โครง งาน สบู่ สมุนไพร ว่า น หางจระเข้

Just for you: FREE 60-day trial to the world’s largest digital library.

The SlideShare family just got bigger. Enjoy access to millions of ebooks, audiobooks, magazines, and more from Scribd.

Read free for 60 days

Cancel anytime.

Chuyển đến phần nội dung

โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่จากว่านหางจระเข้

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

โครง งาน สบู่ สมุนไพร ว่า น หางจระเข้

ศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สบู่สมุนไพรว่านหางจระเข้จากกลีเซอรีนธรรมชาติ

ศึกษาโครงงานวิทยาศาสตร์
เรื่อง สบู่สมุนไพรว่านหางจระเข้จากกลีเซอรีนธรรมชาติ
จัดทำโดย
ชื่อกลุ่ม SIMPLE
นายณัฐภัทร
จันทร์ทองคำ เลขที่ 12
นางสาวพิมญาดา
กลิ่นกุหลาบ เลขที่ 27
นางสาวศุภพิชญ์
โพธิสุวรรณ เลขที่ 32
ชั้น ปวช.1/2 คอมพิวเตอร์กราฟิก
แหล่งอ้างอิงและที่มา
http://nrcaum.blogspot.com/2016/03/17192427122558triclocarban1.html?m=1

โครง งาน สบู่ สมุนไพร ว่า น หางจระเข้

โครงงาน​สบู่สมุนไพร​

การทำสบู่ขิง

โครง งาน สบู่ สมุนไพร ว่า น หางจระเข้

นวัตกรรมการเรียนรู้แบบโครงงาน \”สบู่เหลวสมุนไพร ปลอดภัยจาก COVID-19\”

โครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล (1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายโสธร เขต 1

โครง งาน สบู่ สมุนไพร ว่า น หางจระเข้

การนำเสนอโครงงานสบู่สมุนไพรใบเตย

โครง งาน สบู่ สมุนไพร ว่า น หางจระเข้

นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่Wiki

Xin chào các bạn, mình là Lê Trung Kiên. Là một người yêu thích thiết kế và sáng tạo nên mình đã thành lập ra website Sgreen.vn để chia sẻ các kiến thức liên quan đến thiết kế cho tất cả mọi người Xem tất cả bài viết của LÊ TRUNG KIÊN

Điều hướng bài viết

โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่ อง สบู่ว่านหางจระเข้ สมาชิก นางสาวชลธิชา พรมรักษ์ เลขท่ี10 นางสาวเพชรน้าหน่ึง ธญั ญะ เลขท่ี 15 นางสาววรฤทยั ยะตยุ้ เลขที่ 16 นายนวลด การโสภา เลขที่18 นางสาวณฐั ณิชา อ่อนแล เลขที่20 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/6 ครูท่ีปรึกษาโครงงาน คุณครูดารงค์ ขนั ธเรศ

บทคดั ย่อ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่ืองสบู่สมนุ ไพรจากกลีเซอรีนธรรมชาติน้ี จดั ทาข้ึนเพ่อื เรียนรู้วธิ กี ารทาสบู่ เพราะสบู่เป็นของใชท้ ่ีจาเป็นในชีวติ ประจาวนั ทกุ วนั เราอาบน้าตอ้ งใชส้ บู่เพอ่ื การขจดั ส่ิงสกปรกออกจาก ร่างกาย ซ่ึงคนส่วนมากมกั จะเลือกสบู่ท่ีสามารถทาความสะอาดไดด้ ีมากๆ จนไมค่ านึงถงึ ผลเสียที่จะเกิดกบั ผวิ ในภายหลงั ปัจจุบนั สบู่มมี ากมายหลายชนิดใหเ้ ราเลือกใช้ ตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละบุคคล บางชนิดก็ผสมสมุนไพรบางชนิดก็ผสมสารเคมี เช่น Triclocarban เพอ่ื ฆ่าเช้ือแบคทีเรีย ซ่ึงผูใ้ ชบ้ างรายอาจเกิด อาการแพส้ ารเคมีหากใชบ้ ่อยเกินไป แต่เรารู้จกั สบู่เหลา่ น้นั ดีเพยี งไร และจะมีสกั กค่ี นท่ีใส่ใจในรายละเอียดวา่ สบู่แต่ละกอ้ นมีส่วนประกอบสาคญั อะไรบา้ ง สบู่ท่ีดีจะตอ้ งมีส่วนประกอบสาคญั ที่จาเป็นและมปี ระโยชนต์ ่อ ผวิ ซ่ึงนอกจากจะทาใหส้ บู่ท่ีไดท้ าความสะอาดผวิ ไดด้ ีแลว้ ยงั สามารถบารุงผวิ ไดอ้ ีกดว้ ย ท้งั น้ีสบู่เป็นส่ิงท่ีเรา ตอ้ งใชเ้ ป็นประจาทุกวนั หากเราคดั สรรสบู่ที่ดีมคี ุณภาพจะทาใหเ้ รา มสี ุขภาพผวิ ของทด่ี ีอยคู่ ู่กบั เราไปตลอดนานเท่านาน ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอยการผลิตสบู่สมนุ ไพรใชเ้ องน่าจะเป็นแนวทางหน่ึงที่ลดค่าใชจ้ ่าย ช่วยเหลือ เศรษฐกิจประชาชนชุมชนไดม้ าก เพราะวตั ถดุ ิบหลกั ท่ีใชเ้ ป็นวสั ดุที่ผลิตเองในประเทศเกษตรกรสามารถปลกู พชื น้ามนั และสกดั น้ามนั โดยวิธรการง่ายๆนามาใชเ้ ป็นวตั ถดุ ิบหลกั นอกจากน้ีในแหล่งชุมชนที่มไี ขมนั สตั ว์ เหลอื ใช้ อีกท้งั สมนุ ไพรหาไดใ้ นประเทศมากมายการผลิตสบู่ผสมสมนุ ไพรจึงเป็นการสนบั สนุนการนาสารจาก วสั ดุธรรมชาติท่ีผลิตไดเ้ องมาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งคุม้ ค่าราคาถกู ประหยดั และใชไ้ ดง้ ่ายจึงน่าท่ีจะผลิตสบู่สมุนไพร เพอ่ื นามาใชช้ าระลา้ งทาความสะอาดร่างกายและของใชห้ รือใชซ้ กั เส้ือผา้ แทนผงซกั ฟอกได้ ก่อนที่จะทาการ ผลิตสบู่สมนุ ไพร จาเป็นตอ้ งศกึ ษาวธิ ีการผลิตอยา่ งละเอยี ดก่อนเพอ่ื ความปลอดภยั และและจะไดส้ บู่ที่มคี ุณภาพ ดี ผลทคี่ าดว่าจะได้รับ 1. สามารถนาสบู่ท่ีผลติ ออกมาไปขายได้ 2. ผลิตสบู่เป็นที่น่าสนใจของคนทว่ั ไป 3. สามารถนามาใชเ้ ป็นของฝากหรือของชาร่วยได้

