Chapter 3แนะนำ 7 ช่องทางทำการตลาดออนไลน์ [ข้อดี-ความยาก] Show
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
ช่องทางการตลาดบนโลกดิจิทัลถือว่าค่อนข้างกว้างและหลากหลาย เพราะว่าในยุคที่ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกวินาทีของชีวิตมนุษย์นั้น ส่งผลให้ความต้องการของผู้บริโภค จำเป็นต้องเปลี่ยนตาม และแน่นอนว่าย่อมแปรผันกับการทำงานของนักการตลาดเช่นเดียวกัน ลูกค้ากลุ่มนั้นอาจจะไม่ชอบการดูวิดีโอในขณะที่อีกกลุ่มชอบ หรือลูกค้าอีกกลุ่มชอบอ่านมาก กว่าอีกกลุ่มก็เป็นได้ และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมช่องทางการตลาดบนโลกดิจิทัลถึงมีมากมาย หลากหลายเหลือเกิน หลังจากสองบทความที่ผ่านมา ได้พาทุกคนไปรู้จักตั้งแต่ความหมายของการทำ Digital Marketing ว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงประโยชน์และข้อจำกัดบางอย่างที่นักการตลาดทุกคนไม่ว่า จะอยู่ในบริษัท เอเจนซี่หรือฉายเดี่ยวเป็น Blogger หรือ Vlogger ควรที่จะเรียนรู้ ซึ่งการพาไป รู้จักโลกของการทำ Digital Marketing นั่นได้เกริ่นไปถึงวิธีการและช่องทางการทำการตลาดแนวนี้บางส่วนไปแล้ว แต่บทความนี้ เราจะมาขยายความและลงลึกกว่าเดิมในเรื่อง ช่องทางการทำ Digital Marketing ว่ามีอะไรบ้าง ฟังก์ชันการทำงาน ประโยชน์รวมถึงข้อจำกัด แถมบทความนี้จะทอดแทรกช่องทางการตลาดที่น่าทำและน่าศึกษาไว้เป็นตัวเลือกอีกด้วย Digital Marketing มีอะไรบ้าง?
ไปลงรายละเอียดของแต่ละช่องทางกันเลย hbspt.cta.load(3944609, ‘ee84ba66-6adc-403e-b618-76ea19115825', {}); 1. Website Marketing ช่องทางการตลาดที่แสนมั่นคงถ้าหากจะพูดถึงช่องทางการทำการตลาดก็คงจะต้องพูดถึงสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก เพราะ Website คือ ที่อยู่อันแสนมั่นคงบนแผนที่ที่เรียกว่า Search Engine เช่น Google นับว่าเป็นช่องทางที่ลูกค้า สามารถเข้ามาเจอร้านค้าของเราได้เร็วที่สุด โดยที่ร้านค้าที่ว่าคือสื่อที่เราผลิตขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ และขายข้อมูล สินค้าและบริการของเรา โดยที่หน้าที่ของ Website Marketing หลักๆ แล้วคือ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสำหรับลูกค้าที่แวะมาเยี่ยมเยียน หรือทำความรู้จักกับแบรนด์ของเรา รวมถึงยังเป็นหน้าร้านเอาไว้ขายของได้อีกด้วย ซึ่งวิธีที่จะดึงดูดคนเข้าร้านนั้นก็ต้องพึ่งพาเจ้า SEO หรือ Search Engine Optimization แต่คำว่า SEO นี่มาจากไหนกันนะ SEO คือชื่อย่อของคำว่า Search Engine Optimization เป็นกระบวนการทำงานของระบบ Search Engine ที่จะดึงหน้าเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาผ่านการใช้คีย์เวิร์ดที่ เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจัยของการทำ SEO ก็ไม่ได้มีแค่คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงการทำ และออกแบบเว็บไต์ให้เป็น User Friendly ก็มีผลต่อการทำ Digtal Marketing ในช่องทางนี้ “Content is King” ช่องทางการตลาดแบบ Website Marketing จำเป็นต้องพึ่งพากลไกของ Search Engine Optimization เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมหรือ Leads ในหน้าเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการที่เว็บไซต์จะดึงดูด Leads ได้นั้นจำเป็นต้องสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้เหมาะแก่การเยี่ยมชม ซึ่งคอนเทนต์จริงๆ แล้วนั้นไม่ใช่แค่ Blog post แต่มันคือเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ของเราที่ เอาไว้ดีงดูดสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่น บทความ สินค้าหรือบริการ หรืออาจจะเป็นข้อมูลที่ช่วยที่ช่วยให้รู้จักกับแบรนด์ดียิ่งขึ้น และสิ่งที่ทำให้ “Content is King” นั่นก็คือเราได้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของเรา หรือยัง หรือสอดคล้องกับจุดประสงค์ของธุรกิจของเราหรือเปล่า ข้อดีของช่องทางการตลาดแบบ Website Marketingการทำ Digital Marketing บนบ้านที่แสนมั่นคงนี้มีข้อดีมากมาย ถึงหลายๆ คนจะมองว่าในยุค Digital Marketing นั่นเอื้อกับการทำการตลาดบน Social Media มากกว่า แต่อย่าลืมว่า Social Media Platform ก็มีข้อจำกัด จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถรวบรวมทุกอย่างไว้ใน ‘ที่อยู่’ เดียว
ข้อท้าทายของช่องทางการตลาดแบบ Website Marketingข้อท้าทายที่สุดในฐานะนักการตลาดที่จะสร้าง “บ้าน” ขึ้นมาเอง มาดูกันว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
และนี่คือตัวชี้วัดว่าใครสามารถจับทางลูกค้าได้ตรงจุดกว่ากัน รวมถึงรู้วิธีการดูแลและรู้จักการทำ Website Marketing ดีกว่ากัน แต่ว่าเราก็สามารถผลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้จากการพึ่งเจ้าเครื่องมืออย่าง Martech นั่นเอง แนะนำ Martech ตัวอย่าง Martech ที่อยากแนะนำในการช่วยพัฒนาช่องทางการตลาดแบบ Website Marketing
สามารถอ่านต่อได้จากที่นี่เลย 2. Search Engine Marketing กับช่องทางการตลาดแนว Paid SearchSearch Engine Marketing คืออะไร ทำไมชื่อยาวขนาดนี้ ถ้าเรียกอีกแบบว่า SEM อาจจะทำให้ใครหลายคนร้องอ๋อ! ขึ้นมาทันที เพราะมันคือช่องการทางทำการตลาดออนไลน์ ที่จำเป็นต้องใช้ ‘เงิน’ แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากดันบ้านตัวเองไปอยู่ด้านหน้าสุดของหมู่บ้าน SERPs (หน้าแสดงผลลัพธ์การค้นหา) อยู่แล้ว ซึ่งการที่จะใช้วิธีแบบฟรีๆ ก็ย่อมใช้เวลาและทักษะในการเรียนรู้ทั้ง SEO และ เรียนรู้ความต้องการของลูกค้า แถมยังต้องไปแข่งขันกับบ้านอื่นอีกด้วย สำหรับบางคนคิดว่ามันไม่ทันใจเอาซะเลย ทำไมเราถึงไม่ใช้ตัวช่วยซื้อพื้นที่หน้าหมู่บ้าน ทำเลดีๆ เพื่อตั้งบ้านของเราล่ะ และนี่คือเหตุผลของการมีอยู่ของ SEM บนระบบ Search Engine อย่าง Google และ Yahoo ข้อแตกต่างระหว่าง SEO และ SEMชื่อก็คล้ายๆ กัน อาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ เพราะทั้งสองอันคือช่องทางการทำ Website Marketing ทั้งคู่แตกต่างกันที่ ค่าใช้จ่าย และ ระยะเวลา ขออธิบายแบบกระชับ สั้นๆ ว่า Search Engine Optimization (SEO) คือการทำงานของ ระบบ Search Engine เช่น Google ในการดันเว็บไซต์ของเราให้ไปอยู่บนหน้าแรกๆ ของ Search Engine Result Pages (SERPs) เพื่อเพิ่มจำนวน Organic traffic ของ Leads ที่ผ่านเข้ามาแวะเวียนจาก Keywords ที่เขากำลังสนใจ ซึ่งทาง Search Engine จะจัดอันดับเว็บไซต์ของเราจากจำนวนผู้เข้าชม ยอดคลิกเยี่ยมชมเว็บไซต์โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่เราจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพของเว็บไซต์อยู่เสมอ กลับกัน Search Engine Marketing (SEM) คือการทำงานของ Search Engine เช่นเดียวกัน เพียงแค่เราต้องใช้ เงิน ในการซื้อโฆษณาให้เว็บไซต์ของเราไปขึ้นอยู่บนหน้าแรกของ Search Engine Result Pages (SERPs) ตาม Keywords ที่ลูกค้าเป้าหมายของเราได้ค้นหา วิธีการสังเกต SEM คือในหน้าผลลัพธ์หลังจากค้นหาแล้ว จะมีคำว่า “Ad” หรือโฆษณาอยู่ด้านหน้าชื่อหน้าเพจ โดยที่ทาง Google จะเรียกเก็บเงินเราจากจำนวนคลิกที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมเรา เรียกอีกอย่างว่า Paid Per Click หรือ PPC ข้อดีของช่องการตลาดแบบ SEMแน่นอนว่าการจับทางลูกค้าจากการศึกษา Keywords เป็นการทำการตลาดที่เห็นผลที่สุด
ข้อท้าทายของ Paid Searchใช่ว่าการจ่ายเงินเพื่อการคลิกด้วยคำแบบเฉพาะเจาะจงจะเพียงพอ เพราะว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ควรคำนึง
3. E-mail Marketing ช่องทางการตลาดที่ฟังดูเก่า แต่เก๋าใช่เล่นพูดถึงช่องทางการตลาดที่ฟังดูไม่น่าจะเวิร์กในยุคนี้ แต่ดันใช้ได้จริงและยังมีประสิทธิภาพอยู่ และสิ่งนี้คือ Email Marketing ซึ่งมันคือการทำการตลาดที่เราจะเก็บข้อมูลลูกค้าโดยที่ส่วน ใหญ่จะมาจาก 1st party data ที่เรารวบรวมข้อมูลเอง และส่งข้อความที่สามารถเป็นได้ทั้งการ ประชาสัมพันธ์ โฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรืออาจจะเป็นโปรโมชั่นต่างๆ ไปตามอีเมลจากฐานข้อมูลในมือเรา ซึ่งการเก็บข้อมูลตรงนี้เพื่อมาทำ E-mail Marketing มาจากที่ไหน ก็ขอตอบเลยว่าส่วนใหญ่มา จากลูกค้าที่ยอมแลกเลี่ยนข้อมูลกับเราบน Website Marketing ที่เราสามารถดัดแปลงหรือ ดีไซน์ตัวเว็บให้มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Sign up สำหรับการเข้าถึงบทความฟรีบนเว็บไซต์หรือเพื่อ ให้ลูกกค้าสามารถรับข้อมูลและ Newsletter ต่างๆ ที่เกี่ยวกับแบรนด์ในอนาคต แน่นอนว่าไม่ใช่ ลูกค้าทุกคนจะยอมแลกเปลี่ยน ดังนั้นเราจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ Call-To-Action (CTA) เพื่อกระตุ้นให้เขารู้สึกอยากลงชื่อเพื่อ Sign up ในเว็บไซต์ของเรานั่นเอง ซึ่งถามว่าหลังลูกค้าลงชื่อเพื่อ Sign up แล้ว เขาจะได้รับการแลกเปลี่ยนระหว่างอีเมลหรือ ข้อมูลบางส่วน เช่น Demographic Bio กับการได้รับอีเมลจากแบรนด์ซึ่งอาจจะเป็นโฆษณาหรือ ข้อมูลดีๆ และพวกเขาก็ก้าวมาเป็น Leads Generation ของเรา และอาจจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าใน อนาคต ข้อดีของช่องทางการตลาดที่แสนเก๋าเกม
ข้อท้าทายของช่องทางการตลาดแบบ Emailข้อดีตั้งมากมายของการทำ Email Marketing นั้นเป็นตัวชี้วัดว่าถึงจะเก่าแต่ก็ยังมีประสิทธิภาพ แต่ว่า..
Shifu แนะนำ การเอาชนะความท้าทายนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราทำความรู้จักเจ้า E-mail Marketing เป็นอย่างดี มาเริ่มใช้ประโยชน์จากอีเมลกัน และแล้วก็มาถึงคิวของน้องใหม่ไฟแรงอย่าง Social Media กัน เป็นการทำการตลาดที่ฮิต ติดลมบนมากในช่วงเวลานี้ เพราะว่าทุกคนที่มี Smartphone สามารถเข้าถึง Social Media ได้ทุกแอปพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือ Youtube แน่นอนว่าไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน บนรถไฟฟ้า รถส่วนตัว สถานที่สาธารณะหรือแม้แต่บ้านของเรา ก็ไม่วายต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก เข้าแอปนั้น ออกแอปนี้ ถึงแม้จะใช้เวลาสั้นๆ แต่ถ้าให้รวมเวลาต่อแอปพลิเคชั่นจริงๆ ก็ถือว่านานพอสมควร และนี่คือโอกาสของแบรนด์ ที่จะได้ใช้ช่องทางที่สามารถดึงความสนใจจากลูกค้าได้มากที่สุด รวมถึงยังสามารถเพิ่มจำนวน ลูกค้าหน้าใหม่ได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Social Media Marketing เป็นช่องทางแห่งยุคที่แท้จริง นั่นก็คือการที่เป็น 2 ways communications ที่ลุดค้าสามารถตอบโต้กับแบรนด์ได้อย่างทันที โดยที่ไม่ว่าใคร สามารถเทียบความรวดเร็วนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรืออีเมลล์ แต่ว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ Social Media เป็นช่องทางการทำการตลาดที่แข็งแกร่งมากๆ ในช่วงเวลานี้กัน ไปดูจุดแข็งของ SMM กันดีกว่า กลยุทธ์ที่เป็นจุดแข็งของ SMM ที่ไม่ว่าใครก็เทียบไม่ติดอย่างที่รู้กันว่า Social Media ทุกแอปพลิเคชั่นมีวิธีใช้งานที่แตกต่างกันไป และเหมาะกับรูปแบบคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน รวมถึงช่วงเวลาที่คนสามารถจดจ่อต่อโพสต์ก็แตกต่างกันเช่นเดียวกัน และนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์ของช่องทางการตลาดแบบ SMM เพราะทุกคนมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน และเพราะความหลากหลายนี้ทำให้เรายิ่งต้องครีเอทีฟ และคัดสรรสารที่เราจะสื่อไปถึงเขา รวมถึงกลยุทธ์ ‘พิเศษ’ อื่นๆ เพื่อยกระดับการทำการตลาดของเราเอง กลยุทธ์แรกคือการจ้างงาน Influencer ที่สามารถส่งเสียงได้ดังกว่าใครในทุกๆ Social Media platforms ซึ่งเราสามารถแบ่ง Influencer ได้ออกเป็น 5 ประเภทตามจำนวนผู้ติดตามของ พวกเขา เริ่มจาก Nano Influencer, Micro Influencer, Midtier Influencer, Macro Influencer และ Mega Influencer ซึ่งค่าตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตามและการตกลงกัน ยิ่งผู้ติดตามเยอะ ค่าตอบแทนก็จะเยอะตาม ถามว่ากลยุทธ์แรกเวิร์กจริงหรือ เสียเงินหลายหมื่นเพื่อให้พวกเขาพูดถึงสินค้าของเรานี่คุ้มค่า ไหมนะ อย่าลืมว่าเขามีฐานผู้ติดตามที่เยอะ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะหันมาสนใจสินค้าและ บริการของเรา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะปฏิเสธเพราะคนที่เขาชื่นชอบกำลังพูดถึงมัน และนี่คือหนึ่ง ในเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงเรียกพวกเขาว่า Influencer หรือ ผู้มีอิทธิพล หรือสำหรับแบรนด์ที่กำลังเติบโตและกำลังมองหาวิธีโปรโมตที่ไม่เสียเงิน เราก็มีอีกกลยุทธ์ที่ เรียกว่า Peer-to-peer (P2P) หรือการบอกต่อกันระหว่างเพื่อนสู่เพื่อน วิธีนี้เป็นวิธีที่แบรนด์ หลายๆ แบรนด์ใช้ดึงดูดลูกค้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเสนอสินค้าและบริการที่ฟรี หรือลดราคา แลกเปลี่ยนกับเงื่อนไขที่ว่าลูกค้าจะต้องกดไลค์ กดแชร์ แท็กเพื่อนบน Social Media พร้อมเปิดโพสต์ให้เป็นสาธารณะ เพื่อเป็นการยืนยัน นับว่าเป็นวิธีที่จะเพิ่ม Engagement ได้ไม่มากก็น้อย แต่อย่างน้อยแน่นอนว่าได้ Eyeballs เยอะขึ้นมากๆ อีกกลยุทธ์ที่ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้เลยคือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าของเราสร้างคอนเทนต์เอง อีกชื่อคือ User Generated Content วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำใน Platform อื่นได้ค่อนข้างยากเพราะกว่าคนจะสามารถเข้าถึงตัวคอนเทนต์นั้นก็กินเวลาไปหลายสัปดาห์ เทียบกับ social media ที่พอปล่อยคอนเทนต์ปุ๊บ ก็สามารถสร้าง Awareness ให้คนอื่นได้อย่างรวดเร็วผ่านสิ่งที่เรียก ว่า Timeline บวกกับการที่เราให้ลูกค้าสร้างคอนเทนต์เอง ก็อาจจะมีการตอบสนองจากเพื่อนๆ หรือคนรอบตัวของเขาเยอะกว่า ซึ่ง UGC ที่เราเห็นคือการให้ลูกค้าลองเป็น advocate ของแบรนด์จากการใช้ hashtag เล่าเรื่องเกี่ยวกับสินค้าของเราผ่านทุก Social media platforms ข้อท้าทายของช่องทางการตลาดแบบ SMMกลยุทธ์จุดแข็งเยอะขนาดนี้ แต่การใช้ Social Media ในการทำการตลาดก็ยังมีข้อควรคำนึงเช่นเดียวกัน
โดยคุณสามารถอ่านเทคนิคการทำ Social Media Marketing ให้สำเร็จได้ที่
กระโดดจากการทำ SMM ตามวิธีด้านบนมาพึ่งพาฟีเจอร์เด็ดของ Social Media ที่เขาเตรียม พร้อมไว้ให้เรายิงโฆษณาโดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยโปรแกรมภายนอก ซึ่งหมายความว่าในทุก ครั้งที่เรายิงแอด เราสามรถควบคุมค่าใช้จ่ายและทำ Audience Targeting จากตัวแอปพลิเคชั่นได้เลย รวมไปถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์ในทันทีทันใด ความสำคัญที่จำเป็นต้องเขียนแยกออกมาจาก Social Media Marketing แบบปกติก็เพราะ สิ่งนี้นับว่าเป็นการทำโฆษณาที่ตอบโจทย์มากๆ เพราะในแต่ละ Platforms ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้คิดค้นย่อมรู้ดีที่สุดว่าแอปพลิเคชั่นของตัวเองของทำการตลาดยังไงให้ตอบโจทย์ เจ้าตัว Social Media Ads มีหลักๆ อยู่ 7 เจ้าซึ่งแน่นอนว่ามันคือฟีเจอร์จากเจ้าพ่อเจ้าแม่ Social Media ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่เราเล่นกันอยู่ ได้แก่ Facebook Ads, Instagram Ads, Twitter Ads, Youtube Ads, Tiktok Ads, Pinterest Ads, และ Linkedin Ads อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถ ตอบได้เลยว่าควรทำโฆษณาที่ตัวไหนดี เพราะว่ารูปแบบการทำงาน คอนเทนต์ที่เหมาะสม รวมถึงผู้ใช้งานของแอปพลิเชั่นแตกต่างกันมากๆ ต้องมาดูกันที่จุดประสงค์และเป้าหมายของ แบรนด์ และที่สำคัญคือ Audience ของแบรนด์อยู่ที่แพลตฟอร์มไหน ต้องพูดรวมๆ เลยว่าการจ่ายเงินเพื่อยิงแอดผ่าน Social Media มีข้อดีอย่างไร เพราะถ้าจะให้ พูดถึงข้อดีของแต่ละอันก็คงยาวแน่นอน งั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า
ข้อเสียค่อนข้างคล้ายคลึงกับการทำ Social Media Marketing แต่ขอโฟกัสแค่ตรงฟีเจอร์ตอน ยิงแอดเลยดีกว่า
