เผลอแปบเดียวผมก็ทำงานที่ Magnetolabs มา 1 เดือนเต็มแล้วครับ ผมยังจำความรู้สึกได้ว่าผมตื่นเต้นแค่ไหนตอนที่มาสัมภาษณ์งานที่นี่ Show งานนี้เป็นงานแรกของผมหลังจากเรียนจบครับ ซึ่งตอนหางานต้องบอกตรงๆ ว่าค่อนข้างทุลักทุเลอยู่พอสมควร เพราะตอนนั้นผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยว่าผมอยากทำงานอะไรกันแน่ ซึ่งในตอนนั้นเองผมได้แต่โทษระบบการศึกษาที่ผมได้ร่ำเรียนมา ว่าทำไมถึงทำให้ผมทำอะไรได้สารพัดไปหมดจนหาตัวเองไม่เจอ แต่ตอนนี้ความคิดนั้นหายไปแล้วครับ ผมไม่น่าโทษสิ่งที่ผมเรียนมาเลย ผมน่าจะลองกลับมามองที่ตัวเองมากกว่า ว่าระบบการศึกษาให้โอกาสผมได้ขนาดนั้นแล้ว ทำไมผมยังไม่เริ่มค้นหาตัวตนให้เจอซักที หาตัวเองจนเจอ ในวันที่กำลังจะหมดไฟต้องยอมรับก่อนเลยครับว่า ผมเคยหมดไฟไปตอนที่กำลังจะเรียนจบ จนที่บ้านผมต้องส่งไปอยู่ดินแดนแสนห่างไกล (ว่าไปโน่น) ให้ผมได้เปิดโลกและค้นหาตัวเอง ซึ่งหลังจากกลับมาผมก็เริ่มจะเห็นอนาคตตัวเอง ซึ่งมันคืองานเขียนบทความครับ มันเริ่มต้นมาในตอนที่ผมเริ่มฟัง Podcast และอ่านบทความบนเว็บไซต์เยอะขึ้น แต่หลายๆ อย่างที่ผมได้อ่านได้ฟัง ก็ยังสร้างคำถามในใจผมอยู่หลายเรื่อง ซึ่งหลายครั้งผมต้องไปหาอ่านข้อมูลเพิ่ม เพื่อให้ได้คำตอบที่ผมต้องการ ผมเลยเริ่มต้นเขียนบทความของตัวเองขึ้นมา ในช่วงที่กำลังหางานทำไปด้วยในช่วงปีที่แล้ว เพราะผมรู้สึกว่าการเขียนคอนเทนต์ออนไลน์กำลังมา (ฮ่าๆ) จริงๆ แล้วงานสร้างคอนเทนต์เป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างถนัดอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่า ที่ผมทำไปมันผิดถูกมากแค่ไหน แต่ผมก็รู้สึกสบายใจที่ผมได้ทำมันออกมา จนทำให้ผมได้ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า Passionในการทำงานซักที วิธีการหา Passion ให้กับตัวผมเองผมมองว่า Passion คือสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตผมได้ ซึ่งไม่ว่างานหรือการใช้ชีวิตจะหนักแค่ไหน Passion จะช่วยให้ผมยืดหยัด สู้กับอุปสรรคและความเครียดไปได้ ข้อแรก ผมมองหาสิ่งที่ชอบใกล้ตัวก่อน หาสิ่งที่ผมชอบทำก่อนว่าผมชอบอะไรแล้วเวลาทำมีความสุขไหม? ซึ่งสำหรับผมเอง ผมพบว่าการทำคอนเทนต์นั้นเป็นความสุขในการทำงานของผม ข้อสอง เปิดใจให้กับสิ่งที่ยังไม่รู้จัก คำนี้พูดง่ายแต่ทำยากครับ เพราะมันเป็นเรื่องของระดับจิตใจและในบางครั้งเราก็อธิบายมันให้คนอื่นเข้าใจได้ยาก มันเหมือนการที่เราเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยที่เรายอมรับและปรับตัวกับมันได้ นี่แหละครับผมเรียกว่า การเปิดใจ ข้อสาม อะไรที่ไม่ใช่ ก็อย่าไปฝืน กว่าผมจะหา Passion ให้ตัวเองเจอ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนเหมือนกัน เพราะผมก็มัวแต่ไปทำตามคนอื่น โดยยังไม่รู้ว่าจริงๆ ผมชอบมันรึเปล่า จนผมพบว่ามันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข ผมก็ต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์ความเป็นตัวตนของผมได้มากที่สุด ความคิดที่เปลี่ยนไปหลังจากเริ่มทำงานด้วยความงานนี้เป็นงานแรกในชีวิตของผม ที่ผมสมัครมาด้วยสิ่งที่เรียกว่า Passion ตอนที่ผมได้รับโทรศัพท์ว่าผมได้งานแล้ว ผมดีใจเป็นลิงโลด ผมโทรไปอวดแทบทุกคนที่ผมรู้จักว่าผมได้งานแล้ว แต่เมื่องานเริ่มแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผมมาทำงานในเดือนแรกด้วยพลังความอยาก อย่างมากมายมหาศาล เหมือนคนที่หิวความรู้และอยากจะทำมันซะตอนนั้น โดยไม่รู้เลยว่าพอได้เอามาใช้ทำงานจริงๆ มันกลับทำได้ยากกว่าหลายเท่า เพราะผมไม่สามารถสร้างหรือเขียนอะไรออกมาตามใจได้เหมือนงานอดิเรก ดังนั้น ผมต้องสารภาพก่อนเลยว่า วันแรกที่ผมเลิกงานไป ผมแทบจะร้องไห้บนบีทีเอส หลังจากนั้นผมค่อยๆ ปรับความคิดของตัวเองใหม่ และเปิดใจเรียนรู้งานให้ได้มากที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ในเดือนแรก เพื่อให้การทำงานกับที่นี่มัน “เข้าสู่สายเลือด” ได้เร็วที่สุด ซึ่งมาถึงตอนนี้แล้วต้องบอกเลยว่า การทำงานเป็นนักเขียนกับที่นี่ ต้องปรับตัวและพร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะผมเองก็เพิ่งจะเริ่มงานเขียนได้ไม่นาน เลยทำให้ผมที่นอกจากจะต้องปรับความคิด พร้อมเรียนรู้แล้ว ผมยังต้องพัฒนางานเขียนของตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ได้อะไรบ้าง จากที่เป็นนักเขียนในเดือนแรกบางทีผมก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกแบบนี้ยังไง? แต่ผมรู้สึกดีมากเวลาที่ผมเขียนบทความเสร็จแล้ว จนได้โพสต์ขึ้นไปบนเว็บไซต์ ซึ่งบทความแรกๆ ต้องยอมรับเลยว่า ผมตันมาก ผมไม่รู้จะเขียนอะไร ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะการเขียนบทความของที่นี่ ไม่ได้เป็นบทความวาไรตี้ ที่หาข้อมูลได้ง่าย ย่อยง่ายและเขียนง่าย บทความของที่นี่เป็นเรื่องของการตลาดและ Inbound Marketing สำหรับผมในตอนแรกนั้นก็มองว่า มันยากมาก ที่จะต้องเรียนรู้ทั้งหมดให้ได้เร็วที่สุด จนบทความแรกของผมก็ได้โพสต์ซักทีในช่วงสัปดาห์แรกที่ผมได้ทำงานที่นี่ และต้องยอมรับเลยว่ามันยากจริงๆ แต่ผมกลับมองความยากในการเขียนพวกนี้ว่าเป็นความท้าทายในชีวิตของตัวเอง เหมือนผมได้ปลดล็อคตัวเองในหลายๆ เรื่อง ทั้งความคิด ทัศนคติ และการเปิดใจเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ในทุกวันที่มาทำงาน ทำความรู้จักกับ SEO เพื่อใช้ในงานเขียน ผมไม่เคยมองเขียนในเชิงการตลาดมาก่อนเลย ทำให้ตอนเริ่มทำงานที่นี่ต้องเรียนรู้กับสิ่งที่เรียกว่า SEO (Search Engine Optimization) ก่อน และผมก็พบว่านี่หัวใจสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์เลย เป็นจุดเริ่มต้นให้เราสามารถเขียนบทความให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า Keyword เพื่อทำให้บทความที่เขียนไปนั้น มีที่มาที่ไปและเหตุผลที่ต้องเขียนขึ้นมาโดยตัวบทความเองสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้มากที่สุด เขียนยังไงให้เป็นบทความที่มีคุณค่า? คุณค่าของบทความวัดได้ว่า สามารถตอบคำถามให้กับผู้อ่านหรือผู้ที่การคำตอบได้ชัดเจนแค่ไหน ซึ่งบทความที่จะเขียนขึ้นมา จึงไม่ใช่บทความที่จะเขียนตามใจเราได้ แต่เรากำลังเขียนเพื่อช่วยคลายปัญหาและตอบคำถามให้กับผู้ที่สงสัยได้ดีที่สุด ดังนั้น การเขียนบทความเหล่านี้จึงต้องอาศัยการหาข้อมูลจากหลายแหล่ง และเป็นข้อมูลที่ชัดเจน เจาะลึก เพื่อจะได้นำมาเขียนเป็นบทความที่มีคุณค่าได้มากที่สุดให้กับผู้อ่าน ซึ่งแน่นอนว่า การทำงานที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนแค่ระบบความคิดของผม แต่ก็เปลี่ยนระบบการใช้ชีวิตของผมไปพอสมควร จากที่ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ คิดถึงแต่ตัวเอง ผมก็ต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ทั้งเรื่องของตัวเอง และที่สำคัญคือเรื่องงานเขียนด้วย สรุปผมมองว่าที่ผมเขียนไป มันเป็นแค่การเริ่มต้นชีวิตการทำงานเท่านั้นเองครับ ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องเรียนรู้อีกเยอะมาก ซึ่งผมเองก็ค่อนข้างตื่นเต้นที่จะเห็นตัวเองในชีวิตการทำงานในอีก 1 ปีข้างหน้า ว่าผมน่าจะเขียนบทความได้เก่งกว่าตอนนี้ และสามารถเขียนได้ในหลากหลายธุรกิจมากขึ้น และผมเชื่อว่าทุกๆ คนถ้าเปิดใจให้การทำงานแล้ว จะไม่พบกับคำว่าเบื่อหน่ายในชีวิตการทำงานแน่นอน ถ้าเกิดว่าอ่านบทความของผมแล้ว มีอะไรแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเขียนบทความของผม ก็สามารถพูดคุยหรือคอมเมนต์ มาที่ด้านล่างได้เลยครับ ผมพร้อมที่จะปรับปรุงและรับฟังทุกความคิดเห็น 12 SHARE AuthorPoomphatนักเขียนรุ่นใหม่ที่มี Passion กับการเขียนบทความและสื่อออนไลน์ ชอบวิ่งไล่ตามหาคำตอบที่อยากรู้ ที่เริ่มจากเรื่องไร้สาระของตัวเอง ไปจนถึงเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ผู้ที่ยอมจ่ายเงินทันทีเมื่อมีหมาและเด็กมาขอความช่วยเหลือ |