เวลาเราฟังเรามักไม่ทันคิดว่า เราฟังเพื่อความมุ่งหมายอะไรแต่เรารู้ว่า เมื่อเราไปฟังดนตรี เราฟังเพื่อความเพลิดเพลินและความสุขใจเป็นสำคัญ เมื่อไปฟังปาฐกถาเราอาจฟังเพื่อให้ได้รับความรู้และได้รับความเพลิดเพลินด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ดีหากเรากำหนดจุดมุ่งหมายในการฟังแต่ละครั้งแต่ละเรื่องไว้ก็จะทำให้เราตั้งใจฟังทำให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่ฟังและได้รับประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่ เราพอจะแบ่งจุดมุ่งหมายของการฟังออกได้ดังนี้ – การฟังเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน – การฟังเพื่อความเพลิดเพลิน – การฟังเพื่อรับความรู้ – การฟังเพื่อได้คติชีวิตและความจรรโลงใจ ความมุ่งหมายในการฟัง การฟังเป็นการรับรู้ความหมายของเสียงที่ได้ยิน ผู้ฟังจะต้องตั้งใจฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เกิดความคิด จึงจะถือว่าเป็นการฟังที่สมบูรณ์ ผู้ที่ฟังมากจะเกิดความรู้กว้างขวางจะได้ชื่อว่าเป็นพหูสูต ในสังคมปัจจุบันนอกจากเราจะฟังผู้พูดพูดเพื่อการติดต่อสื่อสารหรือเพื่อกิจธุระในชีวิตประจำวันแล้ว เราควรฟังเพื่อจุดมุ่งหมายอื่นๆ ดังนี้ · ฟังเพื่อจับใจความสำคัญ · ฟังเพื่อจับใจความอย่างละเอียด · ฟังเพื่อหาเหตุผลมาโต้แย้งหรือสนับสนุน · ฟังเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดี เกิดสุนทรียภาพ · ฟังเพื่อให้เกิดความรู้ ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ · ฟังเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
การฟังที่ได้ผลดีต้องอาศัยการฝึกอยู่เสมอ เมื่อฟังแล้วต้องคิดไปพร้อมๆ กัน การฟังมากจะทำให้เป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง สิ่งสำคัญที่สุดของการฟังก็คือ ผู้ฟังต้องฟังด้วยความตั้งใจ สนใจและเข้าใจเรื่องที่ฟังตรงกับจุดประสงค์ของผู้พูด
ผู้ฟังพิจารณาว่าผู้พูดมีจุดมุ่งหมายในการพูดครั้งนั้นอย่างไรบ้าง? · เรื่องที่ได้ฟังมีสารประโยชน์ให้แง่คิด ก่อให้เกิดความเจริญงอกงามและความคิดสร้างสรรค์อย่างไรบ้าง · เรื่องที่ได้ฟังมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด · เรื่องที่ได้ฟังน่าเชื่อถือหรือไม่เพียงใด · ผู้ฟังวินิจว่าผู้พูดมีความจริงใจ อย่างไร เพียงไร · ผู้ฟังพิจารณาได้ว่าผู้พูดใช้วิธีการพูดหรือวิธีการถ่ายทอดความเจริญงอกงามและความคิดสร้างสรรค์อย่างไร ขั้นตอนของการฟัง มนุษย์มีกระบวนการฟัง 6 ขั้น คือ เป็นขั้นที่อยู่กับความสามารถของผู้ฟัง ที่จะตัดสินว่าประโยคหรือสิ่งที่ฟังมานั้นมีความจริงเพียงใด เชื่อถือได้เพียงใด และยอมรับได้หรือไม่ คนเรามีประสิทธิภาพในการฟังเมื่อมีกระบวนการฟังครบทุกตอน แต่กระบวนการฟังของคนเรามีไม่เท่ากัน บางคนมีกระบวนการฟังเพียงขั้นเดียว บางคนมีกระบวนการฟังถึงขั้นที่ห้านอกจากนี้อาจอธิบายได้อีกแง่หนึ่งว่า การฟังสารที่มีประสิทธิภาพตลอดจนได้รับประสิทธิผลจากการฟังเป็นอย่างดี ผู้ฟังฟังอย่างเข้าใจฟังแล้วจับประเด็นของเรื่องได้ ตีความสารได้ประเมินค่าสารได้ เป็นต้น
