พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตัดต่อภาพ

เพื่อนๆ จ๋า ก่อนจะโพสต์หรือคอมเมนต์อะไรในโลก social ต้องคิดให้มาก ๆ หน่อยน๊าา เพราะอะไรเหรอ เพราะเรามีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กันยังไงละจ๊ะ และมีผลบังคับใช้แล้วด้วย ซึ่งถ้าเราตามข่าวดารา คนนั้นโพสด่า บูลลี่คนนั้นคนนี้ จะโดนฟ้องเอาได้น๊าาาา เดียวเรามาดูกันว่า 13 ข้อ พ.ร.บ. คอมมีอะไรบ้าง

13 ข้อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่ต้องรู้ก่อนโพสต์

1. การกด Like
  - กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมฯ ยกเว้นการกดไลก์ฐานข้อมูลหรือข้อมูลที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงเสี่ยง หรือเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม เพราะฉะนั้นก่อนกดไลก์ต้องดูให้ดีก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าเราเห็นด้วยกับโพสต์ที่เข้าข่ายมีความผิด

2. กด Share
   - อีกเรื่องที่ควรระวัง นั่นคือการกด Share นั่นเองค่ะ หากเราแชร์ข้อมูลที่มีความผิดโดยไม่ไตร่ตรองก่อน ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3 

3. แอดมินเพจ
   - หากลูกเพจมีการแสดงความคิดเห็นที่มีความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อแอดมินพบเห็นและลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแลแล้ว จะถือเป็นผู้พ้นผิด จะต้องคอยสอดส่องลูกเพจของตัวเองให้ดีเลยนะคะ เดี๋ยวจะมีความผิดได้แบบไม่รู้ตัว

4. สิ่งลามกอนาจาร
  - ไม่โพสต์สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้ 

5. โพสต์เกี่ยวกับเด็ก
  - อันนี้ต้องระวังไม่แพ้กันค่ะ การโพสต์เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน หากไม่ได้รับการยินยอมจากเด็กต้องมีปิดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชมอย่างให้เกียรติ 

6. ข้อมูลผู้เสียชีวิต
   - การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย เช่นข่าวการเสียชีวิตดาราดัง แล้วมีคนโพสภาพศพ แบบนี้ไม่ได้น๊าาา

7. การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น
  - การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหาเอาผิดผู้โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ใครที่ชอบวิจารณ์ดาราแรง ๆ ระวังด้วยน๊าา

8. ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด
   - ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ เช่น การเอาเพลง หรือรูปภาพมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็สามารถโดนฟ้องได้

9. ส่งรูปภาพ
  - ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้

10. ฝากร้าน
   - การฝากร้านถือเป็นรบกวนผู้อื่น การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท เพราะฉะนั้นควรฝากร้านในพื้นที่ที่ให้ฝากเท่านั้น

11. ส่ง Email ขายของ
   - ส่ง Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท

12. ส่ง SMS โฆษณา
   - ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่ได้รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท

13. พบข้อมูลผิดกฎหมาย
   - หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมายที่เจ้าของเครื่องไม่ได้ทำเอง สามารถแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : https://www.wongnai.com/articles/thai-cyber-law

การตัดต่อรูปลามกมีความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และยังสามารถฟ้องเรียกความเสียหายทางแพ่งได้อีกด้วย ปัญหาสำคัญคือ ต้องระบุตัวผู้กระทำผิดให้ได้

เป็นอีกครั้งแล้วที่กลุ่มไอดอลสาววง BNK48 เข้าแจ้งความเพิ่มเติม และติดตามความคืบหน้าของคดี หลังถูกนำภาพไปตัดต่อเป็นภาพลามกอนาจาร

แน่นอนว่า เมื่อมีชื่อเสียงย่อมตกเป็นเป้าได้ง่าย แต่พวกเธอก็มักมีผู้ดูแล และทนายความพร้อมให้คำแนะนำ ดำเนินการทางกฎหมายให้ ทว่าหากคุณเป็นบุคคลธรรมดา ความรู้ทางกฎหมายแค่นิดๆ หน่อยๆ จะปกป้องตัวเองอย่างไร?

ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้ข้อมูลว่า ความผิดหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้มีอยู่ 2 มาตราด้วยกัน โดยเป็นความผิดที่ระบุในพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ ที่มักเรียกโดยย่อว่า พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

ม.14 (4) นำภาพลามกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ม.16 นำภาพที่สร้างขึ้น ตัดต่อ หรือดัดแปลงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

  • 'เฌอปราง' และสมาชิก BNK48 แจ้งปอท. หลังโดนตัดต่อภาพลามก

สาเหตุที่เมื่อมีเรื่องราวของภาพที่สงสัยว่า เป็นภาพตัดต่อใส่ความ เรามักจะได้ยินชื่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มากกว่ากฎหมายหมิ่นประมาทนั้น เธออธิบายว่า หากพิจารณาตามความผิดจริงๆ แล้ว ก็นับว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 และ 328 ด้วย แต่ในกรณีของภาพตัดต่อลามกนั้นมักจะฟ้องเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เนื่องจากความผิดอาญานั้น หากเป็นความผิดจากการกระทำเดียวแต่ผิดหลายมาตรา จะลงโทษด้วยมาตราที่มีโทษหนักที่สุดเพียงมาตราเดียว โดยโทษที่หนักที่สุดในกรณีนี้ก็คือความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.16

  • ภาพจากเว็บไซต์สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

นอกจากนี้ การเอาผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ม.14 (4) นั้นก็สามารถพิสูจน์ได้ง่ายกว่า คือแค่พิจารณาว่าภาพนั้นเป็นภาพลามกหรือเปล่า และผู้ต้องหาเป็นคนนำเข้าสู่อินเทอร์เน็ตหรือเปล่าก็เพียงพอ แม้จะพิสูจน์ว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพจริง ไม่ได้มีการตัดต่อ แต่เป็นภาพลามกจริงๆ ก็ยังคงผิดตามมาตรานี้

ความผิดตาม ม.14 (4) นี้ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าภาพหรือข้อความนั้นทำให้เราเสียหายอย่างไร รวมถึงไม่มีข้อยกเว้นโทษด้วย ขณะที่กฎหมายหมิ่นประมาทนั้นมีข้อยกเว้น เช่น หากทำโดยสุจริต หรือทำเพื่อประโยชน์สาธารณะก็อาจจะไม่ต้องรับโทษ หรือมาตรา ม.16 เองก็มีข้อยกเว้นในกรณีที่ทำไปโดยสุจริต เป็นการติชมอย่างเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายสามารถฟ้องทุกมาตราไปก่อนได้ แล้วศาลจะเป็นคนพิจารณาเองว่าจำเลยผิดมาตราไหน

  • ภาพจากเว็บไซต์สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

สำหรับภาพตัดต่อโดยทั่วไปที่ไม่ใช่ภาพลามกด้วยนั้นไม่มีความผิด จะต้องเป็นภาพตัดต่อที่มีเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น อับอาย หรือถูกเกลียดชัง

หากพบว่าตัวเองตกเป็นผู้เสียหาย สามารถแจ้งความกับตำรวจให้รวบรวมสำนวนส่งอัยการเพื่อเป็นโจทก์แทนเราได้ แต่ในกรณีที่ตำรวจไม่รับฟ้อง ดำเนินการล่าช้า หรือมีเหตุที่รู้สึกว่าตำรวจจะเข้าข้างอีกฝ่าย ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องได้เอง แต่ศาลจะต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อนว่าคำฟ้องของเรามีมูลหรือไม่ แล้วศาลจึงจะประทับรับฟ้องไว้พิจารณา

อย่างไรก็ตาม นอกจากความผิดทางอาญาแล้ว ผู้เสียหายยังสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพิ่มเติมได้อีกตาม ม.420 ทำให้ผู้อื่นเสียหายไม่ว่าประมาทหรือจงใจ โดยความเสียหายต่อชื่อเสียงก็นับเป็นความผิดตามมาตรานี้ด้วยเช่นกัน

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตัดต่อภาพ

  • ภาพจากเว็บไซต์สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ปัญหาประการสำคัญกรณีลักษณะนี้คือ มักจะดำเนินการช้า เนื่องจากไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด เพราะภาพเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตผ่านบัญชีที่ใช้นามแฝง

“ถ้าเกิดสมมติไม่ทราบตัวผู้กระทำความผิด และต้องให้เจ้าหน้าที่สืบหาให้ ก็จะค่อนข้างนานอยู่เหมือนกัน ค่อนข้างยาก เพราะส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะสืบหาเรื่องของคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความมั่นคง หรือเรื่องทางการเมือง แต่เรื่องส่วนตัวอย่างนี้ ส่วนใหญ่คือ เราต้องเป็นคนสืบหาเองว่า คนแสดงความคิดเห็นคือใคร ถ้ารู้จะดีมาก เวลาไปแจ้งความก็ระบุตัวเลย

“แต่ถ้าเกิดไม่รู้ เราก็ระบุกับเจ้าหน้าที่ว่า ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับคนที่นำภาพเราไปตัดต่อ ชื่อไอดีนี้ ซึ่งไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริงให้ช่วยสืบหาให้”