เจ้าบ้านคือ คนที่เป็นหัวหน้าครอบครองในบ้านหลังนั้น ซึ่งการครอบครองนี้อาจจะครอบครองในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้าน ผู้เช่าบ้าน หรือ ฐานะอื่นก็ได้ ถ้าบ้านหลังนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าบ้านหรือคนที่เป็นเจ้าของบ้านไม่อยู่ ตาย สูญหาย หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ คนที่ดูแลบ้าน หรือที่อยู่ในบ้านขณะนั้นเป็นเจ้าบ้าน หน้าที่ของเจ้าบ้าน กฎหมายทะเบียนราษฎรได้กำหนดให้เจ้าบ้านมีหน้าที่ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนในเรื่องดังต่อไปนี้ คือ :- 1. มีคนเกิดในบ้าน 2. มีคนตายในบ้าน 3. มีคนย้ายออก – ย้ายเข้าในบ้านหลังนั้น 4. มีการปลูกสร้างบ้านใหม่ หรือรื้อถอนบ้าน หากไม่แจ้งจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายคนที่จะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน โดยปกติแล้วเมื่อมีการแจ้งต่อนายทะเบียน นายทะเบียนก็ควรจะตรวจสอบดูว่าคนที่แจ้งนั้นเป็นเจ้าบ้านหรือไม่ โดยจะดูจาก 1. บัตรประจำตัวของคนแจ้งพร้อมทะเบียนบ้านที่นำไปแสดงว่าคนที่ไปแจ้งมีชื่อในทะเบียนบ้าน และช่องรายการระบุว่าเป็น “ เจ้าบ้าน ” หรือไม่ 2. ถ้าไม่ใช่บุคคลตามข้อ 1. ก็ควรดูว่าคนที่ไปแจ้งมีชื่อปรากฏในทะเบียนบ้านนั้นหรือไม่ ถ้ามีก็จะบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐานถึงสาเหตุที่ไปแจ้งแทนเจ้าบ้านกรณีที่ผู้มีชื่อในทะเบียนบ้านเป็นผู้เยาว์หรือเสมือนไร้ความสามารถ ให้ผู้ปกครองตามกฎหมายเป็นผู้ทำหน้าที่แทน 3. แต่ถ้าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านว่างไม่มีใครมีชื่อในทะเบียนหากคนที่ครอบครองดูแลบ้านอยู่ในขณะนั้นไปแจ้ง นายทะเบียนก็จะบันทึกปากคำไว้และดำเนินการรับแจ้งให้เช่นกัน การมอบหมาย กรณีคนที่มีชื่อและรายการในทะเบียนบ้านระบุว่าเป็นเจ้าบ้านไม่ได้ไปแจ้งด้วยตนเอง หรือไม่ได้ให้คนที่มีชื่อในทะเบียนบ้านเดียวกับคนที่แจ้ง แต่จะมอบหมายให้บุคคลอื่นไปแจ้งแทน ก็จะต้องให้ผู้ได้รับมอบหมายนำเอกสารต่อไปนี้แสดงต่อนายทะเบียนด้วย คือ 1. บัตรประจำตัว หรือสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวของเจ้าบ้านผู้มอบหมาย ถ้าเป็นสำเนาภาพถ่าย ผู้มอบหมายจะต้องเซ็นรับรองสำเนาด้วย 2. บัตรประจำตัวของผู้แจ้ง 3. สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าบ้าน 4. หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน ( ถ้ามี ) Show
การแจ้งตายควรทราบขั้นตอนเกี่ยวกับการแจ้งการตายเพราะฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท การแจ้งตาย "ไม่เสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด"
การแก้ไขรายการในเอกสารการทะเบียนราษฎรเอกสารการทะเบียนราษฎรที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
การแจ้งย้ายที่อยู่เมื่อผู้ใดย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่จะต้องมีการแจ้งย้ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่แจ้งย้ายนอกจากจะเป็นการปฏิบัติที่ผิดกฎหมายซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แล้วยังทำให้ผู้นั้นเสียสิทธิ์ต่างๆ และรวมถึงการมิได้รับบริการจากรัฐอีกด้วย
การแจ้งการเกิดหน้าที่ของผู้แจ้งการเกิด
การทำบัตรประชาชนหลักฐานที่นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปี บริบูรณ์ ต้องทำบัตรภายใน 60 วัน นับแต่วันที่อายุครบ 15 บริบูรณ์ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม หากพ้นกำหนด จะเสียค่าปรับไม่เกิน 500 บาท บัตรมีอายุใช้ได้ 6 ปี เมื่อบัตรเดิมหมดอายุ ให้ทำบัตรใหม่ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่บัตรเดิมหมดอายุโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม หากพ้นกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท การนับวันบัตรหมดอายุ กรณีขอทำบัตรก่อนบัตรเดิมจะหมดอายุ หากผู้ถือบัตรประสงค์จะขอทำบัตรใหม่ก่อนบัตรเดิมหมดอายุ ก็สามารถทำได้ภายใน 60 วัน โดยให้ถือเอาวันครบรอบวันเกิดเป็นเกณฑ์ ไม่ว่าจะระบุในบัตรไว้แล้วว่าบัตรหมดอายุวันใดก็ตาม เมื่อบัตรหายหรือบัตรถูกทำลาย ให้แจ้การหายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักทะเบียน ที่จะทำบัตรใหม่ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่บัตรเดิมหายหรือถูกทำลาย โดยเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด หากพ้นกำหนด จะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท หากบัตรเดิมชำรุด เช่นไฟไหม้บางส่วน หรือเปียกน้ำจนเลอะเลือน ให้เปลี่ยนบัตรภายใน 60 วัน นับวันที่บัตรเดิมชำรุดโดยเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด หากพ้นกำหนด จะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท หากเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล หรือเปลี่ยนทั้งชื่อตัว และชื่อสกุล ให้เปลี่ยนบัตรใหม่ภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่แก้ไขชื่อตัว ชื่อสกุลในทะเบียนบ้าน โดยเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด หากพ้นกำหนด จะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท ผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำบัตรประจำตัวประชาชน เช่น ข้าราชการ พระภิกษุ สามเณร ฯลฯ หากมีความประสงค์จะทำบัตร ก็สามารถทำได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ที่ได้รับการยกเว้นตามข้อ 6 เมื่อพ้นสภาพการได้รับการยกเว้นแล้ว ต้องทำบัตร ฯ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พ้นสภาพจากการได้รับการยกเว้น โดยไม่เสีย ค่าธรรมเนียม หากพ้นกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 500 บาท กฎหมายกำหนดให้พกพาบัตรประจำตัวประชาชน ติดตัวอยู่เสมอ หากไม่สามารถแสดงบัตร ฯ เมื่อเจ้าพนักงานขอตรวจบัตร จะต้องถูกปรับไม่เกิน 200 บาท |