มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใส่ในรถรุ่นใหม่กันอย่างมากมาย ทั้งนั้นทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้รถ ผู้โดยสาร หรือผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกัน โดยอุบัติเหตุนั้นเกิดได้จากทั้งผู้ขับขี่เอง และเกิดได้จากตัวรถเช่นกัน โดยส่วนใหญ่นั้นมากจากบรรดาจุดบอดหรือมุมอับ(Blind Spots)ของการออกแบบตัวรถนั่นเอง รถรุ่นใหม่จึงใส่บรรดาพวกกล้องต่างๆ รอบคันมาให้ รวมถึงระบบเตือนมุมอับจากกระจกมองข้างมาให้เป็นต้น

ส่วนผู้ที่ใช้รถยนต์แต่ไม่มีระบบช่วยเตือนเหล่านี้ เรามาลองศึกษาเทคนิคการขับรถหาบรรดาจุดบอดของตัวรถยนต์กัน จะได้คอยระวังและหาวิธีแก้ไขเมื่อเราขับรถแล้วเจอปัญหาเช่นนี้

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

  1. จุดบอดจากเสาเอ เสาเอ ก็คือเสาที่ติดตั้งกระจกคู่หน้านั่นเอง ด้วยเทคโนโลยีการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะเน้นความเป็นสปอร์ตด้วยการปรับเสาเอให้มีความลาดเอียงมากขึ้น รวมถึงมีขนาดใหญ่หรือหนาขึ้นกว่าเดิมเพื่อเสริมความปลอดภัย บางรุ่นมีการติดตั้งม่านถุงลมนิรภัยไว้ด้วย จึงทำให้เกิดจุดบอดที่สายตาเรามองไม่เห็นได้ โดยเฉพาะด้านขวา เมื่อผู้ขับขี่จะเลี้ยวรถ หรือกลับรถ วิธีนี้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ได้แนะนำให้ผู้ขับขี่นั้นอย่าปรับเบาะนั่งให้สูงเกินไป โดยให้วัดระดับศีรษะของผู้ขับขี่กับหลังคารถจะต้องมีมากกว่า 6 นิ้ว ลองทำกันดูนะครับ ส่วนผมนั้นแนะนำว่า บางทีจะต้องโยกศีรษะมาข้างหน้า หรือเอียงศีรษะมาดูบ้างแล้วแต่ เอาให้เห็นชัดเจนแล้วค่อยเลี้ยวไป

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

  1. จุดบอดจากกระจกมองข้าง อันนี้เจอกันบ่อยแน่นอนเป็นจุดที่อยู่นอกเหนือจากองศาการมองเห็นของกระจกที่เราปรับไว้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่ห่างจากตัวรถในจังหวะเกือบจะตีคู่กับรถของเรา วิธีแก้ไขนั้น ให้ปรับท่านั่งของรถในแบบที่ถนัดและถูกต้องตามหลักขับขี่ที่ปลอดภัย หลังจากนั้นให้ปรับกระจกมองข้างให้มองเห็นทั้งตัวรถด้านข้างและพื้นผิวถนน และเส้นแบ่งเลน ไม่ควรจะสูงเกินไป ที่สำคัญผู้ขับขี่จะต้องไม่เคลื่อนศีรษะในแบบก้มลงไปมองใช้เพียงการหันศรีษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำแบบนี้ทั้งด้านซ้ายและขวา

