(จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง) เจดีย์เอียงในวัดปรมัยยิกาวาส, วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร, วัดกู้, ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า, อิมแพ็ค เมืองทองธานี, รถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วง Show
คำขวัญ: พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ แผนที่ประเทศไทย จังหวัดนนทบุรีเน้นสีแดงแผนที่ประเทศไทย จังหวัดนนทบุรีเน้นสีแดง ประเทศ ไทยการปกครอง • ผู้ว่าราชการ สุธี ทองแย้ม (ตั้งแต่ พ.ศ. 2565) พื้นที่ • ทั้งหมด622.303 ตร.กม. (240.273 ตร.ไมล์)อันดับพื้นที่อันดับที่ 75ประชากร(พ.ศ. 2564) • ทั้งหมด1,288,637 คน • อันดับอันดับที่ 15 • ความหนาแน่น2,070.76 คน/ตร.กม. (5,363.2 คน/ตร.ไมล์) • อันดับความหนาแน่นอันดับที่ 2รหัส ISO 3166TH-12 ชื่อไทยอื่น ๆเมืองนนท์สัญลักษณ์ประจำจังหวัด • ต้นไม้นนทรี • ดอกไม้นนทรี • สัตว์น้ำปลาเทพาศาลากลางจังหวัด • ที่ตั้งภายในศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000 • โทรศัพท์0 2580 0705-6 • โทรสาร0 2580 0705-6เว็บไซต์http://www.nonthaburi.go.th/ ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทยนนทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ปัจจุบัน จังหวัดนนทบุรีจัดเป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีขนาดเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 75 ของประเทศ (รวมกรุงเทพมหานคร) แต่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร ประวัติศาสตร์[แก้]ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าสภาพทั่วไปของจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่อดีต เช่น บ้านวัดชลอ บ้านวัดเขมา บ้านบางม่วง บ้านตลาดขวัญ บ้านบางขนุน เป็นต้น สมัยอยุธยา[แก้]หลักฐานการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีปรากฏที่วัดปรางค์หลวง ตั้งอยู่ในตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดที่มีพระปรางค์ลักษณะย่อมุมไม้ยี่สิบขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักแก่ชุมชนชาวเมืองอู่ทองที่อพยพหนีโรคระบาดมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ก่อนจะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ชุมชนแห่งนี้ได้ขยายตัวและกระจัดกระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ โดยมีชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตลาดขวัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ท้องที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหมดในสมัยนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา จากเหนือวัดชลอไปทะลุใกล้วัดมูลเหล็ก (ปัจจุบันคือวัดสุวรรณคีรี เขตบางกอกน้อย) เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางและเพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรในพื้นที่ ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ผลจากสงครามทำให้สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อพม่ายกทัพกลับไป และกรุงศรีอยุธยาได้จัดการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงปรับปรุงกิจการทหารให้มั่นคงกว่าเดิม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง รวมทั้งให้ยกฐานะหมู่บ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092 เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากหนีภัยสงครามครั้งนั้นไปอยู่ตามป่าเขาและไม่ยอมกลับพระนคร หากตั้งเมืองใหม่ขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเกณฑ์ไพร่พลเมื่อเกิดสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาได้อีกด้วย ที่ตั้งของเมืองนนทบุรีในครั้งแรกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัดเทพอุรุมภังค์ (วัดหัวเมือง) เป็นเขตเหนือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า) และมีวัดท้ายเมืองเป็นเขตใต้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดส่วนโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุออกหน้าวัดเขมา (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางกรวยและบางใหญ่) ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองที่ขุดใหม่ กลายเป็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินลงเป็นคลองอ้อม คลองบางกอกน้อย และคลองบางกรวยตามที่ปรากฏในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระราชดำริว่า แนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สั้นลงจะทำให้ข้าศึกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญไปตั้งบริเวณปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง (ที่ตั้งเมืองอยู่บริเวณนี้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และให้สร้างกำแพงเมืองรวมทั้งป้อมปราการขึ้น 2 ป้อม คือ "ป้อมแก้ว" ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดแก้ว (สันนิษฐานว่าอยู่ที่วัดปากน้ำในปัจจุบัน) และ "ป้อมทับทิม" ตั้งอยู่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน (ปัจจุบันกำแพงและป้อมถูกรื้อไปหมดแล้ว) ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจของเมืองนนทบุรีมีความมั่นคงมาก ทั้งการค้าขายและการทำสวนผลไม้ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดเกร็ดขึ้นตัดความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลวกอ้อมไปทางบางบัวทอง ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล ชายฝั่งทั้งสองข้างของคลองลัดเกร็ดถูกกัดเซาะให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางที่มีน้ำล้อมรอบจึงกลายเป็นเกาะ เรียกว่า "เกาะเกร็ด" ปี พ.ศ. 2307 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเล็กน้อย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า โปรดเกล้าฯ ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้าตีเข้ากรุงศรีอยุธยาจากทางทิศใต้ ตีหัวเมืองรายทางเรื่อยมาจนถึงเมืองธนบุรีและเมืองนนทบุรี ก็เข้ายึดเมืองทั้งสองได้เช่นกัน พม่าแบ่งกำลังบางส่วนขึ้นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณวัดเขมา ขณะนั้นมีเรือกำปั่นอังกฤษซึ่งมาค้าขายอยู่ที่เมืองธนบุรีได้อาสาช่วยรบโดยยิงปืนเข้าใส่ค่ายพม่าในเวลากลางคืน แต่ในที่สุดก็สู้กองทัพพม่าไม่ได้ จึงล่องเรือหนีไป จากนั้นกองทัพพม่าจึงบุกขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2309 และเข้ายึดได้ในปี พ.ศ. 2310 ตลอดการสู้รบได้ส่งผลให้บ้านเมือง วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้าง ชาวเมืองนนทบุรีต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เดิม ข้ามแม่น้ำไปหลบซ่อนในสวนบางกรวยและบางใหญ่เพื่อหนีภัยสงคราม สมัยธนบุรี[แก้]ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้โปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงไปรับครอบครัวชาวมอญมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในแขวงเมืองนนท์ ในท้องที่ปากเกร็ด หลังจากที่มอญพ่ายพม่า ในภาวะสงครามคืนสู่ปกติ ชาวนนทบุรีเริ่มเพาะปลูก ค้าขายและติดต่อกับเมืองหลวง นนทบุรีขณะนั้นมีสถานะเป็นชานพระนคร ยังเป็นแหล่งรองรับชาวกรุงเก่า สมัยรัตนโกสินทร์[แก้]ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ผู้คนต่างถิ่นตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองนนทบุรี เมืองปทุมธานี และเมืองนครเขื่อนขันธ์ นอกจากนี้ยังมีชาวไทยมุสลิมเมืองปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และชาวไทยมุสลิมเมืองไทรบุรีที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ชาวไทยมุสลิมเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าอิฐ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปากเกร็ด) และบ้านบางบัวทอง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนสร้อยชื่อเมืองจากเดิมคือ เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร เป็น เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน และต่อมาเปลี่ยนเป็น เมืองนนทบุรีศรีเกษตราราม ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ เมืองนนทบุรีมีฐานะเป็นหัวเมืองชายทะเล