เรียน จบ ต่าง ประเทศ ทํา งาน อะไร

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสเรื่องการย้ายไปอยู่ หรือย้ายไปทำงานต่างประเทศมีออกมาเป็นช่วง ๆ สมัยที่ผู้เขียนเรียนจบเมื่อยี่ปีก่อน ก็เคยคิดอยากย้าย ไปหางานทำที่ต่างประเทศ แต่จนแล้วจนรอด ก็ทำงานอยู่ที่เมืองไทยสิบกว่าปี และเปลี่ยนงานทั้งหมด 3 ครั้ง แต่ถึงแม้จะพอใจในงานที่เมืองไทยระดับหนึ่ง แต่เราก็ยังอยากย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่ดี จนสุดท้ายได้ย้ายมาอยู่ และทำงานที่ต่างประเทศจริง ๆ และทำจนถึงทุกวันนี้ ผู้เขียนเลยจะมาขอแชร์เชิงเปรียบเทียบระหว่างการทำงานที่ไทย และที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศสวีเดน ซึ่งผู้เขียนมาอยู่อาศัย และทำงานที่นี่  ซึ่งสำหรับผู้เขียนมี 5 เหตุผลที่อยากย้ายไปทำงานต่างประเทศ คือ

1.  รู้สึกเบื่องานที่ทำอยู่

2. อยากไปหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศ

3.  อยากมีรายได้ที่สูงขึ้น

4.  อยากมีโอกาสไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

5.  อยากมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ

และนั่นคือเหตุผลที่อยากย้าย ณ ตอนนั้น แต่แม้ความอยากมีแฟนเป็นชาวต่างชาติจะเป็นเหตุผลสุดท้าย แต่มันก็ได้กลายเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้ผู้เขียนได้ย้ายมาทำงานที่ต่างประเทศจริง ๆ 😊 เรื่องความรักเราไม่ขอเปิดเผย แต่เราจะมาเปรียบเทียบการทำงานให้อ่านใน 3 หัวข้อดังนี้

• รายได้

ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยส่วนใหญ่มีการกระจายรายได้ได้ดีกว่าประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศด้อยพัฒนา นั่นหมายความว่ารายได้ของแต่ละอาชีพมีความแตกต่างไม่มากนัก

ทำงานที่เมืองไทย

ถ้าเราเป็นพนักงานทั่วไป ที่มีรายได้ขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นต่ำเล็กน้อย รายได้กับรายจ่ายอาจจะเท่ากัน หรือรายจ่ายอาจจะมากกว่ารายได้ ทำให้มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้น้อย ส่วนกลุ่มที่มีรายได้สูง ก็มีรายได้ที่จะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัว หรือซื้อหาสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างไม่ติดขัด

ทำงานที่ต่างประเทศ

รายได้ในแต่ละอาชีพ แตกต่างกันไม่มากนัก โดยเฉพาะประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่รายได้แตกต่างกันค่อนข้างน้อย แต่ถึงแม้เราจะเป็นผู้มีรายได้น้อยที่ต่างประเทศ เมื่อเราส่งเงินกลับเมืองไทย เราก็อาจจะกลายเป็นผู้มีรายได้ระดับกลาง ถึงรายได้สูง รายได้ที่สูงกว่าเมืองไทย ส่วนหนึ่งสูงขึ้นเพราะค่าเงิน เช่นผู้เขียนทำงานรับรายได้สกุลเงินต่างประเทศ คือสวีดิชโครน ซึ่งค่าเงินแพงกว่าเงินบาทประมาณ 3.5 เท่า ทำให้เวลาผู้เขียนแลกเป็นเงินบาทแล้ว ได้เงินเยอะกว่าทำงานอยู่เมืองไทย และนี่น่าจะเป็นเหตุผลต้น ๆ ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ ย้ายไปทำงานในประเทศที่มีค่าแรงดีกว่า หรือค่าเงินสูงกว่า

• สวัสดิการเงินเกษียณ และสวัสดิการอื่น ๆ

ประเทศที่พัฒนาแล้วโดยส่วนใหญ่มีระบบสวัสดิการดีกว่าบ้านเรา ซึ่งเหตุผลก็คือเค้าพัฒนาระบบสวัสดิการมาก่อนเราเกือบร้อยปี เพราะฉะนั้นก็เลยไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้ระบบสวัสดิการของเค้าดีกว่าเรา เพราะบ้านเราเพิ่งจะเริ่มพัฒนาระบบสวัสดิการเมื่อประมาณ 30-40 ปีที่ผ่านมา

ทำงานที่เมืองไทย

หากคุณเป็นผู้มีรายได้น้อย และมีประกันสังคม คุณก็ยังพอมีเงินเกษียณเดือนละ 3-4 พันบาทจากประกันสังคม แต่ถ้าคุณเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำ และไม่มีประกันสังคมรองรับคุณก็อาจจะได้รับเงินผู้สูงอายุ 600-1000 บาทต่อเดือน ส่วนกลุ่มคนที่มีรายได้สูง ถึงสูงมาก ได้รับเงินเกษียณเกือบพอ ๆ กับคนที่ทำงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งบางคนพอถึงอายุเกษียณ ได้รับเงินบำเหน็จหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว

ทำงานที่ต่างประเทศ

ถ้าเราทำงานจ่ายภาษีถูกต้องที่ต่างประเทศ เราก็มีโอกาสได้รับเงินเกษียณเฉกเช่นคนในประเทศนั้น ๆ แต่เพราะรายได้ที่แตกต่างกันไม่มาก ทำให้เงินเกษียณอายุที่ได้ ก็มีความแตกต่างกันไม่มากนักเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินที่เราส่งเข้ากองทุนเกษียณอายุของรัฐด้วย เช่นถ้าเราเริ่มทำงานตอนอายุ 50 ปีและเกษียณตอนอายุ 65 ปี เราก็ส่งเงินเข้ากองทุนเกษียณอายุแค่ 15 ปี ในขณะที่อีกคนหนึ่งทำงานตั้งแต่อายุ 20 ปี และเกษียณตอนอายุ 65 ปี เค้าก็ส่งเงินเข้ากองทุนเกษียณอายุ 45 ปี คนที่สองก็ย่อมได้เงินเกษียณมากกว่าคนแรก

• วันหยุด และวันหยุดพักร้อน

ทำงานที่เมืองไทย

ถ้าเราทำงานในหน่วยงานที่มีกฎหมายรองรับ ปกติเราก็จะมีวันหยุดพักร้อนประมาณ 8-15 วันต่อปี แต่ที่เมืองไทยมีวันหยุดกระจัดกระจายในหลายเทศกาลรวม ๆ ทั้งปีประมาณ 25 วัน สมัยที่ผู้เขียนทำงานที่เมืองไทยได้วันหยุดพักร้อน 12 วันต่อปีรวมกับวันหยุดตามเทศกาลต่าง ๆ25 วัน ซึ่งรวมทั้งปี มีวันหยุดประมาณ 37 วัน ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย!!

ทำงานที่ต่างประเทศ

หลาย ๆ ประเทศมีกฎเกณฑ์เรื่องวันหยุดพักร้อนไม่เหมือนกัน อย่างที่ประเทศสวีเดนกำหนดให้มีวันหยุดพักร้อนขั้นต่ำ 25 วันต่อปี แต่ที่นี่มีวันหยุดตามเทศกาลต่าง ๆ ประมาณไม่เกิน 10 วันต่อปี และถึงแม้วันหยุดเทศกาลต่าง ๆ จะตรงกับวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ก็ไม่มีการชดเชยเพิ่มเหมือนเมืองไทย รวมทั้งปีเราก็จะได้วันหยุดประมาณ 35 วัน ในกรณีผู้เขียนได้วันพักร้อน 31 วันต่อปีรวมกับวันหยุดตามเทศกาล ผู้เขียนก็มีวันหยุดทั้งปี 41 วัน ซึ่งก็อาจจะได้วันหยุดเยอะกว่าเมืองไทยเล็กน้อย

• โอกาสในการพัฒนาตัวเอง

ถ้าเราทำงานในองค์กรใหญ่ โอกาสในการพัฒนาตนเองก็พอกันทั้งที่ไทย และที่ต่างประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้จากการทำงานที่ต่างประเทศคือการได้เรียนรู้ในสังคมการทำงานใหม่ และแน่นอนเราได้พัฒนาความสามารถด้านภาษาเพิ่มขึ้น การที่เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ก็จะช่วยเปิดมุมมองให้เราในหลาย ๆ มิติ และช่วยให้เราสามารถการปรับตัวในสังคมได้ดีขึ้นด้วย

สำหรับผู้เขียนคิดว่า ไม่ว่าเราจะทำงานที่ไหน เราก็มีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง ถ้าเราสนใจ และใส่ใจที่จะทำ คนที่เคยเป็นผู้มีรายได้น้อยก็จะกลายเป็นคนที่มีรายได้มากในอนาคต ถ้าคน ๆ นั้น มีการเรียนรู้และมีเป้าหมายในการพัฒนาตัวเอง อย่างชาวต่างชาติที่เคยทำงานเป็นลูกจ้างในประเทศไทย หลายปีถัดมาก็กลายเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งตัวอย่างมีให้เห็นมากมายในตลาดบางกะปิ และคนไทยที่ย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศก็มีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จปะปนกันไป แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ

ขอขอบคุณ ภาพจากเว็บ Canva

ภาพปก โดย fauxels จาก Pexels

ภาพที่ 1, 3 & 4 โดยผู้เขียน

ภาพที่ 2 โดย nattanan23 จาก Pixabay

Nurseonomy

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

4 วิธีหางานที่สวีเดน | TrueID In-Trend

4 งาน 4 ธุรกิจ ที่คนไทยชอบทำที่ประเทศสวีเดน | TrueID In-Trend

อุปสรรคการทำงานที่ต่างประเทศ | TrueID In-Trend

ประกันการตกงานในประเทศสวีเดน A-kassa & Alfa-kassa | TrueID In-Trend

5 ข้อต้องรู้ ก่อนเซ็นสัญญาเข้าทำงาน | TrueID In-Trend

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !