ข้อสอบการเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิต pdf

ว 32243 ชวี วิทยา 3

การเคลื่อนท่ี
ของส่ิ งมีชีวิต

ครูสุภาภรณ์ สิงห์หัน

จุดประสงค์การเรยี นรู้

สื บค้นข้อมูล อธิบาย
และเปรียบเทียบโครงสร้าง
ท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ีของส่ิ งมีชวี ิต

• อะมีบา เน้ื อหาบทเรยี น • ไส้ เดือนดิน
• ยูกลีนา • แมลง
• พารามีเซียม • แบบทดสอบก่อนเรียน • ปลา
• นก
• แมงกะพรุ น
• หมึก

• ดาวทะเล

• สรุ ปบทเรียน
• แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

พารามีเซยี มสามารถตอบสนองต่อส่ิงเรา้
ดว้ ยการเคลื่อนท่ี

คลกิ๊

YES NO

แมงกะพรุนเคลอื่ นท่ดี ้วยแรงดนั นา้

คลกิ๊

YES NO

แมลงท่บี ินไดจ้ ะมีกล้ามเนื้ อเฉพาะบรเิ วณท่ี
ปีกเท่านั้ น

คลกิ๊

YES NO

ไซโทสเกเลตอนเป็นเส้ นใยโปรตีน
ชว่ ยในการเคล่ือนทข่ี องเซลล์

คลกิ๊

YES NO

ไส้เดือนดินมีกล้ามเน้ื อ 2 ชุด
ทางานในสภาวะตรงขา้ มเพ่ือใชใ้ นการเคล่อื นท่ี

คลกิ๊

YES NO

การเคลอ่ื นทขี่ องส่ิงมีชวี ติ

• การเคลอ่ื นไหว เป็นการเคลอ่ื นยา้ ย
เพียงบางส่วนของรา่ งกาย

• การเคล่ือนท่ีเป็นการเคล่ือนย้ายจากท่ี
หน่ึ งไปยังอีกท่หี น่ึ ง

* การเคลื่อนท่ีจะตอ้ งมีการเคลื่อนไหวดว้ ยเสมอแต่การเคลื่อนไหวไม่จาเป็ นตอ้ งมีการเคลื่อนที่ดว้ ย

ประเภทของโครงรา่ งในส่ิ งมีชีวติ

• 1.Hydroskeleton or hydrostatic skeleton –
มีของเหลวเป็นองคป์ ระกอบ ขาดน้าจะเคล่ือนที่ไม่ได้ เช่น ดอกไมท้ ะเล แมงกะพรุน
• 2. Exoskeleton - มีโครงร่างแขง็ ภายนอกมีเปลือกปกคลุม เช่น แมลง
• 3. Endoskeleton - โครงร่างภายในแขง็ เช่น สตั วพ์ วกมีกระดูกสนั หลงั

อะมีบา

• อาศั ยการไหลของไซโทพลาสซึม โดย
แบ่งเป็น 2 ส่ วน

• ECTOPLASMจะพบเจล(GEL)ลักษณะค่อนข้างแข็ง
• ENDOPLASM จะพบซอล(SOL)ลักษณะเหลว
• เน่ื องไซโทพลาสซึมมีเส้ นใยโปรตีนเล็กๆ

(MICROFILAMENT) ประกอบด้วยACTIN และ
MIOSIN หดตัวและคลายตัวได้ ทาให้เกิด
การไหลของไซโทพลาสซึมนั่ นเอง

• มีการเปล่ียนจาก SOL เป็น GEL และ GEL เป็น SOL สลับกันไป
มาจึงเกิดการไหลของไซโทพลาสซึมดันเยื่อหุ้มเซลล์ส่ วน
นั้ นให้กลายเป็นเท้าเทียม(PSEUDOPODIUM)

• การเคลื่อนท่ีแบบอะมีบา เรียกว่า AMOEBIOD MOVEMENT
• พบได้ใน อะมีบา เม็ดเลือดขาว ราเมือก