สังกัดกรมท่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ เป็นการปกครองส่วนภูมิภาค เมืองนนทบุรี จึงจัดอยู่ในมณฑลกรุงเทพ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตลาดขวัญ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอปากเกร็ด ส่วนศาลากลางเมืองนนทบุรีนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง มาตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อใกล้วัดท้ายเมือง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็น "จังหวัด" เมืองนนทบุรีจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น จังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมาตั้งที่โรงเรียนราชวิทยาลัย ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการเมืองและศาลากลางจังหวัดนนทบุรีในอดีตลงมาทางทิศใต้ ปัจจุบันก็คือศาลากลางจังหวัดหลังเก่าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีนั่นเอง สมัยปัจจุบัน[แก้]ในปี พ.ศ. 2474 ทางราชการได้ตัดถนนประชาราษฎร์ ขึ้นเป็นเส้นทางเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดพระนครสายแรก และต่อมาจึงตัดถนนพิบูลสงครามเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นสายที่สอง ในท้องที่ตำบลสวนใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2485 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการจึงยุบจังหวัดนนทบุรีลงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยโอนอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ดไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร และโอนอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทองไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรี จนกระทั่งนนทบุรีได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2489 อำเภอต่าง ๆ จึงกลับมาอยู่ในเขตการปกครองของทางจังหวัดตามเดิม ปี พ.ศ. 2499 กระทรวงมหาดไทยได้ยกกิ่งอำเภอไทรน้อยซึ่งแยกพื้นที่ปกครองจากอำเภอบางบัวทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ให้มีฐานะเป็นอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรีจึงมีเขตการปกครองรวม 6 อำเภอจนถึงปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงมหาดไทยย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ไปตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงทุกวันนี้ ทำเนียบผู้ว่าราชการ[แก้]รายนามผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรีและผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ลำดับ ชื่อผู้ว่าราชการ ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ลำดับ ชื่อผู้ว่าราชการ ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง 1 มหาอำมาตย์ตรี นายพันตรีพระยาไกรโกษา (ทัด สิงหเสนี) ไม่ทราบข้อมูล 2 หม่อมเจ้าขจรศุภสวัสดิ์ ไม่ทราบข้อมูล 3 พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง (ทองย้อย เศวตศิลา) พ.ศ. 2457–2465 4 พระยานนทบุรีศรีเกษตราราม (เล็ก บูรณฤกษ์) พ.ศ. 2465–2469 5 พระยาศิริชัยบุรินทร์ (เปี่ยม หงสเดช) พ.ศ. 2469–2476 6 พระยาบริหารเทพธานี (เฉลิม กาญจนาคม) พ.ศ. 2476–2478 7 หลวงภูวนารถนราภิบาล (สนิท มหามุสิต) พ.ศ. 2478–2480 8 หลวงวิโรจน์รัฐกิจ (เปรื่อง โรจนกุล) พ.ศ. 2480–2482 9 หลวงอรรถเกษมภาษา (สวิง ถาวรพันธ์) พ.ศ. 2482–2483 10 หลวงโยธีพิทักษ์ (โปร่ง สาทิศกุล) พ.ศ. 2483–2484 11 นายสุทิน วิวัฒนะ พ.ศ. 2484–2485 12 หลวงนรกิจบริหาร (แดง กนิษฐสุต) พ.ศ. 2485–2489 13 นายลิขิต สัตยายุทธ์ พ.ศ. 2489–2491 14 ขุนบุรีภิรมย์กิจ (พริ้ม จารุมาศ) พ.ศ. 2491–2499 15 นายประกอบ ทรัพย์มณี พ.ศ. 2499–2503 16 นายสอาด ปายะนันทน์ พ.ศ. 2503–2510 17 นายแสวง ศรีมาเสริม พ.ศ. 2510–2514 18 นายวิจิตร แจ่มใส พ.ศ. 2514–2519 19 นายสุชาติ พัววิไล พ.ศ. 2519–2521 20 นายศรีพงศ์ สระวาลี พ.ศ. 2521–2524 21 นายฉลอง วงษา พ.ศ. 2524–2526 22 ดร.สุกิจ จุลละนันท์ พ.ศ. 2526–2530 23 นายปริญญา นาคฉัตรีย์ พ.ศ. 2530–2534 24 นายทวีป ทวีพาณิชย์ พ.ศ. 2534–2536 25 นายชัยจิตร รัฐขจร พ.ศ. 2536–2537 26 นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ พ.