เครือข่ายไร้สายยุคที่5 5g มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในด้านบวก อย่างไร

Test Description: บทที่1 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

Instructions: Answer all questions to get your test result.

Show

1) G จาก 5G ย่อมาจากอะไร

AGoogle BGeneral CGlobal DGeneration

2) ยุคของเครือข่ายไร้สายแบบแอนะล็อก ในการส่งคลื่นเสียง คือยุคใด

A4G B3G C1G D2G

3) ยุคเครือข่ายไร้สายยุคที่ 5 หรือ 5G การสื่อสารจะเป็นอย่างไร

Aยุคที่โทรศัพท์เคลื่อนที่และเครือข่ายไร้สายแบบแอนะล็อก โทรศัพท์มีขนาดใหญ่ Bยุคที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถรับส่งข้อมูลที่มีความละเอียดสูงได้อย่างรวดเร็วและทันที Cยุคที่โทรศัพท์เคลื่อนที่และเครือข่ายไร้สายแบบดิจิทัล (digital signal) โทรศัพท์มีขนาดเล็ก Dยุคที่โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและรับส่งข้อมูลมัลติมีเดียได้

4) ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4G เป็น 5G

Aความหน่วงของข้อมูลเพิ่มขึ้น Bช่วงคลื่นความถี่การใช้งานกว้างขึ้น Cความหนาแน่นการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น Dปริมาณการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้น

5) ข้อใดเกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (VR)

Aภาพของจริงกับกราฟิก Bการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเข้าด้วยกัน Cถูกทุกข้อ Dการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง 360 องศา

6) เทคโนโลยีใดที่เริ่มมีการส่งข้อความ SMS และมีจอมือถือที่สามารถแสดงภาพเป็น ขาว-ดำ

A3G B1G C4G D2G

7) เทคโนโลยีใดที่จะเชื่อมอุปกรณ์ทุกชนิดให้ทำงานประสานกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

A5G B4G C3G D2G

8) ยุคใดที่โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและรับส่งข้อมูลมัลติมีเดียได้

A5G B3G C4G D2G

9) ข้อใดคือปริมาณการรับส่งข้อมูล (latency)ของ 5G ที่เพิ่มขึ้นจาก 4G

A20 กิกะบิตต่อวินาที B30 กิกะเฮิรตซ์ C7.2 เอกซะไบต์ต่อเดือน D50 เอกซะไบต์ต่อเดือน

10) 5G มีผลกระทบในด้านลบ ต่อสังคมอย่างไร

Aช่วยให้เพิ่มมูลค่าการผลิตให้สูงขึ้น (smart farm) Bอุปกรณ์เดิมไม่สามารถรองรับเครือข่าย 5G ได้ กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ Cสัญญาณอินเทอร์เน็ตจะครอบคลุมทุกพื้นที่ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้น Dมีการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้แรงงานถูกเลิกจ้างก่อให้เกิดปัญหาการว่างงาน

*select an answer for all questions

Play Games with the Questions Above



Teachers: Create FREE classroom games with your questions Click for more info!
©2007-2022 ReviewGameZone.com | About | Privacy | Contact | Terms | Site Map

ปัจจุบัน เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคที่ 5 หรือ 5G กำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง เพื่อขับเคลื่อน Digital Transformation ทั้งในกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ผู้ให้บริการเครือข่าย และภาคอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถของเทคโนโลยีที่ทลายข้อจำกัดเดิม อาทิ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 50Mbit/s ถึง 2Gbit/s ซึ่งสูงกว่าเทคโนโลยีเครือข่าย 4G ในปัจจุบันถึง 4 เท่า และคุณสมบัติอื่น ๆ อีก หลายท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยว่าก่อนจะถึง 5G การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายไร้สาย 1G-5G มีวิวัฒนาการอย่างไร ซึ่งสามารถอ่านได้ในบทความนี้

0G

หรือ Pre-Cellular ยุคของวิทยุโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Radio Telephone) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โทรศัพท์ ถูกเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายโทรศัพท์สาธารณชน (Public-Switched Telephone Network: PTSN) แทนที่เครือข่ายปิดอย่างที่ถูกใช้งานโดยทหาร ตำรวจ และรถแท็กซี่ โดยในยุคนี้ โทรศัพท์ส่วนมากมีขนาดใหญ่ และถูกติดตั้งไว้ในรถยนต์ หรือรถบรรทุกเป็นหลัก และถูกนำมาใช้ทางพาณิชย์ครั้งแรกโดย Bell System ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1946 

1G

1G เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคแรก ถูกใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 1979 โดย Nippon Telegraph and Telephone Corporation (NTT) ประเทศญี่ปุ่น และใช้สัญญาณวิทยุ ซึ่งเป็นระบบอนาล็อก (Analog) ก่อนจะแพร่หลายมากขึ้นในช่วงปี 1980 เป็นต้นมา โดยในยุค 1G เครือข่ายไร้สายสามารถรับส่งข้อมูลเสียงเท่านั้น 

2G 

เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคที่ 2 ซึ่งเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1991 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแทนที่ 1G โดยยังคงใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งสัญญาณ แต่มีการเปลี่ยนมาใช้การเข้ารหัสแบบดิจิทัล พัฒนาให้สามารถรับส่งข้อความ และรูปภาพ ซึ่งมีแต่ผู้รับเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่า 1G มาก อีกทั้งยังรองรับผู้ใช้งานต่อคลื่นความถี่เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดย 2G เป็นยุคแรกที่เครือข่ายไร้สายทำงานภายใต้มาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communications)

จากนั้น เครือข่าย 2G ได้ถูกพัฒนาต่อ โดยเพิ่มบริการ General Packet Radio Services ระบบบริการเสริมที่ส่งข้อมูลด้วยการแบ่งข้อมูลเป็นชุด (Packet) แทนที่การส่งทีเดียว ทำให้เครือข่าย 2G ในยุคนี้ ถูกเรียกว่า 2.5G และในท้ายสุด ได้มีการนำ Enhanced Data rates for Global Evolution (EDGE) เทคโนโลยีมาตรฐานการรับส่งข้อมูลด้วยเครือข่ายไร้สาย และถูกเรียกว่า 2.75G

3G

เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคที่ 3 ซึ่งการันตีความเร็วขั้นต่ำอยู่ที่ 144 kbit/s เป็นยุคแรกที่โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์แล็บท็อปสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายได้ โดยเครือข่าย 3G เปิดให้บริการครั้งแรกโดย NTT DoCoMo เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2001 ซึ่งด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ทำให้อุปกรณ์พกพาสามารถรับส่งไฟล์มัลติมีเดีย เช่น วีดิโอ โดยเทคโนโลยีเครือข่ายจะเป็น 3G ได้นั้น จะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐาน IMT-2000 ซึ่งประกอบด้วยความน่าเชื่อถือ ความเร็วในการรับส่งข้อมูล และองค์ประกอบทางเทคนิคอื่น ๆ ซึ่งในช่วงหลังของยุค 3G เทคโนโลยีเครือข่ายที่ก้าวหน้าขึ้น เช่น High Speed Packet Access (HSPA) ทำให้เครือข่ายถูกพัฒนาต่อ และเรียกว่า 3.5G และ 3.75G ตามลำดับ

4G

เทคโนโลยีเครือข่ายยุคที่ 4 ซึ่งมีขีดความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากการนำมาตรฐาน Long-Term Evolution (LTE) เข้ามาใช้งาน โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 100 Mbit/s สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ และ Gbit/s สำหรับอุปกรณ์ติดตั้งอยู่กับที่ มีจุดแตกต่างที่เห็นชัดคือการเปลี่ยนจากการสื่อสารแบบ circuit-switched มาเป็นใช้ Internet Protocol โดย 4G ถูกใช้งานครั้งแรกที่นอร์เวย์ และสวีเดน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงแรก สเปคของเครือข่ายยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้มีข้อถกเถียงว่าควรใช้ชื่อ 4G แน่หรือไม่ และการใช้งานที่โดดเด่นคือการเข้าถึงเว็บไซต์ การโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต การประชุมแบบ VDO Call และการเล่นเกมผ่านสมาร์ทโฟน

5G

และแล้วก็ถึงคราวของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุคที่ 5 ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่มาแรงทั้งในกลุ่มผู้บริโภค และภาคอุตสาหกรรม ด้วยความเร็ว 50Mbit/s ถึง 2Gbit/s และอาจเพิ่มขึ้นสูงกว่า 100Gbit/s ในอนาคต ซึ่งเร็วกว่ายุค 4G ถึง 100 เท่า มีคุณสมบัติสำคัญ 3 ข้อ คือ

  1. enhanced Mobile Broadband รองรับการรับส่งข้อมูลความเร็วสูง
  2. massive Machine Type Communications รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จำนวนมากขึ้น
  3. Ultra-reliable and Low Latency Communications ความหน่วงต่ำ

โดยในช่วงแรก เครือข่าย 5G จะมีความเร็วอยู่ที่ 1-5 Gbps Latency ต่ำกว่า 20 ms และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ไป

ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ไม่เพียงผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเท่านั้นที่ให้ความสนใจ แต่อุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 เองก็เช่นกัน เนื่องจากคุณสมบัติทั้งหมดของ 5G นั้น ตอบสนองต่อความต้องการเชื่อมต่อเครื่องจักรสู่เครื่องจักร หรือเครื่องจักรสู่อุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อการทำงานอัตโนมัติ มีการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ Big Data และแนวทางการใช้งานอื่น ๆ อีกมาก ตามแนวทาง Industrial Internet of Things (IIoT) ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้าไปจากที่ผ่านมาเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่ง IHS Markit สำนักวิเคราะห์ตลาดจากอังกฤษ คาดการณ์ว่า ในปี 2035 เครือข่าย 5G จะนำมาซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นเม็ดเงินสูงถึง 13.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นมูลค่าจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตถึง 4.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 ใน 3 จากทั้งตลาดโลก

อ่านต่อ:

  • เจาะลึก 5G คลื่นลูกใหม่ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
  • ชมคลิป เจาะลึก 5G กับภาคอุตสาหกรรม
  • Intel สร้าง Smart Factory ดันอุตฯ ใช้ 5G และ AI

  • บทวิเคราะห์ตลาดสมาร์ทโฟน 2021 โอกาส 5G และปัจจัยลบ

#ยุคระบบไร้สายแต่ละยุค #เครือข่ายไร้สายยุคที่ 5 #การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายไร้สาย #อธิบายยุคระบบไร้สายแต่ละยุคอย่างสังเขป #การเปลี่ยนแปลงเครือข่ายไร้สาย #เครือข่ายไร้สาย 5g #การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายไร้สาย 1g-5g #ยุคระบบไร้สาย #วิวัฒนาการของเครือข่ายไร้สาย