ยูกลีน่ า

• โดยการใชแ้ ฟลกเจลลัม
• มีลักษณะเป็นเส้ นยาว คล้ายแส้
• หมุนควงแบบสว่าน

พารามีเซียม

• เคล่ือนท่ีโดยใชเ้ ส้ นขนเล็กๆ เรียกว่า
ซิเลีย (CILIA)

• มีจำนวนมำกอยู่รอบเซลล ์
• CILIA ทุกเส้นพัดโบกตีน ้้้าเหมือนกรรเชียงเรือไปใน

ทิศทางเดียวกัน

โครงสรา้ งซเิ ลยี และเฟลเจลลมั

• ประกอบด้วยไมโครทูบูล

(MICROTUBULE) 9 คู่ เรียงตัวกัน

เป็นวงกลม

• มีouter microtubule doublet และ
อีก 2 แท่งเด่ียวอยตู่ รงกลาง คือ central
microtubule

• กำรจดั เรยี งตวั ของไมโครทูบูลแบบนี้
เรยี กว่ำ 9+2 โครงสรำ้ งแบบนีพ้ บไดใ้ น
flagellum และ cilia ที่

• เคลอื่ นทไี่ ดข้ อง eukaryotic cell ทุก

ชนิด

โครงสรา้ งซเิ ลยี และเฟลเจลลมั

• แต่ละคู่ของไมโครทูบูลท่ีเรียงตัว
กันเป็นวงกลมด้านนอก จะยึด
ติดกันโดยโปรตีน DYNEIN เม่ือ

• แขนของโปรตนี dynein ขยบั ซงึ่ เกดิ จำก
กำรเปลยี่ นรูปรำ่ งของโปรตนี ทำใหเ้ กดิ กำร
โบกพดั

เปรียบเทียบการโบกพัดของเฟลลเจลัม และซิเลีย

แมงกะพรุ น

• แมงกะพรุ นหลายชนิ ดว่ายนา้ไม่เก่ง อาศั ย
ลอยตัวและคล่ืน

• ของเหลวในแมงกะพรุ นเรียกว่ามีโซเกลีย
(MESOGLEA) ซ่ึงล้อมรอบด้วย

• เน้ื อเยื่อชนั้ นอก คือส่ วนขอบกระด่ิง และชนั้ ใน
คือส่ วนของผนั งลาตัว

• เม่ือแมงกะพรุ นจะเคลื่อนท่ี
• กล้ามเน้ื อในเนื้ อเย่ือทั้งสองหดตัวสลับกัน
• ทาให้เกิดแรงดันนา้ผลักออกมา
• เคลื่อนท่ีในทิศทางตรงข้ามกับนา้

โครงสรา้ งของ
แมงกะพรุน

หมึกทะเล

• บริเวณจุดต่อระหว่างส่ วน
• หวั และลำตวั ของหมึกมีท่อนำ้ เรยี กว่ำ ไซฟอน (siphon)
• กำรเคลื่อนที่เกิดจำกกำรที่กลำ้ มเนื้อ
• บรเิ วณลำตวั หดตวั บีบนำ้ ใหอ้ อกจำกลำตวั ผ่ำนทำงท่อไซ

ฟอน
• ทำใหเ้ กิดแรงดนั นำ้ ดนั ใหป้ ลำหมึก
• เคลื่อนที่พุ่งไปในทิศทำงตรงขำ้ มกบั นำ้ ที่พ่นออกมำ

โครงสรา้ งในการเคล่อื นที่ของหมกึ

ดาวทะเล

• มีการเคล่ือนท่ีด้วยระบบท่อนำ้ (water vascular system)
• เกิดแรงดันนา้ ในระบบท่อนา้ ทา

ให้เกิดการเคล่ือนท่ี

โครงสรา้ งในการเคล่อื นทขี่ องดาวทะเล

MADREPORITE

นา้จะไหลผา่ นระบบท่อนา้ คือ
มาดรโี พไรต์-> ท่อวงแหวน-> ทอ่ รศั มี-> ทอ่ ด้านข้าง -> แอมมพูลา -> ทวิ บฟ์ ีท

