องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ฟ้าหลวง99/9 หมู่ 5 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 57240 Show
โทรฯ : 053-767465-7 แฟ็กซ์ ต่อ 107 อีเมล์ : [email protected] fb อบต แม่ฟ้าหลวง ผู้เข้าชมเว็บทั้งหมด 379,413 ครั้ง , ออนไลน์ขณะนี้ 1 คน เมืองเชียงรายมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นที่ตั้งของหิรัญนครเงินยางเชียงแสน ซึ่งเป็นนครหลวงก่อนการกำเนิดอาณาจักรล้านนา มี "คำเมือง" เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในรูปแบบล้านนา ไทใหญ่ ไทเขิน และไทลื้อจากสิบสองปันนาผสมผสานกัน นอกจากนี้จังหวัดเชียงรายยังขึ้นชื่อว่าเป็น "เมืองศิลปะ"และเป็นที่เกิดของศิลปินที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงการศิลปะไทย โดยเฉพาะ ถวัลย์ ดัชนี ผู้สร้างสรรค์บ้านดำ และเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้สร้างสรรค์วัดร่องขุ่นและหอนาฬิกาเมืองเชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงรายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของศิลปิน และเป็นแบบอย่างของวัดร่องเสือเต้นซึ่งเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ประวัติศาสตร์[แก้]สมัยราชวงศ์มังราย[แก้]พงศาวดารโยนกว่า พญามังรายสร้างขึ้น ณ ที่ซึ่งเดิมเป็นเวียงไชยนารายณ์ เมื่อ พ.ศ. 1805 และครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงรายจนถึง พ.ศ. 1839 จึงไปสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นในท้องที่ระหว่างดอยสุเทพกับแม่น้ำปิง และครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่จนถึง พ.ศ. 1854 ส่วนตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ระบุว่า พญามังรายทรงเสด็จตามช้างมาทางทิศตะวันออกแล้วเห็นชัยภูมิเหมาะแก่การสร้างเมืองริมฝั่งน้ำแม่กก จึงสร้างเป็นเวียงล้อมรอบดอยจอมทองไว้ในปี พ.ศ. 1805 สำหรับเมืองเชียงรายนั้น เมื่อพญามังรายย้ายไปครองราชสมบัติที่เมืองเชียงใหม่แล้ว พระราชโอรสคือ ขุนครามหรืออีกชื่อหนึ่งว่าพญาไชยสงครามก็ได้ครองราชสมบัติสืบต่อมา นับแต่นั้นเมืองเชียงรายก็ขึ้นต่อเมืองเชียงใหม่ สมัยล้านนาภายใต้การปกครองของพม่า[แก้]ครั้นต่อมาเมื่อล้านนาตกไปอยู่ในปกครองของพม่า ในปี พ.ศ. 2101 พม่าได้ตั้งขุนนางปกครองเมืองเชียงรายเรื่อยมา หลังจากนั้น พ.ศ. 2317 เจ้ากาวิละแห่งลำปางได้สวามิภักดิ์ต่อกรุงเทพฯ ทำให้หัวเมืองล้านนาฝ่ายใต้ตกเป็นประเทศราชของสยาม ขณะที่เชียงรายและหัวเมืองล้านนาฝ่านเหนืออื่น ๆ ยังคงอยู่ใต้อำนาจพม่า ล้านนากลายเป็นพื้นที่แย่งชิงอำนาจระหว่างสยามกับพม่า ในช่วงเวลาดังกล่าวเมืองเชียงรายเริ่มร้างผู้คน ประชาชนอพยพหนีภัยสงครามไปอยู่เมืองอื่น บ้างก็ถูกกวาดต้อนลงไปทางใต้ พ.ศ. 2247 เมืองเชียงแสนฐานที่มั่นสุดท้ายของพม่า ถูกกองทัพเชียงใหม่ ลำปาง และน่าน ตีแตก เมืองเชียงรายจึงกลายสภาพเป็นเมืองร้างตามเมืองเชียงแสน สมัยล้านนาภายใต้การปกครองของสยาม[แก้]ในปี พ.ศ. 2386 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้เจ้าหลวงเชียงใหม่ฟื้นฟูเชียงรายขึ้นใหม่ ภายหลังเมืองเชียงรายได้เป็นส่วนหนึ่งของมณฑลพายัพ กระทั่งปี พ.ศ. 2453 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีประกาศกระทรวงมหาดไทย ยกฐานะเมืองเชียงรายเป็นเมืองจัตวามณฑลพายัพ ใน พ.