• เวลาจะเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทุกคนก็ต้องเลือกว่าจะเรียนสายไหน สายวิทย์ สายศิลป์ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป แต่นี่มันเก่าไปแล้วจ้าาา~ Show • ตอนนี้มีแผนการเรียนแบบใหม่ออกมาแล้ว มีให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ ซึ่งเป็นการเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่ระดับอุดมศึกษาในสายต่างๆ เช่น ศิลปกรรม บริหารธุรกิจ แพทย์ เภสัช เป็นต้น เจาะจงไปเลยว่าเราอยากเรียนต่อคณะไหน ก็จะได้เรียนวิชาเฉพาะที่ตอบโจทย์มากกว่า • โรงเรียนโพธิสารพิทยากร จะเริ่มนำมาใช้เป็นแผนการเรียนตั้งแต่ปีการศึกษา 2563 ที่กำลังจะเปิดภาคเรียน เชื่อว่าหลายคนน่าจะให้ความสนใจและอยากลองเรียนหลักสูตรใหม่แน่นอน ในช่วงที่เด็กๆ กำลังจะเข้าสู่การเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการศึกษาของเด็กคนนึงเลยนะ เพราะนี่จะเป็นรากฐานสำคัญจากนักเรียน กลายเป็นนักศึกษา และก้าวไปสู่วัยทำงาน เชื่อว่าแต่ละคนจะต้องมีแผนการเรียนในใจคิดไว้อยู่แล้วล่ะเนอะ อย่างแอดประมาณ ม.3 ก็รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่ใช่แล้วเราอยากเรียนต่อไปในทิศทางไหน โดยปกติแต่ละโรงเรียนก็จะให้เลือกแผนการเรียนหลักๆ เช่น สายวิทย์-คณิต สายศิลป์-คำนวณ หรือสายศิลป์-ภาษา อาจจะมีห้องพิเศษ Gifted หรือ English Program (EP) ในบางโรงเรียน แต่โรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะจัดแผนการเรียนประมาณนี้แหละ ซึ่งการเรียนในแต่ละสายมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งส่วนของหลักสูตรและวิชาที่เรียน ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน และแพลนว่าอยากเรียนต่ออะไรในมหาวิทยาลัยต่อไป แต่ถ้าหากมีแผนการเรียน ม.ปลาย ที่แตกต่างออกไปไม่เหมือนกับที่อื่นล่ะ ไม่มีอีกแล้วสายวิทย์-สายศิลป์ แต่จะเป็นแผนการเรียนใหม่แกะกล่องที่จะเตรียมไปสู่คณะที่อยากเรียนต่อในมหาลัยแทน ฟังดูแล้วอาจจะแปลกใหม่เหลือเกิน แต่นี่จะเป็นการเรียนที่ตอบโจทย์และเข้าถึงได้สำหรับเด็กรุ่นใหม่มากๆ เลย แบบนี้ต้องขอเจาะมุมมองความคิดที่แตกต่างกันหน่อยแล้ววว~ Defining the FUTURE อนาคตเลือกได้ด้วยตัวเราเองแผนการเรียนใหม่ระดับชั้น ม.ปลาย เกิดขึ้นจากมุมมองความคิดของผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิสารพิทยากร "ดร.ภูมิสิษฐ์ สุคนธวงศ์" ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในเดือน ธ.ค. 62 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนจะเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนที่นี่ ได้เคยทดลองแผนการเรียนแบบใหม่มาแล้วทั้ง 2 โรงเรียนก่อนหน้า คือ โรงเรียนร่มเกล้าเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ จ.สมุทรปราการ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การเรียนช่วงมัธยมต้นเลย ให้นักเรียนได้ลองสัมผัสทักษะทางอาชีพให้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดอะไร อยากเป็นอะไรในอนาคต ม.ต้น ค้นหาตัวเองให้เจอ โดยใช้แนวคิด "Defining the FUTURE" อนาคตกำหนดได้ อยากเป็นอะไร ต้องได้เรียน เช่น ถ้าอยากเป็นหมอ ก็ต้องได้เรียนหมอ เลือกทำในสิ่งที่รัก สิ่งที่ถนัด ชีวิตก็จะแฮปปี้มีความสุข ในทุกวันก็จะเต็มไปด้วยพลังที่อยากเติบโตไปเรื่อยๆ นอกจากเรียนตามตำราแล้ว ยังมีการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้ และมีพี่เลี้ยงที่เรียนในคณะนั้นๆ มาช่วยดูแลอีกด้วย คนที่เรียนระดับมหาวิทยาลัยจริงๆ มาช่วยขนาดนี้รับรองว่าได้ความรู้และประสบการณ์แน่นๆ ตรงจุดแน่นอน "7 แผนการเรียนระดับม.ปลาย" ที่กำหนดได้ด้วยตัวเองสำหรับแผนการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) แบบใหม่นี้ ทางโรงเรียนโพธิสารพิทยากรจะเริ่มนำมาใช้ในปีการศึกษา 2563 ที่กำลังจะเปิดเรียนในช่วงเดือน พ.ค. 63 เป็นห้องเรียนพิเศษวิทย์-เทคโนโลยี (หุ่นยนต์) จำนวน 1 โปรแกรมของมัธยมต้น และแบ่งเป็น 7 แผนการเรียนของมัธยมปลายภาคปกติที่เลือกได้ เพื่อคณะที่อยากจะเรียนต่อ ได้แก่ เปรียบเทียบความแตกต่างของแผนการเรียนแบบเดิม และแบบใหม่• แผนการเรียนแบบเดิม แอดขอแบ่งเป็น 3 แผนใหญ่ๆ ที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี ได้แก่ สายวิทย์-คณิต, สายศิลป์-คำนวณ และสายศิลป์-ภาษา ซึ่งเป็นแผนการเรียนที่ใช้กันแทบทุกโรงเรียน แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์เวลาที่ไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพราะวิชาที่เรียนก็จะเป็นภาพรวมกว้างๆ ไม่ได้เจาะลึกเฉพาะเจาะจง เช่น หมวดวิทยาศาสตร์ ก็จะเรียนทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะเลย หรือถ้าเป็นสายศิลป์ก็จะเรียนเพิ่มในกลุ่มวิชาภาษาไทยและสังคม เป็นต้น เพื่อต่อยอดพื้นความรู้ไปในคณะที่อยากเรียน • แผนการเรียนแบบใหม่ แบ่งเป็น 7 รูปแบบที่เจาะจงถึงสายวิชาที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยอย่างชัดเจน ทำให้เด็กๆ สามารถเลือกแผนการเรียนที่ตรงกับความต้องการได้มากกว่าเดิม เช่น วางแผนว่าอยากเรียนต่อการตลาด โตขึ้นอยากเป็นนักการตลาด ถ้าเป็นแผนการเรียนเดิมก็สามารถเลือกเรียนได้ทั้งแผนวิทย์-คณิต หรือศิลป์-คำนวณ แต่พอเปลี่ยนแผนการเรียนใหม่ เราสามารถเจาะจงว่าจะเลือกแผนการเรียน "เตรียมบริหารธุรกิจ-บัญชี" ได้เลย ซึ่งวิชาที่เรียนก็เพื่อมุ่งไปสู่สิ่งที่เราใฝ่ฝันนั่นเอง บางอย่างที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเรียน ลดวิชาที่ไม่จำเป็น ยังคงเรียนวิชาพื้นฐานเหมือนเดิม แต่เพิ่มวิชาเฉพาะให้มากขึ้น ในช่วงเริ่มต้นของแผนการเรียนรูปแบบใหม่นี้ แอดเชื่อว่าเป็นช่วงของการทดลองเรียนรู้ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครูผู้สอนหรือวิทยากร นักเรียน และผู้ปกครอง ถ้าหากอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ทำต่อไป หรืออะไรที่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องลองคิดใหม่ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นไปตามที่ต้องการให้ได้มากที่สุด และสุดท้ายก็เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้เรียนในสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ และเติบโตไปในสายอาชีพได้อย่างประสบความสำเร็จนั่นเอง |