ผลแอปเปิ้ล มีส่วนประกอบของยาลดกรดแบบธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี เป็นอีกตัวช่วยที่สามารถลดอาการแสบร้อนกลางอกได้ง่าย ๆ เพราะมีใยอาหารชนิดเพคตินมาก ป้องกันโรคกระเพาะ ทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรงขึ้น เพียงรับประทานแอปเปิ้ลเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน ก็จะช่วยบรรเทาและป้องกันได้ แถมอิ่มเบา ๆ สบายท้องอีกด้วย แอปเปิ้ล (Apple) เป็นผลไม้เมืองหนาวที่นิยมรับประทานกันมากชนิดหนึ่ง สำหรับประเทศไทยก็มีปลูกแถว ๆ ภาคเหนือ เช่น ดอยอ่างขาง นิยมใช้รับประทานเป็นผลไม้สด และสามารถนำมาปรุงอาหารได้ด้วย เช่น สลัด แยม พาย ซอสแอปเปิ้ล เป็นต้น วิธีใช้แอปเปิ้ลเป็นยา ควรกินก่อนอาหารหรือหลังอาหารสักประมาณ 40 นาที แต่ถ้าหากเบื่อการกินแอปเปิ้ลแบบเปล่าๆ ลองใส่แอปเปิ้ลลงไปในสลัดผักหรือใส่ในสมูทตี้เพื่อความไม่ซ้ำซากจำเจก็ไม่ผิดกติกา แอปเปิ้ล ประกอบไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุสังกะสี ธาตุเหล็ก นอกจากนี้ อแปเปิ้ลยังประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน โดยประโยชน์ของแอปเปิ้ลแต่ละสายพันธุ์จะโดดเด่นแตกต่างกันไปตามสีของแอปเปิ้ล คือ แอปเปิ้ลสีแดง จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเยอะที่สุด จึงเหมาะแก่การช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอย เป็นต้น แอปเปิ้ลสีชมพู มีสารที่ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและช่วยชะลอความแก่ชราได้ และยังช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ลดไข้ ลดการอักเสบ และยังช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง แอปเปิ้ลเขียว มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะมีน้ำตาลน้อยกว่าแอปเปิ้ลสีอื่น แอปเปิ้ลเหลือง จะมีสารที่ช่วยในการลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ต้อกระจก และโรคหลอดเลือดหัวใจ BeauMonde 19 พฤษภาคม 2565 ( 13:54 ) โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นโรคที่เกิดในระบบทางเดินอาหาร อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องหรือการติดเชื้อบางอย่าง ซึ่งหลาย ๆ คนมีปัญหานี้ค่ะ อาการของโรคกระเพาะอาหารโดยส่วนมากมักจะทำให้เรารู้สึกปวดท้องทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดเสียดท้อง แสบท้อง และทำให้เรารู้สึกไม่สบายช่องท้องเป็นอย่างมากค่ะ ซึ่งหลาย ๆ คนที่มีอาการของโรคกระเพาะอาหารก็จะรู้สึกทรมานเป็นอย่างมากค่ะ ดังนั้นเราจึงควรจะต้องหาวิธีบรรเทาอาการเหล่านี้ให้ทุเลาลงให้ได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีบรรเทาอาการเหล่านนี้ก็คือการรับประทานผลไม้ที่ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร โดยวันนี้เราก็รวบรวมมาให้ 6 ชนิดด้วยกัน ซึ่งผลไม้เหล่านี้ก็สามารถที่จะช่วยบรรเทาอาการแสบท้องจากโรคกระเพาะให้น้อยลงได้ค่ะ 6 ผลไม้ช่วยเคลือบกระเพาะ1. กล้วยกล้วยน้ำว้าดิบมีสารเทนนินซึ่งสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ ในขณะที่กล้วยหอมสามารถช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการแบ่งเซลล์ในกระเพาะอาหาร ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง ลดอาการแสบระคายเคืองท้องและช่วยลดอาการท้องผูกได้ 2. แคนตาลูปแคนตาลูปอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งสารชนิดนี้มีส่วนช่วยป้องกันเยื่อบุกระเพาะได้ค่ะ สารเบต้าแคโรทีนช่วยลดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ช่วยให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วยิ่งขึ้น และนอกจากนี้แคนตาลูปยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย 3. มะละกอมะละกอถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร เพราะมะละกออุดมไปด้วยใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ มีสารเบต้าแคโรทีนและยังมีวิตามินซีอีกด้วย ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วและช่วยป้องกันการติดเชื้อด้วยค่ะ 4. ฝรั่งฝรั่งอุดมไปด้วยสารแทนนิน ซึ่งสารชนิดนี้สามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดร้ายในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ รวมถึงฝรั่งยังอุดมไปด้วยใยอาหารและวิตามินซี สามารถช่วยลดอาการแสบท้องจากโรคกระเพาะอาหาร ลดอาการอักเสบ ช่วยสมานแผลและลดการติดเชื้อได้ค่ะ 5. แอปเปิ้ลแอปเปิ้ลมีสารที่ชื่อว่าเพคติน ซึ่งสามารถช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารมีความทนต่อกรดจากน้ำย่อยได้ดีมากขึ้น การรับประทานแอปเปิ้ลจึงมีส่วนช่วยให้อาการแสบร้อจากโรคกระเพาะอาหารลดลงได้ค่ะ 6. มะขามป้อมมะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงซึ่งนอกจากจะช่วยลดการอักเสบในกระเพาะอาหารได้แล้ว มะขามป้องยังมีสรรพคุณในการช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร และช่วยบรรเทาอาการเสียดท้องจากโรคกระเพาะได้ค่ะ บทความที่คุณอาจสนใจ
|