คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้ Show
คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม กฎกระทรวง : กำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ดาวน์โหลดกฎกระทรวง 11777 การจ้างงานคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจ้างงานคนพิการเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้คนพิการได้มีส่วนร่วมในสังคม มีโอกาสในการเข้าถึงการประกอบอาชีพ ได้ใช้ศักยภาพของตนเอง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยมาตราที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานคนพิการ ได้แก่ มาตรา 33 34 35 36 37 38 และ 39 โดยมีรายละเอียดดังนี้ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มาตรา 33 การจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐการคำนวณอัตราส่วนการจ้างงานคนพิการ มาตรา 33 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานรัฐรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งตามกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนําส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2554 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 กำหนดให้หน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการต้องมีอัตราส่วนลูกจ้าง 100 คนต่อคนพิการ 1 คน เศษของลูกจ้าง 50 คน ต้องรับคนพิการเพิ่มอีก 1 คน เช่น
การนับจำนวนลูกจ้างให้นับทุกวันที่ 1 ตุลาคมของแต่ละปี และกรณีสถานประกอบการมีหน่วยงานหรือสาขาในจังหวัดต่าง ๆ ให้นับรวมลูกจ้างที่มีความสัมพันธ์เป็นนายจ้างและลูกจ้างในองค์กรนั้นทุกสาขา และนำมาคำนวณตามอัตราส่วน 100:1 การติดต่อ: นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถแจ้งความต้องการหาลูกจ้างคนพิการที่สำนักงานจัดหางาน เพื่อให้สำนักงานจัดหางานอำนวยความสะดวกในการจับคู่คนพิการและตำแหน่งงานว่างได้
หมายเหตุ: คนพิการที่รับเข้าทำงานตามมาตรา 33 ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ เนื่องจากต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการประกอบการรายงานผลการจ้างงานแก่กรมการจัดหางาน สิทธิทางภาษีตามมาตรา 33 ตามมาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเข้าทำงานสำหรับเงินได้ เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการดังกล่าว กล่าวคือนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ (เงินเดือน ค่าล่วงเวลา โบนัส ค่ารักษาพยาบาล เงินประกันสังคม ฯลฯ) มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า เช่น
มาตรา 34 การส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในกรณีไม่สามารถจ้างคนพิการได้ตามมาตรา 33มาตรา 34 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่ไม่ได้รับคนพิการเข้าทำงานตามจำนวนที่กำหนดไว้ในมาตรา 33 หรือไม่ดำเนินการตามมาตรา 35 ให้ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การส่งเงินเข้าและขอรับเงินคืนจากกองทุนฯ: การส่งเงินเข้ากองทุนฯ คำนวณจาก อัตราต่ำสุดของค่าแรงขั้นต่ำที่ใช้บังคับครั้งหลังสุดในปีก่อนปีที่มีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุนฯ คูณด้วย 365 (วัน) และคูณด้วยจำนวนคนพิการที่ไม่ได้รับเข้าทำงาน ในกรณีที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการรับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 หรือดำเนินการตามมาตรา 35 แต่ไม่ครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ให้ส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามจำนวนวันที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เว้นแต่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดภายใน 45 วันนับตั้งแต่วันที่ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้น การส่งเงินเข้ากองทุนฯ ให้ส่งเป็นเงินสด เช็คขีดคร่อมหรือธนาณัติสั่งจ่ายกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยส่งต่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือส่งทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการกำหนด ภายในวันที่ 31 มีนาคมของแต่ละปี หากนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ แต่ไม่ได้ส่ง ส่งเงินล่าช้า หรือส่งเงินไม่ครบถ้วน ต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของจำนวนเงินที่ยังไม่ได้ส่งเข้ากองทุนฯ ในกรณีที่นายจ้างหรือเจ้าของกิจการได้รับคนพิการเข้าทำงานตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนดหรือดำเนินการตามมาตรา 35 ภายหลังจาก 31 มีนาคมของแต่ละปี ให้ยื่นคำขอต่อกองทุนฯ เพื่อขอรับเงินที่ได้ส่งเข้ากองทุนฯ ไปได้ตามจำนวนค่าจ้างที่ได้จ่ายไปจริง (แต่ไม่เกินจำนวนเงินเฉลี่ยที่เป็นรายวันที่ได้ส่งเข้ากองทุนฯ) คูณด้วยจำนวนวันที่ได้จ้างจริง และคูณด้วยจำนวนคนพิการที่ได้จ้างจริง สิทธิทางภาษีตามมาตรา 34นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถนำจำนวนเงินที่ส่งเข้ากองทุนฯ มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เท่าที่จ่ายจริง เนื่องจากจำนวนเงินที่ส่งเข้ากองทุนฯ ถือเป็นรายจ่ายตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย แต่ต้องมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินที่ออกโดยกองทุนฯ ประกอบด้วย
มาตรา 35 การให้สัมปทาน สถานที่จำหน่ายสินค้า จ้างเหมา ฝึกงาน หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่หรือนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามมาตรา 34 หน่วยงานของรัฐ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถดำเนินการสนับสนุนการประกอบอาชีพของคนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 ได้โดยการให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานด้วยวิธีพิเศษ ฝึกงาน หรือให้การช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ โดยให้แจ้งการให้สิทธิและดำเนินการให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการเข้ารับสิทธิภายในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี โดยการแจ้งให้สิทธิตามข้างต้น ให้หน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการแจ้ง ณ ท้องที่ที่เป็นที่ตั้งของหน่วยงานหรือสถานประกอบการ ดังนี้
การดำเนินการตามมาตรา 35
หมายเหตุ: คนพิการที่เข้าใช้สิทธิตามมาตรา 35 ต้องมีบัตรประจำตัวคน เนื่องจากต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการประกอบการรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 35 แก่กรมการจัดหางาน สิทธิทางภาษีตามมาตรา 35 หากนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการไม่ประสงค์จะจ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามมาตรา 34 นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่ดำเนินการตามมาตรา 35 จะได้รับสิทธิทางภาษีดังนี้
