หลักสูตร การสร้าง แอ พ พลิ เค ชั่ น.

  • ดํารงตําแหน่งกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัท ลีพ ฟอร์เวิร์ด อินโนเวชั่น จํากัด
  • เป็นนักพัฒนา Application และ Web Application มืออาชีพ
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจออนไลน์
  • นักการพัฒนาประสิทธิผลส่วนบุคคลและผ่านโปรแกรมการพัฒนาตัวเองระดับโลกมากกว่า 20 โปรแกรม
  • นอกจากนี้ยังเป็นถึง Web Designer ให้กับ Website ชื่อดัง
  • Course Prerequisites : For fully benefit of the course, participants should have basic Java programming skill before attending.

    คุณสมบัติของผู้เข้าอบรม : เพื่อให้การอบรม Android มีประสิทธิภาพสูงสุด, ผู้เข้าอบรมควรศึกษาพื้นฐานการเขียนโปรแกรม Java ขั้นพื้นฐานก่อนเข้ารับการอบรม

    หมายเหตุ :ทางบริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิ์รับเฉพาะผู้เรียนที่เคยมีประสบการณ์ในการเขียนโปรแกรม OOP มาก่อน โดยผู้เรียนต้องนำเครื่อง Mac ที่ใช้เรียนมาเอง

    ในปัจจุบัน Smartphone และ Tablet ที่ใช้ Android (แอนดรอยด์) เป็นระบบปฏิบัติการนั้นมีจำนวนกว่าพันล้านเครื่องด้วยกัน และหลากหลายธุรกิจเองก็ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงผ่านทาง App ในมือถือของพวกเขา ดังนั้นเราจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโอกาสทางด้านธุรกิจและการทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับ Android นั้นมีมากมายมหาศาล

    ดังนั้นถ้าคุณสนใจจะเรียนการเขียนโปรแกรมแล้ว การพัฒนาทักษะในการเขียน App ที่ใช้งาน Android จึงเป็นทักษะที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะเปิดโอกาสในชีวิตให้กับผู้เรียนได้อย่างมากมายแล้ว การเรียนวิธีการใช้งานเองก็ไม่ได้ยากจนเกินไปอีกด้วย คุณสามารถเขียน Android App คุณภาพเยี่ยมได้หลังจากเรียนจากคอร์สออนไลน์ครับ

    เราไปดูกันดีกว่ามีคอร์สไหนน่าเรียนบ้าง

    4 คอร์สเรียนเขียน app Android ที่คุณไม่ควรพลาด

    ข้อควรทราบในการเรียนเขียนแอพ Android

    ปัญหาสำคัญของคอร์สออนไลน์

    แม้ว่าการเรียนวิธีการเขียนแอพแอนดรอยด์จะสามารถทำได้ผ่านคอร์สออนไลน์ แต่ในการเรียนนั้นก็มีปัญหาไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเนื้อหา

    อย่างที่ทราบกันดี Android นั้นมีการอัพเดต version ใหม่อยู่ตลอดเวลาจาก Google ทำให้ตัวแพลตฟอร์มและฟีเจอร์เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงจากเวอร์ชันเก่าๆ ดังนั้นถ้าคุณเลือกซื้อคอร์สโดยที่ไม่พิจารณาให้ดีก่อน คุณจะได้คอร์สเก่าที่แทบจะไม่ช่วยอะไรในการเรียนของคุณเลยครับ

    ในโพสนี้ผมจึงพยายามเลือกแต่คอร์สใหม่ที่สุดที่ได้รับการอัพเดตอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น อย่างไรก็ดีตัวเนื้อหาเองก็ไม่ได้ up-to-date เสมอไปแบบ 100% เพราะผู้สอนต้องใช้เวลานับเดือนในการอัพเดตคอร์สให้รับ version ใหม่ ดังนั้นเนื้อหาบางส่วนอาจจะเก่าไปบ้าง แต่คุณจะได้ประโยชน์จากคอร์สเหล่านี้ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่นั้นยังใช้ได้นั่นเองครับ

    อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำอย่างมากเลยคือ คอร์สสั้นๆ ความยาวไม่เกิน 10 ชั่วโมงนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์เลยในการเรียนการสร้าง App บน Android เพราะตัวเนื้อหาสั้นเกินไป และไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดเพียงพอ ทำให้คุณขาดทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนอย่างมาก ผมจึงเลือกที่จะไม่แนะนำคอร์สเหล่านั้นเลยครับ

    ต้องมีพื้นฐานอะไรหรือไม่?