กติ ตกิ รรมประกาศ ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่สมุนไพรวา่ นหางจระเขจ้ ากกลีเซอรีนธรรมชาติ ในคร้ัง น้ี คณะผจู้ ดั ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ไดร้ ับความอนุเคราะหจ์ ากบุคคลภายนอก ไดแ้ ก่ กลมุ่ แมบ่ า้ นเศรษฐกิจ พอเพยี ง ชาวบา้ นในแถบพ้นื ท่ีใกลเ้ คียง ท่ีใหค้ าแนะนาปรึกษาเกี่ยวกบั กลเี ซอรีนธรรมชาติที่ทางกลมุ่ แม่บา้ นได้ ทาการผลติ กนั ข้ึนมาเองจากวตั ถุดิบ ท่ีปลอดสารเคมี และไดใ้ หค้ าแนะนาในเรื่องของการทาสบู่ วิธีการทาสบู่ อยา่ งถกู ตอ้ งและถูกวธิ ีตลอดจนอธิบายถึงการเตรียมอปุ กรณ์ต่างๆท่ีจาเป็นตอ้ งใชใ้ นการนามาทาสบู่และสามารถ นาไปลงมือปฏบิ ตั ิจริง ในการจดั ทาโครงงานชิ้นน้ีและไดค้ าแนะนาปรึกษาในการทาโครงงานอยา่ งเป็นกนั เอง รวมท้งั แนวคิดตลอดจนขอ้ บกพร่องต่างๆท่ีตอ้ งแกไ้ ข ทาใหค้ ณะผจู้ ดั ทาสามารถแกไ้ ขปัญหาที่เกิดข้ึนในการทา โครงงานช้นิ น้ีได้ จนโครงงานเร่ืองน้ีเสร็จสมบูรณ์ คณะผจู้ ดั ทาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูงมา ณ โอกาสน้ี

สารบัญ หน้ า ก เรื่ อง ข บทคัดย่ อ ค กิ ต ติ ก ร ร ม ป ร ะ ก า ศ 1 ส า ร บั ญ 4 บ ท ที่ 1 บ ท นา 9 บทท่ี2 เอกสารท่ีเก่ียวข้อง 15 บ ท ที่ 3 ว ธี ก า ร ดา เ นิ น ก า ร 16 บทที่4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 17 บทท่ี5 สรุ ปการดาเนิ นการ บ ร ร ณ า นุ ก ร ม