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

  1. จุดบอดกระจกมองหลัง ในจุดนี้บางคนแทบไม่ให้ความสำคัญ เพราะจะถนัดใช้กระจกมองข้างด้านซ้ายเสียเป็นหลัก หรือไม่ก็นำสิ่งของไปวางไว้หลังรถจนกระจกมองหลังมองไม่เห็นอะไรนอกรถได้เลย เอาไว้มองหน้าตัวเอง หรือดูผู้โดยสารด้านหลัง เป็นการสร้างมุมอับให้กับตัวเองไปเอง เลิกกระทำนะครับ กระจกมองหลังนั้นมีประโยชน์อย่างมาก ทั้งในการแซง การเปลี่ยนเลน การถอยรถ โดยกระจกมองหลังต้องมองเห็นกระจกที่อยู่ด้านหลังได้ทั้งบาน เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของรถที่อยู่ด้านหลัง และต้องปรับด้วยองศาที่มองไม่เห็นศีรษะของเราเช่นกัน สอนเทคนิคการใช้กระจกมองหลังในเวลาแซง ในกรณีแซงแล้วต้องกลับมาที่เลนซ้ายเหมือนเดิมนั้น บางคนใช้กระจกมองข้างไม่ถนัดว่าท้ายเราพ้นจากคันที่แซงแล้วหรือยัง หรือระยะห่างกับคันที่แซงพอดียัง ให้ใช้วิธี เมื่อแซงขึ้นมาแล้วให้มองที่กระจกมองหลังถ้าเห็นหน้ารถคันที่แซงขึ้นมาอยู่ในกระจกมองหลังแล้ว ให้เรากลับเข้าเลนซ้ายได้เลย จะได้ระยะห่างประมาณ 2-3 ช่วงตัวรถเราพอดี จะไม่เป็นการแซงแล้วปาดหน้าอย่างแน่นอน

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

  1. จุดบอดจากรถที่ใหญ่กว่า จำไว้เลยว่าอย่าขับรถตามหลังรถที่ใหญ่กว่า ทัศนวิสัยในการมองเห็นข้างหน้าเมื่อต้องขับรถยนต์ตามหลังรถยนต์ที่ใหญ่กว่าจะเหลือน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางว่าจะมีทางแยก หรือโค้งอยู่ข้างหน้าหรือไม่ รวมถึงรถที่สวนทางมา ถ้าต้องขับรถตามหลังรถยนต์ ให้เว้นระยะให้มากที่สุด ระยะที่เหมาะสมนั้นคือ เราสามารถมองเห็นเลนที่สวนทางมาได้อย่างชัดเจน ถ้ามีโอกาสได้ให้แซงขึ้นไปทันที และอย่าแซงซ้ายเป็นอันขาด จุดบอดของรถใหญ่ด้านซ้ายจะมีมาก ผู้ขับขี่รถใหญ่จะมองไม่เห็นเราเมื่ออยู่ด้านซ้ายรถเขานะครับ

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

  1. จุดบอดจากสภาพถนน จุดบอดในแบบนี้เกิดจากสภาพถนนหรือเส้นทางที่เราใช้กัน มีทั้งทางโค้ง ทางขึ้นลงเนิน ในส่วนของทางโค้งนั้นให้ปฏิบัติตามป้ายเตือนที่อยู่ข้างทางอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเส้นทางที่เราไม่ชิน หรือเพิ่งไปเป็นครั้งแรก อย่าแซงในทางโค้ง อย่าวิ่งตัดโค้งเป็นอันขาด ในส่วนของการขับขึ้นเนินนั้น อย่าใช้ความเร็ว เพราะเรายังไม่เห็นปลายทางที่เราจะไปต่อ ถ้าขับในเวลากลางคืนให้ใช้สัญญาณไฟสูงช่วย เพื่อแสดงให้รถที่สวนขึ้นมาอีกด้านให้เห็นเราด้วย

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณขับรถปลอดภัย และการขับรถยนต์ของคุณก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

5จุดบอดคนขับรถยนต์

สาเหตุหลักๆที่เกิดอุบัติเหตุก็จะมาจากหลายๆ ด้าน เช่น หลับใน เมา คุยโทรศัพท์ เล่นมือถือ ความไม่มั่นใจ ความลังเล การตัดสินใจในการขับรถ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งจุดบอดหรือมุมอับ (Blind Spots) ที่เรามองไม่เห็นก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน วันนี้เรามีเทคนิคในการขับรถหาบรรดา จุดบอด ของตัวรถยนต์กัน ที่จะคอยระวังและหาวิธีแก้ไขเมื่อเราขับรถแล้วเจอปัญหาเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทั้งตัวเราเองและผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกันกับเรา

5จุดบอดคนขับรถยนต์  ที่บางครั้งมองไม่เห็นภัยอันตราย 

 

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

มุมอันตรายเกิดขึ้นทางใดได้บ้าง ตอบ

5จุดบอดคนขับรถยนต์

สาเหตุหลักๆที่เกิดอุบัติเหตุก็จะมาจากหลายๆ ด้าน เช่น หลับใน เมา คุยโทรศัพท์ เล่นมือถือ ความไม่มั่นใจ ความลังเล การตัดสินใจในการขับรถ ฯลฯ หรือแม้กระทั่งจุดบอดหรือมุมอับ (Blind Spots) ที่เรามองไม่เห็นก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน วันนี้เรามีเทคนิคในการขับรถหาบรรดา จุดบอด ของตัวรถยนต์กัน ที่จะคอยระวังและหาวิธีแก้ไขเมื่อเราขับรถแล้วเจอปัญหาเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทั้งตัวเราเองและผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกันกับเรา

5จุดบอดคนขับรถยนต์ที่บางครั้งมองไม่เห็นภัยอันตราย 

1.จุดบอดจากเสาเอ เสาเอ ก็คือเสาที่ติดตั้งกระจกคู่หน้าและด้วยเทคโนโลยีการออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะเน้นความเป็นสปอร์ตด้วยการปรับเสาเอให้มีความลาดเอียงมากขึ้น รวมถึงมีขนาดใหญ่หรือหนาขึ้นกว่าเดิมเพื่อเสริมความปลอดภัย บางรุ่นมีการติดตั้งม่านถุงลมนิรภัยไว้ด้วย จึงทำให้เกิดจุดบอดที่สายตาเรามองไม่เห็นได้ โดยเฉพาะด้านขวา เมื่อผู้ขับขี่จะเลี้ยวรถ หรือกลับรถ วิธีนี้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ได้แนะนำให้ผู้ขับขี่นั้นอย่าปรับเบาะนั่งให้สูงเกินไป แนะนำว่า บางทีจะต้องโยกศีรษะมาข้างหน้า หรือเอียงศีรษะมาดูบ้างแล้วแต่เอาให้เห็นชัดเจนก่อนแล้วค่อยเลี้ยวไป

 

2. จุดบอดจากกระจกมองข้าง อันนี้เจอกันบ่อยแน่นอนเป็นจุดที่อยู่นอกเหนือจากองศาการมองเห็นของกระจกที่เราปรับไว้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่ห่างจากตัวรถในจังหวะเกือบจะตีคู่กับรถของเรา วิธีแก้ไขนั้น ให้ปรับท่านั่งของรถในแบบที่ถนัดและถูกต้องตามหลักขับขี่ที่ปลอดภัย หลังจากนั้นให้ปรับกระจกมองข้างให้มองเห็นทั้งตัวรถด้านข้างและพื้นผิวถนน และเส้นแบ่งเลน ไม่ควรจะสูงเกินไป ที่สำคัญผู้ขับขี่จะต้องไม่เคลื่อนศีรษะในแบบก้มลงไปมองใช้เพียงการหันศรีษะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำแบบนี้ทั้งด้านซ้ายและขวา

 

3. จุดบอดกระจกมองหลัง ในจุดนี้บางคนแทบไม่ให้ความสำคัญ เพราะจะถนัดใช้กระจกมองข้างด้านซ้ายเสียเป็นหลัก แล้วรู้หรือไม่ว่า กระจกมองหลังนั้นมีประโยชน์ที่สุด ทั้งในการแซง การเปลี่ยนเลน การถอยรถ โดยกระจกมองหลังต้องมองเห็นกระจกที่อยู่ด้านหลังได้ทั้งบาน เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยของรถที่อยู่ด้านหลัง และต้องปรับด้วยองศาที่มองไม่เห็นศีรษะของเราเช่นกัน