    เนื่องจากคอร์สทั้งหมดที่ผมจะแนะนำในโพสนี้จะเป็นคอร์สสำหรับมือใหม่ ซึ่งจะสอนการเขียนโปรแกรมในภาษาที่คุณต้องใช้ในการเขียน app ไปด้วยเลยอยู่แล้ว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการเขียนโปรแกรมมาก่อนครับ

    อย่างไรก็ดีถ้าคุณเคยเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาเหล่านี้ (ภาษาใดภาษาหนึ่ง) มาบ้าง การเรียนจะง่ายขึ้นมากอย่างนัยสำคัญครับ

    • Java – ในการเรียนเขียนแอพ ส่วนใหญ่แล้วภาษาที่คุณจะได้เรียนและใช้งานคือ Java
    • Kotlin – ถ้าเทียบกับ Java แล้ว Kotlin เป็นภาษาที่ใหม่มาก อย่างไรก็ดีในปัจจุบัน K0tlin เป็นภาษาที่ Google แนะนำให้ใช้งานในการสร้าง Android App ดังนั้นถ้าคุณอยากจะสร้าง App ที่มีซับซ้อนมากขึ้น ความเชี่ยวชาญในภาษา Kotlin จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน
    • C++
    • JavaScript

    คำแนะนำ: จริงอยู่ว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานใดๆ ในการเรียนมาก่อน แต่ถ้าคุณเรียนไปแล้ว คุณมีปัญหากับการเขียนโปรแกรมที่คอร์สที่คุณลงไป (Java หรือ Kotlin) ผมแนะนำให้ย้อนกลับไปซื้อคอร์สเรียนในภาษานั้นๆ ก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนคอร์สเรียนเขียน Android App ทีหลังครับ

    Udacity

    1. Android Basics by Google

    หลักสูตรของ Udacity ที่จัดทำภายใต้ความร่วมมือกับทาง Google โดยตรง คอร์สนี้คุณจะได้เรียนเขียน Android App กับผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงสามคนที่คว่ำหวอดในวงการ IT มาอย่างยาวนานครับ

    หลักสูตร การสร้าง แอ พ พลิ เค ชั่ น.

    ตัวหลักสูตรจะประกอบด้วย 4 คอร์สย่อย ได้แก่

    1. User Interface – คอร์สแรกจะสอนการสร้าง User Interface สำหรับ app ของคุณ คุณจะได้เรียนวิธีการใช้ XML Markup Language ในการเปลี่ยนตัวดีไซน์ให้เป็น App Layouts ที่ดูเป็นมืออาชีพ รวมไปถึงการใช้ Views และ ViewsGroups ในการแสดงผลตัว text และรูปภาพต่างๆ

    2. User Input – คอร์สที่สองจะสอนพื้นฐานของภาษา Java ตั้งแต่ระดับเบื้องต้นไปจนถึง Object-Oriented Programming หลังจากนั้นคุณจะได้สร้าง app สั่งกาแฟแบบ interactive ที่ตอบสนอง User input ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3. Multi-Screen Apps – คอร์สที่สามจะสอนคุณสร้าง app แบบ multi-screen ซึ่งจะรวมไปถึงการใส่รูปภาพและวิดีโอลงไปใน App ของคุณ หลังจากนั้นคุณจะได้เรียนรู้วิธีการใส่ฟีเจอร์เพิ่มเติมผ่านการรังสรรค์ app อีกหลายตัวด้วยกัน เช่น app แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นต้น

    4. Networking – คอร์สสุดท้ายจะสอนให้คุณได้รู้จักกับ Web APIs และวิธีการใช้ที่ถูกต้อง หลังจากนั้นคุณจะได้เรียนพื้นฐานของ Networking ใน Android อย่างเช่น HTTP Networking, JSON Parsing และ Threads

    โดยรวมแล้วคอร์สนี้ถือว่าเป็นคอร์สสำหรับมือใหม่ที่สมบูรณ์มากเลยทีเดียวในส่วนของเนื้อหา แต่จุดแข็งของหลักสูตรนี้คือ คุณจะได้สร้าง Android App ของจริงมากถึง 7 app ด้วยกัน ซึ่งจะไล่ขึ้นมาตั้งแต่ง่ายไปหายาก