บทท่1ี บทนา ท่มี าและความสาคญั ของโครงงาน สบู่ เป็นเคร่ืองสาอางชนิดหน่ึงที่ใชใ้ นการทาความสะอาดร่างกาย เดิมใชเ้ พอ่ื ทาความสะอาด ร่างกายเท่าน้นั ปัจจุบนั กระบวนการผลิตสบู่ มีการเพิ่มส่วนผสมอ่ืนๆ เพือ่ ใหส้ บู่มีสรรพคุณตรงตามความ ตอ้ งการของผูบ้ ริโภคมากข้ึน เช่น มีสีสนั ที่สวยงามน่าใช้ มีกล่ินหอม และมีสรรพคุณทางยาในทางการคา้ มีการใชส้ ารสังเคราะห์เพมิ่ ข้นึ ทาใหผ้ ลิตภณั ฑน์ ่าใช้ บรรจุภณั ฑส์ วยงามแตแ่ ฝงไป ดว้ ยสารเคมีที่เป็น อนั ตราย มีพษิ ตกคา้ งและราคาสูง ปัจจุบนั นิยมใชพ้ ืชสมุนไพรที่มีอยใู่ นธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมเพมิ่ เตมิ ในสบู่ แทนการใชส้ ารเคมีสงั เคราะห์ พืชสมุนไพรที่ใช้ มีสาระสาคญั และมีสรรพคุณทางยา เช่น มีน้ามนั หอมระเหยที่มีกล่ินเฉพาะใชใ้ นการบาบดั โรค มีสีสรรสวยงาม หางา่ ยราคาถูก ประหยดั ปลอดภยั ไร้สาร สงั เคราะห์ และไมม่ ีพษิ ตกคา้ ง ทาใหส้ บูส่ มุนไพรที่ผลิตข้นึ จากผลิตภณั ฑธ์ รรมชาติมีคุณลกั ษณะเฉพาะท่ี หลากหลาย จึงเป็นบทพสิ ูจนใ์ หเ้ หน็ ถึงความมหศั จรรยข์ องสบู่สมุนไพรท่ีมีคุณคา่ ยงิ่ ของภมู ิปัญญาไทย เช่ือวา่ ทุกคนไมว่ า่ จะเป็นเพศไหน วยั ไหน หรือชาติไหน คงไม่มีใครไม่รู้จกั หรือไม่เคยใช้ “สบู”่ ในการ นามาถู ผสมกบั น้าเพือ่ ชาระลา้ งสิ่งสกปรกและทาความสะอาดร่างกาย ท่ีมาต้งั แตส่ มยั โบราณ เพราะใน การใชช้ ีวิตประจาวนั ของคนทุกคนตอ้ งมีการอาบน้ากนั อยทู่ ุกวนั โดยปกตคิ นส่วนใหญเ่ ฉล่ีย กอ็ าบน้าวนั ละสองคร้ัง และปัจจุบนั น้ี สบู่กม็ ีมากมายหลาย ชนิดใหไ้ ดเ้ ลือกใช้ ตามความเหมาะสม และความชอบ ของแตล่ ะบุคคล แตจ่ ะมีใครทราบหรือไม่วา่ สบู่ส่วนใหญท่ ี่ใชก้ นั อยลู่ ว้ นแลว้ แตม่ ีส่วน ผสมที่ เป็นพษิ ของสารซกั ฟอก และสารเคมี และเศษท่ีหลงเหลือในอุตสาหกรรม จากการกลนั่ น้ามนั และปิ โตรเลียมเคมี รวมถึงวตั ถุกนั เสีย ซ่ึงสารเหล่าน้ีลว้ นส่งผลร้ายตอ่ สัตวแ์ ละคน และที่มากกวา่ น้นั คือ ผวิ สามารถดูดซึม ของเสียเหล่าน้ีไดถ้ ึง 60% ดงั น้นั ทางเราจึงไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เกี่ยวกบั การทาสบู่แลว้ จดั ทาสบู่สมุนไพรข้ึนมาจากกลีเซอรีน ธรรมชาติท่ีใชไ้ ดผ้ ลอยา่ งดีย่งิ อีกท้งั ยงั ไม่มีสารเคมีหรือสารพิษปนมาอีกดว้ ย สบู่น้นั เป็นผลจากปฏิกิริยา เคมีของส่วนผสมพ้ืนฐานคอื น้าดา่ ง(SodiumHydroxide) หรือ( PotassiumHydroxide) กบั น้ามนั ซ่ึงในทีน่ ้ี มาจากน้ามนั มะพร้าวปฏิกิริยาเคมีน้ีเรียกวา่ Saponificationซ่ึงจะทาใหไ้ ดเ้ กลือในรูปของแขง็ ที่ล่ืนและมี ฟองท่ีเราเรียกกนั วา่ สบูโ่ รงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มกั จะใชก้ ากน้ามนั ปิ โตรเลียมเป็นเบสในการทาสบู่ ซ่ึงโมเลกลุ ของน้ามนั ปิ โตรเลียมจะมีขนาดใหญ่จนผวิ ไมส่ ามารถซึมซบั ไดแ้ ละยงั ก่อใหเ้ กิดอาการอุดตนั

