date)31สำหรับข้อความจะแสดงผลความยาวของสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมLENBDAYS(end_date, start_date)32จะแสดงผลความยาวของสตริงในหน่วยไบต์" ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOWERDAYS(end_date, start_date)33สำหรับข้อความจะแปลงสตริงที่เฉพาะเจาะจงให้เป็นอักษรตัวพิมพ์เล็ก ดูข้อมูลเพิ่มเติมMIDDAYS(end_date, start_date)34สำหรับข้อความจะแสดงผลส่วนของสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMIDBDAYS(end_date, start_date)35จะแสดงผลส่วนของสตริงที่เริ่มต้นจากอักขระที่กำหนดตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมPROPERDAYS(end_date, start_date)36สำหรับข้อความจะขึ้นต้นแต่ละคำด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ในสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมREGEXEXTRACTDAYS(end_date, start_date)37สำหรับข้อความจะแยกสตริงย่อยที่ตรงกันตามนิพจน์ทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมREGEXMATCHDAYS(end_date, start_date)38สำหรับข้อความจะดูว่าข้อความส่วนหนึ่งตรงกับนิพจน์ทั่วไปหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมREGEXREPLACEDAYS(end_date, start_date)39สำหรับข้อความจะแทนที่ส่วนของสตริงข้อความด้วยสตริงข้อความที่แตกต่างกันโดยใช้นิพจน์ทั่วไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมREPLACEDAYS(end_date, start_date)40สำหรับข้อความจะแทนที่บางส่วนของสตริงข้อความด้วยสตริงข้อความอื่น ดูข้อมูลเพิ่มเติมREPLACEBDAYS(end_date, start_date)41จะแทนที่บางส่วนของสตริงข้อความเดิมด้วยสตริงข้อความอื่นตามจำนวนไบต์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมREPTDAYS(end_date, start_date)42สำหรับข้อความจะแสดงผลข้อความที่ระบุซ้ำหลายครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมRIGHTDAYS(end_date, start_date)43สำหรับข้อความจะแสดงผลสตริงย่อยจากตอนปลายของสตริงที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมRIGHTBDAYS(end_date, start_date)44จะแสดงผลสตริงส่วนขวาตามจำนวนไบต์ที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมROMANDAYS(end_date, start_date)45สำหรับข้อความจะจัดรูปแบบจำนวนเป็นเลขโรมัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSEARCHDAYS(end_date, start_date)46สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSEARCHBDAYS(end_date, start_date)47สำหรับข้อความจะแสดงผลตำแหน่งที่พบสตริงที่ระบุเป็นครั้งแรกภายในข้อความโดยนับอักขระคู่แต่ละตัวเป็น 2 ดูข้อมูลเพิ่มเติมSPLITDAYS(end_date, start_date)48สำหรับข้อความจะแบ่งข้อความตามอักขระหรือสตริงที่ระบุ และวางส่วนย่อยแต่ละส่วนในเซลล์แยกต่างหากในแถว ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUBSTITUTEDAYS(end_date, start_date)49สำหรับข้อความจะแทนที่ข้อความที่มีอยู่ด้วยข้อความใหม่ในสตริง ดูข้อมูลเพิ่มเติมTDAYS(end_date, start_date)50สำหรับข้อความจะแสดงผลอาร์กิวเมนต์สตริงเป็นข้อความ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTEXTDAYS(end_date, start_date)51สำหรับข้อความจะแปลงจำนวนเป็นข้อความตามรูปแบบที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมTEXTJOINDAYS(end_date, start_date)52สำหรับข้อความจะรวมข้อความจากสตริงและ/หรืออาร์เรย์หลายรายการ พร้อมตัวคั่นที่กำหนดได้ซึ่งแยกข้อความที่แตกต่างจากกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRIMDAYS(end_date, start_date)53สำหรับข้อความจะนำช่องว่างนำและช่องว่างที่ต่อท้ายในสตริงที่ระบุออก ดูข้อมูลเพิ่มเติมUNICHARDAYS(end_date, start_date)54จะแสดงผลอักขระ Unicode ของตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมUPPERDAYS(end_date, start_date)55สำหรับข้อความจะแปลงสตริงที่ระบุให้เป็นอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด ดูข้อมูลเพิ่มเติมVALUEDAYS(end_date, start_date)56สำหรับข้อความจะแปลงสตริงในรูปแบบวันที่ เวลา หรือจำนวนที่ Google ชีตอ่านข้อมูลได้เป็นตัวเลข ดูข้อมูลเพิ่มเติมข้อความCLEANDAYS(end_date, start_date)57ส่งกลับข้อความโดยนำอักขระ ASCII ที่ไม่สามารถพิมพ์ได้ออกแล้ว เรียนรู้เพิ่มเติมUNICODEDAYS(end_date, start_date)58สำหรับข้อความจะแสดงผลค่า Unicode ที่เป็นทศนิยมของอักขระตัวแรกในสตริงอินพุต