🍃 การดีท็อก หรือการล้างสารพิษออกจากร่างกาย หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำนี้กันอยู่บ่อยครั้ง 💁♀️ ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย รู้สึกไม่ย่อย มีกลิ่นปาก หรือหน้าตาหมองคล้ำ ไม่สดใส จริง ๆ แล้วปัญหาเหล่านั้น 😞 มาจากลำไส้นั่นเอง แล้วร่างกายคนเรา ควรดีท็อกบ่อยแค่ไหน วันนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับการดีท็อกด้วยเครื่องดื่มง่าย ๆ จากธรรมชาติไว้ล้างสารพิษในร่างกายกันค่ะ Show
บอกเคล็ดลับ ภายใน 1 อาทิตย์ ควรดีท็อกบ่อยแค่ไหนการดีท็อกลำไส้ คืออะไร 🤔ดีท็อกลำไส้💚👀 การดีท็อก มาจากวิธีการสวนล้างลำไส้ของแพทย์แผนโบราณ เชื่อว่าการดื่มน้ำ ทานอาหารที่มีฤทธิ์ระบาย หรือแม้แต่อาหารที่เรารับประทาน เช่น ผัก ผลไม้ จะมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบขับถ่ายนั้นดีขึ้น สามารถเผาผลาญพลังงานและช่วยให้ลำไส้ขับถ่ายของเสียหรือสารพิษออกมา เป็นการทำความสะอาดลำไส้ภายในอีกด้วย ความจริงแล้ว ควรดีท็อกบ่อยแค่ไหน❓🥦🥬 โดยปกติ การดีท็อกลำไส้เกิดกับระบบร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อเรารับประทานอาหาร ระบบย่อยอาหารจะย่อยอาหารที่ทานเข้าไป และส่งต่อให้ระบบลำไส้เพื่อขับถ่ายออกมา ร่างกายคนเราจึงมีการขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน ยกเว้นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย การดูดซึมไม่ดี หรือมีปัญหาท้องเสีย ท้องผูก ทำให้การขับถ่ายไม่บ่อยและอาจจะมีปัญหาได้ภายหลัง ในชีวิตประจำวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ และทานผักผลไม้ที่มีเส้นใยอาหาร และงดทานเนื้อที่ย่อยยาก ๆ เป็นต้น และควรดื่มสูตรดีท็อกลำไส้ 2 – 3 ครั้งภายใน 1 อาทิตย์ สูตรดีท็อกลำไส้✨ดีท็อกลำไส้✨ สูตรดีท็อกลำไส้ คือ การใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติในการผสมกันแล้วรับประทานเข้าไป ฤทธิ์ของผักผลไม้จะช่วยในการทำความสะอาดและขับถ่ายลำไส้นั่นเอง 💚 มะนาวและน้ำอุ่น ใช้มะนาว 1 – 2 ลูกต่อน้ำ 1 ลิตร ดื่มหลังตื่นนอน หรือก่อนอาหารเช้า จะช่วยในเรื่องผิวพรรณและน้ำอุ่นจะช่วยเรื่องระบบการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย 💚 โยเกิร์ตผสมน้ำมะนาว น้ำผึ้ง และนมสด ดื่มเป็นประจำทุกเช้า จะช่วยในเรื่องการขับถ่าย โยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ และน้ำผึ้งจะช่วยลดอาการอักเสบภายในลำไส้ 💚 น้ำอุ่นหมักผลไม้ เป็นการนำผลไม้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผลเบอร์รี่ สัปปะรด สาระแน่ แอปเปิ้ล แตงกวา หรือผลไม้ที่ชื่นชอบ มาผสมรวมกับน้ำอุ่นและทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้วดื่ม จะช่วยในเรื่องการดูดซึมอาหารและกระตุ้นการขับถ่ายได้ดี 💚 ทานผลไม้สด ๆ ใครที่ชอบทานผลไม้สด ๆ สามารถทานได้เป็นประจำทุกวัน แต่ควรจะเป็นผลไม้ที่รสชาติไม่หวานมาก 💚 ทานธัญพืช ใครที่เป็นสายเฮลท์ตี้หนัก ๆ ทานโฮลวีต หรือธัญพืชอย่างข้าวโอ้ต ข้าวซ้อมมือ และข้าวกล้อง เพราะมีแร่ธาตุในการดูดซึมอาหารได้ดีกว่า ประโยชน์ของการดีท็อกลำไส้ 👍ดีท็อกลำไส้✅ มีส่วนช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายเป็นหลัก โดยช่วยทำความสะอาด ชะล้างลำไส้ และของเสียออกจากร่างกาย โดยที่ไม่ต้องสวนทวารลำไส้ หรือทานยาระบาย ช่วยลดอาการลำไส้แปรปรวนได้ ✅ ใครที่มีพุง น้ำหนักขึ้น การดีท็อกมีส่วนช่วยในการระบายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้พุงยุบและน้ำหนักลงได้ ✅ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ✅ ลดการเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ ✅ มีส่วนช่วยในการรักษาจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้อีกด้วย ✅ ทำให้ใบหน้าและผิวพรรณดูสดใส ไม่หมองคล้ำ ลดสิว ใครที่เหมาะกับการดีท็อกลำไส้ดีท็อกลำไส้✅ ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกหรือท้องเสีย ✅ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องมีพุง น้ำหนักไม่ลง ✅ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึมระบบขับถ่าย ✅ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว ผิวพรรณหมองคล้ำ 🍃 การดีท็อกในวิธีธรรมชาติจะไม่ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ดังนั้น ใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ลองนำสูตรดีท็อกมาใช้ดูนะคะ แจก 8 สูตรดีท็อกซ์ลำไส้ พุงยุบ สบายท้อง ~ !📣 นอกจากบทความดีๆ แล้ว เฮียร์ขอแนะนำโปรโมชั่นดี ในแบบนักช้อปตัวจริงต้องรู้ !! ⭐️ ส่องโปรโมชั่นทั้งหมดได้ที่นี่ >> https://salehere.co.th/promotions รับรองว่าคุณจะไม่พลาดโปรโมชั่นเด็ดๆ อย่างแน่นอน 🛒 อึดอัด แน่นท้อง ท้องผูก ใส่อะไรก็ไม่มั่นใจเพราะพุงออก หากปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ เชื่อว่าคุณคงจะสนใจเรื่องการดีท็อกซ์ขึ้นมาบ้างล่ะ ว่าแต่ดีท็อกซ์ที่แท้จริงคืออะไรกันนะ? มาหาคำตอบกันในบทความนี้ได้เลย เลือกหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับดีท็อกซ์ที่นี่ ดีท็อกซ์ คืออะไร?ดีท็อกซ์ (Detox) คือคำที่ใช้เรียกการกำจัดสารพิษ สิ่งสกปรก ที่ตกค้างในร่างกายออกมา จริงๆ แล้วคำว่า Detox นั้นมาจากคำเต็มว่า Detoxification ที่มีความหมายว่าล้างพิษนั่นเอง การดีท็อกซ์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่จะพูดถึงในบทความนี้คือการดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ (Colon cleanse, Colonic irrigation หรือ Colonic detoxification) ซึ่งเป็นวิธีดีท็อกซ์ยอดนิยม วิธีการก็คือใช้อุปกรณ์ใส่น้ำหรือสารบางอย่าง เช่น น้ำเกลือ (NSS) บีบสวนเข้าทางทวารหนักเพื่อให้น้ำเข้าไปกวาดเอาสิ่งสกปรก แล้วขับออกมาทางอุจจาระ (ลักษณะคล้ายการเร่งถ่าย) ประโยชน์ของการดีท็อกซ์การดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ มีประโยชน์ที่อาจเป็นไปได้ดังนี้
แต่ก่อนจะตัดสินใจ! ประโยชน์จากการดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้นี้ยังคงไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันได้ชัดเจน การดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้จึงเป็นการรักษาแบบทางเลือกเท่านั้น นั่นหมายความว่าควรขอคำแนะนำจากแพทย์ หรือต้องทำโดยมีบุคลากรทางการแพทย์ เช่น หมอ พยาบาล คอยกำกับดูแล ใครไม่ควรดีท็อกซ์ล้างลำไส้แม้คนส่วนใหญ่จะไม่ต้องทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ เพียงแค่รับประทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเยอะๆ และออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจถึงขึ้นต้องหลีกเลี่ยงการทำดีท็อกซ์ล้างลำไว้ เพราะอาจเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายได้ ดังนี้
ผู้ที่มีเงื่อนไขต่างๆ ดังที่กล่าวมา อาจเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ไตวาย เกิดการติดเชื้อ หรือภาวะอื่นๆ ได้ เว้นแต่แพทย์ผู้ดูแลจะอนุญาตเท่านั้น นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้อื่นๆ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว ก็ควรสอบถามกับผู้ให้บริการก่อนทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ด้วยว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสมต่อตัวคุณหรือมีข้อห้ามใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่ ควรดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้บ่อยแค่ไหน?ไม่มีจำนวนแน่ชัดในการให้แนะนำว่าควรสวนล้างลำไส้บ่อยแค่ไหน เพราะโดยปกติร่างกายมีกลไกการกำจัดสารพิษและสิ่งสกปรกออกได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แพทย์จะสวนล้างลำไส้ในกรณีที่เห็นสมควรเท่านั้น เช่น ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอย่างหนัก ผู้ที่กำลังจะรับการผ่าตัดบางชนิด ผู้ที่กำลังจะรับการเอกซเรย์ลำไส้ (และกลัวอุจจาระบังภาพ) ดังนั้น การดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ ควรทำเฉพาะเวลาที่มีปัญหาอันสมควรเท่านั้น หรือเลือกทำด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ดื่มน้ำมากๆ กินผักผลไม้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการดีท็อกซ์การดีท็อกซ์ล้างลำไส้ อาจมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
การดีท็อกซ์ล้างลำไส้จึงควรทำกับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมมา เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ลงให้ได้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ ข้อควรระวังในการดีท็อกซ์อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การดีท็อกซ์สวนลำไส้นั้นควรทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ หรือได้รับการอนุมัติจากบุคลากรทางการแพทย์ เพราะหากซื้ออุปกรณ์มาทำด้วยตัวเอง อาจเกิดปัญหา ดังนี้ ดีท็อกซ์ควรกินกี่วันสำหรับผู้ที่ขับถ่ายปกติควรทำ 1 เดือน/ประมาณ 3 ครั้ง ถ้าสุขภาพปกติแต่มีอาการท้องผูก ควรทำ 1-2 สัปดาห์/ประมาณ 3 ครั้ง แต่หากถึงขั้นท้องผูกเรื้อรังแล้ว ควรทำดีท็อกซ์ต่อไปเดือนละครั้งจนกว่าอาการท้องผูกจะดีขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลเกี่ยวกับอาหารที่รับประทาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยง ...
ไฟเบอร์มะนาว กินทุกวันได้ไหมไฟเบอร์กินทุกวันได้ไหม
ไม่ควรกินอาหารเสริมไฟเบอร์ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ร่างกายเคยชิน และไม่สามารถขับถ่ายได้เองตามปกติ ดังนั้นหากช่วงไหนไม่ได้กินไฟเบอร์ควรกินผัก-ผลไม้ ให้มากขึ้น
ไฟเบอร์ทานทุกวันได้ไหมไฟเบอร์สามารถรับประทานได้ทุกช่วงเวลา โดยปริมาณที่แนะนำควรกินไฟเบอร์ที่ 25-38 กรัมต่อวัน และดื่มน้ำควบคู่ไปกับการกินไฟเบอร์เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น หากต้องการรับประทานไฟเบอร์เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ ช่วงก่อนนอน เพราะไฟเบอร์จะกระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ปรับสมดุลระบบขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายได้ ...
ดีท็อกซ์ช่วยเรื่องอะไรประโยชน์ของการดีท็อกซ์
ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อุจจาระไม่ออก ช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) ท้องผูกสลับกับท้องเสีย อาจมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงชั่วคราว เพราะถ่ายของเสียออกมา อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เพราะของเสียที่ตกค้างเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้
|