การนำรถเข้าตรวจหรือเช็กผ้าเบรกนั้นจำเป็น ซึ่งควรเข้าเช็กทุกๆ 20,000 กม. หรืออย่างน้อยปีละครั้ง ช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่ FIT Auto จะตรวจสอบระบบเบรกเบื้องต้นว่ายังสามารถทำงานได้ดี ตรวจหาว่ามีการสึกหรอหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบ ปัญหาต่างๆ และสามารถให้คำแนะนำที่อิงจากคำแนะนำของโรงงานผู้ผลิตรถยนต์แต่ละยี่ห้อ รวมทั้งตรวจสอบ ส่วนประกอบของชุดผ้าเบรกที่ส่งผลต่อการประสิทธิภาพการทำงานของการเบรก Show ผ้าเบรกเป็นชิ้นส่วนที่เมื่อคุณมีรถสักคัน ใช้ไปสักระยะหนึ่งคุณต้องหันมาให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะอาการ เบรกลึก เบรกไม่อยู่ เป็นสัญญานเตือนว่าคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรกแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนผ้าเบรกมักเกิดเป็นคำถามขึ้นอยู่ในหัวตลอด เลือกยี่ห้อไหน เกรดอะไรดี บางครั้งเราซื้อแพงสุดไม่ใช้ว่าจะดีจะคุ้มค่าเสมอไปนะครับ วันนี้Lenso wheel จะพาทุกท่านไปรู้ลึกถึงความแตกต่างของเบรกชนิดต่างๆ หลายๆครั้งที่เราไปร้านอะไหร่หรืออู่เพื่อที่จะเปลี่ยนผ้าเบรก จะเจอทางร้านเชียร์ผ้าเบรกยี่ห้องนั้นยี่ห้อนี้ ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับว่าร้านนั้นเป็นตัวแทนจำหน่ายผ้าเบรกยี่ห้ออะไร แต่ประเด็นสำคัญคือการเลือกเกรดของผ้าเบรก สิ่งที่เจอเป็นประจำคือ เราขับรถ CITY Car แต่ทางร้านชอบเชียร์ผ้าเบรคเกรดระดับ Super car ให้เราซึ่งตอบได้คำเดียวว่าเกินความจำเป็นเพราะอะไรเราไปดูกันครับ ยางรถยนต์ รถจะเบรกได้ดี อยู่ไม่อยู่ ทนทานแค่ไหนอยู่ที่เนื้อผ้าเบรกโดยตรง ประสิทธิภาพ ของการเบรก ฟิวลิ่งความรู้สึกเบรคที่แตกต่างกันเลือกยังไงให้ครบทั้ง ความปลอดภัย ใช้งานคุมค่า ราคาเหมาะสม สำหรับผ้าเบรกที่มีขายอยู่ในตลาดบ้านเรา ปัจจุบันมีอยู่ 4 ประเภท ดังนี้ 1. 1.ผ้าเบรกในกลุ่มที่ เนื้อผ้าเบรก มี ส่วนผสมของสาร Asbestos (กลุ่มผ้าเบรก Standart) 2.ผ้าเบรกในกลุ่มที่ เนื้อผ้าเบรก ไม่มี สวนผสมของสาร ?Asbestos (กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic) 3. Metallic แบบอัดขึ้นบล็อคด้วยผงเหล็ก มีประสิทธิภาพการใช้งานสูง สามารถทนความร้อนได้ดี มีความไวเมื่อเหยียบเบรกแบบกระทันหัน แต่อาจมีเสียงดังเมื่อใช้งาน และทำให้จานเบรกสึกไวกว่าปกติ 4. Semi-metallic ส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นโลหะ แม้จะทำมาจากโลหะเป็นส่วนใหญ่ แต่มันสามารถระบายความร้อนได้เร็วมาก แต่ก็ยังทนความร้อนได้ไม่ดีเท่าแบบที่ 3 แถมยังมีเสียงดังขณะเหยียบเบรกอีกด้วย การเลือกผ้าเบรกให้เหมาะสมกับการใช้งานกับรถของคุณถือเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างยิ่ง เพราะหากรถของคุณแค่ขับใช้งานธรรมดา ก็ให้เลือกผ้าเบรกชนิดที่เป็นแบบเดียวกันกับของเดิมโรงงาน เพราะมันได้ถูกคำนวณเรื่องการใช้งานมาแล้ว แต่ถ้ารถของคุณแต่งซิ่ง มีกำลังเครื่องยนต์มากขึ้น ก็ควรที่จะเลือกใช้ผ้าเบรกที่มีคุณภาพสูงไปเลย เนื่องจากเบรกธรรมดาอาจเอาไม่อยู่ เมื่อคุณขับขี่ด้วยความเร็วสูง แต่ทางที่ดี ขับขี่ปลอดภัย ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดจะดีที่สุดครับ – รถบ้าน ใช้งานเดินทางในเมืองหลวง / ไปทำงาน / ช้อปปิ้ง / ออกต่างจังหวัด นานๆ ครั้ง ..ในสไตล์นี้ ใช้ผ้าเบรก ในเกรด Standart ที่ไม่มีส่วนผสมของโลหะ ก็เพียงพอแล้วครับ ใช้งานง่ายสะดวก ไม่ต้องรออุณหภูมิที่สูงมาก เบรกก็เริ่มทำงานได้ดีในช่วงต้นๆ แล้วครับ -รถแต่งซิ่ง อัพสเต็ป / หรือ คนรักความเร็ว / เดินทางต่างจังหวัดใช้ความเร็วสูงๆ ยาวๆ บ่อยๆ .. ในการใช้รถสไตล์นี้ ขยับมาใช้ผ้าเบรกใน กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic ก็ได้ครับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นใจ ความทดทานของการสึกหรอของระยะผ้าเบรกได้อีกระดับหนึ่ง .. เนื่องจากอาจต้องใช้เบรกเยอะ ความร้อนสะสมเยอะเวลาใช้งาน จะได้ไม่เกิดอาการเบรก Fade แต่ช่วงเริ่มการใช้งานในตอนเบรกยังเย็นตัว? ควรรอให้อุณหภูมิสะสมในผ้าเบรกสูงสักนิดนะครับ เพราะ ในช่วงเริ่มการใช้งานใหม่ๆ? ความร้อนในเบรกยังไม่สูงมาก ลักษณะการเบรกอาจจะมีอาการไหลๆ ลื่นๆ อยู่บ้าง ก็ตามสไตล์ผ้าเบรกใน เกรดนี้ -รถตู้ / รถโดยสาร / รถกระบะที่ขนของหนักๆ ลุยทางไกล ขึ้นเขาลงห้วยเป็นประจำ .. สำหรับรถกลุ่มนี้บอกเลยว่า จัดเต็มเลยครับเรื่องผ้าเบรก ใช้เกรดดีหน่อย มองใน กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic เลยครับ เพราะใช้งานคุ้มแน่นอน ที่สำคัญรถในกลุ่มนี้ต้องใช้งานเบรกบ่อย..เจอความร้อนที่สะสมสูงๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทางยาวๆ? รถหนัก ขึ้นเขาลงเขาบรรทุกสิ่งของต่อเนื่องยาว ๆ งานนี้ เรื่องเบรกต้องสำคัญ จัดเต็มเลยอย่าได้ประหยัดตรงจุดนี้ การใช้งานรถในกลุ่มนี้ต้องตรวจสอบระบบเบรกและส่วนควบทั้งระบบ ทุกระบบเป็นประจำ ครับ เพราะรถใช้งานหนักต่อเนื่องความสึกหรอย่อมเกิดได้มากและเร็วกว่าการใช้งานในรูปแบบอื่นๆ สำหรับสิงค้าที่เราจะมาแนะนำวันนี้ ผ้าเบรกชื่อดังในยุค 2020 สำหรับคนรักรถหรือสายซิ่ง ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก NEXZTER หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นแบรนใหม่ แต่ที่ไหนได้เป็นผ้าเบรกที่ต่อยอดมาจาก nsport ซึ่งเป็นผ้าเบรกที่มีชื่อเสียงในไทยอยู่แล้ว และผลิตภายใต้เทคโนโลยีจากแบรนดัจากประเทศญี่ปุ่นอย่า project Mu NEXZTER ได้แบ่งแยกเกรดของเบรกไว้ 4 เกรดด้วยกัน ซึ่งชื่อเกรดของเบรคจะระบุเจาะจงเลยว่าควรใช้กับรถประเภษไหนอย่างชัดเจน เราไปดูคุณสมบัติ รายละเอียดของเบรกแต่ละเกรดกันครับ ในรุ่นแรก NEXT SPEC Normal Street Brake System เหมาะสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือ เรียกอีกอย่างว่ารถบ้านนั้นเอง
รุ่นที่สอง มาในชื่อ MU SPEC Street Sport Brake System เหมาะสำหรับรถยนต์นั่ง ขนาดเล็ก – ขนาดใหญ่ และเหมาะกับคนที่รักความสนุกในการขับขี่รถยนต์ ใช้ความเร็วสูงบ้างบางช่วงเวลา
สำหรับตัวนี้เป็นเบรกเกรดสูงมาในชื่อ PRO SPEC High Performance Brake System สำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลาง - ใหญ่ , รถปิคอัพ , รถแวน , รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถแต่งที่ชอบความเร็ว ไปจนถึงรถที่ออกแบบเป็น performance car ตั้งแต่ต้นกำเนิด
และในรุ่นเกรดสุดท้ายมาในชื่อ RACE SPEC Racing Brake System ชื่อรุ่นบอกอย่างตรงตัว สำหรับรถแต่งเครื่องเปลี่ยนเครื่องที่แรงกว่าเดิม ไปจนถึงที่ถูกออกแบบมาแข่งในสนามโดยเฉพาะ ผ้าเบรคยี่ห้อไหนดีที่สุด2. ผ้าเบรกเมทัลลิก คือผ้าเบรกที่ทนทานมากที่สุด เพราะผลิตจากโลหะที่ทนต่ออุณหภูมิที่สูงหรือแตกต่างกันได้เป็นอย่างดี และมีอายุการใช้งานได้เป็นเวลานาน นั่นจึงทำให้ผ้าเบรกชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ผ้าเบรกเมทัลลิกนี้เมื่อใช้ไปสักระยะนึงก็จะมีเสียงดังรบกวนเช่นกัน และอาจทำให้จานเบรกสึกหรอก่อนเวลาอันควรได้
เปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์ ราคาเท่าไรเปลี่ยนผ้าเบรก ฟรีค่าแรง รับประกัน 6 เดือน หรือ 10,000 กม. รถเก๋ง เริ่มต้น 1,000 บาท รถกระบะ เริ่มต้น 1,400 บาท รถตู้ SUV เริ่มต้น1,450 บาท
จะรู้ได้ไงว่าผ้าเบรคหมด3 สัญญาณเตือน!. 1. มีอาการเบรกต่ำ คือ เมื่อเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าต่ำกว่าปกติ หรือถ้าเป็นเบรกหลัง (ในบางรุ่น) จะรู้สึกว่าต้องดึงเบรกมือสูงกว่าปกติ นั่นแสดงว่าผ้าเบรกสึกหรอมากแล้ว. 2. มีไฟเตือนโชว์ (ไฟเบรกมือ) ที่ตัวเรือนไมล์ ติดค้างเป็นสีแดง ... . 3. มีเสียงดังเหมือนเหล็กสีกัน ขณะเหยียบเบรก. ผ้าเบรค ต้องเปลี่ยนบ่อยแค่ไหนโดยปกติแล้วผ้าเบรคนั้นจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ประมาณ 50,000 - 60,000 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าใช้งานได้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว ซึ่งระยะเวลาที่นานนี่แหละที่อาจทำให้หลาย ๆ คนมักจะลืมตรวจสอบกันว่ารถยนต์ของตัวเองใช้งานผ้าเบรคมานานขนาดไหนแล้ว
|