ไดอ้ ีกดว้ ย นอกจากน้ีส่วนประกอบสาคญั ทุกชนิดที่ใชใ้ นกระบวนการผลิต ยงั เป็นผลิตภณั ฑท์ ่ี ไดจ้ าก ธรรมชาติ คุณจึงมนั่ ใจไดว้ า่ ไมม่ ีสารสงั เคราะหใ์ ดๆ เจือปนอยใู่ นสบู่ จึงเป็นสบูธ่ รรมชาติท่ีมีความ ปลอดภยั วตั ถุประสงค์ -เพ่ือศึกษาวิธีการทาสบู่สมุนไพร -เพ่ือนาสบู่ที่ทามาใชใ้ ห้เกิดประโยชนก์ บั ตวั เอง - เพื่อการลงมือปฏิบตั ิจริง -เพื่อเป็นประสบการณ์ในดา้ นของการศึกษาและเรียนรู้นอกสถานท่ี - เพื่อเป็นหนทางหารายไดแ้ ละนาไปประกอบธุรกิจในข้นั ต่อไป -เพื่อฝึกการปฏิบตั งิ านร่วมกนั อยา่ งเป็นหมคู่ ณะ -เพื่อศึกษาทกั ษะกระบวนการ การแกป้ ัญหา ดว้ ยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ - เพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ในการทารูปแบบต่างๆของสบู่ -เพื่อศึกษาสรรพคุณของพืชสมนุ ไพรชนิดตา่ งๆที่จะนามาเป็นส่วนผสมในการทาสบู่ -เพ่ือใหม้ ีสบทู่ ี่ผลิตจากสมนุ ไพรธรรมชาติ -เพื่อท่ีจะใหส้ บ่สู มุนไพรเป็นท่ีรู้จกั ของคนทว่ั ไป ขอบเขตการศึกษา การทาสบู่สมุนไพรว่านหางจระเขจ้ ากกลีเซอรีนธรรมชาติน้นั จะไดส้ บสู่ มนุ ไพร หลากหลายรูปแบบและหลากหลายชนิด ก็ข้ึนอยกู่ บั แบบพิมพท์ ี่จะนามาพิมพส์ บกู่ บั สมนุ ไพรชนิด ตา่ งๆที่นามาผสม ทาให้ไดส้ บตู่ ามที่เราตอ้ งการ โดยสบูท่ ่ีไดม้ าน้นั จะไมม่ ีสารพิษหรือสารเคมี ใดๆ ท่ีจะตกคา้ งภายในร่างกายของเราไดเ้ ลย เม่ือเรานาสบทู่ ่ีทามาใช้ เพราะส่วนผสมท่ีนามาทาน้นั ลว้ น แลว้ แตท่ ามาจากธรรมชาติท้งั สิ้น ระยะเวลาในการศึกษา 1เทอม สมมตฐิ าน 1. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติผสมสมุนไพร สามารถทาความสะอาดผวิ กายได้ 2. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติที่ผสมสมุนไพรว่านหางจระเขช้ ว่ ยให้ผวิ สะอาดและดชู ุ่มชื่นข้ึน

3. สบ่กู ลเี ซอรีนธรรมชาติไม่มีสารเคมีใดๆจึงไม่เป็นโทษตอ่ ร่างกาย ผลทค่ี าดหวงั ใชพ้ ืชสมนุ ไพรที่มีอยใู่ นธรรมชาติมาเป็นส่วนผสมเพ่ิมเติมในสบู่ แทนการใชส้ ารเคมีสงั เคราะห์ พืชสมุนไพรท่ีใช้ มีสาระสาคญั และมีสรรพคณุ ทางยา เชน่ มีน้ามนั หอมระเหยท่ีมีกล่ินเฉพาะใชใ้ น การบาบดั โรค มีสีสรรสวยงาม หาง่ายราคาถูก ประหยดั ปลอดภยั ไร้สารสงั เคราะห์ และไมม่ ีพิษ ตกคา้ ง ทาใหส้ บู่สมนุ ไพรที่ผลิตข้ึนจากผลิตภณั ฑธ์ รรมชาติมีคณุ ลกั ษณะเฉพาะท่ีหลากหลาย จึง เป็นบทพิสูจน์ใหเ้ ห็นถึงความมหศั จรรยข์ องสบู่สมนุ ไพรที่มีคุณคา่ ยง่ิ ของภมู ิปัญญาไทย เช่ือวา่ ทกุ คนไมว่ ่าจะเป็นเพศไหน วยั ไหน ดงั น้นั ทางเราจึงไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เกี่ยวกบั การทาสบูแ่ ลว้ จดั ทาสบู่ สมนุ ไพรข้ึนมาจากกลีเซอรีนธรรมชาติที่ใชไ้ ดผ้ ลอยา่ งดีย่ิง อีกท้งั ยงั ไม่มีสารเคมีหรือสารพิษปนมา อีกดว้ ย สบนู่ ้นั เป็นผลจากปฏกิ ิริยาเคมีของส่วนผสมพ้ืนฐานคือน้าดา่ ง(SodiumHydroxide) หรือ( PotassiumHydroxide) กบั น้ามนั ซ่ึงในท่ีน้ีมาจากน้ามนั มะพร้าวปฏิกิริยาเคมีน้ีเรียกว่า Saponificationซ่ึงจะทาให้ไดเ้ กลือในรูปของแขง็ ท่ีลื่นและมีฟองที่เราเรียกกนั ว่าสบู่โรงงาน อุตสาหกรรมส่วนใหญม่ กั จะใชก้ ากน้ามนั ปิ โตรเลียมเป็นเบสในการทาสบู่ซ่ึงโมเลกลุ ของน้ามนั ปิ โตรเลียมจะมีขนาดใหญ่จนผิวไมส่ ามารถซึมซบั ไดแ้ ละยงั กอ่ ใหเ้ กิดอาการอุดตนั ไดอ้ กี ดว้ ย นอกจากน้ีส่วนประกอบสาคญั ทกุ ชนิดที่ใชใ้ นกระบวนการผลิต ยงั เป็นผลิตภณั ฑท์ ี่ ไดจ้ าก ธรรมชาติ คณุ จึงมนั่ ใจไดว้ า่ ไม่มีสารสงั เคราะห์ใดๆ เจือปนอยใู่ นสบู่ จึงเป็นสบ่ธู รรมชาติที่มีความ ปลอดภยั

