นิยาย พระเอก ขอ หย่า กับ นางเอก ท้อง ธัญวลัย

​3 เดือนผ่านไป...

​ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่ญี่ปุ่น  ถามว่ามาได้ไงแม่คุณปุณณ์จัดการให้ทุกอย่าง ตอนแรกฉันโทรไปจะให้คุณแม่เกลี้ยกล่อมคุณปุณณ์ให้เค้าเซ็นใบหย่าให้ฉัน แต่ท่านไม่ยอม ท่านบอกท่านไม่ต้องการให้คุณพิมพ์มาเป็นลูกสะใภ้  แต่ฉันบอกว่าฉันทนต่อไปแบบนี้ไหมไหวแล้ว ท่านเลยแนะนำให้ฉันไปเที่ยวพักผ่อนก่อนส่วนเรื่องที่เหลือท่านจะกับมาจัดการกับลูกชายท่านเอง ซึ่งฉันว่ามันก็ดีนะ ฉันไม่ต้องเจอทั้งเค้าแล้วคนรักของเค้าด้วย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มันทำให้ฉันสบายใจขึ้น .....

อ้วก...อ้วก....อ้วก...  เฮ้อจะหมดไส้หมดพุงแล้วนะคะคนเก่งของแม่ ทุกคนได้ยินไม่ผิดหลอก ใช่ ฉันท้องท้องมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตั้งแต่ฉันหนีมาอยู่ที่นี่เดือนแรกฉันก็ชอบกินของเปรี้ยว อ้วกทั้งวันจนแทบจะลุกจากที่นอนไม่ไหว พอเข้าเดือนที่สองฉันก็ยอมให้ยัยน้ำมนต์มาหาบ้าง เพราะโทรไปหานาง นางก็จะร้องให้ฟูมฟายจะมาหาตลอด จนฉันอดสงสารไม่ไหว  แต่ก็กำชับนางตลอดว่าอย่าบอกกับใครว่าฉันอยู่ที่นี่โดยเฉพาะคุณปุณณ์ เรื่องตั๋วเครื่องบินที่น้องสาวจะมาหาฉันคุณแม่จะเป็นคนจัดให้ตลอด นางจะคอยมาเราให้ฉันฟังว่าที่ย้านเป็นยังไง ฉันยังขำไม่หายที่คุณแม่ท่านไปไบ่คุณพิมพ์ออกจากบ้าน ส่วนคุณปุณณ์ก็ทำได้แค่มอง ช่วยอะไรไม่ได้  ยัยน้ำมนต์บอกว่าคุณแม่ไล่นางเหมือนหมูเหมือหมา ถ่ายคลิปประจานว่านางเป็นชู้ จนนางหนีหายไปเลยไม่กับกลับมาอีก ส่วนคุณปุณณ์ น้ำมนต์ก็เล่าว่าเมากับบ้านทุกวันไม่เป็นทำการทำงาน คอยตามหาแต่ฉัน จนคุณพอร์ชต้องเข้ามาดูงานแทน  แต่ฉันไม่สนใจหลอก ทุกวันนี้ฉันก็สบายดี มีลูกที่กำลังเกิดเป็นกำลังใจ ถามว่ายังรักเค้าอยู่ไหมต้องบอกเลยว่ายังรัก แต่จะให้ฉันกลับไปเต็บแบบเดิมคงไม่ไหว 

"เจ้เป็นไงบ้าง มาๆแม่ย้านทำกัยเข้าเสร็จแล้วเราไปทานข้าวกัน  จะได้ออกไปเดินสูดอากาศข้างนอก หลานหนูจะได้แข็งแรง อยู่แต่ในบ้านมันอึดอัดนะ"ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนเสียงยัยน้ำมนต์เอง ยัยน้องสาวตัวดีนางมาเที่ยวหา นางบอกว่านางเป็นห่วง ฉันก็เคยบอกไปแล้วไม่ต้องมาบ่อยเดียวคุณปุณณ์สงสัย นางก็ไม่ฟัง

"จ้าๆ พี่รู้แล้วนะ เราเถอะเมื่อไรจะกลับ รอบนี้มานานแล้วนะ เดียวคนทางนั้นก็ขาดใจตายพอดีหลอก" (คนทางนั้นของน้ำมนต์เป็นใครกันน้า)