    คุณจะเรียนรู้ความรู้และทักษะที่ใช้งานได้จริงผ่านการทำ project เหล่านี้ และเมื่อทำเสร็จแล้ว คุณก็สามารถนำไปใส่ใน Github Portfolio เพื่อแสดงถึงความเก่งกาจของคุณได้อีกด้วย

    อย่างไรก็ดีจุดแข็งที่สุดของคอร์สนี้คือ คุณจะได้รับการช่วยเหลือ 3 รูปแบบด้วยกันจากทีมงานได้แก่

    Technical Mentor Support – ถ้ามีปัญหาตรงไหน คุณสามารถใช้ Chat Interface บน Student Hub เพื่อถามคำถามได้แบบ 24/7 ทั้งนี้ทาง Udacity ให้ข้อมูลว่านักเรียนส่วนใหญ่จะได้รับการตอบกลับภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้น

    ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเลยว่า คุณจะถูกปล่อยเคว้งโดยครูผู้สอน เพราะมีทีมงานจะช่วยเหลือคุณตลอดเวลา และด้วยความที่ทีมงานตอบเร็วมาก ถ้าคุณไม่เข้าใจเนื้อหาหรือว่าเจอ technical issues ต่างๆ คุณจะติดขัดในเวลาไม่นานครับ

    Project Reviews – ตลอดหลักสูตร คุณสามารถส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบงานของคุณได้ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะส่งให้ดูได้กี่ครั้ง ดังนั้นถ้าคุณไม่แน่ใจว่าคุณสร้าง app อย่างถูกต้องหรือเปล่า คุณสามารถส่งให้ตรวจตั้งแต่แรกเลยครับ ทำให้คุณสามารถลองผิดลองถูกได้ และเรียนรู้เพิ่มเติมจากการได้ลองทำจริงนั่นเอง

    ในการตรวจจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ซึ่งเร็วมากเช่นเดิม ทางผู้เชี่ยวชาญจะให้ feedback อย่างละเอียด ตลอดจน best practices ในการเขียนโค้ด ซึ่งจะช่วยให้ app ของคุณไม่เทอะทะ และมี performance ที่ดีมากขึ้นครับ

    Career Services – หลังจากที่คุณจบหลักสูตรแล้ว ทางทีมงานของ Udacity จะตรวจสอบ Resume, LinkedIn และ Github Portfolio และช่วยยกระดับให้ดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ในส่วนนี้จะมีประโยชน์มากนะครับ เพราะมีผู้สมัครงานมากมายที่ต้องพลาดโอกาสไป เพราะว่าพรีเซนต์ตนเองในส่วนนี้ให้กับลูกค้าหรือว่าบริษัทต่างๆที่เราสมัครไปไม่ดีนั่นเอง

    การเรียนให้จบหลักสูตรนั้น คุณควรจะใช้เวลาเรียน 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย โดยคุณจะเรียนจบในเวลา 3 เดือนครับ

    ค่าเรียน

    สำหรับค่าเรียนหลักสูตรนี้จะอยู่ที่ $399 หรือประมาณ 11,970 บาทต่อเดือน แต่ถ้าคุณจ่ายเหมา 3 เดือน ค่าเรียนต่อเดือนจะเหลือ $339 หรือประมาณ 10,170 บาทต่อเดือนครับ

    อย่างไรก็ดี Udacity นั้นแจกส่วนลดแรงๆ อยู่บ่อย บางครั้งจะสูงถึง 50%-75% โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณสมัคร account ไว้แล้ว ทำให้คุณสามารถลงเรียนคอร์สนี้ได้ในเวลาต่ำกว่า $100 หรือ 3,000 บาทต่อเดือนครับ

    สมัครเลย

    Udemy

    คอร์สต่อไปที่ผมจะแนะนำนั้นจะอยู่ใน Udemy ซึ่งจะเหมาะกับผู้เรียนที่มีงบประมาณจำกัด เพราะคอร์สเรียนบน Udemy นั้นราคาแค่ 300-500 บาทเท่านั้นเอง ถ้าอยู่ในช่วง Sale แถมช่วง Sale นั้นก็ยังมีบ่อยมากอีกด้วย

