สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนไทย ปี พ.ศ. 2564 โดยเก็บข้อมูลทุกเดือนตลอดปี
. . . สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนไทย ปี พ.ศ. 2564 โดยเก็บข้อมูลทุกเดือนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จากรายงานบทสรุปสำหรับผู้บริหารได้รวบรวมข้อมูลสำคัญด้านเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนกลุ่มตัวอย่างในทุกจังหวัดทั่วประเทศทั้งในเขตเทศบาลและนอกเทศบาล ซึ่งผลสำรวจนี้ครอบคลุมรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน หนี้สินเฉลี่ยต่อเดือน ส่วนแบ่งรายได้ประจำต่อคนต่อเดือนที่สะท้อนการกระจายรายได้ของครัวเรือนทั่วประเทศ ทรัพย์สินของครัวเรือน ลักษณะที่อยู่อาศัย ตลอดจนการได้รับสวัสดิการ/ความช่วยเหลือจากรัฐ และการใช้บริการของภาครัฐ ฯลฯ โดยรายงานสำรวจได้นำเสนอแบ่งออกเป็น 3 หมวด ดังนี้ หมวดรายได้ หมวดรายจ่าย และหมวดหนี้สิน . 01: หมวดรายได้ จากผลการสำรวจพบว่าครัวเรือนไทยมีรายได้เฉลี่ยที่มาจากการทำงานมากที่สุดคิดเป็น 66.8% (18,255 บาท) โดยแบ่งเป็นรายได้จากค่าจ้างและเงินเดือน คิดเป็น 42.6% กำไรสุทธิจากการทำธุรกิจ 15.8% และกำไรสุทธิจากการทำเกษตร 8.4% ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนไทยอยู่ที่เดือนละ 27,352 บาท . 02: หมวดรายจ่าย รายจ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนไทย ปี 2564 หมดไปกับค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคมากที่สุด คิดเป็น 87% (18,802 บาท) จากรายจ่ายทั้งหมดซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 21,616 บาท โดยรายจ่ายสูงสุดอยู่ที่รายการดังนี้ คือ อาหาร/เครื่องดื่ม/ยาสูบ คิดเป็น 35.5% ที่อยู่อาศัย/เครื่องใช้ คิดเป็น 21.4% และยานพาหนะ/การเดินทาง คิดเป็น 16.0% ตามลำดับ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคคิดเป็น 13% จากค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วย ภาษี เบี้ยประกันภัย ดอกเบี้ย สลากกินแบ่ง เป็นต้น . 03: หมวดหนี้สิน จากผลการสำรวจพบว่าครัวเรือนไทยจำนวนเกินกว่าครึ่ง หรือ 51.5% มีหนี้สิน เฉลี่ยจำนวน 205,679 บาท/ครัวเรือน ทั้งหนี้สินที่ใช้ในครัวเรือน และหนี้สินที่ใช้ในการลงทุนและอื่นๆ โดยหนี้สินใช้ในครัวเรือนมีจำนวนมากที่สุด คิดเป็น 75.4% แบ่งเป็นรายการได้ดังนี้ คือ หนี้สินจากการใช้จ่ายในการอุปโภค คิดเป็น 38% หนี้สินจากการซื้อ/เช่าบ้านและ/หรือที่ดิน คิดเป็น 35.9% และใช้ในการศึกษา คิดเป็น 1.5% . เมื่อนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจมาวิเคราะห์การกระจายรายได้โดยเรียงลำดับตามรายได้ประจำเฉลี่ยต่อคนต่อเดือนในแต่ละครัวเรือนจากน้อยไปมาก จากนั้นแบ่งครัวเรือนทั่วประเทศออกเป็นห้ากลุ่มเท่า ๆ กัน หรือที่เรียกว่า กลุ่มควินไทล์ (Quintile) (กลุ่มที่หนึ่ง มีรายได้ต่ำสุด และกลุ่มที่ห้า มีรายได้สูงสุด) พบว่า ทุกกลุ่มมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากเมื่อสองปีที่แล้วจาก 9,450 บาทในปี 2562 เป็น 9,817 บาทในปี 2564 หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 367 บาท นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าทุกกลุ่มจะมีรายได้ประจำเฉลี่ยต่อคนต่อเดือนเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มครัวเรือนในปี 2564 พบว่า กลุ่มที่ห้า (top 20%) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด (27,399 บาท) มีรายได้ประจำเฉลี่ยต่อคนต่อเดือนมากกว่ากลุ่มที่สี่ (12,109 บาท) ที่มีรายได้สูงรองลงมาประมาณกว่าสองเท่า และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่หนึ่ง (bottom 20%) ซึ่งมีรายได้ต่ำสุด (3,062 บาท) พบว่ามีรายได้สูงกว่าถึงเกือบ 9 เท่า . อ่านรายงานบทสรุปสำหรับผู้บริหาร การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2564 ได้ ที่นี่ . อ่านเพิ่มเติม ประเด็นดังข่าวเกี่ยวข้องกับ ที่มา ผลงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ภายใต้โครงการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประเทศไทย Last Updated on พฤษภาคม 1, 2022 Phongnarin Sukcham Knowledge Communication | ผู้ชอบสำรวจการ “ข้าม” วัฒนธรรมของตนเองและสังคม แต่ไม่มองข้ามความอยุติธรรมที่ฉุดรั้งการพัฒนา |