พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์

นับเป็นเวลา 300 กว่าปีที่ เหยือกเงินกะไหล่ทอง สลักลวดลายดอกไม้และนกที่ผลิตขึ้นในประเทศจีนซึ่งมีน้ำหนัก 533 กรัม หนึ่งในบรรดาเครื่องราชบรรณาการที่สมเด็จพระนารายณ์แห่งกรุงศรีอยุธยาถวายแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสได้กลับคืนสู่ พระราชวังแวร์ซาย ในฐานะมรดกของชาติด้านประวัติศาสตร์และศิลปะ ภายหลังรอดพ้นจากการถูกปล้นสะดมครั้งใหญ่และการถูกนำมาหลอมเป็นเหรียญรวมถึงการวนเวียนในตลาดซื้อขายศิลปะอยู่นานหลายปี 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
เหยือกเงินกะไหล่ทอง ก่อนและหลังได้รับการอนุรักษ์
ภาพ : © EPV/Christophe Fouin

การเดินทางของเหยือกเงินกะไหล่ทองเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 เมื่อคณะทูตจากสยาม นำโดยพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระราชสาสน์และเครื่องราชบรรณาการจากพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าแผ่นดินแห่งฝรั่งเศสในขณะนั้น คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เหยือกเงินใบนี้ถูกนำมาวางไว้ที่บริเวณท้องพระโรงที่เป็นสถานที่ทางฝรั่งเศสได้จัดให้มีการต้อนรับคณะทูตจากสยาม (ปัจจุบันคือห้องกระจกของพระราชวังแวร์ซาย) 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์

ต่อมาในปีพ.ศ.2240 เหยือกเงินใบนี้ถูกประทับตรา “หมายเลข 65” ที่ด้านใต้ของฐานอันหมายถึงหมายเลขประจำตัวของข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกระบุไว้ในรายการบัญชีทรัพย์สินของราชสำนักฝรั่งเศส จนล่วงเข้าปีพ.ศ. 2272 ได้มีการจัดระเบียบรายการทรัพย์สินดังกล่าวใหม่ เหยือกได้ถูกเรียกขานใหม่ว่า“เครื่องเงินหมายเลข 314” แทน และเพิ่มเติมด้วยการสลักตราประจำราชสำนักฝรั่งเศสที่เรียกว่า ลา เฟลอร์ เดอ ลี(La Fleur de Lys) และเครื่องหมายที่เป็นมงกุฎ 3 องค์เพิ่มเข้าไปซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเป็นเครื่องเงินและเครื่องทองของราชสำนักในสมัยนั้น 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
ภาพ: Bibliothèquenationale de France (หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส)

จนกระทั่ง พ.ศ.2334 เหยือกใบนี้ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพระราชวังแวร์ซายไปเก็บไว้ที่ โอเต็ล ดู การด์ เมอบัล (L’Hôtel du Garde-Meuble) ซึ่งเป็นแมนชั่นสำหรับเก็บบรรดาทรัพย์สินส่วนของราชสำนักทั้งหมด ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 (Place Louis XV) หรือในปัจจุบันคือจัตุรัสกงกอร์ด (Place de la Concorde) ในมหานครปารีส ณ ที่แห่งนี้เครื่องราชบรรณาการชิ้นนี้ได้เปลี่ยนกลับมาเป็น หมายเลข65 เช่นเดิมและถูกจัดให้อยู่ในหมวดของกาน้ำชา เหยือกเงินอันแสนงดงามใบนี้ถูกตั้งนิ่งๆเงียบๆอยู่บนชั้นที่ 3 ของตู้เก็บของหมายเลข 8 ในห้องเครื่องประดับและอัญมณีในแมนชั่นแห่งนี้ 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
ภาพ: Bibliothèquenationale de France (หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส)

เหยือกล้ำค่าใบนี้สามารถรอดพ้นจากการปล้นสะดมเครื่องเพชรของราชสำนักครั้งใหญ่ในเดือนกันยายนปีต่อมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ มิหนำซ้ำในปีถัดมาคือพ.ศ. 2336 ที่มีการจัดลำดับสิ่งของเครื่องเงินเครื่องทองของราชสำนักเพื่อนำกลับไปหลอมเป็นเหรียญตราขึ้นมาใช้ใหม่ในช่วงหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส เหยือกใบนี้ก็ยังไม่ถูกจัดให้อยู่ในลิสต์ดังกล่าวอีกด้วย