บทท่ี2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ตน้ ว่านหางจระเข้ หรือ Aloe vera เป็น พืชอวบน้า ชนิดหน่ึง มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่อสามญั มีหลายช่ือ ไดแ้ ก่ Chinese Aloe, Indian Aloe, true Aloe, Barbados Aloe, burn Aloe และ first aid plant เป็นตน้ ช่ือภาษาไทยเองก็มีชื่อเรียกอ่ืนอีกแตกตา่ งกนั ตามภมู ิภาค เช่น ภาคเหนือ เรียกว่า ว่านไฟไหม้ ภาคกลาง เรียกว่า หางตะเข้ เป็นตน้ ตน้ ว่านหางจระเข้ มีตน้ กาเนิดมาจากการเป็นพืชที่ข้ึนในเขตร้อน ปัจจุบนั ไดถ้ กู นามาปลูกใน ยโุ รปและเอเชีย และใชใ้ นการเกษตรและผลิตภณั ฑท์ างการแพทย์ นอกจากน้ีก็ยงั มีการใชป้ ลูกเป็น ไมป้ ระดบั ในกระถางดว้ ย ลกั ษณะทัว่ ไป ตน้ ว่านหางจระเข้ เป็นพืชอวบน้าชนิดหน่ึง มีลาตน้ ส้ันหรือไมม่ ีลาตน้ ลกั ษณะเด่นจะอยทู่ ี่ ใบ คือ ใบเป็นใบเด่ยี ว สูงประมาณ 10-100 เซนติเมตร ใบจะเรียงซอ้ นเป็ นกอ ออกเรียงเวียนรอบตน้ ใบมีลกั ษณะโคนใบกวา้ งส่วนปลายใบแหลมคลา้ ยกบั เขม็ ดา้ นบนของใบจะแบน ดา้ นหลงั ใบ โคง้ นูน ขอบใบเป็นหนามแหลมข้ึนห่างกนั เน้ือใบหนามีสีเขียว อาจมีจุดลายสีเขียวออ่ น เน้ือในของใบ มีน้าเมือกเหนียวเป็นวนุ้ ใสสีเขียวออ่ น เมื่อกรีดลงบนโคนใบจะมีน้ายางสีเหลืองใสไหลออกมา ดอกจะมีลกั ษณะเป็นชอ่ ต้งั ยาวข้ึนมา ความยาว 60-90 เซนติเมตร ออกจะแทงข้ึนมาจากกลางตน้ กา้ นดอกจะยาว ตวั ดอกจะมีลกั ษณะเรียวยาวรูปแตรห้อยลงมา โคนกลีบเช่ือมกนั กลีบดอกจะมีสี แตกตา่ งกนั เชน่ มีสีแดง เหลือง และขาว เป็นตน้ โดยจะผลิดอกในช่วงฤดหู นาว ส่วนผลจะเป็นผล แห้ง แตกได้ รูปกระสวย การปลูกต้นว่านหางจระเข้ ตน้ ว่านหางจระเข้ น้นั เป็นพืชอวบน้า มีความตอ้ งการแสงมาก แต่ตอ้ งไม่โดนแสงแดด โดยตรง เนื่องจากจะทาใหต้ น้ แหง้ และใบเปลี่ยนสีได้ การปลกู ทาไดง้ ่ายมาก ปลกู ไดด้ ีในดินทราย หรือมีป๋ ยุ อดุ มสมบรู ณ์ ในการปลกู มีสิ่งที่ตอ้ งเตรียม ดงั น้ี

 การเตรียมดนิ ควรเตรียมดินปลกู ท่ีมีความโปร่งโล่ง ควรเป็นดินปนทราย หรือดินสาหรับปลูกตะบองเพชร หรือ ดินที่ผสมเพอร์ไลต์ มีการระบายน้าไดด้ ี สามารถปลกู ไดท้ ้งั ในกระถางและปลกู ลงบนแปลงปลกู  การเลือกกระถางปลูก หากปลูกในกระถาง ควรเลือกใชภ้ าชนะปลกู ที่เหมาะกบั ขนาดตน้ และควรเลือกเป็นกระถางดิน เนื่องจากสามารถระบายน้าและทาใหด้ ินแหง้ ไดด้ ีกวา่ กระถางพลาสติกหรือกระถางกระเบ้ือง และ ตอ้ งเลือกกระถางท่ีมีรูระบายน้าดา้ นล่างดว้ ย ซ่ึงเป็นสิ่งสาคญั อยา่ งย่งิ เนื่องจากหากมีการระบายน้า ในดินท่ีไม่ดี สามารถทาใหร้ ากเน่าไดง้ ่าย  การเลือกพืน้ ท่ปี ลูก เลือกพ้ืนท่ีปลกู หรือพ้ืนที่วางากระถาง ควรเลือกเป็นบริเวณท่โี ดนแสงอยเู่ สมอ เนื่องจากเป็นพืชท่ี ตอ้ งการแสงมาก แตต่ อ้ งระวงั ไม่ให้โดนแดดจดั โดยตรง อาจเป็นดา้ นทิศเหนือหรือใต้  การปลูกลงในแปลงปลูก หากปลูกในแปลงปลูก ควรปลกู ให้ห่างกนั 50-70 เซนติเมตร เพื่อให้ไดม้ ีพ้ืนท่ีในการโต  การปลูกจากต้นทเ่ี พาะจากร้านขายต้นไม้ หากเป็นตน้ ที่ซ้ือมาจากร้าน ให้นาตน้ ออกมาจากกระถางเก่า แลว้ ปัดเอาเศษดินออกจาก ราก ระวงั ไมใ่ ห้รากเสียหาย หากตน้ มีหน่อก็ให้เอาหน่อออกกอ่ น หากใชม้ ีดตดั ให้ทิ้งตน้ ไวใ้ หส้ มาน แผลจากรอยตดั กอ่ นอยา่ งนอ้ ย 2-3 วนั เมื่อท้ิงไวใ้ หส้ มานรอยตดั ดีแลว้ ก็ทาการปลกู ลงในกระถาง โดยใส่ดินลงในกระถางประมาณ 3 ส่วนของกระถาง ใส่ตน้ ไมล้ งไปแลว้ แลว้ เอาดินกลบรากใหด้ ี อยา่ ใส่ดินจนเตม็ ถึงขอบกระถาง ใหใ้ บล่างสุดของตน้ อยเู่ หนือดิน

