 Show
ใครก็ตามที่เพิ่งเคยใช้ MacBook ครั้งแรก อาจจะตกใจเล็กน้อยเมื่อได้รับฟังคำแนะนำว่า "ไม่ต้อง Shut down เครื่องเมื่อเลิกใช้งาน แค่ปิดฝาพับจอลงมาแค่นั้น" หรือบางคนที่ใช้มาสักพักแล้ว แต่ยังติดนิสัยปิดเครื่องด้วยการ 'Shut down' เสมอๆ เราอยากให้คุณได้ลองอ่านบทความนี้ เพราะมีเหตุผลลึกๆ ว่าทำไม MacBook ถึงดีไซน์ให้ใช้งานแบบนี้ ซึ่งการปิดเครื่องบ่อยๆ อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อ MacBook ของคุณ ทำให้แบตเสื่อมเร็ว ประสิทธิภาพลดลง และทำงานช้าลงอีกด้วย เริ่มจาก... RAM (Random Access Memory) ของเครื่องจะถูกเคลียร์ออกไป ซึ่ง RAM เป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลชั่วคราว เมื่อมีการเปิดใช้งานโปรแกรม ระบบจะดึงข้อมูลส่วนที่จำเป็นมาเก็บไว้ใน RAM เพื่อให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้รวดเร็ว และเมื่อปิดโปรแกรมหรือปิดเครื่อง ข้อมูลส่วนนั้นที่เก็บอยู่ใน RAM จะถูกลบหายไป ถึงแม้อาจจะฟังเป็นเรื่องดี แต่ความจริงถ้าทำบ่อยๆ ก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะเมื่อ RAM ถูกเคลียร์ออกไป นั่นหมายความว่าทุกครั้งที่เปิดเครื่อง เครื่องจะทำงานหนักในการโหลดข้อมูลเหล่านี้ใหม่เพื่อให้ใช้งานได้อีกครั้ง และต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาทำงานได้เต็มที่ หนึ่งสิ่งที่ผู้ใช้งาน MacBook ควรทราบคือ MacBook ถูกออกแบบให้จัดการกับ RAM ได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคิดว่าการปิดเครื่องเพื่อเคลียร์ RAM แล้ว MacBook จะทำงานได้ดีมากขึ้น เว้นแต่ว่า เครื่องค้าง หรือเครื่องทำงานช้าผิดปกติ คุณอาจโต้แย้งว่า แค่เปิด-ปิดเครื่องจะเป็นอะไรไป แต่ขอบอกเลยว่าการทำเช่นนี้บ่อยๆ ส่งผลให้ MacBook ทำงานหนักมากขึ้น เพราะการโหลดใหม่เข้า RAM จะทำให้ฮาร์ดแวร์ในเครื่องอย่าง CPU, Motherboard, พัดลม และแบตเตอรีทำงานหนักขึ้น อีกทั้งทุกครั้งที่เปิดเครื่องใหม่ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า POST Test POST หรือ Power On Self Test คือ หลังจาก MacBook ทำการบู้ตเครื่อง ระบบจะเช็กส่วนต่างๆ ของเครื่อง เช่น คีย์บอร์ด เมมโมรี ฮาร์ดไดรฟ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ว่ายังทำงานปกติอยู่หรือเปล่า หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการทดสอบนี้จะทำให้ CPU ทำงานหนักพอสมควร ซึ่งถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ MacBook ของคุณอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้น การไม่ Shut down เครื่องบ่อยๆ จึงส่งผลดีต่อเครื่องมากกว่า และช่วยให้ประสบการณ์ในการทำงานดีกว่าด้วย