ศ. 2453 เมืองเชียงแสน เมืองเชียงราย เมืองฝาง เวียงป่าเป้า เมืองพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอแม่สรวย อำเภอเชียงคำ อำเภอเชียงของ ตั้งเป็นเมืองจัตวาเรียกว่าเมืองเชียงราย อยู่ในมณฑลพายัพ และจัดแบ่งการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเมืองเชียงแสน อำเภอเมืองฝาง อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอเมืองพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอแม่สรวย อำเภอเชียงคำ และอำเภอเชียงของ เหมือนอย่างหัวเมืองชั้นในที่ขึ้นกับกรุงเทพมหานครทั้งปวง ภายหลังเมืองเชียงรายได้เปลี่ยนเป็นจังหวัดเชียงราย การเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด[แก้]ตั้งแต่มีการตั้งจังหวัดเชียงราย อาณาเขตของจังหวัดเชียงรายมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นลำดับ โดยมีการโอนพื้นที่บางส่วน ไปขึ้นกับจังหวัดข้างง และโอนพื้นที่จังหวัดข้างเคียง เข้ามารวมกับจังหวัดเชียงราย รวมถึงการแบ่งพื้นที่บางส่วน ตั้งเป็นจังหวัดใหม่ ดังนี้ การโอนอำเภอเมืองฝาง ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่ มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โอนอำเภอเมืองฝาง จังหวัดเชียงรายไปขึ้นจังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากความลำบากในการเดินทางติดต่อราชการ ปัจจุบันคือ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ การโอนหมู่ 7 ตำบลป่าตึง อำเภอเชียงแสน ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่ พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด พุทธศักราช 2479 ได้มีการโอนพื้นที่เหนือลำน้ำแม่งามในเขตตำบลป่าตึง อำเภอเชียงแสนในขณะนั้น (อำเภอแม่จันในปัจจุบัน)ไปขึ้นตำบลแม่อาย อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันอยู่ในเขต ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ การโอนอำเภอปง จังหวัดน่าน มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย ตามพระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแพร่ พ.ศ. 2495 ได้มีการโอนอำเภอปง จังหวัดน่าน ยกเว้น ตำบลสวด (อำเภอบ้านหลวง ในปัจจุบัน) มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย (สีเขียว) และโอนตำบลสะเอียบ (สีส้ม) อำเภอปง ไปขึ้นกับอำเภอสอง จังหวัดแพร่ การโอนหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควน อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และโอนตำบลยอด อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 137 ซึ่งมีสถานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติซึ่งออกตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 กำหนดให้เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน โดยโอนหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควน อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และโอนตำบลยอด อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน การแบ่งพื้นที่บางส่วนตั้งเป็นจังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 ได้แบ่งแยกพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของจังหวัดจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดพะเยา แผนที่ ปีที่เปลี่ยนแปลง (พ.ศ.) การเปลี่ยนแปลง 2453-2468 แผนที่จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2453-24682468 การโอนพื้นที่อำเภอเมืองฝาง (สีแดง) จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่2479 การโอนพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลป่าตึง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ในขณะนั้น (สีแดง) ไปขึ้นกับจังหวัดเชียงใหม่2495 การโอนพื้นที่อำเภอปง จังหวัดน่าน ยกเว้น ตำบลสวด(สีเขียว) มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย และโอนตำบลสะเอียบ (สีส้ม) ไปขึ้นกับอำเภอสอง จังหวัดแพร่2515 โอนหมู่บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลควน อำเภอปง (สีฟ้า) จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และโอนตำบลยอด (สีแดง) อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน2520 การแบ่งพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพะเยา อำเภอแม่ใจ อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน และอำเภอเชียงคำ ไปตั้งเป็นจังหวัดพะเยาภูมิศาสตร์[แก้]ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]จังหวัดเชียงรายตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของประเทศไทย อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 19 องศาเหนือ ถึง 20 องศา 30 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศา 15 ลิปดา ถึง 100 องศา 45 ลิปดาตะวันออก
จังหวัดเชียงรายมีชายแดนติดกับประเทศพม่าประมาณ 130 กิโลเมตร และมีชายแดนติดต่อกับประเทศลาวประมาณ 180 กิโลเมตร เป็นเพียงหนึ่งในสองจังหวัดของประเทศไทยที่มีอาณาเขตชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยกันถึงสองประเทศในจังหวัดเดียว ภูมิประเทศ[แก้]อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ภูเขาหินปูนในเขตอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ 11,678.369 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7,290,000 ไร่ มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงในทวีปตอนเหนือ (North Continental Highland) มีพื้นที่ราบสูงเป็นหย่อม ๆ ในเขตอำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า และอำเภอเชียงของ บริเวณเทือกเขาจะมีความสูงประมาณ 1,500-2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมีดอยลังกาหลวง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัด มีความสูง 2,031 เมตรบริเวณส่วนที่ราบตามลุ่มแม่น้ำสำคัญในตอนกลางของพื้นที่ ได้แก่ อำเภอพาน อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ มีความสูงประมาณ 410-580 เมตร จากระดับน้ำทะเล ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีป่าไม้ปกคลุม บริเวณเทือกเขามีชั้นความสูง 1,500-2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีที่ราบเป็นหย่อม ๆ ในระหว่างหุบเขา และตามลุ่มน้ำสำคัญ จังหวัดเชียงรายมีภูเขาล้อมรอบโดยเฉพาะทางทิศตะวันตกเป็นแนวเทือกเขาผีปันน้ำ ติดต่อกันไปเป็นพืดตลอดเขตจังหวัด ภูมิอากาศ[แก้]จังหวัดเชียงรายมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 24 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน เริ่มจากกลางเดือนกุมภาพันธ์–กลางเดือนพฤษภาคม มีอุณหภูมิเฉลียประมาณ 32 องศาเซลเซียส ฤดูฝน เริ่มจากกลางเดือนพฤษภาคม–กลางเดือนตุลาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละ 1,768 มิลลิเมตร มากที่สุดในปี 2544 จำนวน 2,287.60 มิลลิเมตรน้อยที่สุดในปี 2546 จำนวน 1,404.10 มิลลิเมตร จำนวนวันที่มีฝนตกเฉลี่ย 143 วันต่อปี ฤดูหนาว เริ่มจากพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ จังหวัดเชียงรายมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15.0 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 0.9 - 1.0 องศาเซลเซียส 2542 สภาพอากาศของจังหวัดเชียงราย ถือว่าหนาวจัดในพื้นที่ราบ อุณหภูมิจะอยู่ที่ 7-9 องศาเซลเซียส ส่วนบนยอดดอย อุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ 0-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ -1.5 