เม่ือนาตน้ ลงในดินแลว้ ควรท้ิงไวเ้ ฉย ๆ โดยไม่รดน้าอยา่ งนอ้ ย 1 อาทิตย์ เพื่อลดโอกาส การเกิดรากเน่า และให้รากใหม่งอกมา เมื่อตน้ ฝังรากดีแลว้ ก็คอ่ ยยา้ ยไปในตาแหน่งที่ตอ้ งการ  การปลูกจากหน่อ หน่อ คือ ตน้ เลก็ ๆ ท่ีเกิดจากการสร้างข้ึนของตน้ แม่ สาหรับการปลกู จากหน่อ ให้ดึงหน่อ ออกจากตน้ แม่ หรือใชม้ ีดตดั หน่อออก ใหไ้ ดเ้ ป็นตน้ เลก็ ๆ ท่ีมีรากสมบรู ณ์ดี ปัดดินออกจากราก แลว้ ทิ้งไวน้ อกดิน 2-3 วนั เพ่ือให้หน่อให้สร้างผวิ มาปิ ดส่วนที่ถูกตดั ซ่ึงจะช่วยไมใ่ หเ้ น่าได้ เก็บ หน่อที่ตดั แลว้ ไวใ้ นท่ีอุ่นไม่โดนแดดโดยตรง เม่ือหน่อสร้างเปลือกหุม้ สมานรอยตดั เรียบร้อยแลว้ ให้นาลงกระถางได้ โดยใชด้ ินสาหรับพืชอวบน้าทวั่ ไป อยา่ ลืมว่าดินตอ้ งระบายน้าไดด้ ี วางกระถาง ไวใ้ นบริเวณท่ีไดร้ ับแสงเพียงพอ รออยา่ งนอ้ ย 1 อาทิตยก์ ่อนคอ่ ยรดน้า การดแู ลว่านหางจระเข้ ตน้ ว่านหางจระเข้ ตอ้ งการการดแู ลท่ีนอ้ ยมาก มีเพียงแค่ไมก่ ี่สิ่งที่ตอ้ งคานึงถงึ ไดแ้ ก่  การรดน้า

ส่ิงสาคญั ท่ีสุดของการดแู ลตน้ ไมช้ นิดน้ีคือการ รดน้าใหเ้ หมาะสม ดินควรจะแห้งสนิทกอ่ น แลว้ คอ่ ยรดน้าคร้ังต่อไป การรดน้าควรรดให้ดินเปี ยกชุ่มท้งั หมดแลว้ ปลอ่ ยใหน้ ้าไหลออกจากดิน การรดน้ามากเกินไป หรือถี่เกินไป จะทาให้ดินชมุ่ ช้ืนอยนู่ าน จะทาให้รากเน่าได้ เป็นสาเหตุหลกั ท่ี ทาให้ตน้ ว่านหางจระเข้ ตาย ควรรดน้าทุก 2 สปั ดาห์ หรือปล่อยให้ดินดา้ นบนประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของดินท้งั หมดให้แห้งกอ่ นแลว้ คอ่ ยรดน้า เช่น กระถางใส่ดินลึก 6 น้ิว ควรปลอ่ ยให้ดิน 2 นิ้วท่ี อยดู่ า้ นบนแห้งก่อน เชค็ โดยการใชน้ ิ้วจิ้มลงไปในดิน  การใส่ป๋ ุย ตน้ ไมช้ นิดน้ีไม่จาเป็นตอ้ งใส่ป๋ ยุ แต่ถา้ อยากใส่กส็ ามารถใส่ป๋ ยุ ไดบ้ า้ ง ไม่ถี่เกินกว่า 1 คร้ังตอ่ เดือน ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ 1.นา้ํ วา่ นหางจระเข้ สามารถช่วยตอ่ ตา้ นอนุมลู อิสระ มีส่วนชว่ ยชะลอความแก่ชรา และชว่ ย เสริมสร้างภูมิคุม้ กนั โรคไดอ้ ีกดว้ ย2.ว่านหางจระเขอ้ ดุ มไปดว้ ยวิตามินและแร่ธาตุ รวมไปถึง กรดอะมิโนอีกหลายชนิดท่ีจาเป็นและมีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย เช่น ธาตแุ มกนีเซียม ธาตโุ พแทสเซียม ธาตทุ องแดง ธาตแุ มงกานีส ธาตซุ ีลีเนียม ธาตโุ ครเมียม วิตามินเอ วิตามินซี วิตามิอี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 โคลีน และยงั เป็นพืชเพียงไมก่ ี่ชนิดที่มีวิตามินบี 12 ดว้ ย3.ชว่ ยในการยอ่ ยอาหาร ทาความสะอาดลาไส้ใหญ่ ชว่ ยในการดีทอ็ กซ์ลา้ งสารพิษใน ร่างกาย ชว่ ยในการทางานของระบบกระเพาะอาหาร และช่วยลดปริมาณของเช้ือแบคทีเรียในลาไส้ 4.จากวารสารแพทยอ์ งั กฤษตีพิมพใ์ นปี 2000 (British medical journal) ระบวุ า่ สาร สกดั จากวา่ นหางจระเขส้ ามารถช่วยลดระดบั คอเลสเตอรอล ชว่ ยควบคุมความดนั โลหิตและเพ่ิมการ ไหลเวียนของโลหิต และอาจจะมีความเป็นไปไดว้ ่ามนั สามารถชว่ ยลดความเสี่ยงของการเกิด โรคหวั ใจไดอ้ กี ดว้ ย5.ช่วยป้องกนั และแกอ้ าการเมารถเมาเรือ ดว้ ยการรับประทานเน้ือวนุ้ วา่ นหาง จระเขห้ รือนา้ํ วา่ นหางจระเขเ้ ยน็ ๆ กจ็ ะช่วยบรรเทาอาการดงั กลา่ วได6้ .การใชว้ ุน้ ว่านหางจระเขท้ า เป็นประจาวนั ละ 2-4 คร้ัง จะชว่ ยป้องกนั และลดความเส่ียงของการเกิดโรคมะเร็งผวิ หนงั 7.ชว่ ย