เพราะเมื่อเปิดฝาเครื่องขึ้นมาก็พร้อมใช้งานได้เลย CPU ทำงานน้อยลง ไม่มีการ POST Test มากเกินความจำเป็น ไม่มีการโหลดทุกอย่างเข้าไปที่ RAM ใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพแบตเตอรีด้วย เพราะตามทฤษฎีของแบตเตอรี Li-On จะต้องมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ต่อเนื่องเพื่อยืดอายุการใช้งานสูงสุด โดยจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ MacBook อยู่ในโหมด Sleep เท่านั้น แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ถ้าไม่ปิดเครื่องเลย แบตเตอรีก็หมดสิ แต่จริงๆ แล้วมันหายไปเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะหลังจากปิดฝาเครื่อง ก็จะเข้าสู่โหมด Sleep เมื่อเข้าสู่โหมดนี้ระบบจะจัดการพื้นที่ของเครื่อง เคลียร์แคช ลบไฟล์เก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน อัปเดตซอฟต์แวร์ จัดเรียงข้อมูล เป็นต้น แล้วควรจะปิดเครื่องเมื่อไร บ่อยแค่ไหน? หากเกิดเจอปัญหาระหว่างใช้งาน เช่น เครื่องช้า เครื่องค้าง ก็ให้ Shut down เพื่อทำ POST Test แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และถ้าต้องการปิดเครื่องจริงๆ ก็อาจะ 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งเป็นคำแนะนำที่หลายๆ คนบอกว่าดี ก่อนจะเข้าสู่โหมด Sleep แนะนำว่าให้ปิดการใช้งานโปรแกรม และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ไม่จำเป็นให้หมด รวมถึง WiFi และ Bluetooth ซึ่งเครื่องจะได้ไม่กินแบตเตอรีมากไป (แต่หากนำไปใช้งานนอกสถานที่ ก็ควรเปิด WiFi และ Bluetooth เกิดกรณีสูญหาย หรือจำไม่ได้ว่าวางไว้ตรงไหน ก็จะได้เช็กจาก Find My ได้) ที่มา: SOURCE 1 Mac ก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์ทั่วไป บางครั้ง พวกเขาจะไม่เริ่มต้น และบางครั้งก็ไม่ปิดตัวลง
หาก Mac ของคุณไม่ยอมปิดเครื่องต่อไปนี้เป็นวิธีปิดเครื่องและหวังว่าจะแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวร การปิดเครื่อง Mac ของคุณทำได้ง่ายๆเพียงแค่คลิกที่โลโก้ Apple บนแถบเมนูที่ด้านบนสุดของหน้าจอจากนั้นเลือก“ ปิดเครื่อง…” ตามด้วย“ ปิดเครื่อง” ในช่องที่ปรากฏ หากคุณรู้สึกไม่อดทนเป็นพิเศษคุณสามารถกดปุ่มตัวเลือกบนแป้นพิมพ์ค้างไว้ในขณะที่คลิกตัวเลือกเมนูเพื่อป้องกันไม่ให้กล่องยืนยันนั้นปรากฏขึ้นเลย