ตามลาดับ

ไส้ เดือนดิน

• ประกอบด้วยกล้ามเนื้ อ 2 ชุด
• กล้ามเน้ือวงกลม(CIRCULAR MUSCLE)
• กล้ามเนื้ อตามยาว (LONGITUDINAL

MUSCLE)
• หดตัวสลับกัน คือเมื่อกล้ามเน้ื อวงหด

ตัวกล้ามเนื้ อตามยาวจะคลายตัว
• มีเดือย(setae)เป็ นเสน้ เล็ก ยื่นออกมำ ชว่ ยยึด

ดิน ขณะเคลื่อนที่

โครงสรา้ งในการเคล่อื นที่ไส้เดือนดนิ

กล้ามเน้ื อสองชุดจะหด
และคลายตัวสลับกันไป

ตลอดความยาวลาตัว
เกิดเป็นละลอกคลื่น
เรียกว่าเพอริสทัลซิส

(PERISTALSIS)

แมลง (ขา)

• ภายนอกมีสารไคติน(CHITIN)
• มีกล้ามเนื้ อท่ีทางานในสภาวะ

ตรงข้ามกัน (antagonist)
• คือ เฟล็กเซอร์(FLEXOR) ทา หน้ าท่ี

ในการงอ
• เอ็กเทนเซอร์ (EXTENSOR)ทา

หน้ าท่ีในการเหยียดขา

โครงสรา้ งในการเคลอ่ื นทขี่ องแมลง

• ขณะงอขาเฟล็กเซอร์(FLEXOR) หดตัว
เอ็กเทนเซอร์ (EXTENSOR) คลายตัว

• ขณะเหยียดขาเฟล็กเซอร์(FLEXOR) คลายตัว
เอ็กเทนเซอร์ (EXTENSOR) หดตัว

แมลง (ปีก)

การยกปีกข้ึนลงในการบินของแมลง
ใชห้ ลักการท างานของกล้ามเน้ื อ
แบบ ANTAGONIST

โครงสรา้ งในการเคลื่อนที่ของแมลง

เมื่อ กล้ามเน้ื อยึดเปลือกหุ้มบริเวณอกหดตัว
กล้ามเน้ื อตามยาวคลายตัว
จะกดเปลือกหุ้มบริเวณอกให้เล่ือนลง และยกปีกข้ึน

ถ้า กล้ามเนื้ อหุ้มบริเวณอกคลายตัว
กล้ามเนื้ อตามยาวหดตัว
จะทาให้เปลือกหุ้มบริเวณอกเล่ือนข้ึน กดปีกลง

การทางานของกล้ามเนื้ อสองชุดน้ี สลับกันไปมาทาให้
ปีกแมลงขยับข้ึนลง และบินได้

ปลา

• มีรู ปร่างแบนเพรียวบาง และเมือก มีเกล็ด ชว่ ยลด
แรงเสี ยดทาน

• เมื่อกลำ้ มเนื้อที่ยึดติดกบั กระดูกสนั หลงั ดำ้ นใดดำ้ นหนึ่งหดตวั
(เรมิ่ จำกส่วนหวั มำทำงหำง)ทำใหเ้ กิดกำรโบกพดั ของครบี หำง
(cadal fin) ดนั ใหต้ วั พุ่งไปขำ้ งหน้ำ

• มีครบี หลงั (drosal fin) ชว่ ยในกำรทรงตวั ไม่ใหเ้ สียทิศทำง
• เมื่อกลำ้ มเนื้อที่ยึดติดกระดูกสนั หลงั ดำ้ นหนึ่งหดตวั (เรมิ่ จำก

ส่วนหวั มำทำงส่วนหำง)
• ครบี อก(pectoral fin) และครบี ตะโพก (pelvicfin) ซงึ่ เทียบได ้

กบั ขำหน้ำและขำหลงั ของสตั วบ์ ก จะทำหน้ำที่ชว่ ยพยุงลำตวั
ปลำ และชว่ ยใหเ้ กดิ กำรเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง

โครงสรา้ งในการเคล่อื นที่ของปลา

นก

• มีกระดูกท่ีกลวง ทาให้เบา
• มีกลำ้ มเนือ้ ที่ใชใ้ นกำรขยบั ปี กที่แข็งแรง
- กล้ามเน้ือ pectoralis major
- กล้ามเน้ือ pectoralis minor
• มีถุงลม (air sac)ไวส้ ำรองอำกำศขณะบิน
• มีขน (feather)
• อุ้มอากาศไว้ ให้ลอยตัวขณะบิน

โครงสรา้ งในการเคล่ือนทข่ี องนก

เมื่อ กล้ามเน้ื อยกปีก (PECTOLARIS MINOR) หดตัว
กล้ามเนื้ อกดปีก (PECTOLARIS MAJOR) คลายตัว

ปีกยกข้ึน
เม่ือ กล้ามเนื้ อยกปีก (PECTOLARIS MINOR) คลายตัว

กล้ามเน้ื อกดปีก (PECTOLARIS MAJOR) หดตัว
ปีกยกข้ึน

การเคล่อื นท่ีของเตา่ ทะเล แมวนา้ และสิงโตทะเล

มีขาคู่หน้ าท่ีเปล่ียนแปลงไปมีลักษณะเป็นพาย ท่ีเรียกว่า ฟลิบเปอร์(FLIPPER)

การเคลอ่ื นท่ีของกบ เป็ด ในนา้

มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ยึดติดอยู่ระหว่างน้ิ วเท้าชว่ ยโบกพัดน้ า เรียกว่า WEB

การเคลอื่ นที่ของส่ิงมชี วี ติ

ส่ิงมีชวี ติ เซลลเ์ ดียว สัตวไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั สั ตว์มีกระดูกสั นหลัง

อะมบี า ยูกลีนา พารามีเซียม บนบก ในนา้ ปลา นก

เทา้ เทยี ม เฟลเจลลมั ซเิ ลยี ระบบกล้ามเนื้ อ

ไส้เดอื นดนิ แมลง แมงกะพรุน หมกึ ดาวทะเล

กลา้ มเน้ื อ2 ชดุ กล้ามเนื้อทปี่ ีก ระบบกระดูก
กลา้ มเน้ือทขี่ า
เดอื ย กลา้ มเนื้อขอบ กลา้ มเน้ือลาตัว ระบบทอ่ นา้
แรงดันนา้
กระด่ิง
ทอ่ ไซฟ่อน

แรงดันนา้ แรงดันนา้

แบบทดสอบ
หลังเรียน

1. จากสมบัติของไซโทรพลาสซึมเปล่ียนจากเจลเป็ นโซล
จากโซลเป็ นเจลเน่ืองจาก

ๅ การรวมตัวของ 22 การสลายตัวของ
โปรตีนแอกทิน ไมโครฟิลาเมนต์

3 4การแยกตัวและการ การแยกตัวของ
รวมตัวของโปรตีน โปรตีนแอกทิน

แอกทิน

2.การเคลื่อนท่ีของหมึกโดยการหดตัวของกล้ามเน้ือระบบท่อพ่น
น้ าเรี ยกว่า

ๅ แอมพูลลา 22 ไซฟอน
3 มาดรีโพไรด์
4 ทิวบ์ฟีท

3.ระบบท่อของดาวทะเลประกอบด้วย

ๅ มาดรีโพไรต์ 22 ทิวบ์ฟีท
3 แอมพูลลา
4 ถูกทุกข้อ

4.การท่ีปลาเคล่ือนท่ีได้น้ันเพราะปลามีลักษณะอย่างไร

ๅ รู ปร่างเพียวแบน 22 มีกล้ามเน้ื อท่ี
แข็งแรง

3 4มีกระดูกท่ีอัดตัวกัน มีกล้ามเน้ื อท่ียึด
แน่ น ติดกับกระดูกครีบ

5.การทางานสลับกันของกล้ามเน้ือ
FLEXOR และ EXTENSOR เรียกว่าอะไร

ๅ CO-RELATIONSHIP 22 ANTAGONISUM

3 COORDINATION 4 ANTIBIOSIS

Thank you for learning and playing

and the
winner is...

YoU