สปอนเซอร์วีซ่า นักเรียน ออส

หลายคนที่ปรึกษาเข้ามาเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนนั้น เกินครึ่งหนึ่งบอกกับผมตามตรง คือ จะไปเรียน และทำงาน ซึ่งอันนี้ผมเข้าใจเป็นอย่างดี

สารบัญ Show

ขั้นตอนแรก คำนวนจำนวน Statement โดยดูจากระยะเวลาที่ไปเรียน (Study Period)
ขั้นตอนที่สอง ดูว่าใครจะสามารถเป็นคน Sponsor เราได้บ้าง
ขั้นตอนที่สาม ดูว่าเงินที่ Sponsor ของเรามีมาจากช่องทางไหน
สนใจ Study & Work เรียนไปทำงานไป กับ IEC Abroad

แต่ก็ต้องบอกว่าในขั้นตอนการขอวีซ่า เราแจ้งเจ้าหน้าที่แบบนั้นไม่ได้ เราบอกแค่เรื่องเราจะไปเรียนพอ ส่วนเรื่องงาน เอาไว้วีซ่าผ่านก่อน ค่อยว่ากันนะ

สิ่งที่ต้องบอกกับเจ้าหน้าที่ ควรจะมีเนื้อหาเหล่านี้ประกอบ 1. เราจะไปเรียนจริง ๆ 2. เรามีเงินเพียงพอที่จะเรียน 3. เมื่อเรียนจบแล้ว เราจะกลับเมืองไทย

อันแรก เราจะไปเรียนจริง ๆ แต่จะพูดแค่นี้ไม่ได้หรอก มันต้องมีเหตุผลประกอบด้วย ถ้าเป็นน้อง ๆ ที่เพิ่งเรียนจบ เหตุผลเรื่องไปเรียนต่อมันก็สมเหตุสมผล

แต่สำหรับบางคนที่จบมานานแล้ว อายุเยอะหน่อย เช่น อายุ 38 ปี เรียนจบ ม.6 มา 20 ปีแล้ว ทำอาชีพส่วนตัว จะขอไปเรียนภาษา มันก็ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่

มันอธิบายยากมาก ว่าการเรียนครั้งนี้จะส่งผลดีอย่างไรกับชีวิตคุณ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอายุ อาชีพ และระดับการศึกษาสูงสุดแล้ว บางทีลงเรียนอย่างอื่น เช่น ป.ตรี ในไทย อาจจะมีเหตุผลกว่าเสียเงินไปเรียนเพียงแค่ภาษาอังกฤษในออสเตรเลีย

ต่อมา เราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามีเงินเพียงพอที่จะเรียน จะเป็นเงินของเราเอง หรือเงินของสปอนเซอร์ก็ได้นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องสมเหตุสมผลเชียนเดียวกัน

เหมือนเดิมนะ ถ้าเป็นเด็ก ๆ ไม่มีเงินของตัวเอง พ่อแม่ส่งเรียน มันก็ไม่แปลก หากพ่อแม่ไม่พร้อม แต่มีลุงป้าหรือญาติใกล้ชิดที่ฐานะดี จะเป็นสปอนเซอร์ให้ อันนี้ก็ต้องอธิบายหน่อย เพราะมันไม่ใช่แค่นามสกุลเดียวกัน หรือแค่บอกว่าสปอนเซอร์รักเราเหมือนลูก เหตุผลมันจะต้องมีน้ำหนักพอที่เจ้าหน้าที่จะเชื่อว่าสปอนเซอร์มีเงินเพียงพอ ที่จะจ่ายเงินเป็นแสน ๆ ให้เราไปเรียน

บางเคสอายุ 30 กว่า ทำงานเก็บเงินมาเพื่อที่จะไปเรียนต่างประเทศ มีที่มาของเงินชัดเจน อันนี้ไม่แปลกเช่นกัน ยิ่งถ้ามีประวัติการทำงานดี ๆ คอร์สที่เลือกเรียนเหมาะสม มันก็อธิบายง่าย โอกาสที่วีซ่าจะผ่านก็มีสูง

ส่วนเคสที่ยาก ก็เช่น อายุเยอะ แต่ยังต้องให้คนอื่นสปอนเซอร์

เรื่องสุดท้าย เมื่อเรียนจบแล้ว เราจะกลับเมืองไทย อันนี้บางคนอาจจะคิดว่าไม่กลับหรอก เรียนจบจะหาลู่ทางอยู่ต่อ อันนี้ก็เก็บไว้เป็นแค่ความคิดพอนะ เวลาขอวีซ่าเราต้องแจ้งว่าเราจะกลับ