ลักษณะการฟังที่มีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของการฟัง ประโยชน์ต่อตนเอง · การฟังที่ดีเป็นพฤติกรรมของผู้มีมารยาทในการเข้าสังคม ในวงสนทนาหรือในสถานที่และโอกาสต่างๆ ไม่มีผู้พูดคนใดที่ชอบให้คนอื่นแย่งพูดหรือไม่ยอมฟังคำพูดของตนเอง การฟังจึงเป็นพฤติกรรมที่ช่วยสร้างบรรยากาศของความเป็นมิตรทำให้เกิดความเข้าใจ การยอมรับและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน · การฟังที่ดีทำให้เราได้รู้เรื่องราวที่ฟังโดยตลอด สามารถเข้าใจข้อความสำคัญของเรื่องที่ฟังและจุดมุ่งหมายของผู้พูด · การฟังที่ดีช่วยสามารถพัฒนาสมรรถภาพการใช้ภาษา ในทักษะด้านอื่น ๆ กล่าวคือการฟังช่วยให้ผู้ฟังเรียนรู้กระบวนการพูดที่ดีของคนอื่น นับตั้งแต่การเลือกหัวข้อหรือประเด็นในการพูด การปรับปรุงบุคลิกภาพในการพูด และวิธีการเสนอสารที่มีประสิทธิผล · การฟังที่ดีเป็นพื้นฐานที่ทำให้เกิดสมรรถภาพทางความคิด ผู้ฟังได้พัฒนาพื้นฐานความรู้ และสติปัญญาจากการรวบรวมข้อมูลและข้อคิดต่างๆ จากการฟัง · การฟังที่ดีทำให้เราได้เพิ่มศัพท์ และเพิ่มพูนการใช้ถ้อยคำภาษาได้อย่างรัดกุมและเหมาะสม ผู้ฟังจะสังเกตการใช้ศัพท์และถ้อยคำของผู้พูด ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำหรือสำนวนโวหารจากผู้พูดแล้วจดจำ ไปเป็นแบบอย่างในการพูดและการเขียน
ประโยชน์ต่อสังคม การฟังที่ดีเป็นกระบวนการสื่อสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในแง่ที่ผู้ฟังนำความรู้แง่คิดต่างๆไปใช้ โดยผู้ฟังเองได้รับผลดีจากการปฏิบัติ และสังคมได้ประโยชน์ทางอ้อม ตัวอย่างเช่น การฟังการอภิปรายเรื่อง การรักษาสุขภาพ ส่วนบุคคล ผู้ฟังได้รับความรู้แนวคิดต่างๆ ในการรักษาสุขภาพจากการฟัง ถ้าผู้ฟังนำไปปฏิบัติตาม ผู้ฟังย่อมมีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ในขณะเดียวกันสังคมนั้นจะมีสมาชิกของสังคมที่มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิจารณญาณในการฟัง วิจารณญาณมาจากคำว่า วิจารณ + ญาณ วิจารณหรือวิจารณ์ หมายถึง การคิดใคร่ครวญโดยใช้เหตุผล ญาณ หมายถึง ปัญญา หรือความรู้ในชั้นสูง ความหมายของ วิจารณญาณ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน คือ ปัญญาสามารถสันนิษฐานเหตุผล ดังนั้น การใช้วิจารณญาณในการฟังต้องเริ่มต้นด้วยความตั้งใจ ต่อจากนั้นก็พยายามทำความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่ฟัง แล้วจึงคิดใคร่ครวญตามไปด้วย โดยใช้ความรู้ ความคิด เหตุผล และประสบการณ์ประกอบ การใช้วิจารณญาณในการฟัง อาจเป็นไปในแง่ต่าง ๆ เช่น กระบวนการฟังสารโดยใช้วิจารณญาณ เมื่อคนเราได้ยินและเกิดการรับรู้แล้ว จึงจะเข้าใจความหมายของสาร กระบวนการในช่วงนี้คือการฟังโดยปกตินั่นเอง ยังไม่นับว่าถึงขั้นฟังอย่างมีวิจารณญาณต่อเมื่อได้ใช้ความคิดวิเคราะห์ใคร่ครวญและตัดสินใจได้ว่าข้อความที่ได้ฟังนั้นสิ่งใดเป็นใจความสำคัญสิ่งใดเป็นความประกอบหรือผลความ และสามารถแยกข้อความที่ได้ฟังนั้นสิ่งใดเป็นความประกอบหรือพลความและสามารถแยกข้อเท็จจริงออกจากข้อคิดเห็นได้ตลอด จนวินิจฉัยได้ว่าข้อความที่ได้ฟังเนื้อหาสาระ แง่คิดที่ดีหรือไม่ อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียงไร รวมทั้งประเมินค่าผู้พูดในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ ความสามารถ ความจริงใจ และกลวิธีในการนำเสนอเช่นนี้ จึงเรียกว่า การฟังอย่างมีวิจารณญาณ
การใช้วิจารณญาณในการฟังสารประเภทต่าง ๆ · สารที่ให้ความรู้ · สารที่โน้มน้าวใจ · สารที่จรรโลงใจ 1. สารที่ให้ความรู้ แนวทางในการพิจารณามีดังนี้ ถ้าเรื่องที่ฟังจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณ ต้องฟังด้วยความตั้งใจยิ่งขึ้น จับประเด็นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นข่าว บทความหรือข้อความอื่นใดก็ตามควรพิจารณาตามไปด้วยทุกระยะ วินิจสารด้วยความระวัง (วินิจสารคือตีความให้ได้ว่าความหมายที่แท้จริงที่ผู้ส่งสารพยายามจะสื่อมาถึงผู้ฟังคืออะไร) · ฝึกแยกแยะข้อเท็จจริงจากความคิดเห็นพิจารณาว่าสารที่ได้ฟังเชื่อถือได้หรือไม่ · ขณะที่ฟังบันทึกประเด็นสำคัญไว้เพื่อเตือนความทรงจำ · ประเมินค่าของสารที่ฟังนั้นว่ามีประโยชน์เพียงใด ให้คุณค่าอะไรบ้าง · พิจารณาว่าผู้พูดมีกลวิธีในการนำเสนอ น่าสนใจ ชวนติดตามเพียงใด ใช้ถ้อยคำสำนวนภาษาถูกต้องเหมาะสมหรือไม่เพียงไร 2. สารที่โน้มน้าวใจผู้ฟัง อาจใช้วิจารณญาณในแง่ต่าง ๆ ดังนี้ · สารที่ฟังนั้นเรียกร้องหรือดึงดูดความสนใจของผู้ฟังหรือเสริมสร้างความเชื่อมั่น · สารที่นำมาเสนอนั้นสนองความต้องการพื้นฐานของผู้ฟังอย่างไร ก่อให้เกิด · ผู้พูดเสนอแนวทางที่จะสนองความต้องการของผู้ฟังหรือแสดงให้เห็นว่าผู้ฟังจะได้ · สารนั้นเร่งเร้าให้ผู้ฟังเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งใดเฉพาะเจาะจงลงไปหรือไม่ว่าต้องการให้ · ภาษาที่ใช้ในการโน้มน้าวใจ ใช้ดีเพียงใด 3. สารที่จรรโลงใจ อาจได้จากบทเพลง บทประพันธ์ บทละคร บทความบางชนิด คำปราศรัย สุนทรพจน์ ฯลฯ เมื่อผู้ฟังได้ฟังแล้วจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เกิดจินตนาการ มองเห็นแล้วเกิดความซาบซึ้ง สารที่จรรโลงใจ อาจยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น มีวิธีพิจารณาดังต่อไปนี้ |