    สมมติถ้าคุณเปิดหน้าคอร์สขึ้นมาแล้ว คอร์สเกิดไม่ลดราคา ผมแนะนำให้รอ 2-5 วันแล้วค่อยกลับเข้าไปดูใหม่ครับ

    2. The Complete Android 12 & Kotlin Development Masterclass

    คอร์สนี้คุณจะได้เรียนกับ Denis Penjuta นักพัฒนาซอฟต์แวร์ประสบการณ์สูง ตัวเนื้อหาจะสอนการใช้แอพโดยใช้ Android 10 และ 12 (2 เวอร์ชันล่าสุด) และ Kotlin โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ

    • อธิบาย Android Studio สำหรับผู้เรียนหน้าใหม่
    • พื้นฐานภาษา Kotlin
    • พื้นฐานของ Object-Oriented Programming (OOP)

    หลักสูตร การสร้าง แอ พ พลิ เค ชั่ น.

    หลังจากภาคทฤษฎีแล้ว คุณจะสร้าง Android App หลายตัวด้วยกัน ซึ่งจะคุณเรียนรู้จากการทำโปรเจคเหล่านี้ได้แก่

    • Calculator App (เรียน XML และวิธีการสร้าง User Interface ที่ดี)
    • Drawing App (การใช้ Canvas, การ Import/Export รูปภาพ)
    • Workout App (Timers, และการใส่ฟีเจอร์ต่างๆ)
    • Happy Places App (การจัดการในส่วนของ Location, GPS, Google Maps API)
    • Weather App (การใช้ API, JSON, GSON)
    • Project Management App หรือร่างโคลนของ Trello (การทำ User Authentication, การจัดการ Database, การใช้ Firebase ฯลฯ)

    ตัวโปรเจคจะค่อยๆ ยากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะโปรเจคสุดท้ายที่เหล่านักเรียนแทบจะประสานเสียงกันเลยว่ายากมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะคุณจะได้เรียนรู้การสร้าง App ที่ซับซ้อน เมื่อเรียนจบ (ในส่วนของวิดีโอยาวถึง 63 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นคุณจะใช้เวลานับเดือนทีเดียว) คุณจะพร้อมสำหรับการสร้าง app ระดับ enterprise ด้วยตัวของคุณเอง

    ในส่วนของเรื่่องสำเนียง ผมลองฟังแล้วพบว่าฟังไม่ยาก แต่ accent ของครูผู้สอนจะไม่ใช่แบบเจ้าของภาษา ซึ่งคุณอาจจะใช้เวลาสักหน่อย หูของเราก็จะชินไปเองครับ

    คะแนนรีวิว 4.6/5.0 จากนักเรียน 25,000+ คน

    สมัครเลย

    3. Android Java Masterclass – Become an App Developer

    สำหรับคอร์สนี้ คุณจะได้เรียนกับ Tim Buchalka และ Jean-Paul Roberts สองนักพัฒนาประสบการณ์สูง (รวมกันแล้วมากกว่า 50 ปี) ทั้งนี้ภาษาที่คุณจะได้เรียนในการเขียน app คือ Java (ต่างจากคอร์สที่สองที่เป็น Kotlin) ครับ

    ข้อควรทราบ: ในปัจจุบันครูผู้สอนกำลังใส่เนื้อหาใหม่เพื่อแทนที่เนื้อหาที่ล้าสมัย ดังนั้นเนื้อหาบางส่วนอาจจะเก่าและคุณจะต้องปรับแก้ด้วยตนเองเพื่อให้รับกับ Android 12 อย่างไรก็ดี Udemy ให้คุณเข้าถึงคอร์สได้ตลอดชีพ ดังนั้นคุณจะได้เนื้อหาใหม่ทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มครับ

    หลักสูตร การสร้าง แอ พ พลิ เค ชั่ น.

    สิ่งที่คุณจะได้เรียนในคอร์สนี้นั้นจะผ่านการทำ Project เกือบทั้งหมด (ยกเว้นพื้นฐานภาษา Java) ดังนั้นคุณควรจะได้ลองลงมือทำตลอดทั้งคอร์สครับ

    • Hello World App – เรียนวิธีการใช้ Android Studio Templates, การ set up Virtual Device, การใช้ Emulator
    • Button Counter App – เจาะลึกการสร้าง User Interface ให้กับ app ของคุณ
    • พื้นฐาน Java
    • Top 10 Downloaded App – การจัดการ Async Tasks และ XML Data รวมไปถึงการทำ Testing
    • Youtube App – การใช้ API และการทำ Testing
    • Flickr App – API, JSON, Validation, Touch Events ฯลฯ
    • Friends App – จัดการ Database ของตัว app โดยใช้ SQL
    • Fragment Lifecycle
    • Multiple Tables

