ตำแหน่งปวดท้อง บอกโรคได้อาการปวดท้องใครๆ ก็เป็นได้ บางท่านปวดท้องเป็นประจำซื้อยามาทานก็หายจึงละเลยการใส่ใจสุขภาพ หากมีอาการปวดท้องลักษณะต่อไปนี้ควรรีบพบแพทย์
นอกจากนี้ อาการปวดท้อง และตำแหน่งที่ปวดก็สามารถบอกถึงโรคหรืออาการผิดปกติของอวัยวะและการรักษาที่แตกต่างกันด้วย มาดูกันค่ะว่าอาการปวดท้องตำแหน่งไหนบอกโรคอะไร? ตำแหน่ง 1 ปวดบริเวณใต้ชายโครงขวาเป็นจุดของตับและถุงน้ำดี หากกดแล้วเป็นก้อนแข็งๆ บวกกับอาการตัวเหลือง หมายถึงความบกพร่องของตับและถุงน้ำดี หากปวดมากควรรีบพบแพทย์ ตำแหน่ง 2 ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่
ตำแหน่ง 3 ปวดบริเวณชายโครงซ้ายจะตรงกับตำแหน่งของม้าม อย่ามัวรีรอรีบไปพบแพทย์ ตำแหน่ง 4,6 ปวดบริเวณบั้นเอวขวาหรือซ้าย
ตำแหน่ง 5 ปวดบริเวณรอบสะดือตรงกับตำแหน่งลำไส้เล็ก มักจะมีอาการปวดบิด ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน หากกดแล้วปวดมากอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ ปวดจนทนไม่ไหวให้พบแพทย์ทันที ตำแหน่ง 7 ปวดบริเวณท้องน้อยขวา
ตำแหน่ง 8 ปวดท้องน้อย
ตำแหน่ง 9 ปวดท้องน้อยซ้าย
อาการปวดท้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้ว่าจะปวดนิดเดียวก็ไม่ควรละเลย รักสุขภาพรักตัวเองต้องคอยหมั่นสังเกตตัวเองอยู่เสมอ หากเกิดอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ถ้าปล่อยเรื้อรังอาจจะสายเกินแก้ได้นะคะ ปวดท้องน้อยด้านขวาและร้าวมาที่ขาขวา มีอาการปวดเอวร่วมด้วยปวดท้องน้อยด้านขวาเหมือนมีอะไรแทงและร้าวไปที่เอว จะเป็นรุนแรงช่วงมีประจำเดือนปวดมากในบางครั้ง แต่บางครั้งปวดแบบน่ารำคาญคือปวดๆๆหายๆเป็นแบบนี้มานานมากเวลาไปหาหมอๆจะบอกว่าปวดท้องประจำเดือนแต่นู่ว่าไม่น่าจะใช่ประปวดประจำเดือนเป็นทุกเดือนไม่ใช่อาการแบบนี้ เป็นตกขาวด้วยค่ะเยอะมากบางครั้งเป็นแค่น้ำใสๆแต่คันช่องคลอดมาก บางครั้งเป็นสีขาวขุ่นเยอะมากแต่ไม่มีอาการคัน บางครั้งไหลเหมือนคนอั้นฉี่ไม่อยู่แต่ที่ออกมาเหมือนน้ำคาวปลาตอนคลอดลูกเป็นเกือบทั้งเดือน ไปหาหมอๆบอกว่าเป็นตกขาว จนไม่อยากจะไปเพราะได้ยาสอดกับยาทามาแต่อาการไม่ดีขึ้น ต้องใส่แผ่นอนามัยตลอดเวลาค่ะ อยากหายและอยากทราบว่าอาจจะเป็นโรคอะไรได้บ้างค่ะ ผ่าตัดไส้ติ่งมาแล้วค่ะ เวลาปวดแต่ละครั้งทั้งทรมานและรำคาญมากค่ะ Post 03 Nov 2556 by Visitor-70270 Reply คงมีอะไรที่ผิดปกติไปกว่าการอักเสบธรรมดา น่าจะมีพังผืด หรือ เนื้องอกด้วย ควรไป รพ.ใหญ่ ๆ ถ้ายังไม่มีลูก ก็เชิญตรวจที่ ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากของ รพ.วิภาวดี ได้เลยครับ ผู้ตอบ: นพ. ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล (05.11.56 ) อาการ ปวดท้องน้อย ในคุณผู้หญิง โอย…โอย…ปวดท้องอีกแล้ว มีประจำเดือนทีไร ปวดท้องน้อย ทุกทีเลย เสียงคร่ำครวญดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่ง ถ้าไม่เกิดกับใครจะไม่รู้สึกหรอก คุณผู้หญิงบางท่านไม่เคยปวดท้องน้อยมาก่อนไม่ว่าจะเกี่ยวกับการมีประจำเดือนหรือไม่มีประจำเดือน ก็ไม่เคยปวดสบายดีมาตลอด แต่วันนี้ทำไมจู่ๆเกิดปวดขึ้นมาอย่างเฉียบพลันทันใด อูยยยย….เกิดอะไรขึ้นละเนี่ย อาการปวดท้องน้อยในคุณผู้หญิงเป็นอาการหนึ่งที่พบได้บ่อยๆที่ทำให้ต้องมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจและรักษา เป็นอาการที่สร้างความกังวลใจให้ได้เรื่อยๆโดยเฉพาะคนที่เป็นอยู่เนืองๆหรือเป็นเรื้อรังไม่หายสักที ดังนั้นเราจึงควรมารู้จักกับอาการปวดท้องน้อยกันสักหน่อย เพื่อจะได้ทราบแนวทางทั้งการตรวจวินิจฉัยรวมถึงแนวทางการรักษาด้วย เบื้องต้นควรเข้าใจให้ตรงกันว่า บริเวณท้องน้อยของคุณผู้หญิงที่ผู้เขียนหมายถึงนั้น ก็คือบริเวณช่องท้องส่วนล่างนับตั้งแต่ตำแหน่งสะดือลงมาจนถึงขอบบนของกระดูกเชิงกราน