บารุงผิวพรรณ ช่วยทาใหผ้ ิวพรรณเนียนนุ่ม ดูชุม่ ช้ืน แกป้ ัญหาผวิ แห้งกร้านตามหวั เขา่ , ขอ้ ศอก หรือสน้ เทา้ ได้ เพียงแคใ่ ชว้ นุ้ จากใบวา่ นหางจระเขแ้ ชใ่ นอ่างอาบน้า ในระหว่างอาบใหใ้ ชเ้ น้ือวุน้ ถู ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ตอ้ งการ หากทาเป็นประจาก็จะชว่ ยทาให้ผิวพรรณของคณุ เนียนนุ่ม ชื่นช้ืนและเต่งตึงได8้ .ช่วยเติมน้าใหผ้ ิว ทาให้ผิวหนา้ และผวิ กายชมุ่ ช้ืน และป้องกนั การเกิดริ้วรอย แห่งวยั เพียงแค่ใชว้ นุ้ จากใบว่านหางจระเขน้ ามาพอกใหท้ วั่ บริเวณใบหนา้ หรือบริเวณผวิ ที่ตอ้ งการ ท้ิงไวป้ ระมาณ 15 นาทีแลว้ ลา้ งออก จะชว่ ยทาใหผ้ วิ พรรณชมุ่ ช้ืนสดใสและดเู ตง่ ตึงข้ึน9.วา่ นหาง จระเขร้ ักษาสิว ยบั ย้งั การติดเช้ือท่ีเป็นสาเหตุของสิว ช่วยลดรอยดาจากสิว และชว่ ยลดความมนั บน ใบหนา้ เพราะในใบว่างหางจระเขจ้ ะมีฤทธ์ิเป็นกรดออ่ น ๆ (ไมแ่ นะให้ใชก้ บั สิวอกั เสบ เพราะจะทา ใหเ้ กิดการติดเช้ือไดง้ ่าย)10.ช่วยรักษาจุดด่างดาตามผิวหนงั อนั เน่ืองมาจากแสงแดดหรือจากอายทุ ี่ มากข้ึน ดว้ ยการใชว้ ุน้ จากใบสดนาทาที่ผวิ วนั ละ 2 คร้ังหลงั อาบน้า และตอ้ งทาอยา่ งตอ่ เนื่อง สม่าเสมอจึงจะเห็นผล11.ชว่ ยป้องกนั การเกิดฝ้า หากใชว้ า่ นหางจระเขเ้ ป็นประจาก็จะชว่ ยป้องกนั การเกิดฝ้าไดเ้ ป็นอยา่ งดี (ไม่ใชก่ ารรักษาแตเ่ ป็นการป้องกนั )

บทที่3 วธิ กี ารดาเนนิ งาน วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการทาสบู่ 1. กลีเซอรีน 1/2 กิโลกรัม 2. มดี 1 ดา้ ม

3. หมอ้ /ชอ้ น 1 ใบ/คนั 4. เตาแก๊ส 1 อนั 5. น้าหอม 2-3 หยด

6. สมนุ ไพร ว่านหางจระเข้ 5 กรัม 7. แม่พมิ พส์ บู่ 5 อนั วธิ กี ารดาเนินการ 1. หนั่ กลเี ซอรีนใหเ้ ป็นชิ้นเลก็ ๆ