องศาที่ภูชี้ฟ้า ปลายปี 2556 จึงทำให้อากาศที่เชียงรายในช่วงฤดูหนาว เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวอยากมาเป็นอย่างมาก ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดเชียงราย เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 27.6 (81.7) 30.9 (87.6) 33.5 (92.3) 34.9 (94.8) 33.2 (91.8) 31.7 (89.1) 30.9 (87.6) 30.6 (87.1) 30.6 (87.1) 29.8 (85.6) 28.2 (82.8) 26.5 (79.7) 30.7 (87.3) อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) 18.9 (66) 21.1 (70) 24.1 (75.4) 26.8 (80.2) 27.0 (80.6) 26.8 (80.2) 26.4 (79.5) 26.1 (79) 25.8 (78.4) 24.5 (76.1) 22.0 (71.6) 18.8 (65.8) 24.0 (75.2) อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 11.9 (53.4) 12.9 (55.2) 15.9 (60.6) 19.7 (67.5) 22.0 (71.6) 22.9 (73.2) 22.8 (73) 22.6 (72.7) 22.0 (71.6) 20.3 (68.5) 17.0 (62.6) 12.8 (55) 18.6 (65.5) หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) 12.2 (0.48) 7.8 (0.307) 19.1 (0.752) 89.8 (3.535) 203.9 (8.028) 211.2 (8.315) 308.2 (12.134) 385.4 (15.173) 268.4 (10.567) 142.4 (5.606) 60.5 (2.382) 24.6 (0.969) 1,733.5 (68.248) วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย 2 1 3 10 17 19 22 24 18 12 6 3 137 แหล่งที่มา 1: Thai Meteorological Department แหล่งที่มา 2: Hong Kong Observatory ทรัพยากรป่าไม้[แก้]พื้นที่จังหวัดเชียงรายมีทั้งสิ้น 11.678.369 ตารางกิโลเมตร หรือ 7,298,981 ไร่ ในปี 2542 มีพื้นที่ป่าไม้จำนวน 2,365,967 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 32.42 ของพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายอุทยานแห่งชาติ[แก้]
วนอุทยาน[แก้]จังหวัดเชียงราย มีวนอุทยาน (Forest Park) ซึ่งเป็นแหล่งธรรมชาติที่รัฐจัดไว้ ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด จำนวน 27 แห่ง ดังนี้
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ป่าไม้รูปแบบอื่นอีก ดังต่อไปนี้
ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งแร่[แก้]
ในเขตอำเภอพญาเม็งราย แต่ไม่มีการผลิต
ทรัพยากรน้ำ[แก้]แม่น้ำโขงในเขตอำเภอเชียงของน้ำแม่กก แม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดเชียงรายแม่น้ำโขง/สามเหลี่ยมทองคำ
เศรษฐกิจ[แก้]ไร่ชา ในจังหวัดเชียงรายโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายมาจากการเกษตร ป่าไม้ และการประมงเป็นหลัก พืชสำคัญทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวโพด ชา เลี้ยงสัตว์ สัปปะรด มันสำปะหลัง ส้มโอ ลำไย และลิ้นจี่ ซึ่งทั้งคู่เป็นผลไม้สำคัญที่สามารถปลูกได้ในทุกอำเภอของจังหวัด นอกจากนี้จังหวัดเชียงรายยังขึ้นชื่อสำหรับการเพาะปลูกชา อันเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดเชียงรายในปี พ.ศ. 2561 นอกจากนี้จังหวัดเชียงรายยังเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในเชิงการท่องเที่ยว มีจำนวนผู้เยี่ยมเยียนจังหวัดเชียงรายทั้งหมดราว 3,600,000 คนในปี 2561 มากเป็นอันดับที่สองในภาคเหนือ รองจากจังหวัดเชียงใหม่ การท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับจังหวัดมากกว่า 28,500 บาท สัญลักษณ์[แก้]