แจ้งด้วยเหตุผล เช่น เราเคยมีอาชีพการงานที่มั่นคงในไทย อนาคตเราก็ยังอยากกลับมาเติบโตในสายงานต่อ เรามีธุรกิจที่บ้านที่ต้องดูแล

หรือเรามีครอบครัวที่ไทย ก็ต้องอธิบายให้ดี เพราะบางทีเจ้าหน้าที่อาจจะเอาตรงนี้ไปดูประกอบกับเหตุผลที่เราบอกว่าเราจะไปเรียนจริง ๆ

ทั้ง 3 เรื่อง ถ้าเราให้เหตุผลได้ โอกาสได้วีซ่าเราก็จะสูงขึ้น สรุปอีกที วีซ่านักเรียน ต้องไปเรียน ต้องจ่ายเงินค่าเรียนได้ และเป็นวีซ่าชั่วคราวเรียนจบก็ต้องกลับ เท่านั้นเอง

Visa.Au.Help – Admin

ป.ล. วีซ่านักเรียนก็เหมือนวีซ่าอื่น ๆ หลายอย่างต้องดูเป็นกรณีกรณีไป case by case

ป.ล.2 ถ้าใครได้วีซ่าแล้วก็ต้องใช้ให้ดี ทำให้ถูกกฎ ไปเรียนด้วย เพราะหากโดนยกเลิกวีซ่าขึ้นมา ที่ทำมาทั้งหมด เสียดายแย่

หากใครต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ส่งข้อความมาคุยกันใน Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/visainfo.co/

มีน้องๆหลายคนถามมาว่า จะไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียได้นั้นต้องมีเงินโชว์เท่าไหร่ และหลักฐานอะไรบ้างสามารถใช้ยื่นให้กับสถาทูตได้ พี่ๆไออีซีเลยจะมาอธิบายให้ฟังกันอย่างละเอียดค่ะ เพราะหลักฐานทางการเงินเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาวีซ่า ซึ่งเป็นด่านแรกก่อนที่เราจะได้บินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียกันค่ะ

ขั้นตอนแรก คำนวนจำนวน Statement โดยดูจากระยะเวลาที่ไปเรียน (Study Period)

*** ทางสถานทูตกำหนดให้มีเงินโชว์ AUD 20,290 ต่อปี ***

- เรียน 14 weeks (ซึ่งจะได้วีซ่านักเรียนที่สามารถทำงานได้) - เงินโชวร์ประมาณ 250,000 บาท

- เรียน 24 weeks หรือ 6 เดือน (เป็นระยะเวลายอดฮิตของนักเรียนหลายๆคน) - เงินโชวร์ประมาณ 400,000-500,000 บาท

- เรียน 48 weeks หรือ 1 ปี (การลงเรียน 1 ปี จะทำให้น้องได้วีซ่าเพื่ออยู่ต่อได้อีก 2 เดือน) เงินโชวร์ประมาณ 750,000 บาท ขึ้นไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้ามีเงินโชว์ยิ่งเยอะก็ยิ่งแสดงให้สถาทูตเห็นว่าเรามีเงินเพียงพอที่จะ support ตัวเราในระหว่างที่เรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียค่ะ

คนที่สามารถมาเป็นคนสนับสนุนทางการเงิน (Sponsor) ให้เราได้คือคนที่เป็นครอบครัวเดียวกับเรา โดยที่เราสามารถโยงความสัมพันธ์กับเค้าได้ (เราจะวาด Family Tree ไปให้สถาทูต เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนที่เป็น Sponsor) แต่ถ้าให้แนะนำคือควรจะเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่เราจะดีที่สุดค่ะ เพื่อนหรือคนรู้จัก ไม่สามารถเป็น sponsor ให้เราได้ค่ะ

เมื่อเรารู้จำนวนเงิน และหาคนที่จะมาสนับสนุนทางการเงินให้เราได้แล้ว เราควรจะต้องรู้ว่าเงินที่จะมาสนับสนุนการไปเรียนต่อของเรานั้นมาจากช่องทางไหน เราต้องดูว่าคนที่เป็น Sponsor ให้เรานั้นเค้าประกอบอาชีพประเภทอะไร ถ้าเงินที่เค้ามีเป็นเงินที่ได้มาจากเงินเดือนก็ควรจะมี Statement และหนังสือรับรองเงินเดือนที่ชัดเจน ถ้าเงินเป็นเงินที่มาจากการขายที่ดิน ขายรถ ขายร้านค้า เราควรมีเอกสารสัญญาซื้อขายที่ชัดเจน ถ้าเงินมาจากเงินมรดก ก็ต้องมีเอกสารที่ชัดเจน การโชวร์เงินยังสามารถอยู่ในรูปแบบของสลากออมสิน หรือ สลากธอส ได้อีกด้วย