2. นากลเี ซอรีนใส่หมอ้ แลว้ นาไปต้งั ไฟอ่อนๆ 3. รอใหก้ ลเี ซอรีนละลายจนหมดโดยไม่ตอ้ งคนมากเพราะจะทาใหเ้ กิดฟอง 4. รอจนกลเี ซอรีนละลายจนหมดแลว้ จึงใส่สมุนไพรท่ีเราไดจ้ ดั เตรียมไว้

5. อาจใส่สีหรือกลิ่นตามชอบลงไป ( หรือใชส้ ีตามธรรมชาติของสมนุ ไพร) 6. ใชไ้ มพ้ ายคนส่วนผสมใหเ้ ขา้ กนั โดยคนเบาๆอยา่ คนแรงเพราะจะทาใหเ้ กิดฟอง 7. เมอ่ื ส่วนผสมเขา้ กนั ดีจึงปิ ดไฟ 8. นาสบู่ท่ีไดเ้ ทใส่แม่พมิ พท์ ่ีเตรียมไว้ 9. แลว้ จึงต้งั ท้ิงไวร้ อใหส้ บู่แข็งตวั ประมาณ 30 นาที 10. เมอ่ื สบู่แขง็ ตวั ดีแลว้ จึงแกะออกจากแมพ่ มิ พแ์ ลว้ เกบ็ ใหม้ ิดชิดอยา่ ใหโ้ ดนลม

บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน สบสู่ มนุ ไพรวา่ นหางจระเขจ้ ากกลีเซอรีนธรรมชาติ ไดใ้ ชส้ ารสกดั จากธรรมชาติซ่ึงจะชว่ ยให้ สบูน่ ้นั มีคุณสมบตั ิท่ีดีมากข้ึน สบูส่ มุนไพรวา่ นหางจระเขจ้ ากกลีเซอรีนธรรมชาติ ช่วยใหผ้ ิวหนงั ท่ีแหง้ ดูช่มุ ชื่น เพราะใบ ของวา่ นหางจระเขม้ ีฤทธ์ิฝาดสมาน ถา้ ตอ้ งการลดการทาใหผ้ วิ แหง้ ไดท้ ้งั น้ียงั ชว่ ยลดผน่ื คนั และทา ความสะอาดร่างกายไปในตวั

บทท่ี 5 สรุปและอภิปรายผลการทดลอง สรุปผลการทาโครงงาน กลีเซอลีนธรรมชาติสามารสนามาผสมกบั สมุนไพรชนิดต่าง ๆ ไดเ้ พื่อใหไ้ ดส้ บ่สู มนุ ไพรตาม ความตอ้ งการของผใู้ ช้ โดยที่ปราศจากสารเคมีตา่ งๆ ที่เป็นอนั ตรายตอ่ ร่างกายในระยะยาว ผิวหนงั ของคนเราต่างกนั เราจึงเลือกใชส้ บู่ท่ีต่างชนิดกนั จึงมีสบู่หลากหลายใหค้ ณุ ไดเ้ ลือกใช้ บางคนกช็ อบ ใชข้ ม้ิน บางคนกช็ อบใชว้ า่ นหางจระเข้ ดงั น้นั เราจึงสามารถทาเองไดโ้ ดยใชก้ ลีเซอรีนจาก ธรรมชาติน้ี สมนุ ไพรท่ีใชก้ ็หาไดง้ ่ายในทอ้ งถ่ินราคาไมแ่ พงและยงั ใหป้ ระโยชนต์ ่อผิวเราไดด้ ีอีก ดว้ ย ข้อเสนอแนะ 1ใชแ้ อลกอฮอล์ 95% ฉีดหลงั จากเทสบ่ลู งแบบพิมพเ์ พ่ือไลฟ่ องอากาศ 2นาสมุนไพรชนิดอ่ืนที่ชื่นชอบมาผสมลงในสบู่ เชน่ ขม้ิน 3สบทู่ ่ีแกะออกจากแมพ่ ิมพแ์ ลว้ ไม่ควรปลอ่ ยใหโ้ ดยลมเพราะจะทาใหส้ บมู่ ีฟองนอ้ ยลงจึงควรรีบห่อ บรรจุภณั ฑท์ ี ประโยชน์ทไี่ ด้รับ ไดท้ าสบสู่ มุนไพรข้ึนมาจากกลีเซอรีนธรรมชาติ ไดร้ ู้ถึงวิธีการทาสบู่อยา่ งถูกตอ้ งโดยละเอียด ไดล้ งมือคน้ ควา้ หาขอ้ มูลและปฏิบตั ิจริง ไดร้ ับความรู้และประสบการณ์จากการทาสบู่ ไดส้ บมู่ าเป็นหนทางหารายไดแ้ ละนาไปประกอบธุรกิจในข้นั ต่อไปได้ ไดฝ้ ึกการปฏิบตั ิงานร่วมกนั อยา่ งเป็นหมคู่ ณะ ไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนการคิดวิเคราะห์และการแกป้ ัญหาดว้ ยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไดร้ ู้สรรพคณุ ของพืชสมนุ ไพรชนิดตา่ งๆท่ีสามารถนามาทาสบ่ไู ด้ ไดส้ บ่ทู ี่ทาจากสมุนไพรซ่ึงปราศจากสารตกคา้ ง และสามารถนามาใชเ้ องได้

บรรณานุกรม www.powerpestgroup.com www.wikipedia.org www.med.cmu.ac.th www.powerpestgroup.com