เมื่อคุณเริ่มกระบวนการปิดระบบแล้วคุณต้องรอ แม้ว่าคุณจะปล่อยให้ช่องทำเครื่องหมายเป็น“ เปิดหน้าต่างใหม่เมื่อกลับเข้าสู่ระบบอีกครั้ง” คุณยังคงต้องรอให้แอปพลิเคชันและหน้าต่างที่เปิดอยู่ในปัจจุบันปิดลงก่อนที่ Mac ของคุณจะปิดตัวลง สมมติว่า Mac ไม่ปิดเครื่องก็ถึงเวลาลองทำสิ่งต่างๆอีกเล็กน้อย ซอฟต์แวร์อาจทำให้เกิดปัญหาการปิดระบบบางครั้งซอฟต์แวร์อาจป้องกันไม่ให้ Mac ของคุณปิดอย่างถูกต้อง ในบางครั้ง Mac ของคุณจะแจ้งให้คุณทราบว่า“ แอปพลิเคชันถูกปิดกั้นการปิด” และบางครั้งคุณจะไม่เห็นข้อผิดพลาดใด ๆ เลย ขั้นแรกให้ลองปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดของคุณโดยคลิกขวา (หรือคลิกด้วยสองนิ้ว) บนไอคอนบนท่าเรือแล้วเลือก“ ออก” คุณบังคับให้ออกจากแอปที่ไม่ตอบสนองหรือไม่ปิดได้ คลิกขวา (หรือคลิกสองนิ้ว) ที่ไอคอนของแอปกดปุ่มตัวเลือกบนแป้นพิมพ์ของคุณค้างไว้จากนั้นคลิก "บังคับออก" จากนั้นแอปจะปิด จากนั้นคุณสามารถลองปิดเครื่องอีกครั้ง
หากไม่ได้ผลอาจเป็นไปได้ว่ากระบวนการเบื้องหลังขัดข้องและเป็นสาเหตุของปัญหา เปิดการตรวจสอบกิจกรรม (กด Command + Spacebar จากนั้นค้นหา) และคลิกที่แท็บ CPU คุณสามารถเรียงลำดับคอลัมน์“% CPU” โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยเพื่อดูว่าแอปใดใช้พลังงาน CPU สูงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นให้คลิกเพื่อไฮไลต์จากนั้นคลิกที่ "X" ที่ด้านซ้ายบนเพื่อฆ่ากระบวนการ แอปอื่น ๆ ที่อาจขัดข้องจะถูกไฮไลต์เป็นสีแดงตามด้วยป้ายกำกับที่ระบุว่า“ (ไม่ตอบสนอง)” คุณจะต้องคลิกที่สิ่งเหล่านี้จากนั้นคลิกที่“ X” เพื่อฆ่าพวกมันด้วย สมมติว่าคุณได้กำจัดกระบวนการที่ผิดพลาดไปแล้วก็ถึงเวลาลองปิดระบบอีกครั้ง ถอดปลั๊กอุปกรณ์ต่อพ่วงใด ๆอุปกรณ์ต่อพ่วงอาจทำให้เกิดปัญหาเมื่อพยายามปิดเครื่อง Mac ของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้ถอดอุปกรณ์ต่อพ่วงใด ๆ ที่แนบมาแล้วลองอีกครั้ง หากคุณใช้ iMac คุณสามารถลองถอดปลั๊กทุกอย่างยกเว้นเมาส์หรือ Magic Trackpad ของคุณ (แม้ว่าแป้นพิมพ์จะไม่ทำให้เกิดปัญหาก็ตาม) นำไดรฟ์ภายนอกออกอย่างปลอดภัยโดยคลิกขวาที่ไดรฟ์แล้วเลือก“ Eject [DISK]” หรือคลิกและลากไดรฟ์ข้อมูลไปที่ถังขยะ หากคุณไม่สามารถนำไดรฟ์ออกแสดงว่าคุณอาจพบปัญหาของคุณ คุณอาจเห็นหน้าต่างใหม่ปรากฏขึ้นพร้อมตัวเลือก“ บังคับนำออก…” ซึ่งคุณสามารถลองได้
มิฉะนั้นคุณสามารถบังคับให้นำออกผ่าน Terminal ด้วยคำสั่งต่อไปนี้ (แทนที่“ DISK” ด้วยสิ่งที่เรียกว่าไดรฟ์ของคุณ): diskutil unmountDisk force / Volumes / DISK ในการรับรายชื่อไดรฟ์ที่เชื่อมต่อให้รันคำสั่งนี้ก่อน: รายการ diskil เมื่อทุกอย่างล้มเหลว: บังคับให้รีสตาร์ท Mac ของคุณหาก Mac ของคุณยังไม่ปิดเครื่องสิ่งเดียวที่ต้องทำคือ "ดึงปลั๊ก" โดยเปรียบเปรยและบังคับให้ปิดเครื่อง ใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท็อป Mac และ MacBooks ในการดำเนินการนี้ขั้นแรกให้กดปุ่ม Control และ Command ค้างไว้จากนั้นกดปุ่มเปิด / ปิดของ Mac ค้างไว้ หากคุณไม่มีปุ่มเปิด / ปิดคุณจะต้องกด Control and Command ค้างไว้พร้อมกับปุ่ม Eject หรือปุ่ม Touch ID แทน กดปุ่มค้างไว้ประมาณ 10 วินาทีหลังจากนั้นหน้าจอ Mac ของคุณจะเป็นสีดำ รอประมาณ 30 วินาทีก่อนสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง บันทึก: ควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น กระบวนการปิดระบบถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันไฟล์ระบบหลักที่ควรปิดอย่างเหมาะสมเสมอก่อนที่เครื่องจะปิด Mac ของคุณจะทำงานได้ดีหลังจากการรีสตาร์ทแบบบังคับ แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่เสมอในการทำเช่นนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดและ Mac ของคุณจะไม่เริ่มการทำงานอีกต่อไปให้เรียนรู้ วิธีแก้ไข Mac ที่ไม่สามารถบู๊ตได้ . การรีสตาร์ทจะแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้ Mac ของคุณไม่สามารถปิดเครื่องได้อย่างถูกต้อง หากปัญหานี้เกิดบ่อยขึ้นคุณจะต้องไปที่ต้นตอของปัญหาโดยทำตามขั้นตอนด้านล่าง การป้องกันปัญหาการปิดระบบในอนาคตหากปัญหาเกิดจากซอฟต์แวร์คุณสามารถดำเนินการบางขั้นตอนเพื่อแก้ไขได้ หากแอปหยุดขั้นตอนการปิดระบบของคุณให้ลอง ตรวจสอบการอัปเดตซอฟต์แวร์ ที่อาจแก้ไขปัญหาได้ คุณอาจต้องการยกเลิกแอปให้เป็นทางเลือกอื่นหากมีตัวเลือกดังกล่าวอยู่ ลองรีสตาร์ท Mac ของคุณ ไม่มี ก่อนอื่นให้เรียกใช้ซอฟต์แวร์ที่มีปัญหา
macOS ยังต้องได้รับการอัปเดตเป็นประจำเพื่อให้ทันปัญหา คุณสามารถตรวจสอบการอัปเดตซอฟต์แวร์ภายใต้การตั้งค่าระบบ> การอัปเดตซอฟต์แวร์ ในขณะที่คุณอยู่ที่นั่นคุณสามารถเปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติโดยคลิกที่“ ขั้นสูง…” จากนั้นเลือกช่องที่เกี่ยวข้อง บูตเข้าสู่ Safe Modeการรีสตาร์ท Mac ในเซฟโหมดอาจช่วยหยุดปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เมื่อคุณเริ่ม Mac ในเซฟโหมดดิสก์เริ่มต้นระบบจะถูกสแกนหาปัญหาและ macOS จะพยายามแก้ไขปัญหาที่ตรวจพบ เซฟโหมดยังลบแบบอักษรเคอร์เนลและแคชของระบบรวมถึงสิ่งอื่น ๆ อีกด้วย ในการบูตเครื่อง Mac ของคุณเข้าสู่เซฟโหมด:
เมื่อคุณรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เครื่องจะบูตกลับเข้าสู่โหมดปกติ เซฟโหมดไม่ใช่โหมดเริ่มต้นทางเลือกเดียวสำหรับ Mac ของคุณโปรดดูที่ รายการโหมดบูต macOS ทั้งหมดและสิ่งที่ใช้ทำ . รีเซ็ต SMC และ PRAM / NVRAM ของคุณSystem Management Controller (SMC) รับผิดชอบฟังก์ชันระดับต่ำบน Mac ของคุณรวมถึงการจัดการพลังงานการชาร์จแบตเตอรี่และไฟแบ็คไลท์ของแป้นพิมพ์ บางครั้งปัญหาด้านพลังงานอาจเกิดจาก SMC