ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ (Cover Shield Paint Protection Film) เป็นการป้องกันสีตัวรถด้วยฟิล์ม (PU/TPU) เป็นเหมือนกับการติดฟิล์มกันรอยโทรศัพท์ โดยที่ฟิล์มจะถูกตัดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตรงตามรุ่นรถที่จะติดตั้ง ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งตัวฟิล์มยังมี เทคโนโลยี self healing โดยฟิล์มจะซ่อมแซมตัวเองเมื่อเกิดรอย ซึ่งสามารถปกป้องสีรถยนต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ทําให้สีรถเดิมเปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังเพิ่มความเงางามให้กับสีรถเดิม และสามารถลอกออกได้โดยไม่ทิ้งรอย ไม่ทําลายสภาพสีรถเดิม และคงสภาพสีเดิมให้เหมือนใหม่ Show
#ข้อดี1. ป้องกันสีผิวจากแสงแดด และรังสี UV 2. ปกป้องสีรถจากคราบกรดในนํ้าฝน และคราบกรดจากฝุ่นละอองในอากาศ 3. ป้องกันรอยขีดข่วน รอยกระแทก รอยเล็บสัตว์ขนสัตว์รอยสะเก็ดหิน/สะเก็ดยางมะตอย 4. ป้องกันรอยขีดข่วนจากอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กๆน้อยๆ ที่อาจทําให้สีหรือตัวถังรถยนต์ได้รับความเสียหาย 5. มีความหนาถึง 180 ไมครอน 6. ความยืดหยุ่นที่สามารถติดได้อย่างเข้าถึงทุกมุมโค้งและแนบสนิทกับตัวถัง 7. อายุฟิล์มอยู่ได้ 2-3ปี #ข้อเสีย1. มีราคาสูง 2. ความเงางามสู้การเคลือบแก้วไม่ได้ เคลือบแก้ว/ เคลือบเซรามิก (Quartz Glass Coating)เคลือบแก้วหรือเซรามิก ก็เหมือนกับการที่เราดูแลรักษาผิวรถยนต์ ให้เงาใสคล้ายผิวกระจก เป็นชั้นเคลือบอยู่บนผิวแลคเกอร์เดิมของตัวรถ ทําให้สีของรถไม่ซีดลงคงสภาพเดิมราวกับป้ายแดง ปกป้องผิวแลคเกอร์รถจากริ้วรอยขนแมว รอยขีดข่วนต่างๆรอบๆคัน แต่การเคลือบนั้น ก็มีอยู่หลายแบบทั้งการเคลือบแก้ว การเคลือบแว็กซ์ และการเคลือบซิลิโคน ซึ่งข้อดี ข้อเสียของการเคลือบแก้วมีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ #ข้อดี1. เพิ่มความเงางามกับสีตัวรถ 2. ลดการเกาะตัวของฝุ่นละออง 3. ดูแลรักษา และทําความสะอาดได้ง่าย 4. ไล่นํ้าเกาะได้ดี เช็ดออกง่าย 5. ปกป้องสีรถให้เหมือนใหม่เสมอ #ข้อเสีย1. ป้องกันรอยขีดข่วน หรือกันสะเก็ดหินไม่ได้ 2. ต้องกลับมาเคลือบนํ้ายาซํ้าอยู่ตลอดระยะเวลา 3-6 เดือน ** สรุป : ใครที่อยากให้รถยนต์มีความเงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอ ขอแนะนําให้ทําการเคลือบแก้ว แต่ถ้าหากคุณต้องการที่จะปกป้องสีรถยนต์ กันรอยของสะเก็ดหิน รอยขีดข่วนต่างๆ แนะนําให้ติดฟิล์ม กันรอย เพราะสามารถป้องกันรอยได้ดีกว่า การเคลือบแก้ว เขาเอาอยู่จริงๆครับ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะทําแบบไหนก็ล้วนแต่เป็นการปกป้องรถยนต์ที่คุณรักทั้งนั้น เลือกทําแบบที่ตอบโจทย์คุณ มากที่สุดจะรู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่สุด #WrapACar #protectionfilm #glasscoating #ฟิล์มกันรอย #เคลือบแก้ว Share 0 Related postsเอาใจคนรักรถสีขาว ด้วยวิธีการดูแลรักษารถสีขาวไม่ให้หมอง และอมเหลืองด้วยวิธีแบบมืออาชีพ มกราคม 6, 2022 วิธีการรักษารถสีขาวไม่ให้หมอง และอมเหลืองด้วยวิธีง่ายๆRead more ฟิล์มใสกันรอยปกป้องสีและตัวถัง สามารถติดได้รอบคัน หมดปัญหาจุกจิกตลอดการขับขี่ เพิ่มความมั่นใจว่ารถของคุณจะได้รับการปกป้องจากรอยขีดข่วนต่างๆ ถึง 99.99 % ที่ลามิน่า มีฟิล์มรถยนต์หลายรุ่น หลายแบบให้เลือก ตามสไตล์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มใส, ฟิล์มดำ, ฟิล์มทึบ, ฟิล์มปรอท, ฟิล์มเขียว อีกเพียบ ! ลองไปดู Series ต่าง ๆ ของเรากันได้เลย ! Lamina EV Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ @ AiCeramic+ 100% เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Lamina CM Icon Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ @ DigitalMatrix 100% เพื่อยานยนต์อัจฉริยะยุค 5G ติดฟิล์มรถยนต์ลามิน่า ราคาเริ่มต้นประมาณเท่าไหร่ * เป็นเพียงราคามาตรฐานเริ่มต้นเท่านั้น ท่านสามารถเชคราคาติดตั้งได้ที่ ร้านติดฟิล์มรถยนต์ หรือศูนย์ตัวแทนติดตั้ง Lamina และ Lamina Exclusive Shop ใกล้บ้านท่าน หรือโทร 02-422-2345 ขอแนะนำ ระบบประเมิณราคาติดฟิล์มรถยนต์ลามิน่า (ไม่รวมค่าลอกกาว และภาษีมูลค่าเพิ่ม) สะดวกสบายสุดๆ !!! คุณสามารถประเมิณราคาติดตั้งฟิล์มลามิน่าบนรถยนต์ของท่านได้ด้วยตัวเองแล้ววันนี้ เพียงคลิ๊กที่ ประเมินราคาฟิล์มรถยนต์ ใส่รายละเอียด เลือกชื่อรุ่นรถ และรุ่นฟิล์มที่คุณต้องการ ระบบก็จะประเมินราคามาตรฐาน และนำคุณไปสู่การนัดหมายเพื่อติดตั้งกับทางร้านค้าภายในไม่กี่คลิ๊กครับ ราคาฟิล์มรถ ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้างท่านผู้อ่านกำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมละครับ ว่า “ติดฟิล์มรถยนต์ราคาต่างกัน เป็นเพราะอะไรกันแน่?” เรามาดูปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ราคาของฟิล์มแตกต่างกันได้เลยครับ ปัจจัยในด้านของฟิล์มชนิดของฟิล์มถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาครับ โดยซึ่งเรียงลำดับจากราคาถูกไปจนถึงระดับราคาพรีเมียม ตามองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้ 1.ประเภทของฟิล์ม1.1. ฟิล์มสี หรือฟิล์มย้อมดำ เป็นฟิล์มที่มีแค่ชั้นฉาบหรือเคลือบสีเท่านั้น แม้จะมีราคาถูกที่สุด แต่เนื่องจากตัวฟิล์มไม่มีคุณสมบัติการกันร้อนแต่อย่างใด จึงไม่เหมาะกับการท้าแดดเมืองไทยเท่าไหร่ครับ ใช้วัสดุโลหะในการเป็นตัวเคลือบฟิล์มเพื่อกันความร้อน ด้วยคุณสมบัติของโลหะที่มีความวาว, เงา ทำให้ฟิล์มประเภทนี้มีอีกชื่อเรียกว่า “ฟิล์มปรอท” นั่นเอง มีจุดเด่นที่สามารถกันร้อนได้ดี ในราคาที่ ไม่แพงมาก 1.3. ฟิล์มชาโคล (หรือฟิล์มคาร์บอน) ใช้ธาตุคาร์บอนเป็นวัสดุหลักในการดูดซับรังสีความร้อนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสาร เป็นวัสดุที่มีต้นทุนไม่แพงมาก แต่ให้คุณสมบัติกันร้อนค่อนข้างดี ผ่านสัญญาณได้ จึงมีราคาปานกลาง เหมาะกับผู้ใช้รถทั่วไป เป็นฟิล์มที่ใช้เซรามิคในการเป็นตัวกันความร้อน โดยคุณสมบัติเด่นของฟิล์มชนิดนี้คือ ป้องกันรังสี UV ได้สู ถึง 99% และมีความโดดเด่นในเรื่องมืดนอก สว่างใน และผ่านทุกสัญญาณดิจิทัล ฟิล์มประเภทนี้เป็นฟิล์มชนิดพิเศษที่มีความใสกว่าฟิล์มประเภทอื่นๆ แต่ยังคงมีคุณสมบัติกันความร้อนดีเยี่ยม มักใช้วัสดุกันร้อนระดับพรีเมียมผนึกลงในเนื้อฟิล์ม เช่น เซรามิค โลหะเงินบริสุทธิ์ เป็นต้น จึงมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟิล์มรุ่นทั่วไป เป็นฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมียมที่ใช้กรรมวิธีพิเศษ ผนึกชั้นฟิล์ม 2 ชั้น จนได้ความหนามากกว่าฟิล์มทั่วไป 2 เท่า (4 mil. หรือ 100 ไมครอน) จึงสามารถป้องกันการแตกกระจายของเศษกระจกจากอุบัติเหตุ หรือการทุบโจรกรรมได้อย่างดี (ทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่ ฟิล์มนิรภัย) ฟิล์มยุคใหม่เพื่อรองรับชีวิตยุค Digital คุณสมบัติเด่นของเนื้อฟิล์มประเภทนี้ คือการที่ฟิล์มไม่ปิดกั้นการวิ่งผ่านของสัญญาณดิจิทัลแต่อย่างใด เราได้เห็นประเภทต่าง ๆ ของฟิล์มกันไปแล้วใช่ไหมครับ มาดูอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาฟิล์มรถยนต์กันต่อได้เลย กับในเรื่องของ “เทคโนโลยีในการผลิตฟิล์ม” ซึ่งความต่างในกรรมวิธีการผลิตนี้เองที่ส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการผลิต จึงทำให้ส่งผลทั้งในด้านคุณภาพของฟิล์มที่ผลิตได้ และส่งผลตามไปถึงราคาของฟิล์มรถยนต์ด้วยครับ ตามไปดูกันต่อดีกว่าว่าเทคโนโลยีในการผลิตฟิล์ม จะมีวิธีอะไรบ้าง 2. เทคโนโลยีในการผลิตฟิล์มเทคโนโลยีในการผลิตฟิล์มกรองแสง มีเยอะแยะมากมายที่พัฒนาตั้งแต่สมัยก่อน จนมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นอย่างในปัจจุบัน ส่งผลให้การติดฟิล์มรถยนต์ ราคาจึงแตกต่างกัน เป็นเพราะต้นทุนในการผลิตที่ต่างกันนั่นเอง เราขอสรุปให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ดังนี้ครับ 2.1. การฉาบสีฟิล์ม (Color Coating Film) ผลิตด้วยการนำกาวมาผสมกับสี และนำไปฉาบบนเนื้อฟิล์ม ต้นทุนการผลิตจึงต่ำ ประสิทธิภาพเองก็ต่ำตามมา ฟิล์มชนิดนี้จึงมีราคาที่ถูกมาก ตัวอย่างฟิล์มของประเภทนี้ก็คือ ฟิล์มย้อมสี นั่นเองครับ (ที่ Lamina เราไม่มีฟิล์มชนิดนี้นะครับ) 2.2. การย้อมฝังสีฟิล์มด้วยไอร้อน (Deep Dyeing Film) ผลิตด้วยการใช้ไอร้อนทำให้สีระเหยกลายเป็นไอแล้วลอยขึ้นไปติดที่แผ่นฟิล์ม ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้โรงงานที่มีมาตรฐาน มีการผลิตที่ซับซ้อนกว่าฟิล์มชนิดแรก ราคาจึงมีราคาสูงขึ้น ตัวอย่างฟิล์มของประเภทนี้ จะเป็นฟิล์มย้อมสีเช่นกันครับ แต่มีคุณภาพความทนทานมากกว่าฟิล์มชนิดแรก (ที่ Lamina เราไม่มีฟิล์มชนิดนี้นะครับ) 2.3. การเคลือบสารด้วยไอร้อน (Thermal Evaporation Coating) ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้จะเป็นการนำสารกันความร้อนอย่าง โลหะ (เช่น อลูมิเนียม, ทอง, อัลลอย ฯ) หรืออโลหะที่มีจุดเดือดต่ำ มาอยู่ในห้องสุญญากาศ (Vacuum Chamber) และทำความร้อนให้เกิดการระเหิดกลายเป็นไอไปผนึกฝังในเนื้อฟิล์ม ฟิล์มชนิดนี้จึงมีความทนทานและคุณภาพที่ดีขึ้นมาจาก 2 วิธีแรกที่ได้อธิบายไป โดยตัวอย่างของฟิล์มที่ผลิตด้วยวิธีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นฟิล์มโลหะ 2.4. การเคลือบฟิล์มด้วยวิธีสปัตเตอริง (Magnetron Sputtering Coating) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและซับซ้อนที่สุดในอุตสาหหรรมฟิล์มกรองแสงยุคนี้ โดยเป็นการใช้วิธี Sputtering หรือการยิงประจุอิเล็กตรอนภายใต้สนามแม่เหล็ก ไปกระทบอนุภาคของสารกันความร้อนที่ใช้เคลือบฟิล์ม (มักเป็นสารอโลหะ อย่าง Carbon หรือ Ceramic) ทำให้สารนั้นแตกตัวในระดับอะตอม ลอยไปตามแรงผลักของกระแสแม่เหล็กไฟฟ้า จนผนึกฝังเข้าไปในเนื้อฟิล์ม ทำให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด (ฟังแล้วล้ำดีใช่ไหมล่ะ !?) ฉะนั้น ฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้จึงมีราคาค่อนข้างสูง (แพงสุดในบรรดาเทคโนโลยีทั้งหมด แต่ได้คุณภาพที่เลิศสุด ๆ เลยครับ) * สำหรับ Carbon และ Ceramic เป็นอโลหะที่มีจุดเดือดสูงกว่าจุดเดือดของโลหะถึง 4-5 เท่า โดยจุดเดือดของ Carbon และ Ceramic สูงถึงกว่า 2,000°C (อ้างอิงข้อมูลจาก Wikipedia : Ultra-high-temperature ceramics ที่กล่าวถึงข้อมูลของ Ceramic) ส่วนจุดเดือดของโลหะ อยู่ที่ประมาณ 250°C (อ้างอิงข้อมูลจาก textbooks.elsevier.com ที่ได้กล่าวถึงเรื่องจุดเดือนของ Ceramic และโลหะทั่วไป) รับชมกรรมวิธีการผลิตฟิล์มจากโรงงาน Eastman ได้ที่นี่เลยครับ เกร็ดน่ารู้ : ความแตกต่างระหว่างสารกันความร้อนแบบโลหะ และแบบที่ไม่ใช่โลหะ
ดังนั้น ถ้าเป็นฟิล์มที่มีใช้วัสดุกันความร้อนอื่น เช่น คาร์บอน, เซรามิก สัญญาณต่าง ๆ ก็จะสามารถทะลุผ่านได้ดีกว่า ปัจจัยในด้านของรถยนต์รถแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น มีขนาดของตัวรถ, ขนาดและจำนวนของกระจกที่ต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการติดฟิล์มและปริมาณของฟิล์มกรองแสง (ปริมาณ) ที่ต้องใช้ในการติดตั้ง
สำหรับทั้งสองปัจจัยนี้ ทาง Lamina Films ได้แยกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่ Size S, M, L, XL, XXL ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างโบรชัวร์ Lamina Films Digital Series : CERAMATRIX การคิดราคาในการติดฟิล์มรถยนต์การติดฟิล์มรถยนต์ สามารถแยกส่วนในการติดได้ด้วยนะครับ อย่างเช่น บางคันอาจติดฟิล์มที่กระจกด้านข้างรอบคันออกสีมืด แต่ติดฟิล์มที่กระจกหน้าออกโทนสว่าง โดยส่วนใหญ่จะแบ่งการคิดราคาในการติดฟิล์ม ดังนี้