    โดยรวมแล้วคอร์สนี้จะมีเนื้อหาทั้งหมด 60 ชั่วโมงด้วยกัน เรียกได้ว่าอัดแน่นจัดเต็ม และอธิบายทุกส่วนของการสร้าง app บน Android อย่างละเอียด และเป็นลำดับขั้นตอน ซึ่งจะเหมาะมากสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนการสร้าง app อย่างเป็นระบบครับ

    ในส่วนของเรื่องสำเนียงนั้น ผมได้ลองทดลอบแล้ว พบว่าชัดเจนดีมากตามแบบเจ้าของภาษาทั่วไป ดังนั้นผมเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนแต่อย่างใดครับ

    คอร์สนี้ได้คะแนนรีวิวไป 4.5/5.0 จากนักเรียนมากกว่า 64,000 คน

    สมัครเลย

    4. Android App Development Bootcamp 2022 – Build a portfolio!

    สำหรับใครที่คิดว่าคอร์สวิดีโอที่มีเนื้อหา 60-65 ชั่วโมงนั้นยาวเกินไป ผมแนะนำให้ซื้อคอร์สนี้ของ Vin Norman ซึ่งเป็น Senior Android Enginner ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรครับ นอกจากคอร์สนี้จะสั้นกว่าอย่างชัดเจนแล้ว (25.5 ชั่วโมง) ตัวคอร์สนี้จะทั้งใช้ Kotlin และ Java เลยครับ ดังนั้นคุณจะได้รับประสบการณ์การเรียนที่ต่างกับคอร์สที่ 2-3 ครับ

    หลักสูตร การสร้าง แอ พ พลิ เค ชั่ น.

    เช่นเดียวกับคอร์สอื่นๆ แกนหลักของคอร์สนี้คือการสร้าง project ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้เรียนในคอร์สนี้ประกอบด้วย

    • XML และการสร้าง Layouts
    • พื้นฐาน Java
    • การสร้าง Calculator App (ใช้ความรู้ที่เรียนไปด้านบน)
    • Activities, Intents, Android Manifest
    • RecyclerViews
    • สร้าง Beautiful List Showcase App
    • พื้นฐาน Kotlin – Variables, Null Safety, Debugging, Functions, Classes และอื่นๆ อีกมากมาย
    • การสร้าง Forms
    • Fragments และ Navigation Bar

    โดยรวมแล้วโครงสร้างของคอร์สนี้จะเป็นระเบียบและชัดเจนมาก คุณจะเรียนคอนเซปต์ก่อน หลังจากนั้นจะนำความรู้ที่เรียนมาทำ project ครับ ซึ่งจะเหมาะสำหรับใครที่อยากเรียน concept แบบเคลียร์ๆ ก่อนที่นำมาใช้จริง

    อย่างไรก็ดีสิ่งที่ขาดไปของคอร๋สนี้คือจะไม่มีการทำโปรเจคขนาดใหญ่เวอร์วังเหมือนกับคอร์สอื่นๆ นั่นเองครับ

    ในส่วนของสำเนียง ผมมองว่าครูผู้สอนอธิบายได้ชัดเจนดี และฟังไม่ยากเลย (เหมือนกับเจ้าของภาษาทั่วไป) ซึ่งคุณมั่นใจได้ว่าเรื่องภาษาไม่น่าจะเป็นอุปสรรคครับ

    คะแนนรีวิวอยู่ที่ 4.7/5.0 จากนักเรียนมากกว่า 3,200 คน

    สมัครเลย

    คอร์สอื่นๆ ที่น่าสนใจ

    Machine Learning – แม้ว่าจะเป็นทักษะฝั่ง Data Science แต่ Machine Learning เป็นทักษะที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการพัฒนาแอป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยากจะใช้ AI ใน Android App ของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มฟีเจอร์ดีๆ ที่จะตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น

    Serverless Computing – ยกระดับ app ของคุณไปอีกระดับโดยใช้ AWS Lambda ของ Amazon เพื่อที่ให้คุณสามารถ scale ตัว app ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายเมื่อมีผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น