การเมืองการปกครอง[แก้]หน่วยการปกครอง[แก้]การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]การปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็นระดับอำเภอ จำนวน 18 อำเภอ ระดับตำบล จำนวน 124 ตำบล และระดับหมู่บ้าน จำนวน 1,753 หมู่บ้าน ได้แก่ แผนที่อำเภอในจังหวัดเชียงราย ที่ ชื่ออำเภอ ตัวเมือง อักษรโรมัน จำนวนตำบล จำนวนประชากร ระยะห่างจาก ศาลากลางจังหวัด (กม.) 1. เมืองเชียงรายMueang Chiang Rai 16 223,725 - 2. เวียงชัยWiang Chai 5 44,036 13 3. เชียงของChiang Khong 7 62,328 101 4. เทิงThoeng 10 84,018 69 5. พานPhan 15 124,364 45 6. ป่าแดดPa Daet 5 26,362 56 7. แม่จันMae Chan 11 99,273 28 8. เชียงแสนChiang Saen 6 50,323 61 9. แม่สายMae Sai 8 85,266 61 10. แม่สรวยMae Suai 7 79,938 49 11. เวียงป่าเป้าWiang Pa Pao 7 67,092 93 12. พญาเม็งรายPhaya Mengrai 5 41,952 46 13. เวียงแก่นWiang Kaen 4 31,254 116 14. ขุนตาลKhun Tan 3 32,341 59 15. แม่ฟ้าหลวงMae Fa Luang 4 69,567 50 16. แม่ลาวMae Lao 5 30,631 23 17. เวียงเชียงรุ้งWiang Chiang Rung 3 26,740 31 18. ดอยหลวงDoi Luang 3 19,008 48การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมทั้งสิ้น 144 แห่งประกอบด้วย 1 เทศบาลนคร 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลจำแนกตามอำเภอ ดังนี้ อำเภอ เทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วนตำบล รวม เมืองเชียงราย 10 5 15 แม่จัน 8 5 13 แม่สาย 4 6 10 เชียงแสน 5 2 7 เชียงของ 7 1 8 เทิง 6 6 12 ป่าแดด 5 - 5 พาน 2 14 16 เวียงชัย 5 1 6 แม่สรวย 3 6 9 เวียงป่าเป้า 4 5 9 พญาเม็งราย 3 3 6 แม่ลาว 3 4 7 ขุนตาล 3 1 4 เวียงเชียงรุ้ง 1 3 4 เวียงแก่น 3 1 4 แม่ฟ้าหลวง - 4 4 ดอยหลวง - 3 3 รวมทั้งสิ้น 72 70 142 รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย[แก้]รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลำดับ รายชื่อ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 1 พระยารัตนอาณาเขต (เจ้าหนานธรรมลังกา) พ.ศ. 2386-2407 2 พระยารัตนอาณาเขต (เจ้าอุ่นเรือน) พ.ศ. 2407-2419 3 พระยารัตนอาณาเขต (เจ้าหนานสุริยะ) พ.ศ. 2419-2433 4 พระยารัตนาณาเขตร์ (เจ้าน้อยเมืองไชย) พ.ศ. 2433-2442 5 พระพลอาษา พ.ศ. 2442-2445 6 หลวงอาษาภูธร พ.ศ. 2445-2446 7 พระยารามราชภักดี พ.ศ. 2447-2450 8 พระยาอุดรกิจพิจารณ์ พ.ศ. 2450-2453 9 พระยารามราชเดช (ศุข ดิษยบุตร) พ.ศ. 2453-2458 10 พระราชโยธา (เจิม ปันยารชุน) พ.ศ. 2458-2460 11 พระยาราชเดชดำรง (ผล ศรุตานนท์) พ.ศ. 2460-2479 12 พระพนมครานุรักษ์ (ฮกไถ่ พิศาลบุตร) พ.ศ. 2479-2482 13 พันตำรวจเอก พระยานรากรบริรักษ์ พ.ศ. 2482-2485 14 หลวงรักษ์นราธร (โชค ชมธวัช) พ.ศ. 2485-2487 15 ขุนไตรกิตยานุกูล (อัมพร กิตยานุกุล) พ.ศ. 2487-2489 16 นายชลอ จารุจินดา พ.ศ. 2489-2490 17 ขุนวิสิฐอุดรการ (กรี วิสิฐอุดรการ) พ.ศ. 2490-2491 18 ขุนสนิทประชาราษฏร์ พ.ศ. 2491-2491 19 นายชลอ จารุจินดา พ.ศ. 2491-2492 20 พันตำรวจโท ขุนวีรเดชกำแหง (ชม จารุสิทธิ์) พ.ศ. 2492-2493 21 พันตรี เล็ก ทองสุนทร พ.ศ. 2493-2497 22 พันเอก จำรูญ จำรูญรณสิทธิ์ พ.ศ. 2497-2498 23 พันตำรวจเอก เลื่อน กฤษณามระ พ.ศ. 2498-2500 24 พันตำรวจเอก เนื่อง รายะนาค พ.ศ. 2500-2501 25 นายเครือ สุวรรณสิงห์ พ.ศ. 2501-2504 26 นายชูสง่า ไชยพันธุ์ (ฤทธิประศาสน์) พ.