ดี ท็ อก กิน ทุก วัน ได้ ไหม

อึดอัด แน่นท้อง ท้องผูก ใส่อะไรก็ไม่มั่นใจเพราะพุงออก หากปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ เชื่อว่าคุณคงจะสนใจเรื่องการดีท็อกซ์ขึ้นมาบ้างล่ะ ว่าแต่ดีท็อกซ์ที่แท้จริงคืออะไรกันนะ? มาหาคำตอบกันในบทความนี้ได้เลย


เลือกหัวข้อที่สนใจเกี่ยวกับดีท็อกซ์ที่นี่


  • ดีท็อกซ์ คืออะไร?

    ดีท็อกซ์ (Detox) คือคำที่ใช้เรียกการกำจัดสารพิษ สิ่งสกปรก ที่ตกค้างในร่างกายออกมา จริงๆ แล้วคำว่า Detox นั้นมาจากคำเต็มว่า Detoxification ที่มีความหมายว่าล้างพิษนั่นเอง

    การดีท็อกซ์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่ที่จะพูดถึงในบทความนี้คือการดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ (Colon cleanse, Colonic irrigation หรือ Colonic detoxification) ซึ่งเป็นวิธีดีท็อกซ์ยอดนิยม

    วิธีการก็คือใช้อุปกรณ์ใส่น้ำหรือสารบางอย่าง เช่น น้ำเกลือ (NSS) บีบสวนเข้าทางทวารหนักเพื่อให้น้ำเข้าไปกวาดเอาสิ่งสกปรก แล้วขับออกมาทางอุจจาระ (ลักษณะคล้ายการเร่งถ่าย)

    ดี ท็ อก กิน ทุก วัน ได้ ไหม

    ประโยชน์ของการดีท็อกซ์

    การดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ มีประโยชน์ที่อาจเป็นไปได้ดังนี้

    • ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อุจจาระไม่ออก
    • ช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) ท้องผูกสลับกับท้องเสีย
    • อาจมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงชั่วคราว เพราะถ่ายของเสียออกมา
    • อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เพราะของเสียที่ตกค้างเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้
    • อาจมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น เนื่องจากลำไส้ดูดซึมได้ดีขึ้น รู้สึกมีพลังงานมากขึ้น

    แต่ก่อนจะตัดสินใจ! ประโยชน์จากการดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้นี้ยังคงไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันได้ชัดเจน การดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้จึงเป็นการรักษาแบบทางเลือกเท่านั้น

    นั่นหมายความว่าควรขอคำแนะนำจากแพทย์ หรือต้องทำโดยมีบุคลากรทางการแพทย์ เช่น หมอ พยาบาล คอยกำกับดูแล

    ใครไม่ควรดีท็อกซ์ล้างลำไส้

    แม้คนส่วนใหญ่จะไม่ต้องทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ เพียงแค่รับประทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเยอะๆ และออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อยู่แล้ว

    แต่สำหรับบางคนอาจถึงขึ้นต้องหลีกเลี่ยงการทำดีท็อกซ์ล้างลำไว้ เพราะอาจเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายได้ ดังนี้

    • ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis) โรคระบบทางเดินอาหารอักเสบเรื้อรัง (Crohn’s Disease) ลำไส้อักเสบ (Ulcerative Colitis) เป็นต้น
    • ผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดลำไส้
    • ผู้ที่เป็นโรคไต (Kidney Disease)
    • ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ

    ผู้ที่มีเงื่อนไขต่างๆ ดังที่กล่าวมา อาจเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ไตวาย เกิดการติดเชื้อ หรือภาวะอื่นๆ ได้ เว้นแต่แพทย์ผู้ดูแลจะอนุญาตเท่านั้น

    นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้อื่นๆ ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว ก็ควรสอบถามกับผู้ให้บริการก่อนทำดีท็อกซ์ล้างลำไส้ด้วยว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสมต่อตัวคุณหรือมีข้อห้ามใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่

    ควรดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้บ่อยแค่ไหน?

    ไม่มีจำนวนแน่ชัดในการให้แนะนำว่าควรสวนล้างลำไส้บ่อยแค่ไหน เพราะโดยปกติร่างกายมีกลไกการกำจัดสารพิษและสิ่งสกปรกออกได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว

    แพทย์จะสวนล้างลำไส้ในกรณีที่เห็นสมควรเท่านั้น เช่น ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอย่างหนัก ผู้ที่กำลังจะรับการผ่าตัดบางชนิด ผู้ที่กำลังจะรับการเอกซเรย์ลำไส้ (และกลัวอุจจาระบังภาพ)

    ดังนั้น การดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ ควรทำเฉพาะเวลาที่มีปัญหาอันสมควรเท่านั้น หรือเลือกทำด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ดื่มน้ำมากๆ กินผักผลไม้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก

    ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการดีท็อกซ์

    การดีท็อกซ์ล้างลำไส้ อาจมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

    • ปวดหรือเจ็บช่องท้อง
    • รู้สึกแน่น
    • ท้องอืด
    • คลื่นไส้
    • อาเจียน
    • เจ็บบริเวณทวารหนัก
    • อาจทำให้ลำไส้ทะลุ

    การดีท็อกซ์ล้างลำไส้จึงควรทำกับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมมา เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ลงให้ได้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้

    ดี ท็ อก กิน ทุก วัน ได้ ไหม

    ข้อควรระวังในการดีท็อกซ์

    อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การดีท็อกซ์สวนลำไส้นั้นควรทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ หรือได้รับการอนุมัติจากบุคลากรทางการแพทย์ เพราะหากซื้ออุปกรณ์มาทำด้วยตัวเอง อาจเกิดปัญหา ดังนี้

    หลายคนอาจเคยได้ยินกระแสดีท็อกล้างพิษ (Detox) ซึ่งเชื่อกันว่าการดีท็อกสามารถช่วยขจัดสารพิษตกค้างในร่างกายและช่วยลดน้ำหนักได้ โดยวิธีการเริ่มต้นด้วยการอดอาหาร ตามด้วยการรับประทานผัก ผลไม้สด รวมทั้งดื่มน้ำผลไม้และน้ำเปล่า ทว่าวิธีการนี้จะได้ผลจริงหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร ควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนทดลองทำดีท็อกด้วยตนเอง

    ดี ท็ อก กิน ทุก วัน ได้ ไหม

    ดีท็อกเป็นอย่างไร ?

    ดีท็อก เป็นกระบวนการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพราะปกติแล้วร่างกายของเราจะได้รับสารเคมีที่เป็นพิษจากสิ่งแวดล้อมและอาหารต่าง ๆ ที่บริโภคเข้าไป เช่น สารมลพิษ สารสังเคราะห์ทางเคมี โลหะหนัก และสารเคมีชนิดต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งวิธีการดีท็อกมีหลายรูปแบบ แต่โดยทั่วไปแล้วมักเป็นการอดอาหารและควบคุมชนิดของอาหารที่รับประทาน โดยอาหารที่สามารถรับประทานได้ระหว่างการทำดีท็อก คือ ผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ น้ำสะอาด ชา สมุนไพร และอาหารเสริม รวมทั้งอาจต้องสวนทวารหนักเพื่อล้างลำไส้ด้วย

    โดยคำกล่าวอ้างถึงประโยชน์ของการดีท็อก มีดังนี้

    • อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้พักผ่อนจากการอดอาหาร
    • กระตุ้นตับให้ขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย
    • กระตุ้นให้ร่างกายขจัดสารพิษออกทางอุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ
    • ช่วยส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือด
    • ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันต้านตนเอง โรคภูมิแพ้ โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีอาการท้องอืดและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร 

    อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนใดที่ชี้ว่าการดีท็อกจะมีประสิทธิผลต่อสุขภาพ ผู้ที่ต้องการทำดีท็อกจึงควรระมัดระวังหรือปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับสุขภาพร่างกายของตน

    ดีท็อก มีวิธีการอย่างไร ?

    การดีท็อกนั้นมีหลายรูปแบบตามระดับความเข้มข้นและระยะเวลาในการทำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักประกอบไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย

    • อดอาหารเป็นเวลา 1-3 วัน
    • ดื่มน้ำสะอาด ชา และน้ำผักผลไม้สด
    • เลือกดืื่มเครื่องดื่มชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น น้ำเกลือ หรือน้ำมะนาว เป็นต้น
    • รับประทานอาหารเสริมหรือสมุนไพร
    • งดรับประทานอาหารที่มีโลหะหนัก มีสิ่งปนเปื้อน หรือสารก่อภูมิแพ้
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    • ใช้ยาระบาย อาหารเสริมสำหรับล้างลำไส้ หรือใช้วิธีสวนอุจจาระ
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ทั้งหมด แล้วค่อย ๆ เริ่มรับประทานอาหารดังกล่าวอีกครั้ง
    • งดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล แอลกอฮอล์ และกาแฟ
    • เลิกสูบบุหรี่

    ดีท็อก ดีจริงหรือ ?

    ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประสิทธิภาพของการดีท็อกต่อการลดน้ำหนักหรือประโยชน์ต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่มีงานวิจัยหนึ่งที่พบว่า การลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารพร้อมกับการดีท็อกนั้นอาจให้ผลลัพธ์ที่ดี โดยนักวิจัยได้แบ่งหนูทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม โดยให้กลุ่มแรกได้รับอาหารที่มีไขมันต่ำและอีกกลุ่มได้รับอาหารที่มีไขมันสูงเป็นเวลา 10-12 สัปดาห์เท่ากัน หลังจากนั้นได้หยุดให้อาหารหนูทดลองทั้ง 2 กลุ่มเป็นเวลา 24 ชั่วโมง พบว่าหนูที่ได้รับอาหารไขมันต่ำมีน้ำหนักตัวลดลงถึง 18 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับหนูทดลองที่ได้รับอาหารไขมันสูงซึ่งมีน้ำหนักตัวลดลงเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทว่าข้อมูลจากงานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองในสัตว์เท่านั้น จึงไม่อาจนำมาใช้ยืนยันว่าการดีท็อกนั้นจะช่วยลดน้ำหนักในคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการศึกษาระยะยาวกับกลุ่มคนจำนวนมากต่อไป เพื่อยืนยันประสิทธิผลของดีท็อก ทั้งในแง่ของการช่วยลดน้ำหนัก การล้างสารพิษ รวมถึงความปลอดภัยของวิธีการนี้ด้วย

    ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทำดีท็อกได้หรือไม่ ?

    การดีท็อกอาจส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีปัญหาสุขภาพได้ เพราะในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการดีท็อกส่งผลดีต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ได้ เช่น สุขภาพหัวใจ ความดันโลหิต และระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย เป็นต้น นอกจากนี้ การจำกัดชนิดของอาหารที่รับประทานอาจทำให้ผู้ที่รับประทานยารักษาโรคเบาหวานเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดีท็อกด้วยการจำกัดประเภทของอาหารที่บริโภคอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่การดีท็อกด้วยการเน้นรับประทานอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยหรืออาหารคลีนนั้นอาจส่งผลดีต่อสุขภาพสำหรับผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง รวมทั้งผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ มีโรคประจำตัว หรือภาวะเจ็บป่วยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจดีท็อก เพื่อวางแผนกำหนดอาหารที่ควรรับประทานและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง

    เคล็ดลับล้างพิษในร่างกายด้วยตนเอง

    แนวทางปฏิบัติต่อไปนี้เป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง และอาจช่วยกำจัดสิ่งตกค้างและสารพิษต่าง ๆ ในร่างกาย

    • ดื่มน้ำให้มากขึ้นในปริมาณที่เหมาะสม
    • รับประทานผักและผลไม้ 5-9 ส่วน/วัน โดยเฉพาะผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ต้นหอม หอมหัวใหญ่ ขมิ้น และกระเทียม
    • รับประทานธัญพืชและถั่วเพิ่มมากขึ้น
    • รับประทานอาหารหมักดองที่มีประโยชน์ เช่น โยเกิร์ต หรือกิมจิ เป็นต้น เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษจากจุลินทรีย์
    • รับประทานอาหารเสริมหากร่างกายขาดสารอาหารบางชนิดแล้วไม่สามารถทดแทนได้อย่างเพียงพอจากการรับประทานอาหารตามปกติ โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนบริโภคอาหารเสริมชนิดใดเสมอ

      กินไฟเบอร์ทุกวันมีผลเสียไหม

      ไฟเบอร์กินทุกวันได้ไหม ไม่ควรกินอาหารเสริมไฟเบอร์ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ร่างกายเคยชิน และไม่สามารถขับถ่ายได้เองตามปกติ ดังนั้นหากช่วงไหนไม่ได้กินไฟเบอร์ควรกินผัก-ผลไม้ ให้มากขึ้น หลังรับประทานอาหารเสริมไฟเบอร์ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะการอุดตันของลำไส้

      ดีท็อกซ์ควรกินกี่วัน

      สำหรับผู้ที่ขับถ่ายปกติควรทำ 1 เดือน/ประมาณ 3 ครั้ง ถ้าสุขภาพปกติแต่มีอาการท้องผูก ควรทำ 1-2 สัปดาห์/ประมาณ 3 ครั้ง แต่หากถึงขั้นท้องผูกเรื้อรังแล้ว ควรทำดีท็อกซ์ต่อไปเดือนละครั้งจนกว่าอาการท้องผูกจะดีขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลเกี่ยวกับอาหารที่รับประทาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยง ...

      กินดีท็อกมีผลเสียไหม

      การดีท็อกอาจส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีปัญหาสุขภาพได้ เพราะในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการดีท็อกส่งผลดีต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ ได้ เช่น สุขภาพหัวใจ ความดันโลหิต และระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย เป็นต้น นอกจากนี้ การจำกัดชนิดของอาหารที่รับประทานอาจทำให้ผู้ที่รับประทานยารักษาโรคเบาหวานเสี่ยงต่อภาวะ ...

      ดีท็อกซ์ช่วยเรื่องอะไร

      ประโยชน์ของการดีท็อกซ์ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อุจจาระไม่ออก ช่วยบรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) ท้องผูกสลับกับท้องเสีย อาจมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงชั่วคราว เพราะถ่ายของเสียออกมา อาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เพราะของเสียที่ตกค้างเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้