"บ้า...หน่าเจ้  หนูไม่ได้คิดอะไรกัยเค้าซะหน่อย"(ไรท์:รู้ว่าคิดนะน้ำมนต์ น้ำมนต์:ไรท์จะพูดทำไมเนี่ย)

"จ้าๆๆๆไม่คิดก็ไม่คิด ไม่เห็นต้องหน้าแดงเลย เรานะโตแล้วนะ ทำอะไรก็คิดดีๆ อย่ามาเลือกคนผิดแบบพี่มันจะเจ็บเอา " ฉันยอกน้ำมนต์พร้อมกับสอนไปด้วย ฉันมีน้องสาวคนเดียว อยากจะให้น้องได้เจอสิ่งดีๆ คนดีๆ ำม่อยากต้องให้มาเจอแบบฉัน 

"โธ่...เจ้ อย่าคิดมากนะ เดียวหลานหนูจะเครียดไปด้วยยิ้มสิยิ้ม"ฉันยิ้มให้กับน้องสาว ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปทานข้าวที่โต๊ะอาหาร พอทานไปไดซักพัก ก็เหมือนมีคนเดินเข้ามา

"ว่าไงจ้า หลานของแม่ดื้อไหม เราเป็นไงบ้าง ดูซูบลงไปเยอะเลยน้านิว กินเยอะๆหน่อยสิลูก"เป็นคุณแม่นั่นเอง

"คุณแม่มาตั้งแต่เมื่อไรค่ะ ทำไมไม่บอกนิว   นิวจะได้ให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้ กินอะไรมายังค่ะ มากินข้าวด้วยกันสิคะ เพื่อนิวจะได้กินได้เยอะๆ แล้วคุณพ่อไม่มาด้วยหรือค่ะ "ฉันอ้อนท่านถึงตอนแรกเราจะไม่ค่อยลงรอยกัน  แต่ตอนนี้ท่านดูแลฉันดีมาก ท่านทำให้คิดถึงแม่ของฉันที่เสียไป ถ้าท่านยังอยู่คงเป็นท่านที่ดูแลฉันแน่เลย

"พ่อนะเค้าติดงาน ส่วนแม่นะคิดถึงเรากะหลานแล้วนี่เรายังไม่กลับอีกหรอน้ำมนต์"คุณแม่ตอบก่อนที่จะหันไปถามน้ำมนต์

"อีก2-3วันค่ะคุณแม่ เป็นห่วงพี่นิวนะคะ  ช่วงนี้ก็ผอมลงเยอะเลย หนูเป็นห่วง"น้ำมนค์ตอบ 

"นี่ก็สามเดือนแล้วนะลูกนิว หนูจะไม่ลองเปิดใจให้ตาปุณณ์บ้างหรือลูก ตอนนี้ตาปุณณ์แทยจะไม่เป็นผู้เป็นคนเลยนะลูก"คุณแม่พูดแล้วทำหน้าเศร้าสงสัยท่านจะสงสารลูกชายตัวเอง หึ....ไม่มีทางไม่มีทางเด็ดขนาด ฉันจะไม่ยอมกลับไปแล้ว  มันเจ็บแค่ไหนฉันรู้ดี

"ไม่ค่ะคุณแม่ หนู....ไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว หัวใจดวงนี้ของหนูไม่ได้มีไว้เพื่อเค้าอีกแล้ว ตอนนี้หัวใจดวงนี้ของหนูมีไว้เพื่อลูกเท่านั้นค่ะคุณแม่....."ฉันบอกคุณแม่ออกไป ใช่หัวใจดวงนี้จะไม่ยอมกับไปเจ็บอีกแล้ว.......

ธีรภัครยิ้มดีใจเมื่อเห็นภรรยาที่เขารักนั้นเดินมาหาหลังจากที่ไม่ได้เข้าใกล้เธอมาสามวัน ความคิดถึงและความห่วงมีมากมายจนอยากจะเดินเข้าไปกอด ไปถามไถ่ว่าเหนื่อยไหม แต่เขาต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้นเมื่อมองเห็นสายตาเรียบเฉยของหญิงสาว

"เผาเอธิสเสร็จ เราไปหย่ากันนะคะ"

ชายหนุ่มยืนนิ่ง แทบไมเชื่อหูตัวเอง แต่พอเห็นใบหน้านิ่งของร่างบางก็ทำให้เขาเข้าใจว่านี่คือเรื่องจริง

"ไม่หย่าได้ไหมครับ ให้ผมได้แก้ตัว..."