ตัวอย่างรถยนต์ที่ติดฟิล์มลามิน่า กระจกหน้า คนละแบบกับกระจกข้าง-กระจกหลัง ก่อนเลือกซื้อฟิล์ม ควรรู้จักการอ่านค่าต่าง ๆ เหล่านี้ก่อน !ถ้าคุณได้มีโอกาสหยิบโบรชัวร์ฟิล์ม หรือใบสเปคฟิล์มขึ้นมาดูสักใบ จะเห็นได้ว่า ข้อมูลที่แสดงภายในหน้ากระดาษนั้น จะมีทั้งข้อมูลบรรยายเกี่ยวกับความโดดเด่นของฟิล์มรุ่นนั้น ๆ และอาจจะเห็นตารางบางอย่าง ที่แสดงตัวเลขรุ่น Series กับค่าต่าง ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด … แล้วแต่ละค่ามันคืออะไร? หมายถึงอะไร? … ตามมาดูเฉลยกันเลยครับ ตัวอย่างตารางสเปกฟิล์มจาก Lamina Films : Lamina POP Series รุ่นฟิล์มสี% การลดความร้อน POP05NSRPSสี สีนิวทรัลเข้ม% การลดความร้อนจากแสงแดด70% การลดความร้อนจากสปอตไลท์88% แสงส่องผ่าน12% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง12POP05BKSRPS สีสีดีพ แบล็ค% การลดความร้อนจากแสงแดด60% การลดความร้อนจากสปอตไลท์77% แสงส่องผ่าน10% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง8POP05BKSRPS สีสีชาโคลเข้ม% การลดความร้อนจากแสงแดด59% การลดความร้อนจากสปอตไลท์76% แสงส่องผ่าน9% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง8POP20RBBSRPS สีสีนิวทรัลบรอนซ์ % การลดความร้อนจากแสงแดด57% การลดความร้อนจากสปอตไลท์74% แสงส่องผ่าน20% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง8POP20RBGSRPS สีสีนิวทรัลกรีน % การลดความร้อนจากแสงแดด56% การลดความร้อนจากสปอตไลท์72% แสงส่องผ่าน20% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง8POP20CSRPS สีสีชาโคลเข้ม % การลดความร้อนจากแสงแดด48% การลดความร้อนจากสปอตไลท์60% แสงส่องผ่าน21% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง8POP20NSRPSสีสีนิวทรัลดีพ % การลดความร้อนจากแสงแดด60% การลดความร้อนจากสปอตไลท์77% แสงส่องผ่าน27% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง25POP35BKSRPS สีสีไลท์ แบล็ค % การลดความร้อนจากแสงแดด51% การลดความร้อนจากสปอตไลท์65% แสงส่องผ่าน34% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง10POP35NSRPS สีสีนิวทรัลเอิร์ท % การลดความร้อนจากแสงแดด53% การลดความร้อนจากสปอตไลท์68% แสงส่องผ่าน35% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง22POP50NSRPS สีสีนิวทรัลไลท์ % การลดความร้อนจากแสงแดด41% การลดความร้อนจากสปอตไลท์54% แสงส่องผ่าน50% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง13POP50SISRPS สีSilver % การลดความร้อนจากแสงแดด52% การลดความร้อนจากสปอตไลท์67% แสงส่องผ่าน48% การลดรังสี UV99% การสะท้อนแสง28 = สัญลักษณ์แสดงถึงรุ่นฟิล์มที่ผ่านการทดสอบการใช้งานสัญญาณ Easy Pass 1. ค่าการลดความร้อนจากแสงแดดหรือในชื่อภาษาอังกฤษ คือ Total Solar Energy Rejected (TSER) เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนจากแสงแดดโดยตรง คือกันได้ท้ังความร้อนจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet), ความร้อนจากแสงสว่าง (Visible Light) และความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (Infrared) ดังนั้น หากตัวเลขค่านี้ยิ่งสูง ยิ่งหมายถึงว่าฟิล์มกรองแสงสามารถกันความร้อนโดยรวมได้ดี (อ่านเพิ่มเติมเรื่องของ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์) 2. ค่าการลดความร้อนจากสปอตไลท์เป็นค่าที่ทดสอบการลดความร้อนของฟิล์มกับแสงจากสปอตไลท์ ซึ่งมีส่วนประกอบของรังสีที่ให้ความร้อนต่างจากแสงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง โดยมีสัดส่วนของรังสีอินฟราเรด (IR) มากกว่า จึงทำให้ตัวเลขค่าการลดความร้อนจากสปอตไลท์มักจะสูงมาก ๆ ระดับ 80 - 90% ถึงแม้จะเป็นค่าที่ให้ตัวเลขกันร้อนเย้ายวนใจ แต่ต้องไม่ลืมว่า เราขับรถใต้แสงอาทิตย์ ไม่ใช่แสงสปอตไลท์นะครับ ภาพตัวอย่าง หลอดไฟสปอตไลท์ ที่ใช้วัดค่า IR (Infrared Radiation) 3. แสงส่องผ่านVisible Light Transmitted (VLT) คือ ตัวเลขที่บอกถึงปริมาณแสงสว่างที่สามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาได้ ถ้า % ยิ่งน้อย หมายถึง สีฟิล์มจะเข้มมากขึ้น แสงสว่างก็จะยิ่งผ่านเข้ามาได้น้อยครับ (Lamina ไม่แนะนำให้ติดตั้งฟิล์มที่มีค่าแสงส่องผ่านน้อยกว่า 30% ที่กระจกบานหน้า สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตาหรือขับรถเวลากลางคืนบ่อยๆ นะครับ) 4. การลดรังสี UVUV Light Rejected (UVR) เป็นค่าที่บ่งบอกว่าฟิล์มกรองแสงรุ่นนี้กันรังสี UV ได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่หากค่าตัวเลขยิ่งมาก หมายถึงยิ่งกันรังสี UV ไม่ให้เข้าสู่ห้องโดยสารได้มากนั่นเองครับ 5. การสะท้อนแสงVisible Light Rejected (VLR) เป็นค่าที่แสดงถึงความสามารถในการสะท้อนแสงของฟิล์ม ยิ่งสะท้อนมาก ความเงาของฟิล์มกรองแสงก็จะยิ่งมาก แต่ถ้าค่า % การสะท้อนแสงน้อย ก็จะหมายถึง ฟิล์มที่มีความเงาต่ำ ไม่สะท้อนคล้ายกระจกเงาเมื่อมองจากภายนอกนั่นเอง (Lamina ไม่แนะนำให้ติดตั้งฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงสูงกว่า 20% บนกระจกบานหน้า เนื่องจากจะสะท้อนเงาคอนโซลในเวลากลางคืนค่อนข้างชัด ส่งผลต่อทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่ครับ) รู้หรือไม่!?
สรุปติดฟิล์มรถยนต์ราคาเท่าไหร่? ขึ้นอยู่กับปปัจจัยทั้งในด้านของฟิล์มเอง ว่าเป็นฟิล์มประเภทไหน? มีเทคโนโลยีการผลิตฟิล์มมาอย่างไร? และปัจจัยในด้านของตัวรถยนต์ ว่าเป็นรถยนต์แบรนด์อะไร? รุ่นอะไร? ขนาดเท่าไหร่? เพราะจะส่งผลกับความยากง่ายในการติดตั้งและปริมาณแผ่นฟิล์มที่ต้องใช้ในการติดตั้งนั่นเอง สำหรับที่ลามิน่าฟิล์มของเรา มีฟิล์มกรองแสงรถยนต์ให้เลือกหลากหลายประเภท หลากหลายราคาเลยครับผม ถ้าสนใจรุ่นไหน สามารถติดต่อมาสอบถามทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยครับ |