นิยาย ออกไปจากบ้านฉันท้อง ธัญ วลัย จบแล้วไม่ติดเหรียญ

Chapter 9 : หมดเวลาของนางบำเรอ

หลับปุ๋ย :

“ท้อง…ฉันท้อง นี่ฉันตัดสินใจถูกแล้วใช่มั้ย?”  ฉันทบทวนกับตัวเองเบาๆ พลางกำแผ่นตรวจตั้งครรภ์ไว้ในมือ...ฉันท้องแล้วล่ะ หลังจากที่อยู่กับกั๊มพ์มาร่วมสี่เดือน คำถามคือทำไมฉันถึงปล่อยให้ตัวเองท้องทั้งๆที่เขาก็กำชับนักหนาแล้วว่าให้ฉันกินยาคุม?...คำตอบก็คือ ฉันไม่ได้กินยาคุมแล้วหลังจากที่ตัดสินใจดี...ฮึ คิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้วนะ...มีทางเดียว ที่ฉันจะไปจากเขาได้ ก็คือ...ทำผิดข้อตกลงไงล่ะ ฉันรู้จักเขาดีพอ ถ้าผิดข้อตกลงเมื่อไหร่...ทุกอย่างเป็นอันโมฆะ แล้วที่ฉันอยากจะไปจากเขาก็เพราะ...ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว อยู่…โดยปราศจากความรัก ฉันรู้แล้วว่ามันไม่มีทางไหนที่จะทำให้

“แกร๊ก”  เสียงลูกบิดประตูห้องนอนเรียกให้ฉันหลุดออกจากความคิด พร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้อง ฉันรีบซ่อนแผ่นตรวจตั้งครรภ์ไว้ในกล่องเล็กๆบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วหันไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม

“ผมว่าจะพาไปคุณไปทานข้าวนอกบ้าน...ดีมั้ย?” 

“แต่คุณมีงานสำคัญไม่ใช่เหรอคะ?...ไหนว่าจะต้องเดินทางคืนนี้ไงล่ะ?”

“ผมอยากอยู่กับคุณก่อน...ไม่ได้เหรอ?”

“ค่ะ…ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”

“ผมจะลงไปรอข้างล่าง”  เขาพูดจบก็ทำเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกฉัน แต่เขาก็ไม่ได้บอก...ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ส่วนฉันก็รีบไปเปลี่ยนชุดและลงมาข้าง

“เดี๋ยวเขาคงจะบอกตอนที่ไปทานข้าวกันมั้ง”  ฉันพูดกับตัวเองในระหว่างที่เดินลงบันไดมา ก็ดีเหมือนกัน ฉันก็มีเรื่องจะบอกเขาเหมือนกัน

“จัดการปิดข่าวให้เรียบร้อย...อย่าให้หลับปุ๋ยรู้เรื่องเด็ดขาด”  เสียงเข้มขรึมของกั๊มพ์สั่งลูกน้องคนสนิทอยู่ห้องนั่งเล่น ซึ่งพวกเขาไม่เห็นฉันที่เพิ่งจะเดินลงมาและยืนหลบอยู่ตู้ใส่เครื่องกระเบื้อง

“แต่นายครับ...ผมว่า นายควรจะบอกคุณหลับปุ๋ยนะครับ...อย่างน้อย ให้เธอได้กลับไปกราบศพพ่อกับแม่ของเธอก็ยังดี...”  อะไรนะ?!...ศพพ่อกับแม่งั้นเหรอ?! บอกทีว่าฉันไม่ได้หูฝาดไป

“เงียบซะ...ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวฉันจะพาหลับปุ๋ยไปกินข้าว...แกก็ทำหน้าที่ของแกไป ส่วนคืนนี้แกไม่ต้องไป ฉันจะไปกับไอ้เทนท์”  ร่างสูงพูดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น...แล้วก็มาเจอกับฉัน ที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ดูจะผงะไปเล็กน้อย

“คุณลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”  

“ก็…ก็…ทันได้ยินที่คุณพูด เรื่องศพพ่อกับแม่ของฉัน...อธิบายมาคุณกั๊มพ์ มันไม่จริงใช่มั้ย?!”  ฉันตวาดถามเสียงดังลั่น  ส่วนเขาก็ยืนนิ่ง ใบหน้าหล่อนิ่งงันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พูดมาซิ...ตอบฉันมา มันไม่จริงใช่มั้ย?!...ตุ้บๆๆ!!!”  ฉันทั้งทุบทั้งใช้กระเป๋าถือฟาดตีเข้าที่อกแกร่งอย่างแรงด้วยอารมณ์โทสะ ยิ่งเขานิ่ง ยิ่งเขาไม่ตอบมันยิ่งทำให้ฉันกลัว

“ฮือๆๆ...คุณตอบฉันมาซิ มันไม่จริงใช่มั้ย?!”  

“หลับปุ๋ย”  เสียงของเขาเบามาก อ้อมแขนแกร่งรั้งฉันเข้าไปกอด แต่เป็นฉันที่ผลักเขาออกไป

“ตอบมาซิ!...ตอบมา ฉันบอกให้ตอบมา...ฮือๆๆ”

“พ่อคุณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต...พอแม่คุณทราบเรื่อง ท่านก็โรคหัวใจกำเริบ ก็เลย...”

“ฮือๆๆ...คุณพ่อคุณแม่....ฮือๆๆๆ”  

“หลับปุ๋ย”  เขาเอ่ยเรียกฉันพลางดึงรั้งฉันเข้าไปกอดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันกลับไม่มีแรงมากพอที่จะผลักออก ร่างกายมันอ่อนแรงไปหมด ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลย

“ฮือๆๆๆ...ฉันจะกลับเมืองไทย กลับไปหาคุณพ่อคุณแม่...ฮึกๆๆ...ฉันขอกลับนะคะ ฉันอยากไปพบหน้าท่านเป็นครั้งสุดท้าย”

“หลับปุ๋ย...คือ คือว่า...”  ร่างสูงอำอึ้งที่จะพูดต่อ เขาก้มลงมองหน้าฉันแล้วปาดน้ำตาให้

“ฉันขอกลับไปนะคะ...แล้วฉันจะกลับมา”

“คือว่า...ศพของพ่อแม่คุณ ผมให้คนจัดการเรียบร้อยแล้ว...เพิ่งจะทำพิธีฌาปณกิจศพไปเมื่อวาน”

“อะไรนะ?!...คุณว่าอะไรนะ?!”  

“ผม…”

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงอ่ะ?!...คุณมันใจร้ายที่สุด...คุณทำได้ยังไง?!...ฮือๆๆ”  ฉันรีบวิ่งขึ้นบันไดเพื่อกลับมาที่ห้องนอน...ทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนร้องไห้อย่างไร้เรี่ยวแรง ฉันไม่เหลือใครแล้ว ทั้งคุณพ่อคุณแม่...แล้วที่ฉันอดทนอยู่นี่มันเพื่ออะไรกัน?...บริษัทงั้นเหรอ? มันไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ

“ฮึก ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่อีกต่อไป”  ฉันพูดจบก็ลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางและเอกสารเดินทางให้เรียบร้อย จากนั้นรีบเดินลงมาชั้นล่างของบ้าน ซึ่งก็พบกับเจ้าของบ้านที่ยืนพิงผนังห้องโถงอยู่ เขาชักสีหน้าไม่พอใจ...ฮึ! เขามีสิทธิ์อะไรไม่พอใจล่ะ?

“ถ้าคุณกลับไป คุณจะไปอยู่ที่ไหน?...ไม่มีบ้านอีกแล้วนะ”

“ก็คุณยึดทั้งบ้านทั้งบริษัทคุณพ่อคุณแม่ฉันปหมดแล้วหนิ...ฉันจะไปอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน”  

“หลับปุ๋ย”  ร่่างสูงถลาเข้ามาคว้าข้อมือฉันไว้ ก่อนที่ฉันจะเดินออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่

“ปล่อยฉันนะ...ข้อตกลงของเรามันไม่อีกแล้ว คุณก็ได้ทุกอย่างสมใจแล้วหนิ...ทีนี้ก็หมดหน้าที่นางบำเราอย่างฉันแล้ว”  พูดจบฉันก็สะบัดมือออกจากเขา

“คุณไม่คิดเหรอว่าถ้าคุณอยู่ที่นี่ต่อ...บ้านกับบริษัทจะเป็นของคุณ”  เขาเสนอทางเลือกและจ้องมองฉันด้วยแววตานิ่งๆ

“คนเห็นแก่ตัวอย่างคุณ ชอบเอาเปรียบคนอื่นอย่างคุณไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก...แล้วฉันก็ไม่ต้องการมันแล้วด้วย ในเมื่อไม่มีคุณพ่อคุณแม่ ของพวกนั้นก็ไม่จำเป็นสำหรับฉันอีกต่อไป”