ดูข้อมูลเพิ่มเติมDAVERAGEDAYS(end_date, start_date)59สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเฉลี่ยของกลุ่มค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDCOUNTDAYS(end_date, start_date)60สำหรับฐานข้อมูลจะนับค่าจำนวนที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDCOUNTADAYS(end_date, start_date)61สำหรับฐานข้อมูลจะนับค่าจำนวนซึ่งรวมทั้งข้อความที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDGETDAYS(end_date, start_date)62สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเดี่ยวจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตาราง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDMAXDAYS(end_date, start_date)63สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าสูงสุดที่เลือกจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตาราง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDMINDAYS(end_date, start_date)64สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าต่ำสุดที่เลือกจากอาร์เรย์หรือช่วงฐานข้อมูลที่เหมือนตารางหรือช่วง โดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDPRODUCTDAYS(end_date, start_date)65สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลคูณของค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDSTDEVDAYS(end_date, start_date)66สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDSTDEVPDAYS(end_date, start_date)67สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDSUMDAYS(end_date, start_date)68สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลรวมของค่าที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้ข้อความค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDVARDAYS(end_date, start_date)69สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลความแปรปรวนของกลุ่มประชากรตัวอย่างที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมDVARPDAYS(end_date, start_date)70สำหรับฐานข้อมูลจะแสดงผลความแปรปรวนของกลุ่มประชากรทั้งหมดที่เลือกจากช่วงหรืออาร์เรย์ฐานข้อมูลที่เหมือนตารางโดยใช้คำสั่งค้นหาแบบ SQL ดูข้อมูลเพิ่มเติมCONVERTDAYS(end_date, start_date)71สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงค่าตัวเลขให้เป็นหน่วยวัดที่แตกต่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_DATEDAYS(end_date, start_date)72สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ระบุเป็นวันที่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_DOLLARSDAYS(end_date, start_date)73สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ระบุเป็นค่าเงินดอลลาร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_PERCENTDAYS(end_date, start_date)74สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงจำนวนที่ให้ไว้เป็นค่าเปอร์เซ็นต์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_PURE_NUMBERDAYS(end_date, start_date)75สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงวันที่/เวลา ค่าเปอร์เซ็นต์ สกุลเงิน หรือค่าตัวเลขที่จัดอยู่ในรูปแบบเป็นตัวเลขล้วนๆ โดยไม่มีการจัดรูปแบบ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTO_TEXTDAYS(end_date, start_date)76สำหรับโปรแกรมแยกวิเคราะห์จะแปลงค่าจำนวนที่กำหนดเป็นค่าที่เป็นข้อความดูข้อมูลเพิ่มเติมARRAY_CONSTRAINDAYS(end_date, start_date)77สำหรับอาร์เรย์จะจำกัดอาร์เรย์ผลลัพธ์ให้มีขนาดที่กำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์BYCOLDAYS(end_date, start_date)78จัดกลุ่มอาร์เรย์ตามคอลัมน์โดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละคอลัมน์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์BYROWDAYS(end_date, start_date)79จัดกลุ่มอาร์เรย์ตามแถวโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละแถว ดูข้อมูลเพิ่มเติมFREQUENCYDAYS(end_date, start_date)80สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณการกระจายความถี่ของอาร์เรย์แบบหนึ่งคอลัมน์เป็นประเภทที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมGROWTHDAYS(end_date, start_date)81สำหรับอาร์เรย์จะลองหาแนวโน้มการขยายแบบเลขยกกำลังในอุดมคติ และ/หรือคาดคะเนค่าต่อไป จากข้อมูลบางส่วนที่มีเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายแบบเลขยกกำลังดูข้อมูลเพิ่มเติมLINESTDAYS(end_date, start_date)82สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณพารามิเตอร์ต่างๆ เกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้นในอุดมคติโดยใช้วิธีกำลังสองน้อยที่สุด โดยใช้ข้อมูลบางส่วนที่มีเกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมLOGESTDAYS(end_date, start_date)83สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณหาพารามิเตอร์ต่างๆ เกี่ยวกับเส้นโค้งการขยายแบบเลขยกกำลังในอุดมคติ โดยใช้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับเส้นโค้งการขยายแบบเลขยกกำลังดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์MAKEARRAYDAYS(end_date, start_date)84แสดงผลอาร์เรย์ของมิติข้อมูลที่ระบุพร้อมด้วยค่าที่คํานวณโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์MAPDAYS(end_date, start_date)85จับคู่แต่ละค่าในอาร์เรย์ที่ระบุกับค่าใหม่โดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมMDETERMDAYS(end_date, start_date)86สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลดีเทอร์มิแนนต์ของเมทริกช์ของเมทริกซ์จัตุรัสที่ระบุไว้เป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMINVERSEDAYS(end_date, start_date)87สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์จัตุรัสที่ระบุไว้เป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมMMULTDAYS(end_date, start_date)88สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลคูณเมทริกซ์ของสองเมทริกซ์ที่ระบุเป็นอาร์เรย์หรือช่วง ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์REDUCEDAYS(end_date, start_date)89ตัดทอนอาร์เรย์เป็นผลลัพธ์แบบรวมโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์SCANDAYS(end_date, start_date)90สแกนอาร์เรย์และสร้างค่ากลางโดยใช้ฟังก์ชัน LAMBDA กับแต่ละค่า โดยจะแสดงผลอาร์เรย์ของค่ากลางที่ได้มาจากแต่ละขั้นตอน ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMPRODUCTDAYS(end_date, start_date)91สำหรับอาร์เรย์SUMX2MY2DAYS(end_date, start_date)92สำหรับอาร์เรย์จะแสดงผลรวมของผลต่างของกำลังสองของค่าที่สอดคล้องกันในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMX2PY2DAYS(end_date, start_date)93สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลรวมของผลรวมค่ากำลังสองในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมSUMXMY2DAYS(end_date, start_date)94สำหรับอาร์เรย์จะคำนวณผลรวมของผลต่างของค่ากำลังสองในสองอาร์เรย์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRANSPOSEDAYS(end_date, start_date)95สำหรับอาร์เรย์จะสลับแกนของแถวและคอลัมน์ของอาร์เรย์หรือช่วงของเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมTRENDDAYS(end_date, start_date)96สำหรับอาร์เรย์จะจัดทำแนวโน้มเชิงเส้นในอุดมคติโดยใช้วิธีกำลังสองที่น้อยที่สุด และ/หรือคาดคะเนค่าต่อไปโดยใช้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับแนวโน้มเชิงเส้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมอาร์เรย์FLATTENDAYS(end_date, start_date)97โปรดดู FLATTENENCODEURLDAYS(end_date, start_date)98สำหรับเว็บจะเข้ารหัสสตริงข้อความเพื่อใช้ในการค้นหา URL ดูข้อมูลเพิ่มเติมHYPERLINKDAYS(end_date, start_date)99สำหรับเว็บจะสร้างไฮเปอร์ลิงก์ภายในเซลล์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTDATADAYS360(start_date, end_date, [method])00สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจาก URL ที่ระบุในรูปแบบ .csv (ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค) หรือ .tsv (ค่าที่คั่นด้วยแท็บ) ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTFEEDDAYS360(start_date, end_date, [method])01สำหรับเว็บจะนำเข้าฟีด RSS หรือ Atom ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTHTMLDAYS360(start_date, end_date, [method])02สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจากตาราง/รายการภายในหน้า HTML ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTRANGEDAYS360(start_date, end_date, [method])03สำหรับเว็บจะนำเข้าช่วงเซลล์จากสเปรดชีตที่ระบุ ดูข้อมูลเพิ่มเติมIMPORTXMLDAYS360(start_date, end_date, [method])04สำหรับเว็บจะนำเข้าข้อมูลจากประเภทข้อมูลที่มีโครงสร้างที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง XML, HTML, CSV, TSV และฟีด RSS และ ATOM XML ดูข้อมูลเพิ่มเติมISURLDAYS360(start_date, end_date, [method])05สำหรับเว็บจะตรวจสอบว่าค่าเป็น URL ที่ถูกต้องหรือไม่ ดูข้อมูลเพิ่มเติมลองใช้คำหลักของคุณใน Google ค้นเว็บ