แต่ 4 ปีต่อมา เหยือกเงินนี้ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการประมูลขายข้าวของเครื่องใช้ในราชสำนักที่จัดขึ้นที่ โอเต็ล เดอ บุยยง (L’Hôtel de Bullion) นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการวนเวียนเข้าสู่เส้นทางของการซื้อ-ขายในตลาดศิลปะปีแล้วปีเล่า ท้ายที่สุดในช่วงของยุคจักรววรดิที่ 2 ของบรรณาการจากสยามชิ้นนี้อยู่ในการถือครองของตระกูล แตร์เครย์ เดอ มอร์คแดล-เว็งเด (Terray de Mordel-Vindé) ที่เป็นสายตรงของปิแอร์ แตร์เครย์ (Pierre Terray) น้องชายของผู้ตรวจการทรัพย์สินแผ่นดินในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ระหว่างปี พ.ศ. 2312-2317 และที่นี่เองเหยือกใบงามถูกตั้งโชว์เงียบๆอยู่ในตู้เก็บของของตระกูลและถูกลืมเลือนอีกครั้ง 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
ภาพ: Bibliothèquenationale de France (หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส)

ด้วยวิถีของตระกูลใหญ่อันแสนจะมั่งคั่งทั้งหลายที่มักจะมีเรื่องของความวุ่นวายไม่ลงรอยกับการแบ่งทรัพย์สินและมรดก ตระกูลแตร์เครย์เองก็หลีกไม่พ้นเช่นกันเมื่อถึงเวลาของการแบ่งมรดก บรรดาตู้เก็บของที่ถูกลืมก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง ทนายความผู้รับผิดชอบเรื่องการจัดการของทรัพย์สินของตระกูลคือ เอคริค โบซ็อง (Eric Beaussant) และ ปิแอร์-อีฟ เลอแฟร์ฟ (Pierre-Yves Lefèvre) ที่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการประเมินราคาทรัพย์สินและผลงานทางศิลปะชื่อดังในกรุงปารีส ทั้งคู่สังเกตว่าการสลักตราประทับและศิลปะลวดลายรวมถึงการตกแต่งของเหยือกที่มีออกซิไดซ์และสนิมขึ้นเกรอะใบนี้มันช่างไม่สอดคล้องเข้ายุคเข้าสมัยกันเลย

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
ภาพ: Bibliothèque national de France (หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส)

ทั้งสองจึงได้ปรึกษาและทำการตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องเงินเครื่องทองของปารีสนามว่า เอเมอร์คริก ป๊อกติเย่ร์ (Emeric Portier) ร่วมกับฟิลิปป์ ปาลาสซี่ (Philippe Palassi) ผู้เชี่ยวชาญด้านตราประจำตระกูลของฝรั่งเศสให้ทำการศึกษาและตรวจสอบเพิ่มเติมว่าของชิ้นนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ในที่สุดความจริงก็ปรากฏว่า เหยือกเงินกะไหล่ทองใบนี้คือของขวัญที่พระเจ้าแผ่นดินสยามถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสเมื่อครั้งกว่า300 ปีที่ผ่านมา 

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนารายณ์
ห้องกระจกในพระราชวังแวร์ซาย

เมื่อพิสูจน์ได้ดังนี้แล้วรัฐบาลฝรั่งเศสจึงระงับการออกใบอนุญาตการซื้อขายอย่างอิสระเหยือกใบนี้ และเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2559 กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศสได้จัดให้เหยือกเงินใบนี้เป็นทรัพย์สมบัติแห่งชาติที่มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์และด้านศิลปะ รวมถึงกำหนดราคาของเหยือกใบนี้ไว้ที่ 1,000,000 ยูโร ด้วยความอนุเคราะห์และสนับสนุนจากกลุ่มบริษัทในเครือแอลวีเอ็มเอช (LVMH) เหยือกเงินกะไหล่ทองใบนี้จึงได้กลับมาอยู่ที่ห้องกระจกของพระราชวังแวร์ซายที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่แรกที่เหยือกใบนี้ได้มาปรากฏตัวที่ฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561

หากเป็นไปตามกำหนดเดิมตามที่ประกาศในเว็บไซต์ของพระราชวังแวร์ซาย เหยือกเงินกะไหล่ทองใบนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการชื่อ“La Chine et Versailles” (ลา ซีน เอ แวร์ซาย)ที่จะจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 12เมษายน-4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ภาพ: Château de Versailles/Christophe Fouin (พระราชวังแวร์ซาย/คริสตอฟ ฟูแอ็ง) และ Bibliothèque national de France (หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส)