บัตรต้นทุนงานสั่งทําถือเป็นบัญชีอะไร

การรับคำสั่งผลิตสินค้าที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันในแต่ละงานหรือแต่ละรุ่นอย่างเห็นได้ชัดหรือเป็นการผลิตสินค้าตามลักษณะเฉพาะอย่างที่ลูกค้าต้องการ เป็นสินค้าที่ใช้เฉพาะกลุ่มลูกค้าอย่างเจาะจงต้องรวบรวมหรือสะสมต้นทุนสินค้า แต่ละงานแต่ละกลุ่มหรือแต่ละรุ่นแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ถึงแม้สินค้าแต่ละรุ่นแต่ละงานจะใช้วัตถุดิบทางตรง แรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิตเหมือนกัน การบันทึกต้นทุนจึงต้องแสดงให้เห็นว่าสินค้าหน่วยใด รุ่นใดมีต้นทุนตามส่วนประกอบของต้นทุนในจำนวนเท่าใด โดยสะสมต้นทุนของแต่ละงานไว้ในบัตรต้นทุนงาน(Job Cost Sheet) ตามรุ่นของสินค้าเมื่อสินค้ารุ่นใด หรืองานใดผลิตเสร็จก็โอนสินค้าที่ผลิตเสร็จทั้งรุ่นออกจากบัญชีงานระหว่างทำได้ทันทีไม่ต้องรอโอนออกในวันสิ้นงวด เพราะต้นทุนการผลิตทั้งหมดของแต่ละงานถูกสะสมไว้ในบัตรต้นทุนงานโดยแยกเป็นงาน บัตรต้นทุนงานจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่ผลิตเสร็จและสินค้าที่อยู่ระหว่างการผลิต

ตัวอย่างกิจการที่ใช้ระบบการสะสมต้นทุนแบบต้นทุนงานสั่งทำ เช่น กิจการโรงพิมพ์รับพิมพ์การ์ดแต่งงาน การ์ดงานบวช หรือการ์ดขึ้นบ้านใหม่ เป็นลูกค้าสั่งทำเฉพาะเจาะจง จะผลิตในจำนวนที่ลูกค้าสั่งทำ ไม่ได้ทำเผื่อให้ลูกค้าอื่นหรือกิจการรับทำชุดพลศึกษาของนักเรียนแต่ละโรงเรียนซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไปทั้งแบบ สี และเนื้อผ้า กิจการจะทำการผลิตตามจำนวนที่สั่งทำของแต่ละโรงเรียนเท่านั้น หรือกิจการรับเหมาก่อสร้าง กิจการเฟอร์นิเจอร์ที่ลูกค้าสั่งทำสินค้าที่มีลักษณะพิเศษ สินค้าที่มีการสั่งทำในจำนวนที่จำกัดตามแบบเฉพาะเจาะจง เป็นต้น

บัตรต้นทุนงาน (Job cost sheet)

การผลิตสินค้าตามระบบงานสั่งทำเป็นการผลิตสินค้าที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันเพื่อแยกต้นทุนการผลิตแต่ละงานออกจากกันจึงจัดทำ บัตรต้นทุนงานเพื่อสะสมต้นทุนการผลิตของแต่ละงานอย่างชัดเจน บัตรต้นทุนงานทำหน้าที่เสมือนเป็นบัญชีย่อยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับต้นทุนของงานที่ทำการผลิต เมื่อผลิตเสร็จก็จะรวบรวมต้นทุนการผลิตทั้งหมดของแต่ละงาน

จาก บัตรต้นทุนงานเพื่อบันทึกโอนต้นทุนสินค้าที่ผลิตเสร็จออกจากบัญชีงานระหว่างทำไปบัญชี

สินค้าสำเร็จรูปรอการส่งมอบให้ลูกค้าต่อไป

บัตรต้นทุนงานเป็นเอกสารที่กิจการออกแบบขึ้นเพื่อเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับการรับคำสั่งผลิตจากผู้สั่งทำ เช่น จำนวนสินค้าที่สั่ง วันที่สั่ง วันที่ผลิตเสร็จ พร้อมทั้งแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบทางตรง แรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต รวมถึงรายละเอียดอื่นที่จำเป็น

ตัวอย่างบัตรต้นทุนงาน


การสะสมต้นทุนตามระบบต้นทุนงานสั่งทำ บัญชีงานระหว่างทำทำหน้าที่เป็นบัญชีคุม

ยอดส่วน บัตรต้นทุนงานทำหน้าที่เป็นบัญชีย่อย


บัตรต้นทุนงาน (Job cost sheet)

การบันทึกบัญชีตามระบบต้นทุนงานสั่งทำ บันทึกในสมุดบันทึกรายการขั้นต้นและผ่านรายการไปขั้นหลายตามส่วนประกอบของต้นทุนการผลิตดังนี้

1. บันทึกการจัดซื้อ คำนวณและบันทึกการเบิกวัตถุดิบ

2. คำนวณและบันทึกค่าแรง

3. คำนวณและบันทึกค่าใช้จ่ายการผลิต

4. คำนวณและบันทึกต้นทุนสินค้าที่ผลิตเสร็จ

5. คำนวณและบันทึกต้นทุนสินค้าที่ขาย

เมื่อผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภททั่วไปแล้วเพิ่มการจัดทำ บัตรต้นทุนงานเพื่อสะสมต้นทุนการผลิตของแต่ละงานแยกจากกัน โดยทุกครั้งที่บันทึกต้นทุนการผลิตเข้าบัญชีงานระหว่างทำซึ่งถือเป็นบัญชีคุมยอดแล้วก็ผ่านต้นทุนการผลิตของแต่ละงานสะสมเข้าบัตรต้นทุนงานตามรายละเอียดของแต่ละงาน

ตัวอย่างที่ 1 บริษัท ริมวัง จำกัดใช้ระบบต้นทุนงานสั่งทำ คิดค่าใช้จ่ายการผลิตเข้างาน 150%ของค่าแรงทางตรง ผลต่างของผลิตคิดเข้างานให้ปิดเข้าบัญชีต้นทุนขาย ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต

ระหว่างเดือนมีนาคม มีดังนี้

1. งานระหว่างทำคงเหลือยกมา 11,500 บาท คือ งานเลขที่ 101 ประกอบด้วย

วัตถุดิบทางตรง                                                                                                                    4,000 บาท

ค่าแรงทางตรง                                                                                                                     3,000 บาท

ค่าใช้จ่ายการผลิตคิดเข้างาน                                                                                             4,500 บาท

2. ระหว่างเดือนมีนาคม เริ่มงาน 3 งาน คือ งานเลขที่ 102, 103 และ 104

3. เบิกวัตถุดิบทั้งสิ้น 29,000 บาท

·       งาน 101 จำนวน 3,000 บาท

·       งาน 102 จำนวน 8,000 บาท

·        งาน 103 จำนวน 10,000 บาท

·       งาน 104 จำนวน 5,000 บาท

·       วัตถุดิบทางอ้อม 3,000 บาท

4. ค่าแรงมีจำนวน 24,000 บาท

·       งาน 101 จำนวน 2,000 บาท

·       งาน 102 จำนวน 5,000 บาท

·       งาน 103 จำนวน 8,000 บาท

·        งาน 104 จำนวน 5,000 บาท

·        แรงงานทางอ้อม 4,000 บาท

5. จ่ายค่าใช้จ่ายการผลิตอื่นเป็นเงินสด จำนวน 13,000 บาท และคิดค่าเสื่อมราคาอาคารโรงงานและเครื่องจักร 12,000 บาท