"พี่ธีได้แก้ตัวแต่ลูกของไอย์เขาได้ฟื้นขึ้นมาไหมคะ!! เพราะพี่ธีคนเดียว! ทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้!!!" ไอริณสบตาสามีพลางสะอื้น สองแขนเรียวกอดตุ๊กตาลูกชายไว้แน่น

ภาพตรงหน้านั้นทำเอาธีรภัครใจชา สองขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว

"อย่าเข้ามาใกล้ไอย์นะ! คนเลว!"

ร่างสูงสะดุดกับคำสุดท้ายจนยืนนิ่ง ก้าวขาไม่ออก นั่นสินะ เขาเป็นคนเลวในสายตาเธอแล้ว..

"หนูไอย์..."

"ไอริณค่ะ ฉันชื่อไอริณ"

ราวกับโดนตบจนหน้าชา แค่เพียงสรรพนาใที่ใช้เรียกกันเธอก็เปลี่ยน...

"คะ..ครับ ไอริณ" ร่างสูงพยักหน้าพลางปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตัวเองทิ้ง "ผมมันเลวครับ ผมขอโทษ.."

"ขอโทษจบแล้วก็ไปให้พ้นหน้าฉัน บ่ายสามเราค่อยไปเจอกันเพื่อเซ็นใบหย่า" หญิงสาวพูดเสียงนิ่งเรียบ พยายามฝืนใจไม่ให้เจ็บ เก็บใบหน้าไม่ให้ร้อง แม้เธอจะรักเขามาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ทำให้เธอเกลียดเขามากเช่นกัน

"ครับผม" ธีรภัครพยักหน้าช้า ๆ เขาปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาเรื่อย ๆ ก่อนจะพูดอีกประโยคเพื่อให้หญิงสาวเข้าใจตัวเขามากกว่านี้ "แต่ผมจะบอกไอริณนะ ว่าผมรักคุณมาก และรักลูกชายของคุณมาก มากกว่าชีวิตผม ผมยังยืนยันว่าเด็กคนนั้นคือลูกของผม ผมเสียใจที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ และผมเคารพการตัดสินใจของคุณครับ บางที..ถ้าไม่มีผม มันคงจะดีกว่านี้"

ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินเข้าหาร่างบางช้า ๆ เขารู้สึกใจชื้นนิด ๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ถอยหนี

มือหนาเอื้อมไปปาดน้ำตาบนใบหน้างามเบา ๆ อย่างถนุถนอม "ผมไม่อยู่แล้ว ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ อย่าดื้อเยอะ" ธีรภัครหยุดทุกอย่างที่จะพูดไว้แค่นั้น ในตอนนี้เขาห้ามเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ไหวแล้วจริง ๆ

ร่างสูงหมุนตัวหันหลังก่อนจะเอ่ยคำลา "โชคดีนะครับ บ่ายสามผมจะไปรอตามนัด"

ความเสียใจฉายบนใบหน้าหล่ออย่างปิดไม่มิด ในวินาทีนี้เขาไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นไว้ได้ "ผม...รัก.. ฮึก .. คุณ.."

ไอริณทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรงหลังจากที่ธีรภัครหันหลังกลับไป

"เธอควรเกลียดเขาไอริณ เธอจะมาร้องไห้ทำไม..."

แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่หญิงสาวรู้ดีว่าวจบาง ๆ ของเธอที่เคยอบอุ่นนั้น บัดนี้ ได้มีความหนาวเหน็บมาครอบคลุมแล้ว

สองหนุ่มสาวเซ็นใบหย่าโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรก่อนจะแยกจากกันไปราวกับคนไม่รู้จัก

ธีรภัครขอลาออกจากงานที่เออร์วินฝากฝังไว้กับอาร์เทอร์ แต่แน่นอนว่าคำตอบของอีกฝ่ายนั้นคือการปฏิเสธอีกทั้งยังบอกให้เขาไปหาเออร์วินเองอีก

คนโดนปฏิเสธได้แต่ทำใจ ก้มหน้ามองแหวนบนนิ้วนางที่ร่างบางได้สวมให้ในวันแต่งงานที่โบสถ์

หยาดน้ำใสพลันไหลออกจากดวงตาอีกครั้ง ในเวลานี้เขารู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน เขาที่ดูแลตัวเองได้ยังเป็นขนาดนี้ แล้วหญิงสาวที่เขารักหมดใจเล่าจะเป็นเช่นไร...