มาตรา 36 การอายัดทรัพย์สินของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งไม่ส่งเงินที่จะต้องส่งตามมาตรา 34ในมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 กำหนดให้เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้อายัดทรัพย์สินของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งไม่ส่งเงินที่จะต้องส่งตามมาตรา 34
มาตรา 37 การจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะบริการขนส่ง หรือบริการสาธารณะอื่นแก่คนพิการนายจ้างหรือสถานประกอบการซึ่งมีการดำเนินการตามมาตรา 37 คือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอํานวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะบริการขนส่ง หรือบริการสาธารณะอื่น ให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ มีสิทธิได้รับการลดหย่อนภาษี หรือยกเว้นภาษีเป็นร้อยละของจำนวนเงินค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด สิทธิทางภาษีตามมาตรา 37 นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอํานวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะบริการขนส่ง หรือบริการสาธารณะอื่น ให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้มีสิทธินำค่าใช้จ่ายมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า
มาตรา 38 การจ้างคนพิการเข้าทำงานมากกว่าร้อยละ 60 ของลูกจ้างในสถานประกอบการหากนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างคนพิการเข้าทำงานมากกว่าร้อยละ 60 ในสถานประกอบการ โดยมีระยะเวลาการจ้างเกินกว่า 180 วันในปีภาษีใด นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการนั้นมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้นตามที่กฎหมายกำหนด หมายเหตุ: คนพิการที่รับเข้าทำงานตามมาตรา 38 ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ เนื่องจากต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการประกอบการรายงานผลการจ้างงานแก่กรมการจัดหางาน สิทธิทางภาษีตามมาตรา 38 นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ (เงินเดือน ค่าล่วงเวลา โบนัส ค่ารักษาพยาบาล เงินประกันสังคม ฯลฯ) มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 3 เท่า เช่น ในปีภาษี (1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม) สถานประกอบการมีลูกจ้างทั้งหมด 100 คน เป็นลูกจ้างคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการจำนวน 61 คน โดยลูกจ้างคนพิการมีระยะเวลาการจ้างงานเกิน 180 วันในปีนั้น สถานประกอบการจะสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ดังนี้
มาตรา 39 การประกาศโฆษณาข้อมูลการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 ต่อสาธารณะในพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 มาตรา 39 ให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมีอำนาจประกาศโฆษณาข้อมูลการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 ต่อสาธารณะได้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง นอกจากนั้น ในกรณีที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐจะพิจารณาให้สัมปทาน การส่งเสริมการลงทุน การประกาศเกียรติคุณ สินเชื่อ รางวัล เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใด แก่นายจ้างหรือสถานประกอบการใด ให้นําข้อมูลที่ได้ประกาศฯ มาประกอบการพิจารณาด้วย ในปัจจุบัน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.) ได้มีการพิจารณารางวัล “องค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ ประจำปี” เพื่อส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในภาครัฐและเอกชน สนับสนุนการมีงานทำของคนพิการ และเชิดชูเกียรติให้แก่หน่วยงานที่สนับสนุนและส่งเสริมงานด้านคนพิการ โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ติดต่อสอบถามรายละเอียด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง “สิทธิประโยชน์ทางภาษี กรณีการจ้างงานคนพิการ” http://www.rd.go.th/ratchaburi/fileadmin/templates/ratchaburi/tax_disability.pdf “ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้สัมปทาน จัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการโดยวิธีกรณีพิเศษ ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์ หรือสิ่งอํานวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ พ.ศ. 2558” https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/BKK_th/de08ea90398718af0469b351708dc5c3.pdf “พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556” http://dep.go.th/uploads/Docutents/33cb9847-0905-4854-842e-fec9922ff1e6พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ%20พ.ศ.%202550%20(ปรับปรุงครั้งที่%206).pdf “ถาม-ตอบการจ้างงานคนพิการในสถานประกอบการ” https://ejob.dep.go.th/qa/ “กฎกระทรวง กำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนําส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2554” http://203.107.181.6/sites/default/files/files/law/167_1.pdf “กฎกระทรวง กำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนําส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560” http://203.107.181.6/sites/default/files/files/law/กฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการ%20ฉบับที่2%20พ.ศ.2560.PDF “แนวปฏิบัติตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556” http://www.thaiarmywives.org/web/downloads/1.pdf “คู่มือการให้บริการตามมาตรา 33 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 (ฉบับสมบูรณ์)” https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/ems_th/15599001b579efff7be56c25e712aa3f.pdf [1] กฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนําส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2554 [2] มาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553 [3] คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 156/2561 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายจากการดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.157/2561 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายจากการดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 [4] มาตรา 4 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553 [5] มาตรา 4 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553 [6] มาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 215) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการเข้าทำงานเกินกว่าร้อยละหกสิบของลูกจ้างในสถานประกอบการ |