ศ. 2537–2539 27 นายวีระชัย แนวบุญเนียร พ.ศ. 2539–2542 28 นายขวัญชัย วศวงศ์ พ.ศ. 2542–2544 29 นายสาโรช คัชมาตย์ พ.ศ. 2544–2545 30 นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์ พ.ศ. 2545–2547 31 นายพระนาย สุวรรณรัฐ พ.ศ. 2547–2549 32 นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ พ.ศ. 2549–2552 33 นายวิเชียร พุฒิวิญญู พ.ศ. 2552–2556 34 นายธนน เวชกรกานนท์ พ.ศ. 2556–2557 35 นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ พ.ศ. 2557–2558 36 นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ พ.ศ. 2558–2560 37 นายภานุ แย้มศรี พ.ศ. 2560–2562 38 นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ พ.ศ. 2562–2565 39 นายสุธี ทองแย้ม พ.ศ. 2565–ปัจจุบัน ภูมิศาสตร์[แก้]ที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ[แก้]แผนที่ จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 622.303 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 388,939.375 ไร่ โดยมีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ละติจูดที่ 13 องศา 47 ลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 14 องศา 04 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100 องศา 34 ลิปดาตะวันออก และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
ลักษณะภูมิประเทศ[แก้]แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเกาะเกร็ดจังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ 3 ใน 4 ของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึง มีคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมโยงกันหลายสายเหมือนใยแมงมุม มีการทำเรือกสวนไร่นา และฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ 1 ใน 3 ของจังหวัด ได้แก่พื้นที่ในเขตเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นเขตเมืองมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อาจถือได้ว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เพราะเขตแดนระหว่างนนทบุรีกับกรุงเทพมหานครนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก ลักษณะภูมิอากาศ[แก้]สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนนทบุรีเป็นแบบร้อนชื้นเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคกลางของประเทศ สัญลักษณ์ประจำจังหวัด[แก้]
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]จังหวัดนนทบุรีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 6 อำเภอ 52 ตำบล 424 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด 34 ตำบล 328 หมู่บ้าน โดยอำเภอทั้ง 6 อำเภอของจังหวัดนนทบุรี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้ ข้อมูลอำเภอในจังหวัดนนทบุรี (31 ธันวาคม พ.ศ. 2564) ลำดับ ชื่ออำเภอ ชั้น พื้นที่ (ตร.กม.) ห่างจากตัวจังหวัด (ก.ม.) ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) ตำบล หมู่บ้าน ประชากร (คน) แผนที่ 1 เมืองนนทบุรี พิเศษ 77.018 – ไม่ปรากฏข้อมูล 10 26 364,073 2บางกรวย 2 57.408 16.86 2447 9 41 147,181 3 บางใหญ่ 2 96.398 8.11 2464 6 69 163,791 4 บางบัวทอง 1 116.439 15.96 2445 8 73 288,587 5 ไทรน้อย 2 186.017 29.01 2499 7 68 72,821 6 ปากเกร็ด 1 89.023 7.45 2427 12 51 252,151
การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]พื้นที่จังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 46 แห่ง แบ่งตามประเภทและอำนาจบริหารจัดการภายในท้องที่ได้เป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 22 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 23 แห่ง เขตเทศบาลในจังหวัดนนทบุรี ข้อมูลเทศบาลในจังหวัดนนทบุรี ลำดับ ชื่อเทศบาล พื้นที่ (ตร.กม.) ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) อำเภอ ครอบคลุมตำบล ประชากร สิ้นปี 2563 (คน) ทั้งตำบล บางส่วน รวม เทศบาลนคร 1 เทศบาลนครนนทบุรี 38.90 2538 เมืองนนทบุรี 5 – 5 251,026 2 เทศบาลนครปากเกร็ด 36.04 2543 ปากเกร็ด 5 – 5 189,458 เทศบาลเมือง 1 เทศบาลเมืองบางบัวทอง 13.50 2480 บางบัวทอง 1 4 5 51,441 2 เทศบาลเมืองบางกรวย 8.40 2545 บางกรวย 2 – 2 44,527 3 เทศบาลเมืองบางศรีเมือง 6.36 2549 เมืองนนทบุรี 1 1 2 33,005 4 เทศบาลเมืองพิมลราช 15.08 2557 บางบัวทอง – 1 1 47,874 5 เทศบาลเมืองบางคูรัด 19.70 2562 บางบัวทอง 1 – 1 40,360 6 เทศบาลเมืองบางรักพัฒนา 11.48 2562 บางบัวทอง – 1 1 46,986 7 เทศบาลเมืองบางแม่นาง 14.40 2563 บางใหญ่ – 1 1 47,395 8 เทศบาลเมืองบางกร่าง 6.55 2563 เมืองนนทบุรี – 1 1 23,667 9 เทศบาลเมืองไทรม้า 8.14 2563 เมืองนนทบุรี 1 – 1 23,742 10 เทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง 29.70 2563 บางบัวทอง – 1 1 55,181 เทศบาลตำบล 1 เทศบาลตำบลปลายบาง 15.68 2542 บางกรวย 2 1 3 46,355 2 เทศบาลตำบลบางม่วง 1.67 2542 บางใหญ่ – 3 3 6,101 3 เทศบาลตำบลบางใหญ่ 7.23 2542 บางใหญ่ – 3 3 12,083 4 เทศบาลตำบลไทรน้อย 2.30 2542 ไทรน้อย – 2 2 2,511 5 เทศบาลตำบลศาลากลาง 14.78 2551 บางกรวย 1 – 1 20,057 6 เทศบาลตำบลเสาธงหิน 10.50 2554 บางใหญ่ – 1 1 39,574 7 เทศบาลตำบลบางเลน 7.60 2554 บางใหญ่ – 1 1 16,376 8 เทศบาลตำบลบ้านบางม่วง 11.21 2554 บางใหญ่ – 1 1 17,599 9 เทศบาลตำบลบางสีทอง 5.80 2556 บางกรวย 1 – 1 11,426 10 เทศบาลตำบลบางพลับ 8.31 2556 ปากเกร็ด 1 – 1 10,899
ประชากร[แก้]สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎรจังหวัดนนทบุรีปีประชากร±% 2556 1,156,271— 2557 1,173,870+1.5% 2558 1,193,711+1.7% 2559 1,211,924+1.5% 2560 1,229,735+1.5% 2561 1,246,295+1.3% 2562 1,265,387+1.5% 2563 1,276,745+0.9% 2564 1,288,637+0.9%อ้างอิง:กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[ต้องการอ้างอิง] ตามข้อมูลจำนวนประชากรของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 จังหวัดนนทบุรีมีประชากร 1,288,637 คน คิดเป็นอันดับที่ 15 ของประเทศ โดยแบ่งเป็นประชากรเพศชาย 599,167 คน และประชากรเพศหญิง 689,470 คน[ต้องการอ้างอิง] นอกจากนี้ยังมีความหนาแน่นประชากรโดยเฉลี่ยถึง 2,070.76 คนต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร ประชากรในจังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี) โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ จากการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน พ.ศ. 2561 ด้านศาสนา พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 93.64 รองลงมานับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 6.02 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.30 นอกนั้นนับถือศาสนาซิกข์ ฮินดู และอื่น ๆ รวมกันร้อยละ 0.04 ศาสนา 2543 2557 2559 2561 พุทธ 89.75% 94.5% 94.61% 93.64% อิสลาม 6.91% 4% 5.11% 6.02% คริสต์ 1.19% 1% 0.25% 0.30% ซิกข์ – – 0.01% – อื่น ๆ 2.15% 0.5% 0.01% 0.04% เนื่องจากในปัจจุบัน นนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตปริมณฑลของเมืองหลวง มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวไทยจำนวนมากจากทุกภูมิภาคของประเทศพิจารณาย้ายถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เพื่อความสะดวกในการเดินทางเข้าไปทำงานหรือศึกษาในกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ความพลุกพล่านและความหนาแน่นของประชากรในจังหวัดนนทบุรีจึงไม่แตกต่างกับกรุงเทพมหานครมากนัก โดยเฉพาะทางด้านตะวันออกของอำเภอบางกรวย อำเภอเมืองนนทบุรี และอำเภอปากเกร็ดซึ่งอยู่ติดกับเขตเมืองชั้นในและเขตเมืองชั้นกลางของกรุงเทพมหานคร สถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยว[แก้]อำเภอเมืองนนทบุรี ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหารพระอุโบสถวัดปราสาทพระอุโบสถและพระวิหารวัดชมภูเวกพระอุโบสถวัดชลอวัดอัมพวันวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์วัดเสาธงทองสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นนทบุรี
การขนส่ง[แก้]ระบบราง[แก้]
ท่าเรือ[แก้]
บุคคลที่มีชื่อเสียง[แก้]พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) พระสงฆ์
อ้างอิง[แก้]
|