ศ. 2504-2512 27 นายสิทธิ์ สงวนน้อย 20 พฤษภาคม 2512 - 30 เมษายน 2513 28 นายประหยัด สมานมิตร 1 พฤษภาคม 2513 - 20 กันยายน 2513 29 นายศรศักดิ์ สุวรรณเทศ 1 ตุลาคม 2513 - 30 กันยายน 2514 30 พลตรี วิทย์ นิ่มนวล 1 ตุลาคม 2514 - 30 กันยายน 2516 31 นายชุ่ม บุญเรือง 1 ตุลาคม 2516 - 27 สิงหาคม 2522 32 นายศักดา อ้อพงษ์ 1 ตุลาคม 2522 - 30 กรกฎาคม 2525 33 นายมนตรี ตระหง่าน 1 ตุลาคม 2525 - 30 กันยายน 2528 34 นายอร่าม เอี่ยมอรุณ 1 ตุลาคม 2528 - 30 กันยายน 2531 35 นายบรรณสิทธิ์ สลับแสง 1 ตุลาคม 2531 - 30 เมษายน 2534 36 นายคำรณ บุณเชิด 1 ตุลาคม 2534 - 30 กันยายน 2539 37 นายวิจารณ์ ไชยนันทน์ 1 ตุลาคม 2539 - 30 กันยายน 2542 38 นายสำเริง ปุณโยปกรณ์ 1 ตุลาคม 2542 - 30 กันยายน 2544 39 นายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ 1 ตุลาคม 2544 - 27 ตุลาคม 2545 40 นายนรินทร์ พานิชกิจ 28 ตุลาคม 2545 - 30 กันยายน 2547 41 นายวรเกียรติ สมสร้อย 1 ตุลาคม 2547 - 28 กุมภาพันธ์ 2549 42 นายอุดม พัวสกุล 5 มิถุนายน 2549 - 12 พฤศจิกายน 2549 43 นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ 13 พฤศจิกายน 2549 - 30 กันยายน 2550 44 นายปรีชา กมลบุตร 1 ตุลาคม 2550 - 5 พฤษภาคม 2551 45 นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง 6 พฤษภาคม 2551 - 15 มีนาคม 2552 46 นายสุเมธ แสงนิ่มนวล 16 มีนาคม 2552 - 30 กันยายน 2553 47 นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ 1 ตุลาคม 2553 - 27 พฤศจิกายน 2554 48 นายธานินทร์ สุภาแสน 29 ธันวาคม 2554 - 7 ตุลาคม 2555 49 นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ 8 ตุลาคม 2555 - 30 กันยายน 2558 50 นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ 1 ตุลาคม 2558 - 4 เมษายน 2560 51 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร 4 เมษายน 2560 - 29 มิถุนายน 2561 52 นายประจญ ปรัชญ์สกุล 29 มิถุนายน 2561 - 30 กันยายน 2564 53 นายภาสกร บุญญลักษม์ 1 ตุลาคม 2564 - 2 ธันวาคม 2565 54 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ 2 ธันวาคม 2565 - ปัจจุบัน การเลือกตั้ง[แก้]ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดเชียงรายแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 7 เขต มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 7 คน โดยแต่ละเขตแบ่งออกดังนี้
ประชากร[แก้]สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎรจังหวัดเชียงรายปีประชากร±% 2522 922,850— 2525 946,188+2.5% 2528 981,124+3.7% 2531 1,009,608+2.9% 2534 1,048,299+3.8% 2537 1,251,581+19.4% 2540 1,261,138+0.8% 2543 1,259,988−0.1% 2546 1,214,981−3.6% 2549 1,225,713+0.9% 2552 1,194,933−2.5% 2555 1,200,423+0.5% 2558 1,277,950+6.5% 2561 1,292,130+1.1% 2564 1,298,425+0.5%ที่มา: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย วัดพระธาตุดอยตุงบ้านของชาวอาข่าในจังหวัดเชียงรายจังหวัดเชียงรายมีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา และชาวจีนฮ่อที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนดอยสูง แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ เป็นเสน่ห์ห์อีกอย่างที่ทำให้เชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ประชากรในเขตจังหวัดเชียงราย แบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม อาทิ
วัฒนธรรมและประเพณี[แก้]
ภาษา[แก้]
การจัดตั้งอำเภอและจังหวัด[แก้]การแบ่งพื้นที่บางอำเภอในอดีต เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอ และอำเภอต่าง ๆ[แก้]แผนที่จังหวัดเชียงราย แสดงสีตาม 7 อำเภอเดิมแบ่งพื้นที่อำเภอแม่จันตั้งเป็นอำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอดอยหลวง อำเภอแม่จัน เดิมชื่อว่าอำเภอเชียงแสน มีพื้นที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงราย (พื้นที่สีเขียวในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาถูกแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอและอำเภอต่าง ๆ ได้แก่ อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอดอยหลวง ตามลำดับ
