1. สารต้านอนุมูลอิสระ คืออะไร Show สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่อาจช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายโดยสารที่ไม่มีความเสถียรทางโมเลกุล ที่รู้จักในนามของสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะไปทำปฏิกิริยาและทำให้สารอนุมูลอิสระมีความเสถียร และอาจช่วยป้องกันการทำลายเซลล์ที่เกิดจากสารเหล่านี้ สารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ เบต้าแครอทีน ไลโคพีนวิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ เป็นต้น 2. สารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันมะเร็งได้หรือไม่ ผลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการณ์ ซึ่งมีหลักฐานจากกระบวนทางสารเคมี การเพาะเชื้อเซลล์ และการทดลองในสัตว์ บ่งชี้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระอาจช่วยป้องกันการก่อตัวของโรคมะเร็งได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลจากการทดลองที่แน่ชัด ในช่วงหลายปีนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน 3. การทดลองก่อนหน้านี้ได้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง มีการศึกษาที่ค่อนข้างใหญ่ 5 การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในช่วง 1990 ที่สามารถให้ข้อสรุปเกี่ยวกับผลของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีต่อโรคมะเร็ง ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับผลของเบต้าแครอทีน และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในประชาการแต่ละกลุ่ม ผลการศึกษาพบว่าประโยชน์ของสารเบตาแครอทีนจะได้ผลที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับกลุ่มประชากร บทสรุป ของแต่ละการศึกษามีดังต่อไปนี้ - การศึกษาแรกที่ใหญ่ที่สุดคือของ Chinese Cancer Prevention Study ในปี 1993 การศึกษานี้ต้องการศึกษาผลของการใช้เบต้าแครอทีน วิตามินอี และสารเซเลเนียมร่วมกันในหญิงและชายสุขภาพดีชาวจีนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารการศึกษาสรุปว่าการใช้สารต้านอนุมูลอิสระร่วมกันสามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้อย่างมีนัยสำคัญ - ปี 1994 มีการศึกษาของกลุ่ม Alpha-Tocopheral (vitamin E)/Beta-Carotene Cancer Prevention Study (ATBC) พบว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นในชายชาวฟินแลนด์ที่สูบบุหรี่ที่ได้รับเบต้าแครอทีนส่วนรายที่ได้รับวิตามินอีพบว่า ไม่มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด - การศึกษาของ Beta-Carotene and Retinol (vitamin A) Efficacy Trial (CARET) ในปี 1994 พบว่ามีโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นในกลุ่มที่ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ - การศึกษาของ Physicians’ Health Study I (PHS) ในปี 1996 พบว่าการได้รับเบต้าแครอทีน และยาแอสไพริน โดยคำสั่งแพทย์ไม่มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็ง - การศึกษาของ Women’s Health Study (WHS) ในปี 1999 ได้ศึกษาผลของการใช้วิตามินอี และเบต้าแครอทีน ในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปพบว่าเบต้าแครอทีนไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ หรือโทษในคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง ส่วนการศึกษาถึงผลของวิตามินอีนั้น จะได้กล่าวในหัวข้อต่อไป 4. มีการศึกษาทดลองเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระน้อยเกินไปหรือไม่ มีการศึกษา 3 การศึกษาที่ยังคงทำการทดลองเพื่อดูผลของสารต้านอนุมูลอิสระต่อการเกิดโรคมะเร็ง จุดประสงค์ของแต่ละการศึกษามีดังต่อไปนี้ - การศึกษาของ Women’s Health Study (WHS) มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของวิตามินอีในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในหญิงชาวอเมริกันสุขภาพแข็งแรงที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป การศึกษานี้ตั้งเป้าหมายที่จะทำการศึกษาตั้งแต่ปี 1992 ถึงเดือนสิงหาคม ปี 2004 ในสตรีอเมริกา 39,876 รายที่อายุมากกว่า 45 ปี พบว่าวิตามินอี ไม่ช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งและไม่ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง (JAMA 2005; 294:56-65) - การศึกษาของ Selenium and Vitamin E Cancer Prevention Trial (SELECT) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เปอโตริโก้ และแคนาดา มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของสารซีลีเนียมและ/หรือ วิตามินอีว่าสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในชายอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปได้หรือไม่ การศึกษานี้ศึกษาผู้ป่วย 35,533 คน พบว่าสารซีลีเนียมและ/หรือวิตามินอีไม่สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ (JAMA 2009; 301:39-51) - การศึกษาของ Physicians’ Health Study II (PHS II) มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของวิตามินอี วิตามินซีและวิตามินรวมต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งโดยรวม การศึกษานี้ตั้ง เป้าหมายที่จะทำการศึกษาตั้งแต่ปี 1997 ถึงเดือนสิงหาคมปี 2007 ในแพทย์ชาย 14,641 ราย ที่อายุมากกว่า 50 ปี พบว่าทั้งวิตามินอีและซีไม่สามารถป้องกัน โรคมะเร็งต่อมลูกหมากและอุบัติการณ์ของมะเร็ง โดยรวมได้ (JAMA 2009; 301:52-62) 5. สถาบันมะเร็งแห่งชาติมีการศึกษาผลของเบต้าแครอทีนต่อการเกิดโรคมะเร็งหรือไม่ เนื่องจากการศึกษาของ ATBC และ CARET ที่พบว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นในกลุ่มคนที่ได้รับเบต้าแครอทีนแต่จากการศึกษาของ PHS และ WHS กลับพบว่าเบต้าแครอทีนไม่มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็ง ดังนั้นสถาบันมะเร็งแห่งชาติจะติดตามกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาดังกล่าว และพิจารณาดูผลกระทบระยะยาวของการใช้เบต้าแครอทีน ซึ่งผลการศึกษาที่ได้จะนำมาตีพิมพ์ใน ATBC, CARET และ Chinese Cancer Prevention Study 6. สารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างไร สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยทำให้สารอนุมูลอิสระมีความเสถียร และไม่เกิดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดการทำลายเซลล์เนื่องจากสารอนุมูลอิสระมีจำนวนอิเล็กตรอนน้อยกว่าสารประเภทอื่น ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับเซลล์ได้ง่ายกว่าการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งควันบุหรี่และรังสีเป็นตัวกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระ โดยพบว่าอยู่ในรูปของออกซิเจนมากที่สุด โมเลกุลออกซิเจนที่ไม่มีความเป็นกลางทางไฟฟ้าจะไปแย่งจับอิเล็กตรอนจากโมเลกุลของสารอื่นทำให้เกิดเป็นสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของการทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ และถ้าเกิดปฏิกิริยาเหล่านี้เป็นเวลานานๆ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมความผิดปกติที่เกิดขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตามมาได้ดังนั้นสารต้านอนุมูลอิสระจะทำให้โมเลกุลสารต่างๆ มีความเป็นกลางทางไฟฟ้าและป้องกันไม่ให้สารอนุมูลอิสระไปแย่งจับอิเล็กตรอนจากสารอื่น 7. สารต้านอนุมูลอิสระมีมากในอาหารประเภทใด สารต้านอนุมูลอิสระมีมากในผัก ผลไม้ ข้าว ถั่ว เนื้อสัตว์บางประเภท เช่น เป็ด ไก่ ปลา - เบต้าแครอทีนพบมากในผักและผลไม้ที่มีสีส้ม เช่น มะเขือเทศ แครอท น้ำเต้า แคนตาลูป ฟักทอง มะม่วงนอกจากนี้ยังพบได้ในผักใบสีเขียวบางประเภท เช่น ผักขม กะหล่ำปลี - ลูทีน ซึ่งมีประโยชน์ช่วยในการมองเห็น พบได้มากในผักใบสีเขียว เช่น ผักขม กะหล่ำปลี - ไลโคพีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในมะเขือเทศ แตงโม มะละกอ องุ่น ส้ม ฝรั่ง - สารซีลีเนียม ไม่ได้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดยตรง แต่มีส่วนช่วยในการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆพบได้พืชที่ปลูกลงดิน เช่น ข้าว นอกจากนี้ยังพบได้ในเนื้อสัตว์และขนมปัง - วิตามินเอ พบได้มากในตับ มัน แครอท นม ไข่แดง เนยแข็ง - วิตามินซี พบได้มากในผักผลไม้หลายประเภท ธัญพืช เนื้อสัตว์บางประเภท เช่น เนื้อวัว เป็ด ไก่ และปลา - วิตามินอี พบได้ในถั่วอัลมอนต์ ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง มะม่วง ผักบล็อกโคลี Antioxidant ดีไหม7 ประโยชน์สำคัญของ “สารต้านอนุมูลอิสระ” 1. ชะลอวัย ชะลอกระบวนการที่ทำให้เข้าสู่วัยชรา (แก่ช้า) 2. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง 3. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือภาวะสมองเสื่อม 4. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย 5. ป้องกัน และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด 6. ป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบ 7. เป็นเกราะ ...
สารอนุมูลอิสระ (free radical) มีผลต่อร่างกายอย่างไรอนุมูลอิสระ (Free Radical) เป็นของเสียที่เกิดจากการสันดาปในร่างกายหรือจะเรียกได้ว่า อนุมูลอิสระ (Free Radical) เป็นสนิมของเซลล์ในร่างกายเราหากร่างกายมีอนุมูลอิสระเยอะเกินไป อาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา คือ การอักเสบโดยเฉพาะกับระบบหัวใจและหลอดเลือดอาจเกิดปัญหาเส้นเลือดในสมองตีบ หัวใจขาดเลือด อัลไซเมอร์ในระบบอื่นอาจจะทำให้ ...
สารต้านอนุมูลอิสระ เอาไปทำอะไรสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) คืออะไร ? สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) คือ สารที่สามารถยับยั้ง หรือชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical) เช่น การเกิดออกซิเดชันของลิพิด (Lipid Oxidation)
ต่อต้านอนุมูลอิสระคืออะไรสารต้านอนุมูลอิสระมีมากในผัก ผลไม้ ข้าว ถั่ว เนื้อสัตว์บางประเภท เช่น เป็ด ไก่ ปลา - เบต้าแครอทีนพบมากในผักและผลไม้ที่มีสีส้ม เช่น มะเขือเทศ แครอท น้ำเต้า แคนตาลูป ฟักทอง มะม่วงนอกจากนี้ยังพบได้ในผักใบสีเขียวบางประเภท เช่น ผักขม กะหล่ำปลี
|