6. Online Video ช่องการทำการตลาดแบบไม่กี่วินาทีเพื่อซื้อใจคนดูมาถึงช่องทางการทำการตลาดที่สามารถดึงดูดคนดูได้มากที่สุดในเวลานี้ นั่นคือการทำ Online Video นั่นเอง พูดตรงๆ ว่าในเวลานี้ไม่ว่าเราจะเลื่อนดูหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ เราจะ เห็นเจ้าภาพเคลื่อนไหวพวกนี้แทบจะเกือบทุกเวลา แล้วถามว่าเรากดดูมันไหม แน่นอน เพราะภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงมันดึงดูดประสาทสัมผัสของมนุษย์อยู่แล้ว Online Video เป็นอีกวิธีที่คนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะว่ามันสามารถสร้าง Awareness ให้คนดูได้ ซึ่งประเภทของวิดีโอนั้นมีหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่วิดีโอที่ให้ความรู้ เพียงอย่างเดียว เช่น วิดีโอเพื่อความบันเทิง, ซีรีส์หรืออาจจะเป็นวิดีโอสั้นๆ เพื่อไม่ให้คนดูเกิด อาการเบื่อหน่ายก่อน สอดคล้องกับฝั่งผู้บริโภคที่นิยม Video Content กัน ถามว่าแล้ววิดีโอแบบไหนจะดึงความสนใจของลูกค้า ซึ่งตรงนี้แบรนด์เองต้องรู้ว่า Audience ของเราคือใคร มีความชอบแบบไหน แล้วจะสามารถมากำหนดความสั้นความยาวและรูปแบบ ของวิดีโอได้ พื้นที่ยอดนิยมที่เรามักจะเจอ Online Video Ads
ข้อดีของการทำ Online Video
ข้อท้าทายของการทำ Online Video
7. Content Marketing ช่องทางการตลาดเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริงจากวิธีการทำ Digital Marketing ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมานั้นเป็นช่องทางที่ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มแต่หลังจากหัวข้อนี้จะมาโฟกัสที่คอนเทนต์ของการทำ Digital Marketing มากขึ้น ซึ่งพูดถึงตรง นี้ก็จะมองข้ามประโยคที่เคยเกริ่นไปว่า Content is King ก็คงจะยาก เพราะทุกการทำโฆษณา ต้องพึ่งพาคอนเทนต์ คอนเทนต์ที่ว่าก็คือการทำการตลาดแบบระยะยาวผ่านการผลิตเนื้อหาที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้อง กับลูกค้าของเราเพื่อดึงดูดและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ของเรา ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าไม่จำเป็นต้องเป็นการเขียนก็ได้ อาจจะเป็นการทำคอนเทนต์รูปแบบอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวคอนเทนต์จะรุ่งหรือร่วงก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า… คอนเทนต์ของเราตอบโจทย์หรือใช่สิ่งที่ผู้คนต้องการหรือไม่ จังหวะหรือบริบทที่ปล่อยคอนเทนต์ รวมถึงการเลือกใช้ช่องทางสื่อสารที่เหมาะสม การทำคอนเทนต์ให้เหมาะกับแพลตฟอร์มต่างๆDigital Platfroms ทั้งหลายนั้นมีความแตกต่างและจุดประสงค์การใช้ออกไป สิ่งที่นักการตลาด ควรคำนึงถึงก็คือพฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer’s behaviour) และรูปแบบของแพลตฟอร์มนั้นๆ เรามาดูต่างอย่างกันคร่าวๆ กันดีกว่า
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือช่องทางการทำ Digital Marketing ที่แนะนำและยังสามารถใช้ได้จริง ในปัจจุบัน เราอาจจะประยุกต์ใช้ทุกช่องทางในการทำโฆษณาก็ได้หรืออาจจะเจาะจงแค่กลุ่ม เป้าหมายของเรา และศึกษาช่องทางนั้นๆ เพื่อต่อยอดการทำโฆษณาและส่งต่อคอนเทนต์ดีๆ ให้ลูกค้าของเราต่อไป |