แบ่งพื้นที่อำเภอเมืองเชียงรายเพื่อตั้งเป็นอำเภอเวียงชัยและอำเภอแม่ลาว อำเภอเมืองเชียงรายเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการของจังหวัดเดิมมีพื้นที่ครอบคลุมลุ่มน้ำแม่กกส่วนใหญ่ (พื้นที่สีส้มในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาแยกเป็น อำเภอเวียงชัย และอำเภอแม่ลาว และต่อมาอำเภอเวียงชัยได้แยกพื้นที่บางส่วนเพื่อตั้งเป็นอำเภอเวียงเชียงรุ้งตามลำดับ
แบ่งพื้นที่อำเภอเวียงชัยเพื่อตั้งเป็นอำเภอเวียงเชียงรุ้ง
แบ่งพื้นที่อำเภอพานเพื่อตั้งอำเภอป่าแดด อำเภอพาน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเขียงราย (พื้นที่สีฟ้าในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาได้แยกพื้นที่ตำบลป่าแดดเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอป่าแดด (หมายเลข 4 ในรูป 2)ในปี พ.ศ. 2512 และยกฐานะเป็นอำเภอป่าแดดในปี พ.ศ. 2518 แบ่งพื้นที่อำเภอเชียงของเพื่อตั้งอำเภอเวียงแก่น อำเภอเชียงของ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย (พื้นที่สีม่วงอ่อนในแผนที่ ในรูป 2) ต่อมาได้แยกตำบลปอ ตำบลหล่ายงาว และตำบลม่วงยายเพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอเวียงแก่น(หมายเลข 6) ในปี พ.ศ. 2530 และยกฐานะเป็นอำเภอเวียงแก่นในปี พ.ศ. 2538 แบ่งพื้นที่อำเภอเทิงเพื่อตั้งอำเภอพญาเม็งรายและอำเภอขุนตาล อำเภอเทิงเป็นอำเภอที่มีพื้นที่กว้างขวางตั้งอยู่ทิศตะวัตออกเฉียงใต้ของตัวจังหวัด (สีแดง ในรูป 2) ต่อมาได้แบ่งพื้นที่บางส่วนตั้งเป็นอำเภอพญาเม็งราย และอำเภอขุนตาล ตามลำดับ
การเสนอโครงการจัดตั้งกิ่งอำเภอต่าง ๆ ในช่วงปี พ.ศ. 2539-ปัจจุบัน[แก้]แผนที่จังหวัดเชียงราย แสดงพื้นที่ซึ่งเคยมีการเสนอ ให้มีการจัดตั้งกิ่งอำเภอขึ้น ดังนี้ 1.กิ่งอำเภอแม่เจดีย์ 2.กิ่งอำเภอวาวี 3.กิ่งอำเภอดอยสัก 4.กิ่งอำเภอปล้อง 5.กิ่งอำเภอแม่อ้อ หรือ กิ่งอำเภอพัชรกิติยาภา 6.กิ่งอำเภอเรืองนครเนื่องจากบางอำเภอของจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่กว้างใหญ่ แม้ว่าการคมนาคมจะสะดวกง่ายดายแต่ก็ใช้เวลานานในการเดินทางติดต่อราชการ รวมถึงบางพื้นที่ได้มีมีประชากรหนาแน่นขึ้นและมีความเจริญมากขึ้นเป็นลำดับ จึงมีการเสนอโครงการจัดตั้งกิ่งอำเภอต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 (ดังรูป 3) ดังนี้
การเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเทิงนคร[แก้]ในช่วงปี พ.ศ. 2540-2545 หลังจากได้มีการจัดตั้งหน่วยงานราชการระดับจังหวัด เช่น เรือนจำจังหวัดเทิง ศาลจังหวัดเทิง สำนักงานอัยการจังหวัดเทิง สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย สาขาเทิง จึงได้มีกระแสการเสนอรณรงค์เพื่อเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเทิงขึ้นโดยนักการเมืองในเขตอำเภอเทิง โดยใช้ชื่อที่ใช้ในการรณรงค์ในขณะนั้นว่า จังหวัดเทิงนคร โดยเสนอที่จะแยก อำเภอเทิง อำเภอเชียงของ อำเภอป่าแดด อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ แต่โครงการนี้ได้เงียบไปแและเป็นที่กล่าวถึงใหม่เป็นระยะ ๆ บนกระดานสนทนาต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต การเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของ[แก้]หลังจากมีการก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ขึ้นที่อำเภอเชียงของ ในปี พ.