“หลับปุ๋ย”

“ลาก่อนค่ะ” 

“หลับปุ๋ย...เดี๋ยว!”  เสียงกัมปนาถเอ่ยรั้งฉันไว้อีกครา ฉันทำได้เพียงสะบัดหน้าหันไปมองเขา

“คุณอย่าไปเลยนะ...คุณจะไปอยู่ที่ไหน?...ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”  เขาพูดจบก็จับมือฉันไปกุมไว้

“อยู่กับคนอย่างคุณต่างหากที่ลำบาก...ลำบากใจที่สุด คุณมันคนไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็น...แม้แต่เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ฉันเสีย คุณก็ไม่บอก...ไม่ให้โอกาสฉันกลับไปกราบลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย...คุณมันใจร้าย ฉันไม่มีทางทนอยู่กับคนอย่างคุณหรอก”  

“แต่คุณอยู่ที่นี่ ผมจะดูแลคุณอย่างดี”

“ฮึ!…ในฐานะนางบำเรอน่ะเหรอ?...ฉันไม่ต้องการ ไอ้คนจิตใจสกปรก”  ฉันบ่นวาจาร้ายๆใส่เขาด้วยความโกรธ โกรธมากที่สุดก็เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่เสียแล้วเขาปิดบังฉัน

“จะอยู่ในฐานะอะไร แต่ผมก็ไม่เคยปล่อยให้คุณลำบากหนิ ที่ผ่านมาคุณก็เห็นแล้ว”  เขาเองก็ไม่วายที่จะโต้เถียง...เถียง และพูดจาอย่างคนเห็นแก่ตัว

“เชิญคุณอยู่กับกองเงินกองทองของคุณไปเถอะ แล้วก็เชิญเอาเงินถุงเงินถังที่คุณมีไปปรนเปรอให้ผู้หญิงของคุณเถอะค่ะ...ฉันอยู่ที่นี่ อยู่ใกล้คนอย่างคุณ ฉันขยะแขยงเต็มทนแล้ว”  

“หลับปุ๋ย คุณก็รู้ว่าตั้งแต่ที่คุณมาอยู่ที่นี่ ผมก็ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากคุณคนเดียว”  ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ เป็นฉันที่ต้องรีบเดินถอยหลังแล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขาอีกครั้ง

“ปล่อยฉันไปเถอะคุณกั๊มพ์...ฉันขอร้องล่ะนะ ฉันทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่ได้”

“อยู่ที่นี่เถอะนะ...ผมรู้ว่าผมผิดที่ปิดบังคุณ แต่ผม...”

“พอทีเถอะ!...ฉันอยู่ที่นี่เหมือนคนไม่มีค่า สิ่งที่ฉันต้องการ...คุณให้ฉันไม่ได้ คุณมันก็ดีแต่ยัดเหยียดในสิ่งที่คุณคิดว่าดีเลิศมาให้ฉัน...แต่ฉันไม่ต้องการมัน ปล่อยฉันไปเถอะนะ”  ฉันเริ่มน้ำตาคลอ เขาไม่รักฉันเลย...มันง่ายนิดเดียวที่จะทำให้ฉันยอมอยู่ที่นี่ต่อไป ถ้าเขารักฉัน...ฉันก็พร้อมที่จะเสี่ยง

“หลับปุ๋ย...คุณจะทิ้งผมไปจริงๆเหรอ?...ทุกๆวันที่คุณอยู่ที่นี่กับผม มันไม่มีความสุขเลยใช่มั้ย?”  เขาพูดเสียงสั่น จ้องมองเข้ามาในดวงตาของฉัน ราวกับว่ากำลังค้นหาความจริงบางสิ่งบางอย่างที่ฉันปิดซ่อนมันไว้

“ฉันรู้สึกขยะแขยง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า...ฉันมันไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงขายตัวเลย ถ้าคุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง...ขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ”  ฉันพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบจากเขา รีบลากกระเป๋าเดินทางเดินออกมาจากคฤหาสน์ของผู้ชายใจด้านชา พร้อมกับลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ ฉันจะกลับเมืองไทย...จะไปหาคุณยาย เพราะฉันไม่เหลือญาติที่ไหนแล้ว 

################################

​....สามปีผ่านไป....

