Netflix เอาว ด โอ ลง youtube ม ย

หากได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นภาพวิดีโอ หรือหากวิดีโอเป็นสีดำขณะดู โดยทั่วไปจะหมายความว่า มีปัญหากับอุปกรณ์ หรือเคเบิลวิดีโอทำให้ Netflix แสดงภาพวิดีโอไม่ได้

โปรดทำตามขั้นตอนสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เพื่อแก้ไขปัญหา

ทีวีหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทีวี

ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ หากใช้ทีวีหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทีวี เช่น Streaming Stick, เครื่องเล่นมีเดีย, Apple TV, กล่องรับสัญญาณ หรือเครื่องเล่น Blu-ray

การรีสตาร์ทอุปกรณ์

  1. ถอดปลั๊กอุปกรณ์ออก
  2. กดปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์หนึ่งครั้ง แล้วรอ 1 นาที หรือถอดปลั๊กทิ้งไว้ 3 นาที
  3. เสียบปลั๊กอุปกรณ์กลับเข้าไป
  4. เปิดอุปกรณ์แล้วลองใช้ Netflix อีกครั้ง

การแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์

อาจมีปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้กับทีวี

วิธีแก้ไขปัญหา

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้สาย HDMI
  2. ให้ลองสลับปลายสาย HDMI
  3. เลี่ยงไม่เชื่อมผ่านตัวรับสัญญาณหรือระบบเสียง โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับทีวีโดยตรงโดยใช้สาย HDMI
  4. ลองเชื่อมต่อกับพอร์ต HDMI ของทีวีพอร์ตอื่น
  5. ลองใช้สายเคเบิล HDMI ใหม่

ถ้ามี ให้ลองพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องอื่น

หากสามารถสตรีมได้ในทีวีเครื่องอื่น แสดงว่าอาจมีปัญหาเกี่ยวกับพอร์ต HDMI ของทีวีเครื่องเดิม โปรดติดต่อผู้ผลิตทีวีเพื่อขอความช่วยเหลือ

โดยในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ทางบริษัทก็ได้รายงานว่ามีคนหันมาใช้ Google และ YouTube เพิ่มขึ้น รวมถึงบริการคลาวด์ก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับการเติบโตในไตรมาสนี้

ทันทีที่ Alphabet ได้ประกาศผลประกอบการ มูลค่าบริษัทก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที 9% หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมากถึง 5.5 ล้านล้านบาท ภายในวันเดียว

แล้วผลประกอบการ Google และ YouTube ดีขนาดไหน ? มาดูกัน

บริษัท Alphabet ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 รายได้ 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% กำไร 6.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 36%

ถ้าเรามาดูผลประกอบการทั้งปี รายได้ 8.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% กำไร 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 89%

โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทในไตรมาสล่าสุดแบ่งออกเป็น

- รายได้จากค่าโฆษณา เช่น โฆษณาบนแพลตฟอร์ม Google และ YouTube 81.3%

- รายได้ที่ไม่ใช่ค่าโฆษณา เช่น YouTube Premium และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ Google Nest 10.8%

- รายได้จากธุรกิจคลาวด์ เช่น Google Drive และ Google Suite 7.4%

- อื่น ๆ 0.5%

เราลองมาดู การเติบโตรายได้จากค่าโฆษณา ซึ่งเป็นส่วนที่มากที่สุดจากรายได้ทั้งหมดกันก่อน แบ่งได้เป็น

- Google Search และอื่น ๆ 1.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% - YouTube ads 2.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% - Google Network เช่น บริการ AdMob, Google Ad Manager 3.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%

จะเห็นได้ว่าในไตรมาสนี้ “Google Search” มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด แซงหน้ากลุ่ม YouTube ads ที่ก่อนหน้านี้มีอัตราการเติบโต ไม่ต่ำกว่า 40% ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2020

อีกเรื่องที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่ทันสังเกต ก็คือ YouTube ads หรือเฉพาะโฆษณาคั่นระหว่างคลิป ยังไม่รวมรายได้สมาชิก YouTube Premium มีรายได้แซง Netflix ไปแล้ว

หากเราลองมาดูรายได้ไตรมาสที่ผ่านมาของทั้ง 2 บริษัท

- YouTube ads มีรายได้ 2.9 แสนล้านบาท - Netflix มีรายได้ 2.6 แสนล้านบาท

ตรงนี้ก็น่าคิดเหมือนกันว่าทั้ง 2 แพลตฟอร์มเป็นแอปพลิเคชันแย่งเวลาเหมือนกัน

แต่ที่ต่างกันคือ YouTube เป็นเพียงตัวกลางให้ผู้ใช้งานเข้ามาอัปโหลดวิดีโอและมีรายได้หลัก ๆ มาจากการโฆษณา ซึ่งก็น่าติดตามว่าในไตรมาสต่อ ๆ ไป สถานการณ์จะเป็นอย่างไร

ลือหึ่ง YouTube เตรียมลงสู้ศึกสตรีมมิ่ง แต่มาแบบเหนือกว่าชาวบ้าน เพราะ เตรียมเสนอให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Netflix , Disney+ มาฉายตัวอย่างหนังบนยูทูปแล้วให้คนกดเข้าไปเสียเงินดูแบบเต็ม ๆ

ทำไมเราต้องมาลงทุนสร้างซีรีส์นั่นนี่แข่งกับคนที่เขาเก่งอยู่แล้ว ในเมื่อเราสามารถเปิดเป็นพ่อค้าคนกลางให้ทุกคนมาขายของได้หละ ?

กลายเป็นกระแสข่าวที่สะเทือนวงการสตรีมมิ่งต่างชาติ เมื่อ YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังวางแผนที่จะเปิดให้แพลตฟอร์สตรีมมิ่งหนัง-ซีรีส์ อย่าง Netflix , Disney+ และเจ้าอื่น ๆ มาขายของ โชว์ตัวอย่างหนังและซีรีส์บนแพลตฟอร์มแล้วดึงให้คนกดเสียเงินเข้าไปดูเรื่องเต็ม

แต่ประเด็นคือ Youtube เป็นผู้เล่นระดับโลก นั่นแปลว่า ผู้ประกอบการไทย โอกาสที่จะดึงทุกเจ้ามาเป็นพัฯธมิตรแบบ YouTube ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เงินมหาศาล

ดังนั้นก็ต้องติดตามต่อไปว่าถ้า Youtube เปิดฟีเจอร์นี้จริง ๆ ในระดับนานาชาติ ไทยจะแข่งขันเรื่องนี้กันอย่างไร ?