ศ. 2554 และมีโครงการเชียงของเมืองใหม่ขึ้นมารับการพัฒนาที่จะตามมาตามทางหลวงเอเชียสาย 3 (AH3) หรือเส้นทาง R3A จึงมีแนวคิดที่จะเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของ โดยแยกอำเภอเชียงแสน อำเภอดอยหลวง อำเภอเทิง อำเภอเชียงของ อำเภอป่าแดด อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล และอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ และก่อให้เกิดข้อถกเถียงบนกระดานข่าวในอินเทอร์เน็ตอยู่ระยะหนึ่งหลังจากมีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2554 อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวได้เงียบไปหลังจากนั้นไม่นาน แผนที่ โครงการจัดตั้งจังหวัดใหม่ แผนที่แสดง 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล อำเภอเวียงแก่น และ อำเภอเชียงของ ที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเทิงนครแผนที่แสดง 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอพญาเม็งราย อำเภอขุนตาล อำเภอเวียงแก่น อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงแสน และ อำเภอเชียงของที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของแผนที่แสดง 8 อำเภอ ที่มีการเสนอโครงการจัดตั้งจังหวัดเชียงของการศึกษา[แก้]จังหวัดเชียงรายรับรองระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา มีจำนวนสถานศึกษาทั้งสิ้น 916 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษาขั้นพื้นฐาน 590 แห่ง ตามมาด้วยสถาบันการศึกษาเอกชน 201 แห่ง และมีสถาบันอุดมศึกษา 8 แห่ง มีครู/อาจารย์ 18,178 คน และนักเรียน นักศึกษา 259,571 คน ซึ่งอัตราส่วนครู/อาจารย์ ต่อนักเรียน นักศึกษาเป็น 1:21 นักเรียนในสังกัดส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษา 90,007 คน รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 45,221 คน โรงเรียนสามัคคีวิทยาคมโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา[แก้]
สถาบันอุดมศึกษา[แก้]มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
สถาบันอุดมศึกษาเอกชน[แก้]
สาธารณสุข[แก้]จังหวัดเชียงรายมีโรงพยาบาลแผนปัจจุบัน 26 แห่ง มีเตียงจำนวนทั้งหมด 2,614 เตียง มีบุคลากรแพทย์ 521 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 4.44) พยาบาล 2,729 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 2.33) ทันตแพทย์ 141 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 1.20) และเภสัชกร 141 คน (อัตราส่วนต่อประชากรเป็น 2.08) โรงพยาบาลของรัฐ[แก้]
โรงพยาบาลเอกชน[แก้]
การขนส่ง[แก้]แผนที่โครงข่ายเส้นทางหลักในจังหวัดเชียงรายจังหวัดเชียงรายมีระบบขนส่งที่หลากหลายทั้งทางบก ทางอากาศ และทางรถไฟในอนาคต โดยเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางการบินที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และจังหวัดเชียงรายมีสถานีรถโดยสารประจำทาง 2 แห่ง สำหรับการขนส่งผู้โดยสารไปยังต่างอำเภอ และจังหวัดอื่น ๆ ทางด้านระบบขนส่งมวลชน มี รถสองแถว ตุ๊กตุ๊ก รถเมล์ แท็กซี่มิเตอร์ ให้บริการในพื้นที่เทศบาลนครเชียงราย และอำเภอใกล้เคียง สาธารณูปโภค[แก้]
กีฬา[แก้]จังหวัดเชียงรายมีการจัดการแข่งขันกีฬาในระดับประเทศหลายครั้ง ได้แก่ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ 2 ครั้ง กีฬาเยาวชนแห่งชาติ 1 ครั้ง และกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย 2 ครั้ง เชียงรายมีสโมสรฟุตบอลอาชีพ 3 สโมสร ได้แก่
สถานที่ท่องเที่ยว[แก้]วัดร่องขุ่น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ[แก้]
สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป[แก้]อำเภอเมืองเชียงราย
บุคคลที่มีชื่อเสียง[แก้]
บ้านพี่เมืองน้อง[แก้]อ้างอิง[แก้]
|