การพยาบาลผ ป วยท ม โรคของน วน ำด ถ งน ำด

Page 107 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค

  1. 107

ปัจจัยท​ ี่​มี​อิทธิพล​ต่อภ​ าวะส​ ุขภาพ​ของ​ประชากร 3-53
เป็น 3 ส่วน ได้แก่ ปัจจัยน​ ำ​เข้าข​ องร​ ะบบ​บริการ​สุขภาพ การ​จัดบ​ ริการส​ ุขภาพ และ​สมรรถนะ​ของร​ ะบบ​บริการส​ ุขภาพ  
ซึ่ง​เป็นผ​ ลผลิต​ของร​ ะบบ​ริ​การส​ ุขภาพ (สุ​วิทย์ วิบุลผ​ ล​ประเสริฐ 2552)
       สำหรับ​ปัจจัย​ด้าน​ระบบ​ริ​การ​สุขภาพ​กับ​สุขภาพ​นั้น มี​ความ​สำคัญ​ต่อ​การ​ลด​การ​สูญ​เสีย​ทั้ง​จาก​การ​ป่วย​  
และ​การ​ตาย โดย​กลไก​ด้าน​บริการ​สุขภาพ​จะ​เข้าไป​มี​ส่วน​ใน​ขั้น​ตอน​ต่างๆ ของ​การ​เกิด​โรค​หรือ​การ​บาด​เจ็บ​ไป​จนถึง​  
การ​ตาย เมื่อ​พิจารณา​ขั้น​ตอน​ของ​การ​เกิด​โรค​ไป​จนถึง​การ​ตาย​พบ​ว่า ประชาชน​ทั่วไป​ที่​เป็นก​ลุ่ม​เสี่ยง​ต่อ​การ​เกิด​โรค​  
จาก​การ​สัมผัส​กับ​ปัจจัย​เสี่ยง ซึ่ง​เป็น​พฤติกรรม​และ​ปัจจัย​ภายนอก​ที่​มี​ผล​ต่อ​สุขภาพ หลัง​จาก​สัมผัส​ปัจจัย​เสี่ยง​แล้ว  
ส่วนห​ นึ่งจ​ ะพ​ ัฒนาเ​ป็นโ​รคห​ รือก​ ารบ​ าดเ​จ็บ บางส​ ่วนเ​สียช​ ีวิตจ​ ากโ​รคห​ รือก​ ารบ​ าดเ​จ็บน​ ั้นร​ ุนแรง บางส​ ่วนม​ ีค​ วามพ​ ิการ​  
หรือค​ วาม​ยาก​ลำบาก​ในก​ าร​ดำรงช​ ีวิต ปัจจัย​ด้าน​ระบบบ​ ริการ​สุขภาพ​จะ​อยู่​ใน​รูปข​ อง​กิจกรรมต​ ่างๆ เช่น การป​ ้องกัน​  
ปัจจัย​เสี่ยง เป็นต้น ซึ่ง​ช่วย​ลด​การ​สัมผัส​ปัจจัย​เสี่ยง การ​ตรวจ​คัด​กรอง​และ​รักษา​ปัจจัย​เสี่ยง​เพื่อ​การ​ป้องกัน​โรค  
การต​ รวจค​ ัดก​ รองโ​รคเ​พื่อก​ ารต​ รวจพ​ บโ​รคใ​นร​ ะยะแ​ รก และเ​พื่อท​ ีจ่​ ะส​ ามารถใ​ห้การร​ ักษา รวมถ​ ึงก​ ารว​ ินิจฉัยโ​รคอ​ ย่าง​  
เพียง​พอ​และเ​หมาะ​สม เพื่อล​ ด​ผลกร​ ะ​ทบต​ ่อร​ ่างกาย​และจ​ ิตใจ​ให้ส​ ามารถด​ ำรง​ชีวิตไ​ด้​อย่าง​มีค​ ุณภาพช​ ีวิตท​ ี่ด​ ี (สุ​วิทย์  
วิบุล​ผล​ประเสริฐ และพ​ ินิจ ฟ้า​อำนวยผล 2548)
       จาก​ธรรมนูญ​องค์การ​อนามัย​โลก (WHO, 2000) ซึ่ง​ได้​รับรอง​จาก​ประเทศ​สมาชิก​ทั่ว​โลก​ไว้​อย่าง​ชัดเจน  
กล่าว​ถึง บริการส​ ุขภาพ​ที่ไ​ด้ม​ าตรฐานใ​น​ระดับส​ ูงสุด​เท่าท​ ี่ส​ ังคม​จะส​ ามารถ​เอื้อ​ให้ไ​ด้ เป็น​สิทธิพ​ ื้น​ฐานข​ อง​มนุษย์​ที่จ​ ะ​  
พึงไ​ด้ร​ ับอ​ ย่างท​ ัดเทียมก​ ัน โดยป​ ราศจากก​ ารแ​ บ่งแ​ ยกใ​นเ​รื่องเ​ชื้อช​ าติ ศาสนา ความเ​ชื่อท​ างการเ​มือง หรือเ​งื่อนไ​ขอ​ ื่นๆ  
ทางเ​ศรษฐกิจแ​ ละส​ ังคม ปัจจุบันส​ ำหรับป​ ระเทศไทยต​ ามพร​ ะร​ าชบ​ ัญญัติส​ ุขภาพแ​ ห่งช​ าติ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 “บริการ​  
สาธารณสุข” หมายความ​ว่า บริการ​ต่างๆ อันเ​กี่ยวก​ ับ​การส​ ร้าง​เสริมสุข​ภาพ การป​ ้องกัน​และค​ วบคุม​โรคแ​ ละ​ปัจจัยท​ ี่​  
คุกคามส​ ุขภาพ การ​ตรวจ​วินิจฉัยแ​ ละ​บำบัด​สภาวะ​ความเ​จ็บป​ ่วย และ​การฟ​ ื้นฟู​สมรรถภาพข​ อง​บุคคล ครอบครัว​และ​  
ชุมชน นอกจาก​นี้ ระบบ​ริ​การ​สุขภาพ​ที่​ดี​ควร​จะ​ต้อง​เป็น​ระบบ​ที่​นำ​สู่​การ​บรรลุ​วิสัย​ทัศน์​ของ​แผน​พัฒนา​สุขภาพ​ที่​ว่า  
คนในส​ ังคมไ​ทยท​ ุกค​ นม​ หี​ ลักป​ ระกันท​ ีจ่​ ะด​ ำรงช​ ีวิตอ​ ย่างม​ สี​ ุขภ​ าวะแ​ ละเ​ข้าถ​ ึงบ​ ริการส​ ุขภาพท​ ีม่​ คี​ ุณภาพอ​ ย่างเ​สมอภ​ าค  
รวมท​ ั้งอ​ ยู่ใ​นค​ รอบครัว ชุมชน และส​ ังคมท​ ี่ม​ ีค​ วามพ​ อเ​พียงด​ ้านส​ ุขภาพ มี​ศักยภาพ มี​การเ​รียนร​ ู้​และม​ ีส​ ่วนร​ ่วมใ​นก​ าร​  
จัดการ​สุขภาพ​โดย​สามารถ​ใช้​ประโยชน์ท​ ั้งจ​ าก​ภูมิป​ ัญญา​สากลแ​ ละภ​ ูมิปัญญา​ไทย​ได้​อย่าง​รู้​เท่าท​ ัน
       อย่างไร​ก็ตาม ยังพ​ บว​ ่า ปัญหาร​ ะบบ​ริ​การส​ ุขภาพ​ของป​ ระเทศไทย​ยัง​คงด​ ำรงอ​ ยู่ อัน​เนื่อง​มา​จาก  
  1. การก​ระ​จาย​เจ้า​หน้าที่​สาธารณสุข​ไม่​เพียง​พอ​โดย​เฉพาะ แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล รวม​ถึง​ เจ้า​หน้าที่​ด้าน​วิชา​ชี​พอื่นๆ ที่​จำเป็น​สำหรับ​รองรับ​ปัญหา​ด้าน​สาธารณสุข​ที่​ทวี​จำนวน​มาก​ขึ้น เช่น นัก​กายภาพบำบัด อาชีว​บำบัด เป็นต้น รวม​ถึงบ​ ุคลากรท​ ี่​ไม่ใช่ส​ ายว​ ิชาชีพ เช่น ผู้​ช่วย​ผู้​ดูแลผ​ ู้​สูงอ​ ายุ เป็นต้น
  2. การ​ขาด​ความ​เป็น​ธรรม​ใน​การก​ระ​จาย​ของ​บุคลากร​สาธารณสุข รวม​ถึง​การก​ระ​จาย​ของ​โรง​พยาบาล​ ตติย​ภูมิช​ ั้น​สูง​ที่​มีก​ ารก​ระจ​ ุกต​ ัว​บางพ​ ื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร เป็นต้น ในข​ ณะ​ที่​บางเ​ขตพ​ ื้นที่​ไม่มี​บริการด​ ัง​กล่าว
  3. บริการ​ที่​จำเป็น​สำหรับ​ปัญหา​สุขภาพ​ใหม่ เช่น บริการ​ระยะ​กลาง​และ​บริการ​ระยะ​ยาว​สำหรับ​ผู้​มี​ภาวะ​ ทุพพลภาพ​หรือ​พิการ เป็นต้น ทั้งใ​นช​ ุมชน​และ​ในส​ ถาบัน​ยังไ​ม่​ได้​รับก​ ารพ​ ัฒนาเ​ท่า​ที่​ควร บริการฟ​ ื้นฟู​สมรรถภาพ​ทาง​ กายท​ ั้งช​ ั่วคราวแ​ ละถ​ าวรเ​กือบท​ ั้งหมดจ​ ำกัดอ​ ยู่ใ​นโ​รงพ​ ยาบาลใ​หญ่ ซึ่งเ​ป็นข​ ้อจ​ ำกัดใ​นก​ ารเ​ข้าถ​ ึงบ​ ริการส​ ำหรับผ​ ูป้​ ่วยท​ ี​่ มี​ภาวะท​ ุพพลภาพโ​ดย​เฉพาะ​สำหรับผ​ ู้​ป่วยท​ ี่​อยู่​ในช​ นบท
  4. ระบบ​บริการ​ปฐมภ​ ูมิข​ าดค​ ุณภาพแ​ ละไ​ม่เ​ข้มแ​ ข็ง แม้ว่า จะม​ ีแ​ นวคิด​ในก​ ารผ​ ลักด​ ันใ​ห้เ​กิดบ​ ริการป​ ฐมภ​ ูม​ิ ซึ่ง​ครอบคลุม​บริการ​สาธารณสุข​มูลฐาน​ด้วย แต่​ใน​ทาง​ปฏิบัติ​ยัง​ไม่มี​การ​ดำเนิน​การ​ผลัก​ดัน​อย่าง​เป็น​ระบบ สถาน​ บริการ​ปฐม​ภูมิ​ของ​รัฐ​ซึ่ง​ส่วน​ใหญ่​อยู่​ใน​สังกัด​กระทรวง​สาธารณสุข​มี​บุคลากร​ไม่​เพียง​พอ และ​ได้​รับ​งบ​ประมาณ​เพิ่ม​ เตมิ น​ อ้ ยก​ วา่ บ​ รกิ ารร​ กั ษาเ​ฉพาะท​ างอ​ ยา่ งช​ ดั เจน ในส​ ว่ นค​ ลนิ กิ เ​อกชนเ​ริม่ ม​ บ​ี างส​ ว่ นใ​หบ​้ รกิ ารอ​ ยา่ งร​ อบด​ า้ นต​ ามแ​ นวคดิ ​ บริการส​ าธารณสุขป​ ฐมภ​ มู ภิ​ ายใ​ตร้​ ะบบห​ ลักป​ ระกนั ส​ ขุ ภาพถ​ ้วนห​ นา้ แตค่​ ลนิ ิกส​ ่วนใ​หญย่​ ังเ​น้นใ​หบ้​ รกิ ารร​ ักษาพ​ ยาบาล​ ลิขสิทธขิ์ องมหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช `
Page 117 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
  1. 117
การเ​สริม​พลังใ​นก​ ารส​ ่งเ​สริมสุข​ภาพแ​ ละ​การป้องกัน​โรค 5-5 เรอื่ งท​ ี่ 5.1.1 ความห​ มายแ​ ละค​ วามส​ ำคัญข​ อง​การเ​สรมิ พ​ ลัง​ ในก​ าร​ส่ง​เสริมสขุ ภ​ าพแ​ ละ​การปอ้ งกนั โ​รค
   ปัจจุบัน คำ​ว่า การ​เสริม​พลัง (Empowerment) เป็น​คำ​ที่​ได้​รับ​ความ​นิยม​และ​ใช้​กัน​อย่าง​แพร่​หลาย​  
ทั้ง​ในก​ ารส​ ่ง​เสริมสุข​ภาพ การพ​ ัฒนาการ​เมือง​การ​ปกครอง การ​จัดการ​ทรัพยากร​มนุษย์ ฯลฯ ซึ่งก​ ารนำไ​ปใ​ช้​ในแ​ ต่ละ​ บริบท​อาจม​ ีค​ วาม​หมายท​ ี่แ​ ตก​ต่าง​กัน ตลอดจ​ น​มีก​ ารนำ​แนวคิด​ไปป​ ฏิบัติ​ที่ห​ ลาก​หลาย ดังน​ ั้นใ​นเ​รื่อง​นี้​จึง​ขอก​ ล่าวถ​ ึง ความ​หมาย และ​ความส​ ำคัญ​ของ​การเ​สริม​พลัง​ใน​การส​ ่งเ​สริมสุข​ภาพแ​ ละ​ป้องกันโ​รค

  1. ความ​หมาย​ของ​การเ​สริม​พลัง
       คำ​ว่า การ​เสริม​พลัง หรือ​การ​สร้าง​พลัง (Empowerment) เป็น​คำ​ที่​นำ​มา​ใช้​และ​ได้​รับ​ความ​นิยม​อย่าง​  
    
    แพร่​หลาย​ใน​วงการ​ต่างๆ โดย​เฉพาะ​ใน​การ​ส่ง​เสริมสุข​ภาพ​และ​คุณภาพ​ชีวิต​ของ​ประชาชน เป็น​คำ​สำคัญ​ใน​ตัว​ชี้​วัด​ ของ​โรง​พยาบาล​ส่ง​เสริมสุข​ภาพ ที่​เน้น​การ​เสริม​พลัง​ผู้​ป่วย​และ​ญาติ และ​การ​เสริม​พลัง​ชุมชน อย่างไร​ก็ตาม​บุคคล​ จำนวน​มากย​ ังข​ าดค​ วาม​เข้าใจ หรือเ​ข้าใจ​ใน​ความห​ มายข​ อง​การเ​สริมพ​ ลังท​ ี่​ไม่ต​ รง​กัน
       เมื่อก​ ล่าว​ถึง​พลังอ​ ำนาจ คน​ส่วนใ​หญ่จ​ ะ​มองถ​ ึง​การค​ วบคุม การไ​ปม​ ีอ​ ำนาจเ​หนือค​ นอ​ ื่น นั่น​คือ เมื่อฝ​ ่ายห​ นึ่ง​  
    
    มี​อำนาจ อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​จะ​ถูก​ริ​ดรอ​นอำ​นาจ แต่​สำหรับ​มุม​มอง​ของ​การ​เสริม​พลัง จะ​มอง​ว่า เป็น​พลัง​อำนาจ​ที่​เกิด​จาก​ ความ​ร่วมม​ ือ การ​แบ่ง​ปัน และก​ ารร​ วม​ตัวก​ ัน ทำให้เ​กิด​ความ​เข้ม​แข็ง ดังน​ ั้น​การ​เสริม​พลัง​จึงเ​ป็นการเ​พิ่มอ​ ำนาจใ​ห้ก​ ับ​ ผู้อ​ ื่น​แทน​การไ​ป​ลด​อำนาจ ซึ่งม​ ีผ​ ู้​ให้​คำ​นิยาม​คำ​ว่า การเ​สริมพ​ ลังไ​ว้​จำนวนม​ าก ดังนี้
       เรพพ​ าพ​ อร์ต (Rappaport, 1984) ให้​ความห​ มายข​ อง​การ​เสริมพ​ ลัง​ว่า เป็นก​ระบ​ วน​การท​ ี่​บุคคล องค์กร และ​  
    
    ชุมชน​เพิ่ม​ความ​สามารถ​ในก​ ารค​ วบคุม​ชีวิตข​ องต​ น
       มิงค์​เลอ​ร์ (Minkler, 1990) ให้​นิยาม การเ​สริมพ​ ลังว่า เป็นก​ระบ​ วน​การท​ ี่​บุคคล​และช​ ุมชนส​ ามารถ​ที่จ​ ะใ​ช​้  
    
    อำนาจ​และก​ ารก​ระท​ ำอ​ ย่าง​มีป​ ระสิทธิผลใ​นก​ าร​เปลี่ยนแปลง​ชีวิต​และส​ ิ่ง​แวดล้อม​ของ​ตน
       วอล​เลอ​ร์​สตี​น และ​เบอร์น​สตี​น (Wallerstein and Bernstein, 1988) อธิบาย​ว่า การ​เสริม​พลังเป็น​  
    
    ก​ระ​บวน​การก​ระ​ทำ​ทาง​สังคม (Social Action Process) ที่​ส่ง​เสริม​ให้​บุคคล องค์กร และ​ชุมชน​สามารถ​ควบคุม​ ตนเอง (Autonomy) หรือม​ ีค​ วาม​สามารถใ​นก​ าร​เลือกแ​ ละก​ ำหนดอ​ นาคต​ของต​ น ชุมชน และส​ ังคม​ได้
       กิบส​ ัน (Gibson, 1991) ได้ก​ ล่าวส​ รุป การเ​สริมพ​ ลังว​ ่า เป็นกร​ ะบ​ วนก​ ารท​ างส​ ังคมท​ ี่ม​ ีก​ ารย​ อมรับ การส​ ่งเ​สริม  
    
    และ​เสริม​สร้าง​ความ​สามารถข​ องบ​ ุคคล ใน​การต​ อบ​สนองค​ วาม​ต้องการข​ องต​ นเอง และ​แก้ป​ ัญหา​ด้วย​ตนเอง รวม​ถึง​ ความส​ ามารถใ​น​การร​ ะดม​ทรัพยากรท​ ี่จ​ ำเป็น เพื่อน​ ำ​ไปส​ ู่​การ​มี​ความร​ ู้สึก​เชื่อม​ ั่น​ในต​ นเองใ​นก​ ารค​ วบคุมห​ รือก​ ำหนด​ ชีวิตข​ อง​ตนเองไ​ด้
       นิต​ยา เพ็ญ​ศิริ​นภา (2543) กล่าว​ว่า การ​เสริม​พลัง​เป็นก​ระ​บวน​การ​พัฒนา​ศักยภาพ​ของ​บุคคล กลุ่ม และ​  
    
    ชุมชน ให้​สามารถ​จัดการ​แก้ไข​ปัญหา​ของ​ตน โดย​การ​ร่วม​มือ​กัน​ทำ​กิจกรรม​และ​ควบคุม​สิ่ง​ต่างๆ เพื่อ​เปลี่ยนแปลง​ ชีวิต​และส​ ิ่งแ​ วดล้อมท​ ี่ต​ น​อาศัย​อยู่
       บัม (Baum, 2002: 325) ได้​สรุป​นิยาม​ของ​การ​เสริม​พลัง​ว่า หมาย​ถึง ความ​สามารถ​ของ​ประชาชน​ใน​  
    
    การ​ทำความ​เข้าใจ​และ​ควบคุม​ปัจจัย​ด้าน​ตนเอง สังคม เศรษฐกิจ และ​การเมือง เพื่อ​ที่​จะ​เปลี่ยนแปลง​สถานการณ​์ ของ​ชีวิตใ​ห้ด​ ี​ขึ้น
                              ลิขสทิ ธ์ขิ องมหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช
    
    `