บริเวณทั้งหมดนี้จะมีอวัยวะสำคัญหลายอย่างที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยได้ ก็มี มดลูก ปีกมดลูกทั้งสองข้าง(คือท่อนำไข่และรังไข่ทั้งสองข้าง) กระเพาะปัสสาวะอยู่ด้านหน้าของมดลูก มีลำไส้ทั้งเล็กและใหญ่อยู่เต็มช่องท้องซึ่งเคลื่อนไหวบีบตัวอยู่ตลอดเวลา โดยมีไส้ติ่งอยู่ที่บริเวณด้านขวาต่ำกว่าสะดือมาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีท่อไตทั้งสองข้างอยู่ในผนังช่องท้องด้านหลังอีกด้วย จะเห็นว่ามีอวัยวะมากมายที่อยู่ในบริเวณท้องน้อยนี้ และที่สำคัญทุกอวัยวะดังกล่าวสามารถทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยได้ทั้งสิ้น ! โดยอาจจะเกิดจากการอักเสบ การบาดเจ็บ การเป็นเนื้องอกหรือเป็บมะเร็ง แม้กระทั่งการผิดปกติมาแต่กำเนิด เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น โรคของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี คือ มดลูก และรังไข่ที่ทำให้ปวดท้องน้อยได้บ่อยๆ อาจจะแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆคือ เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ และไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ กลุ่มที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่ทำให้ปวดท้อง เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก การแท้งลูก เป็นต้น กลุ่มที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การอักเสบในอุ้งเชิงกราน ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ผิดที่(หรือที่เป็นช็อคโกแลตซีสต์นั้นแหละ) การปวดประจำเดือนที่มดลูกและรังไข่ปกติ การมีเนื้องอกของมดลูก มีเนื้องอกของรังไข่ที่มันแตกหรือบิดขั้ว เป็นต้น โรคของระบบทางเดินปัสสาวะ คือ กระพาะปัสสาวะอักเสบ หรือมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือที่ท่อไต เป็นต้น โรคของระบบทางเดินอาหารที่ทำให้ปวดท้องน้อย ที่พบบ่อย เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ลำไส้อักเสบ หรือมีการทำงานของลำไส้แปรปรวน มีท้องเสียบ้าง ท้องผูกบ้าง หรือการมีเนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้ เป็นต้น การบ่งบอกว่าอาการปวดท้องน้อยที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไร แพทย์ผู้ดูแลก็จะต้องทำการซักถามประวัติความเป็นมาต่างๆ ลักษณะการปวดว่าเป็นแบบใด ปวดที่ตรงไหน ปวดเวลาใด เวลาปวดสัมพันธ์กับอะไร เช่น มีคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ปัสสาวะลำบาก หรือมีเลือดออกมาจากทางช่องคลอดด้วยหรือไม่ เป็นต้น จากนั้นก็เป็นการตรวจร่างกายทุกๆระบบ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงก็ต้องตรวจภายในด้วย และสุดท้ายก็เป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ เช่น การเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ อาจจะมีการถ่ายภาพรังสีเอ็กเรย์ การตรวจด้วยอัลตราซาวด์ และการตรวจพิเศษอื่นๆตามความจำเป็น เช่น ต้องส่องกล้องเข้าไปดูในช่องท้อง หรือส่องดูในลำไส้หรือไม่ เป็นต้น เมื่อได้ข้อมูลเพียงพอสำหรับการวินิจฉัยโรคแล้ว ก็จะให้การรักษาตามที่คิดว่าจะเป็นโรคนั้นๆไป ซึ่งอาจจะเป็นการให้ยา การผ่าตัด การนัดตรวจติดตามเป็นระยะหรือแม้กระทั่งการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวก็เพียงพอแล้วสำหรับโรคบางโรค ดังนั้น ถ้าครั้งหน้าคุณผู้หญิงเกิดมีอาการปวดท้องน้อยขึ้นมาอีก ถ้ารักษาเบื้องต้นด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น ก็อย่ารั้งรอเนิ่นนานเกินไป แวะมาคุยกับแพทย์หรือมารับการรักษาเสียแต่เนิ่นๆก็น่าจะดีต่อสุขภาพของคุณนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากศูนย์สูตินรีเวช 24 ชั่วโมง โรงพยาบาลเจ้าพระยา น.พ.สมเกียรติ คูอมรพัฒนะ สูตินรีแพทย์ |