ผู้ส่งข้อความวันที่ส่งข้อความข้อความaction ภาพประกอบจาก https://www.sbsgroup.com.sg/blog/register-cleaning-company-in-singapore-to-rejoice-entrepreneurship/ ความผิดเกี่ยวกับหุ้นส่วน บริษัท ในทางอาญา http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%A139/%A139-20-9998-update.htm โดยมาตราที่สำคัญที่น่าสนใจคือ มาตรา 42 ที่บัญญัติว่า “ บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด กระทำ หรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้ (1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอม บัญชี เอกสาร หรือหลักประกันของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือ (2) ลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท หรือที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำการเพื่อลวงให้ห้างหุ้นส่วน บริษัท ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตัวอย่างของการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวได้แก่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16263/2556 ผู้ถือหุ้นที่ถูกกรรมการเปลี่ยนแปลงสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นโดยพลการเล่นงานกรรมการกลับ ด้วยพระราชบัญญัติกำหนดความผิดฯ มาตรา 42 และประมวลกฎหมายอาญาฐานยักยอกทรัพย์ มาตรา 352 ซึ่งเป็นคดีอาญามีโทษจำคุก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20038/2556 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 42 ซึ่งในเบื้องต้น เห็นว่า บทกฎหมายมาตรานี้บัญญัติไว้ว่า “บุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด กระทำหรือยินยอมให้กระทำการดังต่อไปนี้ ตามคำพิพากษาศาลฎีกานี้ โจทก์ฟ้องกรรมการที่ทำการเปลี่ยนแปลงสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) โดยเอาชื่อโจทก์ออกและเอาชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นแทนโจทก์ ทั้งที่โจทก์ไม่ได้โอนขายหุ้นให้บุคคลอื่น ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดฯ มาตรา 42 แต่ปรากฏว่าศาลยกฟ้อง ด้วยเหตุว่าโจทก์บรรยายฟ้องไม่ชัด ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดดังกล่าว ที่มา. https://www.facebook.com/Fpmbusinessadvisor/posts/673992549438311/
สมุดทะเบียนหนังสือค้ำประกัน และสมุดบัญชีภาระในการรับรองตั๋วเงินของธนาคารโจทก์ร่วม เป็นเอกสารบัญชีหรือเอกสารของโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ร่วมมีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการและดำเนินธุรกิจในสาขาซึ่งรวมถึงการสั่งให้พนักงานลงบัญชีหรือเรียกบัญชีมาตรวจสอบ จึงถือได้ว่าจำเลยมีหน้าที่ลงบัญชีด้วยการที่จำเลยลงชื่อรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินโดยไม่มีหลักประกัน ไม่ขออนุมัติจากโจทก์ร่วมตามระเบียบ ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการรับอาวัลและไม่ลงบัญชีเพื่อไม่ให้โจทก์ร่วมสามารถตรวจสอบได้ จึงเป็นการละเว้นไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีโดยมีเจตนาเพื่อลวงให้โจทก์ร่วมขาดประโยชน์อันควรได้ มีความผิดตามพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิพ.ศ. 2499 มาตรา 42(2) |