 

4. จุดบอดจากรถที่ใหญ่กว่า จำไว้เลยว่าอย่าขับรถตามหลังรถที่ใหญ่กว่า เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นข้างหน้ามันจะเหลือน้อยมาก เพราะไม่ว่าว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีทางแยกหรือไม่ มีทางโค้งหรือเปล่า รวมไปถึงรถที่สวนทางมานั่นเอง แต่ถ้าต้องขับรถตามหลังรถยนต์ ก็ควรเว้นระยะห่างให้มากที่สุด กะระยะพอสมควรและเหมาะสม พอที่จะสามารถมองเห็นเลนที่สวนทางมาได้อย่างชัดเจน แต่ถ้ามีโอกาสแซงได้ก็ควรแซงไปให้ไกลๆ เลยยิ่งดี แต่ขอบอกเลยว่าอย่าแซงซ้ายเด็ดขาดนะครับ เพราะจุดบอดของรถใหญ่จะอยู่ทางด้านซ้าย

5.จุดบอดจากสภาพถนน จุดบอดในแบบนี้เกิดจากสภาพถนนหรือเส้นทางที่เราใช้กัน มีทั้งทางโค้ง ทางขึ้นลงเนิน ในส่วนของทางโค้งนั้นให้ปฏิบัติตามป้ายเตือนที่อยู่ข้างทางอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเส้นทางที่เราไม่ชิน หรือเพิ่งไปแค่ครั้งแรก ก็ไม่ควรที่จะแซงในทางโค้ง อย่าวิ่งตัดโค้งเป็นอันขาด ในส่วนของการขับขึ้นเนินนั้น อย่าใช้ความเร็วจนเกินไป เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะใช้ปลายทางที่เราจะไปต่อหรือไม่  แต่ถ้าขับในช่วงกลางคืนให้ใช้สัญญาณไฟสูงช่วย เพื่อแสดงให้รถที่สวนขึ้นมาอีกด้านให้เห็นเราด้วย

 


 

รถเช่าเชียงใหม่ เช่ารถเชียงใหม่ เมืองเหนือรถเช่า เช่ารถราคาถูก เช่ารถในเชียงใหม่ เช่ารถขับเอง เชียงใหม่ แอ่วเหนือม่วนใจ๋ จองรถเช่า ล่วงหน้า เช่ารถยนต์  รถเก๋ง เช่ารถกระบะ ที่เชียงใหม่ northcity carrent ให้บริการเช่ารถ มีทั้งรถให้เช่ารายวัน รถให้เช่าระยะยาว  อำนวยความสะดวกให้ท่านได้เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ทางเรามีรถคุณภาพดียี่ห้อดัง หลากหลาย  พร้อมบริการให้ท่านได้เลือกเช่า ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ และ รถตู้ เช่น HONDA TOYOTA ISUZU NISSAN Mazda Ford Mitsubishi  พร้อมให้เช่าบริการ ลูกค้า อย่างเป็นกันเอง บริการท่านดุจคนในครอบครัว คิดถึง รถเช่าเชียงใหม่ นึกถึงเรา เมืองเหนือรถเช่า  บริการรับส่งรถเช่า ฟรี ณ สนามบินเชียงใหม่ และ ในตัวเมืองเชียงใหม่

Credit By
เรื่อง : ณัฐพล ศรีนามโหน่ง

ขอบคุณรูปภาพ/ข้อมูล : www.roojai.com

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

  • Facebook iconFacebook
  • LINE iconLine

Share this:

  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Facebook (Opens in new window)

Kritsanakan