ขั้นตอนการทำความสะอาด โรงพยาบาล

     การทำความสะอาดบ้าน โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆ หรือของใช้ส่วนตัวที่ต้องหยิบจับใช้งานอยู่เป็นประจำ โดยวิธีการเช็ดถูด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผสมกับน้ำ จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากละอองน้ำลาย น้ำมูก หรือเสมหะที่อาจแฝงอยู่ตามพื้นผิวสัมผัสต่างๆ ได้ ดังนี้

     1. สิ่งของเครื่องใช้ที่สัมผัสบ่อย

     เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์เข้มข้น 70 – 90 % และปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง

ขั้นตอนการทำความสะอาด โรงพยาบาล

     2. พื้นผิวที่สัมผัสบ่อย

     เช่น เตียง โต๊ะ เก้าอี้ ของใช้รอบตัว และห้องน้ำ ให้ใช้น้ำยาฟอกขาว 1 ฝา ผสมน้ำครึ่งลิตร เช็ดหรือแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาที แล้วเช็ดออกด้วยน้ำสะอาด

ขั้นตอนการทำความสะอาด โรงพยาบาล

     3. ผ้าชนิดต่างๆ

     เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู ให้ซักผ้าตามปกติ หรือซักผ้าด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 – 90 องศาเซลเซียส

ขั้นตอนการทำความสะอาด โรงพยาบาล

     4. พื้นผิวโลหะ

     ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์เข้มข้น 70 – 90 % และปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ห้ามใช้น้ำยาฟอกขาวเพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ

ขั้นตอนการทำความสะอาด โรงพยาบาล

หมายเหตุ: สิ่งของเครื่องใช้และพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย รวมถึงพื้นผิวโลหะ ยกเว้นผ้าชนิดต่างๆ สามารถทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค 1 ฝา ผสมน้ำ 2 แก้ว เช็ดหรือแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 10 นาทีได้

เพราะไม่ใช่แต่การทำความสะอาดให้หมดจดเท่านั้น แต่ทำแล้วต้องปราศจากเชื้อโรคด้วย เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหากไม่เช่นนั้นจะเป็นการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยที่เป็นอีกโรคหนึ่ง ไปยังผู้ป่วยอีกคน

สาเหตุ อาจมาจากพนักงานทำความสะอาดที่ขาดทักษะและอุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้อง และเพียงพอ  จะทำให้ผู้ป่วยแต่ละคนต้องมาต่อสู้กับโรคของตัวเองแล้วยังต้องมาต่อสู้กับโรคอื่นอีก จะทำให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายอย่างมาก ทั้งผู้ป่วยและผู้ที่ เกี่ยวข้อง

ข้อแนะนำในการทำความสะอาด
1. จะต้องเลือกอุปกรณ์ ทำความสะอาดที่ดี และเหมาะสม ต้องมีเพียงพอสำหรับเปลี่ยนแต่ละห้อง แต่ละแผนก


2. ต้องมีน้ำยาทำความสะอาดที่ดีเพียงพอ เช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ จำเป็นต้องใช้ตั้งแต่การซัก และการใช้เช็ดถูของทุกพื้นที่ ที่สำคัญคือพื้นที่ติดเชื้อต่างๆ


3 .หากเช็ดหรือถูเปียกจำเป็นต้องมีถังพร้อมหัวบีบน้ำ เพราะถ้าใช้มือบิดหรือซัก จะทำให้ติดเชื้อทั้งพนักงาน แล้วยังเป็นผู้แพร่เชื้ออีกด้วย


4. พนักงานต้องมีถุงมือเสมอเวลาทำความสะอาด ไม่เป็นแผล ต้องป้องกันตนเอง และจะได้ไม่เป็นพาหะนำเชื้อโรคไปแพร่ผู้อื่นในวงกว้าง


5. ต้องมีผ้าม็อบ ผ้าเช็ด มากเพียงพอไว้เปลี่ยนหลังจากเช็ดหรือถูในแต่ละห้อง ไม่ว่าผ้าจะยังดูไม่สกปรก ให้แยกใส่ถุงต่างหาก ผ้าที่ใช้แล้วต้องนำมาซักให้สะอาด พร้อมหยดน้ำยาฆ่าเชื้อในน้ำสุดท้ายของการซักทุกครั้ง แล้วนำมาใส่ถุงแยกใช้ในแต่ละพื้นที่


6. ผ้าควรมีแถบสี เพื่อแยกใช้ในแต่ละพื้นที่  เช่นห้องคนป่วยอีกแถบสี  ห้องผ่าตัด ห้องน้ำ ห้องฉุดเฉิน เป็นต้น

โรงพยาบาลหรือคลินิคบางแห่ง จะมองความสำคัญด้านความสะอาดน้อยกว่าอุปกรณ์ด้านการแพทย์ จึงให้งบจัดซื้อด้านนี้น้อยหรือน้อยมาก แท้จริงแล้วมีความสำคัญอย่างมาก ไม่น้อยกว่ากันเลย เพราะอุปกรณ์ทำความสะอาดใช้กับทุกพื้นที่

มีโอกาสช่วยให้ผู้ป่วยหายเร็วหรือช้า สามารถแพร่เชื้อได้อย่างกว้างขวาง  พนักงานควรจะได้รับการฝึกและอบรมจากผู้ชำนาญด้านโรงพยาบาลเฉพาะ จะทำให้การทำความสะอาดนั้นได้ ผลและป้องกันได้อย่างแท้จริง