“อืม…รีบส่งแปลนให้ทางบริษัทเลยนะ...กำชับด้วยว่า ฉันต้องการให้เสร็จเร็วที่สุด”  กั๊มพ์สั่งงานลูกน้องคนสนิท แล้วก็กวาดสายตามองพื้นที่นับร้อยกว่าไร่ที่กว้านซื้อมาเพื่อจะทำรีสอร์ท แล้วก็ตั้งใจจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวควบคู่กันไปด้วย เขากลับมาที่เมืองไทยอีกครั้งหลังจากที่ย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเสียหลายปี แต่คราวนี้ร่างสูงคิดว่าคงจะกลับมาอยู่ที่นี่อย่างถาวร และส่งต่องานที่ญี่ปุ่นให้น้องสาวทำแทน ส่วนเขาก็คงจะขออยู่กับงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง เพราะยังลืมเธอคนนั้นที่จากเขาไปเมื่อสามปีก่อนไม่ได้

“ครับ…ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด” เทนท์ ลูกน้องคนสนิทรับคำ

“ดี…แล้ว พื้นที่ทางทิศเหนือที่ติดกับที่ของเรา...ฉันว่า จะทำสวนน้ำตรงนั้น มันคงจะทำกำไรให้เราได้มากโข...แกว่าเหมาะมั๊ย?”

“ไอ้เหมาะน่ะ มันก็เหมาะอยู่หรอกครับ...แต่จะทำให้มันเป็นของเราน่ะ ท่าจะยากครับ” 

“ฮึ?!”  ร่างสูงสง่าตวัดสายตาไปมองลูกน้องทันที เมื่อทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดายอย่างที่เขาคิด

“ครับ…ผมน่ะ พยายามจะขอซื้อแล้ว...อุตส่าห์เสนอเงินไปก้อนใหญ่...แต่ทางโน้นก็ไม่ยอมขายให้ แถมไอ้เจ้าของยังไม่ออกมาคุยกับผมอีก...ส่งใครมาก็ไม่รู้ แต่ก็คงจะเป็นคนในไร่นั่นแหละ...เฮ้อ! หยิ่ง”  เทนท์ถอนหายใจแล้วหยักไหล่กว้างขึ้น เขาส่ายหน้าช้าๆกับความเอาแต่ใจของเจ้านาย ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริงๆ ไม่แปลกที่เคนเพื่อนสนิทของเขาขอให้เขามาทำงานแทน

“เฮอะ! ก็แค่ไร่ดอกไม้สับปะรังเค...จะหวงไปทำไม?!”  ผู้เป็นนายเอ่ยอย่างหงุดหงิด หัวคิ้วขมวดชิดกันขึ้นมาทันทีเมื่อไม่ได้ดั่งใจตัวเอง

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...เอาน่า เขาไม่ขาย ก็ไม่ต้องซื้อซิครับเฮีย...ไม่เปลืองตังค์ดี”

“ไม่ได้!...ฉันอยากได้ ก็ต้องได้!” กั๊มพ์ตวาดลั่นตามประสาคนเอาแต่ใจ

“เฮีย…ก็เขาไม่ขายน่ะ เฮียจะลากปืนไปจ่อหัว แล้วบังคับให้เขาเซ็นต์เหรอครับ?...เฮ้อ แค่จะเจอตัวเจ้าของที่...ยังยากเลย”  เทนท์กุมขมับ เขากับกั๊มพ์ค่อนข้างที่จะสนิทกันมากกว่าที่เคนสนิทกับกั๊มพ์ เขารู้จักและรู้ใจผู้เป็นนายดี จนกั๊มพ์ไม่ปิดบังเรื่องส่วนตัวกับเขา

“เดี๋ยวฉันจะไปเอง...คงจะลีลาเพื่อโก่งราคาน่ะซิ”  ผู้เป็นนายรีบเดินมาขึ้นรถ โดยมีลูกน้องคนสนิทเป็นคนขับ

“เฮีย…อยากได้มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

“ทีแรกก็ไม่มาก...แต่พอได้ยินแกบอกว่ายากก็ยิ่งอยากได้...แล้วก็ต้องได้ด้วย!”

“โฮ้…เฮียนี่นะ ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ”  เทนท์อมยิ้ม แล้วก็ส่ายหัวจนเจ้านายหนุ่มคิดในใจว่า...ไอ้นี่ๆมัน! น่าโบกหัวนัก!

“มึงขับเร็วๆดิ๊!”  เขาสั่งเสียงเข้ม สรรพนามที่ใช้ก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนไม่สนิท

“ครับ…ใจเย็นครับ...ยังไงก็ไม่ได้ครับ...ฮึๆๆ”

“ไอ้เทนท์!”  กั๊มพ์หันมาขึ้นเสียงใส่ลูกน้องที่สุดแสนจะกวนประสาท และสุดท้ายทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงบ้านของเจ้าของไร่ดอกไม้

“เฮีย…เดี๋ยวผมไปติดต่อให้ เฮียรอ...”  เทนท์พูดขึ้นก่อนที่เจ้านายหนุ่มจะเดินไปที่บ้านไม้หลังงาม

“กูไม่รออะไรทั้งนั้น...นี่! เจ้าของไร่นี้อยู่ที่ไหน ผมต้องการพบ...เดี๋ยวนี้!”  เขาเอ่ยถามคนรับใช้ เมื่อเดินเข้ามาในบ้านของเจ้าของไร่แล้ว

“เอ่อ…”  แต่เธอก็ทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิม

“เฮีย! บุกเข้ามาอย่างนี้ได้ยังไง?!...เดี๋ยวเขาก็แจ้งจับข้อหาบุกรุกหรอกครับ”  เทนท์ที่เดินตามหลังมา รีบมาห้ามผู้เป็นทันที...แต่วินาทีเขาไม่สนหน้าไหนทั้งนั้น...ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้ แล้วไม่ได้...ไม่มี!

“อยู่ไหนล่ะ?!”  กั๊มพ์ตวาดถามอีกครั้งเมื่อยังไม่ได้คำตอบ... เขาแสยะยิ้มแล้วคิดในใจว่า เฮอะ! ก็แค่ไร่ดอกไม้กระจอกๆ คงไม่ต้องมีพิธีไม่อะไรมากมายหรอก แล้วที่น่าโมโหคือมันจะหยิ่ง ไม่ยอมขายให้เขาทำไมในเมื่อเสนอราคาไปแพงแสนแพง

“เฮียกั๊มพ์! ผมว่าเราออกไปรอข้างนอกเถอะครับ...ทำแบบนี้ เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้านเขานะ”

“มึงเงียบไปเลย!...ให้มาซื้อที่ไม่กี่สิบไร่ทำไม่ได้...เงียบ!”

“แต่เฮียทำแบบนี้มันไม่ถูก...”

“พวกคุณกลับไปเถอะนะคะ...คุณหนูเธอไม่ขายหรอกค่ะ ต่อให้คุณทุ่มเงินมามากเท่าไหร่...ก็ไม่มีความหมายหรอกค่ะ”  เมื่อได้ยินที่สาวใช้พูด ร่างสูงจอมเอาแต่ใจก็ยิ่งหงุดหงิด”

“ใครมาน่ะแก้ว?...เสียงดังไปถึงข้างบนเลย”  แต่แล้วเสียงหวานๆที่เขาเคยได้ยินก็แว่วมาจากชั้นสองของบ้าน ร่างสูงสง่าตวัดสายตาไปมองหาที่มาของเสียงหวานๆ แล้วก็เจอกับเจ้าตัวที่เพิ่งจะเดินลงบันไดมาพร้อมกับอุ้มเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักมาด้วย และกั๊มพ์ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคือเจ้าของไร่ตัวจริง

“เอ่อ…คุณคนนี้เขามาติดต่อซื้อ...”  สาวใช้กำลังจะอธิบาย แต่เจ้านายสาวก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“บอกเขาไปว่าเราไม่ขาย...ให้เขากลับไปซะ”  เธอตวัดสายตามามองร่างสูงทรงพลังที่มองกี่ดีก็ดูดีและภูมิฐานมากขึ้นกว่าเดิม แล้วเธอก็หันไปสั่งสาวใช้...จากนั้นเก็เดินออกไปทางด้านหลังบ้าน

“เฮีย…เฮียเรากลับกันเถอะ...เฮีย!”  ลูกน้องคนสนิทเห็นท่าไม่ดี ก็รีบเอ่ยเรียกเจ้านาย เจ้านายของเขาดูแปลกไป ร่างสูงนิ่งงันราวกับถูกสาป จนเขาเองรู้สึกไม่ชินและกำลังงงงวย ได้แต่คิดในใจว่าคงมีเรื่องบางอย่างระหว่างเจ้านายของเขาและเจ้าของบ้านคนนั้นแน่ๆ

“เฮีย…กลับกันเถอะ...เฮีย! เป็นอะไรไปครับ?”