ดังนั้นจึงควรลองรีเซ็ต SMC หากคุณมีปัญหาในการปิดระบบอย่างเรื้อรัง กระบวนการนี้ตรงไปตรงมา แต่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าคุณมี MacBook ที่มีแบตเตอรี่ภายใน MacBook พร้อมแบตเตอรี่แบบถอดได้หรือคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเช่น iMac ค้นหา วิธีรีเซ็ต SMC บน Mac เครื่องของคุณ . Mac ของคุณใช้ RAM แบบไม่ลบเลือน (NVRAM) หรือแรมพารามิเตอร์ (PRAM) เพื่อจัดเก็บการตั้งค่าต่างๆเช่นการตั้งค่าดิสก์เริ่มต้นความละเอียดการแสดงผลและข้อมูลโซนเวลา ไม่น่าเป็นไปได้ที่ NVRAM / PRAM จะส่งผลต่อการปิดเครื่อง Mac ของคุณ แต่หากคุณยังคงมีปัญหาในขั้นตอนนี้ก็น่าจะคุ้มค่า กระบวนการรีเซ็ตหน่วยความจำนี้จะเหมือนกันทั้งบอร์ด:
หลังจากรีเซ็ต NVRAM / PRAM คุณอาจต้องปรับการตั้งค่าเช่นความละเอียดการแสดงผลดิสก์เริ่มต้นระบบและเขตเวลา ตอนนี้ลองรีสตาร์ทหรือปิดเครื่อง Mac ของคุณตามปกติเพื่อดูว่าคุณยังมีปัญหาอยู่หรือไม่ ยังคงมีปัญหา? ลองใช้ Nuclear Optionเมื่อทุกอย่างล้มเหลวคุณสามารถฟอร์แมตไดรฟ์และติดตั้ง macOS ใหม่ได้ตลอดเวลา ก่อนอื่นคุณควร สำรองข้อมูล Mac ของคุณด้วย Time Machine เพื่อบันทึกไฟล์ของคุณ หลีกเลี่ยงการใช้ซอฟต์แวร์โคลนดิสก์ของบุคคลที่สามในการสำรองข้อมูล (เรากำลังดำเนินการติดตั้งใหม่ทั้งหมด) จากนั้นคุณสามารถทำตามคำแนะนำเพื่อ ลบ macOS และติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ตั้งแต่ต้น . โปรดจำไว้ว่าคุณจะต้องกู้คืนข้อมูลสำรอง Time Machine และติดตั้งซอฟต์แวร์ที่คุณต้องการใหม่เมื่อคุณดำเนินการเสร็จแล้ว นี่ไม่ใช่กระบวนการที่รวดเร็วดังนั้นควรเผื่อเวลาไว้หนึ่งหรือสองชั่วโมงก่อนที่จะเริ่ม การติดตั้งใหม่ควรเคลียร์ปัญหาให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถแก้ปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดจากส่วนขยายเคอร์เนลที่เหลือและซอฟต์แวร์ที่ถอนการติดตั้งบางส่วน คุณอาจสังเกตเห็นว่า Mac ของคุณเร็วขึ้นและคุณจะมีพื้นที่ว่างมากมายด้วย How To Force Shut Down A Mac
Should You Shut Down Or Sleep Your Mac?
What To Do When If Your Mac Is Crashing
Shutting Down Mac Apple Computer
7 Mac Settings You Need To Turn Off Now
Mac How To Force Quit Close Frozen Apps
How To Fix Mac Stuck While Shutting Down Or Restarting?
Do You Have To Shut Down Your Macbook - What Is The Right Thing To Do?
FIXED: Mac Randomly Shuts Down 2020
How To Force Quit Any App On Mac (2018)
|
ปิดเครื่อง macbook air ไม่ได้
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
ลิขสิทธิ์ © 2024 th.apacode Inc.
