ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีประโยชน์อย่างไร

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 พาเราเข้าสู่ Metaverse

เขียนบทความโดย RISC | 3 months ago

จะเป็นอย่างไร? ถ้าโลกเสมือนหรือ Metaverse จะให้ประสบการณ์ที่มากกว่าแค่การมองเห็นและได้ยินเสียง

ช่วงปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีของ Metaverse ได้พัฒนาก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว จนเป็นกระแสทำให้ใครหลายคนได้รู้จักมากขึ้น แต่เทคโนโลยีหลักๆ ที่เราเห็นยังคงเป็นแว่น Virtual Reality (VR) ที่จำลองการมองเห็นผ่านโลก Digital 360 องศา และการได้ยินเสียง ซึ่งใครหลายคนอาจจะคิดว่ามีแค่นี้ แต่จริงๆ แล้วยังมีเทคโนโลยีที่จะเข้ามาตอบโจทย์ทั้งการรับกลิ่นผ่านจมูก การรับรสผ่านลิ้น และการรับสัมผัสผ่านผิวหนังในโลกเสมือนอีกด้วย

อย่างการรับกลิ่นผ่านจมูก ก็เป็นอีกหนึ่งระบบประสาทสัมผัสที่มีการพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งหนึ่งในผลงานที่น่าจับตามองนั้น มาจากเพื่อนร่วมทวีปอย่างญี่ปุ่น กับบริษัท Startup ที่ชื่อ Vaqso โดยได้จำลองกลิ่นต่างๆ ให้เราได้ลองสัมผัส ไล่ตั้งแต่ กลิ่นของปลา, หญิงสาว, ดอกไม้ ไปจนถึงกลิ่นของซอมบี้ นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัท OVR Technology ที่พัฒนาอุปกรณ์เสริมเพื่อจำลองกลิ่นสำหรับแว่นตา VR ทุกรุ่นทุกรูปทรง พร้อมกับมีโหมดการทำงานเฉพาะทางมากมาย เช่น Inhale Mode สำหรับการจำลองการพักผ่อน อยู่ร่วมกับธรรมชาติจำลอง พร้อมๆ กับรับกลิ่นของต้นไม้ ใบหญ้า ลมฝน หรือ Training Mode สำหรับการฝึกฝนการทำงานในรูปแบบสถานการณ์จริง เช่น ฝึกดับเพลิง ฝึกผสมสารเคมี เป็นต้น

ส่วนการรับรสผ่านลิ้น ระบบประสาทสัมผัสด้านนี้ อาจมีการพัฒนาน้อย แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มีเลย อย่างเช่น นักวิจัยจากญี่ปุ่นได้พัฒนา Lickable Screen อุปกรณ์จำลองการรับรสโดยใช้ลิ้นเลียไปที่ปลายอุปกรณ์ ที่จะจำลองรสหวาน เค็ม เปรี้ยว ขม และอูมามิเอาไว้ โดยสามารถผสมผสานรสชาติเหล่านี้ออกมาเป็นรสชาติอาหารต่างๆ ได้ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสบการณ์การสัมผัสอาหารในโลก Metaverse นั่นเอง แต่รสเผ็ดที่คนไทยคุ้นเคยนั้น อาจต้องรอให้การพัฒนาต่อไป

มาที่ประสาทสัมผัสสุดท้าย การสัมผัสผ่านมือและผิวหนัง เป็นอีกหนึ่งระบบประสาทสัมผัสที่มีการพัฒนาอุปกรณ์เสริมออกมามากมาย เช่น Haptx Glove ถุงมือที่ใช้จำลองการหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้แรงดันที่ปลายฝ่ามือและนิ้วมือ ซึ่งสามารถจำลองได้ตั้งแต่ การหยิบจับทั่วไป การลูบไล้ผิวสัมผัส ไปจนถึงการสัมผัสลมปะทะที่วิ่งผ่านฝ่ามือของเรา และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น การนำไปควบคุมมือเทียม เพื่อใช้งานในไลน์ผลิต หรือโรงงานหุ่นยนต์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมี Teslasuit ที่เป็นชุดสวมใส่เพื่อจำลองการสัมผัสในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นที่แขน ท้อง หรือขา ซึ่งมีการนำไปประยุกต์ได้มากมาย ทั้งในการฝึกการออกกำลังกายสำหรับนักกีฬา การฝึกเพื่อจำลองท่าทางและเรียนรู้การทำงานของผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ การเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมในรูปแบบเสมือนจริง เป็นต้น

จริงอยู่ที่เทคโนโลยีเหล่านี้ อาจยังไม่ได้รับการพัฒนา เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เชื่อได้เลยว่าวันหนึ่งในอนาคต อุปกรณ์เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันวงการ Metaverse ให้ก้าวหน้าไปมากกว่าแต่ก่อนได้อย่างแน่นอน

เนื้อหาโดย คุณ ณัฐภัทร ตันจริยภรณ์ นักวิจัยอาวุโส ปฏิบัติการเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ RISC

อ้างอิงข้อมูลจาก
OVR Technology; Digital Stick Serves Up the Real Taste of Virtual Food; HaptX Gloves DK2 is a development kit made for simulation, design, and research professionals who are pioneering the future of VR and robotics ; Learn about Teslasuit| TESLASUIT

แนะนำสำหรับคุณ

รับข่าวสาร

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารกับเรา

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีประโยชน์อย่างไร

การพัฒนาของสมองและประสาทสัมผัสในช่วงวัยแรกเกิดมีผลอย่างมากต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตโดยรวมของลูกในวัยเด็ก เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแรงเพื่อการเรียนและการรับรู้ที่สมบูรณ์ต่อไปในอนาคต การพัฒนาสมองของลูกวัยแรกเกิด สามารถกระทำผ่านกิจกรรมที่มีการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้จากสิ่งเร้าภายนอก เช่น การมองเห็นสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว การสัมผัสกับอ้อมกอดจากคุณพ่อคุณแม่ การดมกลิ่น การกระตุ้นประสาทสัมผัสทำให้สมองเกิดความคิด เริ่มมีการจดจำและเรียนรู้ ใยประสาทจะเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สมองพัฒนาได้รวดเร็ว

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คืออะไร? และมีอะไรบ้าง?

ประสาทสัมผัสทั้ง 5 หมายถึง การมองเห็น (รูป – Sight) การลิ้มรส (รส – Taste) การได้กลิ่น (กลิ่น – Smell) การได้ยิน (เสียง – Hearing) และการสัมผัส (สัมผัส – Touch) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวผ่านอวัยวะรับความรู้สึกอันได้แก่ ตา ลิ้น จมูก หู และผิวหนัง ประสาทรับรู้ทั้ง 5 นี้ส่งผลอย่างมากต่อความคิดและอารมณ์ รวมทั้งพัฒนาการของลูกน้อยที่จะนำไปสู่การพัฒนาทักษะ ส่งเสริมให้สมองและระบบสัมผัสทำงานสอดคล้องกันต่อไป

  • ตา ใช้ในการสังเกตมองดู สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว 
  • หู ใช้ในการฟังเสียง 
  • จมูก ใช้ในการดมกลิ่น
  • ลิ้น ใช้ในการลิ้มรสชาติว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร 
  • มือ ใช้ในการหยิบจับสิ่งของ

ดังนั้น การพัฒนาประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของลูกน้อยนั้นสามารถเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่อายุน้อย โดยเรียนผ่านการเล่นและทำกิจกรรม วิธีการฝึกให้ลูกน้อยมีพัฒนาการโดยใช้ประสาทสัมผัส ผ่านการเรียนรู้ สิ่งรอบ ๆ ใกล้ตัว มีตัวอย่างกิจกรรมดังนี้ 

1. การฝึกประสาทตา

หากลูกยังอยู่ในวัยทารก การฝึกประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นที่ดีที่สุดก็คือ การเล่นกับลูกและให้ลูกได้มองสีหน้าของเราขณะที่เรายิ้มและหัวเราะ โดยปกติเด็กทารกจะมีการตอบรับต่อสิ่งเร้าง่าย ๆ อยู่แล้ว เช่น หากมีผู้ใหญ่หลายคนเล่นกับเด็กพร้อมกัน เด็กจะมีการเบนสายตาไปมองคนที่ส่งเสียงเรียก หรือหันไปมองผู้ใหญ่อีกคนที่อยู่ในการมองเห็น 

ขณะที่คุณแม่และผู้ใหญ่ในบ้านท่านอื่น ๆ ต้องลุกไปกิจธุระอย่างอื่นในบริเวญนั้น ก็สามารถใช้ของเล่นแขวนอย่างโมบายรูปร่างต่าง ๆ แขวนไว้ให้ลูกได้มองเห็น การฝึกประสาทสัมผัสด้านการมองเห็นและฝึกกล้ามเนื้อตาได้ สามารถเลือกสิ่งของที่มีสีสันตัดกันมาก ๆ เนื่องจากสีสันที่แตกต่างจะสามารถดึงดูดความสนใจได้ดี อย่าง เช่น โมบายสีขาวสลับดำ เป็นต้น

Snuz Baby Mobile โมบายสไตล์สแกนดิเนเวียน (คลิกเพื่อดูรายละเอียด)

เมื่อลูกโตขึ้นอีกนิด คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดกิจกรรมให้ลูกน้อยได้สำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวในช่วง Tummy Time (ให้ลูกนอนคว่ำแทนการนอนหงายเพื่อสำรวจไปรอบ ๆ ตัว) ต่อมาเมื่อลูกโตพอที่จะคลานและเดินได้ เราก็สามารถชี้ชวนให้ลูกสังเกตสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว เช่น นกบินผ่าน ดูกล่องขนม สมุดภาพการ์ตูน และพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งของนั้นไปด้วย หรืออาจใช้วิธีเล่นเกมจับผิดภาพง่าย ๆ หรือให้ลูกวาดภาพตามจินตนาการ เป็นต้น 

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้ลูกน้อยดูการ์ตูนหรือเล่นเกมในสมาร์ทโฟน แม้ว่าจะเป็นช่องทางที่สะดวก เพราะนอกจากจะทำให้เสียสายตาและยังส่งผลกระทบต่อด้านสมาธิต่อเด็ก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ ควรให้เวลาลูกน้อยทำกิจกรรม สนุก ๆ ที่ไม่ต้องใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแทนจะดีกว่า

2. การฝึกประสาทหู

เมื่อลูกยังอยู่ในวัยทารก การฝึกประสาทสัมผัสผ่านการได้ยินสามารถทำร่วมกันกับการฝึกประสาทสัมผัสผ่านการมองเห็นได้ด้วยการเล่นและพูดคุยกับลูก หรือแม้แต่การเปิดเพลงบรรเลงให้ลูกฟัง

บทความที่เกี่ยวข้อง:

4 ดนตรีบรรเลง เพลงโมสาร์ท กล่อมลูกน้อยนอนหลับสบาย

การฟังเสียงสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น เสียงนกร้อง เสียงรถยนต์ขับผ่าน เสียงพูดคุยกัน เสียงร้องของสัตว์เลี้ยง เสียงเพลง ล้วนสามารถใช้กระตุ้นการเรียนรู้ผ่านการได้ยินได้ทั้งสิ้น เมื่อลูกโตขึ้นมาอีกนิดช่วงที่พ้นวัยทารกไป แนะนำให้ใช้เกมสนุก ๆ เช่น ของเล่นที่เป็นเครื่องดนตรีให้เสียงสูงต่ำแตกต่างกัน หรือเล่นเกมทายเสียงโดยให้คุณพ่อคุณแม่จะเปิดเสียงปริศนาผ่านของเล่นสำหรับเด็ก และให้ลูกทายว่าเป็นเสียงของอะไร เริ่มต้นจากเสียงง่าย ๆ คือ เสียงสัตว์ก่อน เพราะเด็กจะจดจำและเข้าใจได้ง่ายขึ้น 

3. การฝึกประสาทจมูก

กระตุ้นด้วยการฝึกให้ลูกน้อยของคุณดมกลิ่นต่าง ๆ เช่น กลิ่นขนม กลิ่นดอกไม้ กลิ่นอาหาร กลิ่นสมุนไพรที่มีสรรพคุณด้านกลิ่นบำบัด หรือสุวคนธบำบัด ให้เริ่มจากกลิ่นที่พึงประสงค์จำพวกกลิ่นหอมจากธรรมชาติก่อน เพราะเด็กเล็กนั้นจะค่อนข้างอ่อนไหวเป็นพิเศษกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ต่อไปก็จะเกิดการเรียนรู้ว่าสิ่งของต่าง ๆ ให้กลิ่นที่แตกต่างกัน มีกลิ่นหอมหลายแบบ และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือกลิ่นเหม็นได้เช่นกัน

4. การฝึกประสาทลิ้นและการรับรส 

ในช่วงที่ลูกอยู่ในวัยทารกอาจไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมจะฝึกประสาทของลิ้นและการรับรสนัก เพราะอาหารที่ลูกรับประทานได้นั้นจำกัดอยู่ที่นมแม่หรือนมผง ดังนั้นการฝึกการรับรสจึงสามารถทำได้เมื่อในวัยเด็กเล็ก โดยฝึกให้ลูกน้อยชิมอาหารแล้วให้บอกว่ารสชาติของอาหารเป็นอย่างไร เช่น เค็ม เปรี้ยว จืด หวาน ขม โดยให้ลูกน้อยใช้ความคิดและใช้ลิ้นรับรส จากนั้นบอกคุณพ่อคุณแม่ โดยที่คุณพ่อคุณแม่อาจชิมรส แสดงให้เห็นทางสีหน้า แล้วจึงพูดออกมา (หวานเหมือนลูกกวาด เค็มเหมือนเกลือ) ให้ลูกดูเป็นตัวอย่างก่อน 

5. การฝึกประสาทสัมผัส 

การฝึกประสาทผ่านการสัมผัสเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เริ่มจากการสัมผัสลูกด้วยการโอบกอด จับมือของลูกมาจับส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของเรา หรือการให้ลูกจับเนื้อหาที่มีสัมผัสที่แตกต่างกันก็สามารถทำได้ เมื่อลูกโตพอทีจะหยิบของเล่นและสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ด้วยตัวเองแล้วนั้น การปล่อยให้ลูกใช้มือหยิบจับของเล่นต่าง ๆ ที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน เช่น วัสดุนิ่มหรือแข็ง ผิวเรียบหรือขรุขระ อุ่นร้อนหรือเย็น 

ส่งท้าย

และทั้งหมดนี้เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของคุณใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่าง ตา หู จมูก ลิ้น มือ อย่างรอบด้าน กระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการที่ดี อย่าลืมคอยสังเกตด้วยว่าลูกมีการพัฒนาการในการใช้หน่วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างไร แล้วจดบันทึกไว้ เพื่อจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่าการเติบโตของลูกน้อยในแต่ละวัยเป็นอย่างไร แล้วเล่าให้คุณหมอหรือนักพัฒนาการเด็กได้ถูกต้อง แล้วที่สำคัญที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรเล่นไปพร้อมกับลูกด้วย กระตุ้นให้ลูกได้สำรวจสิ่งต่าง ๆ ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทำให้ลูกน้อยได้รับความรักความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่และมีสุขภาวะทางอารมณ์ที่ดี