“…………”  ผู้เป็นนายยืนนิ่งๆ แล้วทบทวนเรื่องราวในอดีตสักพัก...เมื่อสมองประมวลผลเรียบร้อย เท้าทั้งสองข้างก็ก้าวเดินตามเธอไปโดยเร็ว

“เฮียจะไปไหนเนี่ย?”

“มึงไปรอข้างนอก...กูขอไปจัดการเมียกูก่อน”  เขาหันไปสั่งเทนท์แล้วก็รีบเดินตามคนตัวเล็ก ที่เดิน...เขาหงุดหงิดและบ่นกับตัวเองเบาๆ

“ฮึ่ย! มันน่าโมโหนัก กล้าเมินผมได้ยังไง?!...ผมไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะจำผมไม่ได้น่ะ”

“หลับปุ๋ย...เดี๋ยวก่อน!”  เขารีบวิ่งไปขว้างหน้าคนตัวเล็กไว้ ก่อนที่เธอจะเดินหนีไป...ซึ่งตอนนี้เธอไม่ได้พาลูกมาด้วยแล้ว สาวเจ้าก็คงจะอยากหลบมาอยู่คนเดียวมากกว่า

“…………”  คนตัวเล็กเหลือบมองร่างสูง แล้วก็หันหน้าหนี...เธอพยายามจะเดินหนีเขา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมือแข็งแรงล็อคข้อมือบางเอาไว้ได้ทัน

“ไง?…ไม่คิดจะทักผัวเลยเหรอ รื้อฟื้นกันหน่อยดีมั๊ย?”  เขาเอ่ยถามพลางสบตากับดวงตาหวานที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนมาดุดันซะแล้ว

“คนสารเลวอย่างคุณ...ยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ หรือเลวจนนรกไม่กล้าเปิดประตูรับ?!”

“ฮึๆๆ…นี่คือประโยคแรกที่ควรจะเอ่ยทักผัวเหรอ?”  เขาหัวเราะร่วน แล้วก็ยักคิ้วยียวนคนตัวเล็ก เขาเองก็ทำตัวไม่ถูก ไม่ได้อยากจะพูดไม่ดีกับเธอ...แต่ท่าทีเย็นชาของเธอมันทำให้เขาหมั่นไส้

“มาทางไหนช่วยกลับไปทางนั้น!”  หลับปุ๋ยตวาดลั่น เธอนึกสงสารตัวเองที่ต้องมาพบเจอกับคนใจร้ายอย่างเขาอีก ทั้งๆที่หนีมาอยู่กับคุณยาย ซึ่งท่านมีไร่ดอกไม้อยู่หลายสิบไร่ ท่านได้ยกให้เธอดูแลก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน

“ไม่กลับ”  ร่างสูงตอบแล้วจ้องหน้าเธอ ราวกับจะสำรวจและเก็บรายละเอียดบนใบหน้าหวานให้หมดทุกมุม ทั้งๆที่เขาก็จำมันได้ขึ้นใจอยู่แล้ว

“นี่!…บอกแล้วไง ว่าไม่ขายๆ!...ถ้ารวยจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรก็เอาไปบริจาคให้เด็กยากไร้เถอะ”  คนตัวเล็กพูดเสียงกร้าว เธอสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขา...แต่แล้วเธอก็ไปไหนไม่รอด เมื่อร่างสูงรั้งร่างแน่งน้อยมากอดไว้แนบอก

“ฮึๆๆ”  กั๊มพ์แกล้งหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทีของเธอ

“ปล่อย! ตุ้บๆๆ!”  แล้วเธอก็แผลงฤทธิ์ทุบตีเขาเป็นพัลวัน ลำบากร่างสูงที่ต้องคอยรวบรัดร่างเล็กเอาไว้ให้แน่นๆ จนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน

“ไม่เอาน่า...คุยกันดีๆซิ”

“คุยดีๆเหรอไอ้คนเลว?!...คนอย่างนายมันไม่สมควรที่ใครจะพูดดีด้วยหรอก”

“หลับปุ๋ย”

มาเต็มแล้ววววว เอามาร้อยเรียงกัน ไหนใครเคยอ่านกั๊มพ์หลับปุ๋ยตอนนี้บ้าง ตอนนั้นที่ไรท์เขียนเป็นเรื่องแรกและแก้ และตอนนี้เอามารวมกัน มีลูกแล้ว อิอิ