แม้จะเป็นห่วงแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่มองดูอยู่หน้ารีสอร์ทอยู่ห่าง ๆ

การ์ดและยามทุกนายถูกสั่งไม่ให้เขาได้เข้าใกล้เธอไม่จะอยู่แห่งไหน

และก็ไม่ใช่ใครอื่นที่สั่ง ก็แม่คุณนั่นล่ะเป็นคนสั่งเอง...

รอยยิ้มเศร้าฉายขึ้นมาอีกครั้ง ความเป็นห่วงมันมีมากจนแน่นหน้าอกไปหมด อยากจะเข้าไปกอดเหมือนอย่างเคยก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่พูดเบา ๆ กับตัวเอง

"คิดถึง..."

อาร์เทอร์ตรงไปหาเออร์วินหลังจากที่ผละออกมาจากธีรภัครได้

คนเป็นน้องรีบรายงานทุกอย่างพร้อมขอคำปรึกษาเพื่อหาทางแก้

เออร์วินแทบล้มตึงไปนอนกับพื้นหลังจากที่ฟังจนจบ ร่างสูงขบคิดอย่างหนักแต่ก็มองหาทางออกไม่เจอ

"พี่ต้องห้ามพี่ธีไม่ให้ลาออกนะ!" อาร์เทอร์ย้ำอีกครั้งจนเออร์วินมองตาขวาง

"ฉันรู้น่า! มีน้องเขยดีแบบนี้ฉันไม่ปล่อยหรอก แต่อย่างเพิ่งขัดได้ไหม คนกำลังใช้สมองอยู่" เออร์วินตอบอย่างขัดใจ คิดยังไงก็คิดไม่ออก "ฉันว่าเวลาคงเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง ปล่อยไปก่อน"

"อะไรนะ!? นี่พี่..."

"ฟังก่อนสิ!" เออร์วินปรามน้องชาย "นั่นลูกที่คลอดออกมาเองทั้งคนนะ คงต้องให้เวลาไอย์หน่อย ถึงแม้ว่าจะอารมณ์รุนแรงถึงขนาดขอหย่าเลยก็เถอะ แต่ฉันก็เข้าใจอารมณ์คนเป็นแม่นะ ไอย์เจออะไรมาเยอะ สภาพจิตใจไอย์ตอนนี้กำลังแย่ ไม่ฆ่าตัวตายตามลูกก็ดีแค่ไหนแล้ว คอยดูแลไอย์อยู่ห่าง ๆ ไปก่อน ยังไงซะ คู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอก"

อาร์เทอร์ยืนนิ่งฟังคำพี่ชายเงียบ ๆ เขาก็เห็นด้วยกับเออร์วินไม่น้อย เพียงแต่ความเป็นห่วงที่มีมากเลยทำให้เขานั้นร้อนใจ "ถ้าพี่อยู่ด้วยก็คงดีสิ.."

"แหงล่ะ ฉันคงไม่ปล่อยให้เรื่องถึงมือน้องเขยฉันหรอก ให้ไอย์เกลียดฉันคนเดียวก็พอ.." เออร์วินพูดปนขำ แต่น้ำเสียงนั้นก็ช่างเศร้าจนอาร์เทอร์ขำไม่ออก

"พี่รักไอย์มากกว่าผมอีก.. ผมคงไม่กล้าทำให้ไอย์เกลียด.."

"โลกนี้มันโหดร้าย ถ้าฉันไม่ร้าย ใครจะไปปกป้องครอบครัวฉันได้ล่ะ นายก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย" เออร์วินพูดพลางหันหลังให้น้องชาย ความเสียใจที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขาในตอนนี้มันปิดไม่มิดแล้ว

"ผมไม่ต้องดูแลตัวเองหรอก ก็คนของพี่เล่นตามประกบรอบตัวผมไม่ห่างหลังจากเกิดเรื่องวันนั้น ขอบคุณนะพี่ชาย พี่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ ผมไปล่ะ"

สองหนุ่มหันหน้าเดินไปคนละทิศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับสองหนุ่มพี่น้องนั่นก็คือน้ำตาของความรัก...

สี่เดือนต่อมา..