มนุษย์เรารู้จักการบริหารความเสี่ยงมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปอยู่ในถ้ำเพื่อป้องกันตนเองจากภัยธรรมชาติและสัตว์ป่า การทำโล่กำบังตนจากคมเขี้ยวและอาวุธ การติดลวดหนามหรือสัญญาณระวังภัยบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อซื้อเวลาในการหลบหนีหรือป้องกันตัว จนกระทั่งการบริหารความเสี่ยงนั้นถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นธุรกิจประกันในที่สุด
1. ซื้อประกันของที่ไหนดี? เราไม่สามารถนำแบบประกันทุกแบบของทุกที่มาเปรียบเทียบกันได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือถามตัวเองก่อนว่า เรากำลังมองหาประกันชีวิตเพื่อลดความกังวลด้านใดของเรา เช่น ด้านสุขภาพ ด้านหลักประกันให้ครอบครัว หรือความมั่นคงหลังเกษียณ จากนั้นก็ไปดูแบบประกันที่เกี่ยวข้องกับความกังวลของเรา อาจให้ตัวแทนขายประกันช่วยทำข้อมูลสรุปผลประโยชน์ของแบบประกันในลักษณะที่เราต้องการมาให้ก่อน แล้วลองเปรียบเทียบกับบริษัทประกันที่น่าเชื่อถืออื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นจากตัวเลือกที่ใกล้เคียงกัน ข้อนี้ตอบได้เลยว่า ถ้าอยากมีประกันสุขภาพไว้อุ่นใจยามเจ็บป่วย ซื้อเป็นของตัวเองดีที่สุด เพราะสวัสดิการของที่ทำงานไม่ได้ครอบคลุมไปจนถึงหลังเกษียณซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะได้ใช้มากที่สุด ประกันส่วนตัวยังสามารถใช้ร่วมกับสวัสดิการของบริษัทเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้นด้วย ซื้อไว้ตั้งแต่ยังมีสุขภาพแข็งแรงดีที่สุด จะได้ไม่มีข้อยกเว้นในการไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน และควรทำผูกไว้กับประกันชีวิตที่ได้ความคุ้มครองยาวไปจนถึงหลังเกษียณ อย่างประกันชีวิตแบบตลอดชีพ อย่าซื้อพ่วงกับแบบประกันที่มีระยะเวลาคุ้มครองน้อย เพราะประกันสุขภาพจะหมดเร็วตามไปด้วย และไม่แนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพที่มาเดี่ยวๆ เพราะค่าเบี้ยประกันอาจถูกกว่า แต่โอกาสที่จะถูกปฏิเสธการต่ออายุในปีต่อไปมีสูงกว่า การซื้อประกันควรเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการระยะยาวของเรา ส่วนผลประโยชน์ด้านภาษีขอให้มองเป็นผลพลอยได้ หากเราซื้อประกันเพื่อต้องการหักภาษีเพียงอย่างเดียว จะได้ประโยชน์จากการทำประกันชีวิตไม่เต็มที่ และอาจทำให้หลายคนลืมนึกถึงความสามารถในการชำระเบี้ยประกันในระยะยาวจนได้ไม่คุ้มเสีย เพราะการนำค่าเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีไปแล้ว ต่อมาเกิดจ่ายไม่ไหว จนต้องยกเลิกประกันชีวิตก่อนครบกำหนด 10 ปี (ตามเงื่อนไขของการยกเว้นภาษี) ก็จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับเสียเงินเพิ่มให้กรมสรรพากรด้วย คำว่า “สนามหญ้าหน้าบ้านคนอื่น มักเขียวกว่าบ้านเรา” ลอยขึ้นมาทันทีสำหรับคำถามนี้ ทำไมประกันของเธอดีกว่า ทำไมของเธอเคลมได้…ของเราเคลมไม่ได้ ทำไมของเขามีเงินคืน…ของเราไม่มี นั่นเพราะประกันชีวิตมีหลายรูปแบบ แต่ละแบบก็มีรายละเอียดต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าประกันชีวิตฉบับนั้นๆ เน้นบริหารความเสี่ยงด้านไหนให้เราเป็นพิเศษ 5. ครอบครัวมีประวัติเป็นความดัน เบาหวาน มะเร็ง มีผลต่อการรับประกันสุขภาพหรือไม่? การทำประกันสุขภาพเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล หากเราไม่ได้เป็นโรคดังกล่าวก่อนการทำประกันก็หมดห่วงได้ เว้นแต่บริษัทประกันเห็นว่าเรามีความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น น้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์ หรือเคยมีประวัติเข้ารับการรักษาอาการบางอย่าง ก็อาจต้องไปตรวจสุขภาพเพิ่มเติมตามรายการที่บริษัทกำหนด ซึ่งค่าตรวจสุขภาพส่วนใหญ่แล้วผู้ขอเอาประกันจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง แต่อาจมีข้อยกเว้น เช่น ตรวจแล้วพบว่าไม่มีปัญหาอะไร สามารถทำประกันได้ บริษัทประกันอาจจะออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้เรา หากวงเงินในการทำประกันของเราเข้าเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด 6. มีประวัติการรักษาพยาบาลและเคยผ่าตัด จะทำประกันสุขภาพได้หรือไม่? ใครที่มองหาประกันสุขภาพในวันที่มีโรคประจำตัว เคยผ่าตัด หรือมีประวัติการตรวจพบอาการผิดปกติบางอย่างแล้วก็อย่าเพิ่งหมดหวัง เราสามารถกรอกคำขอเอาประกันตามความเป็นจริงเพื่อส่งให้บริษัทประกันพิจารณาก่อนได้ บริษัทฯ อาจให้ตรวจสุขภาพเพิ่มเติม หรือไปขอประวัติการรักษาพยาบาลมาประกอบ ซึ่งผลการพิจารณาสามารถออกมาได้หลายแบบ ดังนี้ |