เคล็ดลับ: คุณจะใช้บางฟังก์ชันจากโปรแกรมสเปรดชีตอื่นๆ ไม่ได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันที่ไม่รองรับในชีต

เอกสารนี้ประกอบด้วยเนื้อหาที่ได้รับการแก้ไขจาก Appendix B ของ "Calc Guide" โดย OpenOffice.org ซึ่งเปิดดูได้ที่ https://wiki.openoffice.org/w/images/b/b3/0300CS3-CalcGuide.pdf เนื้อหานี้ได้รับใบอนุญาตภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์สำหรับยอมรับสิทธิของผู้สร้าง (Creative Commons Attribution License) เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งมีอยู่ที่ https://creativecommons.org/licenses/by/2.0/legalcode

เราได้ปรับเปลี่ยนไวยากรณ์และคำอธิบายเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับรูปแบบของตารางนี้ และให้ตรงกับการนำฟังก์ชันไปใช้และการใช้งานใน Google สเปรดชีต

เราได้ยกประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ที่พบใน "Calc Guide" ของ OpenOffice.org ในรูปแบบเต็มมาไว้ด้านล่างดังนี้

ลิขสิทธิ์

เอกสารนี้มีลิขสิทธิ์ © 2005 โดยผู้ร่วมเขียนดังที่ปรากฏในส่วนรายการชื่อผู้แต่ง คุณมีสิทธิ์แจกจ่ายและ/หรือแก้ไขเนื้อหาภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู (GNU General Public License) เวอร์ชัน 2 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่านั้น (https://www.gnu.org/licenses/gpl.html) หรือสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์สำหรับยอมรับสิทธิของผู้สร้าง (Creative Commons Attribution License) เวอร์ชัน 2.0 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่านั้น (https://creativecommons.org/licenses/by/2.0/)

แถวในแนวตั้งของโปรแกรม Excel เรียกว่าอะไร

1. แถว (Row) หมายถึงแถวแนวนอน เริ่มต้นจานวนแถวจาก 1 ถึง 1,048,576 2. คอลัมน์(Column) หมายถึงแถวแนวตั้ง จะเริ่มต้นจาก A จนถึง Z และต่อด้วย AA ถึง AZ, BA ถึง BZ ถึง XFD 3. เซลล์(Cell) เป็นจุดตัดระหว่างแถวกับคอลัมน์(เพื่อใช้เรียกตาแหน่งของข้อมูล) เช่นA1,A2,B1 เป็นต้น 4. มีความสามารถในการรวมเซลล์หลายๆ เซลล์เข้าด้วยกัน 5. ...

ตารางแนวตั้งเรียกว่าอะไร

ส่วนประกอบของตารางประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ ที่เรียกว่า คอลัมน์ ( Column ) คือ แถวของตารางในแนวตั้ง และ แถว ( Row ) คือ แถวของข้อมูลในแนวนอน โดยที่แต่ละช่องในตารางเราเรียกว่า เซลล์ ( Cell ) ดังนี้

ช่องในตารางเรียกว่าอะไร

ส่วนประกอบของตารางประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ ที่เรียกว่า คอลัมน์ ( Column ) คือ แถวของตารางในแนวตั้ง และ แถว ( Row ) คือ แถวของข้อมูลในแนวนอน โดยที่แต่ละช่องในตารางเราเรียกว่า เซลล์ ( Cell ) ดังนี้

ช่องตารางที่มีแถวและสดมภ์ตัดกันเป็นช่องเรียกว่าอะไร

สดมภ์ (column) และแถว (row) ตัดกัน ท าให้เกิดช่องสี่เหลี่ยม เรียกว่า เซลล์ (cell) เซลล์แต่ละเซลล์มีชื่อเรียก ตามต าแหน่งของสดมภ์และแถว เช่น เซลที่อยู่ในต าแหน่ง สดมภ์ B และแถว ที่ 4 ตัดกัน เรียกว่า เซล B4.