Trum ได เป นประธานาธ บด ม ผลก บประเทศไทยอย างไร

ในปี 2559 ภาพรวมของสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกและประเทศไทย มีแนวโน้มที่น่าจะปรับตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพียงเล็กน้อย ขณะที่ธุรกิจโทรคมนาคมของทั่วโลกยังคงมีอนาคตที่ดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะในประเทศไทยเริ่มมีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นโอกาสที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่จะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด บนพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อร่วมสร้างประโยชน์ให้ประเทศไทย มีโครงข่ายพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมที่เทียบเท่าประเทศพัฒนาอื่นๆ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ ที่จะขับเคลื่อนไทยเป็นศูนย์กลางของ AEC

สำหรับปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของกลุ่มทรูมีการเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น จากความมุ่งมั่นทุ่มเทขยายโครงข่าย พัฒนาเทคโนโลยีและการบริการ รวมทั้งการบริหารการเงินอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรทุกด้าน จนสามารถสร้างความแข็งแกร่ง มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ผมมั่นใจในโอกาสที่ทรูจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย โดยเฉพาะการชนะการประมูลคลื่นทั้ง 1800 MHz และ 900 MHz ซึ่งจะเพิ่มโอกาสและศักยภาพในการขยายเครือข่ายที่ครอบคลุมได้ทั่วประเทศอันเป็นพื้นฐานสำคัญของการดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม

ปี 2559 จึงนับได้ว่าเป็นอีกปีที่สำคัญยิ่งสำหรับกลุ่มทรู ที่มุ่งมั่นจะขยายธุรกิจก้าวสู่ผู้ให้บริการอันดับ 1 ของไทย ในด้านธุรกิจโมบาย ด้วยเครือข่ายที่มีคุณภาพมากที่สุด และการพัฒนางานด้านบริการที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศ เช่นเดียวกับการรักษาความเป็นผู้นำบรอดแบนด์ และโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก ผ่านยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เหนือกว่าของกลุ่มทรู ในฐานะองค์กรแรกและองค์กรเดียวที่สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี สินค้า และบริการ ให้รองรับการปรับเปลี่ยนของโลกที่ดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งนับเป็นการเตรียมความพร้อมในทุกมิติของธุรกิจกลุ่มทรู ที่จะเติบโตและสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงในระยะยาว

ในโอกาสนี้ ผมในนามของคณะกรรมการ ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้ความไว้วางใจในการดำเนินงานของบริษัท และขอขอบคุณผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีตลอดมา และผมเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของกลุ่มทรู จะสามารถสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้แก่ประเทศ ผู้ถือหุ้น และลูกค้าได้อย่างยั่งยืนต่อไป

วันนี้ (8 ม.ค.2564) แนนซี่ เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาว่า เกิดขึ้นจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยั่วยุให้เกิดเหตุจลาจลที่มีการใช้อาวุธเพื่อต่อต้านสหรัฐฯ บุกโจมตีอาคารรัฐสภาซึ่งถือเป็นวิหารแห่งประชาธิปไตยของชาวอเมริกัน และยังพุ่งเป้าใช้ความต่อสภาคองเกรส ถือเป็นรอยด่างตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีใช้อำนาจในบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา ฉบับที่ 25 วรรคที่ 4 ถอดถอนประธานาธิบดี ซึ่งให้อำนาจรองประธานาธิบดีขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการประธานาธิบดีได้

Trum ได เป นประธานาธ บด ม ผลก บประเทศไทยอย างไร

กรณีที่เห็นว่าประธานาธิบดีไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่บริหารประเทศได้อย่างเหมาะสมอีกต่อไป ซึ่งจะตีความว่าการยุยงปลุกปั่นมวลชนจนเกิดความรุนแรง ของทรัมป์ขัดต่ออำนาจประธานาธิบดีก็ได้ แต่ข้อนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดียอมร่วมมือด้วย

เปโลซี กล่าวว่า หากรองประธานาธิบดีไม่ยอมดำเนินการ สภาคองเกรสอาจจะเตรียมถอดถอนเอง

Trum ได เป นประธานาธ บด ม ผลก บประเทศไทยอย างไร

เช่นเดียวกับอดัม คินซิงเกอร์ สส.จากรัฐอิลลินอยส์ สังกัดพรรครีพับลิกัน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่มีความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ ทรัมป์จะต้องลงจากตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยโจ ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันเดียวกัน

ทั่วโลกตำหนิเหตุการณ์บุกรัฐสภาสหรัฐฯ

เหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาสร้างความตกตะลึงให้คนทั้งโลก และนำไปสู่เสียงวิจารณ์ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นต้นแบบของประชาธิปไตยอีกต่อไป โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ระบุว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทำผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง ที่ตั้งข้อสงสัยต่อการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม พร้อมประณามเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปด้านในเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ด้านโฆษกของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติกล่าวว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ทำให้เลขาธิการองค์การสหประชาชาติรู้สึกเสียใจเมื่อรับทราบเรื่องนี้ และสะท้อนว่าผู้นำทางการเมืองจำเป็นต้องชี้แนะให้ผู้ติดตามละเว้นจากการใช้ความรุนแรงและเคารพกระบวนการตามหลักประชาธิปไตย เคารพกฎหมาย

Trum ได เป นประธานาธ บด ม ผลก บประเทศไทยอย างไร

เช่นเดียวกับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของโปรตุเกสและตุรกี ที่ประณามการใช้ความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความประหลาดใจและแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ในขณะที่ชาวเซเนกัลหลายคน บอกว่าทั้งประหลาดใจและกังวลเมื่อทราบข่าวนี้ เพราะในทวีปแอฟริกาเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่สำหรับสหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นดินแดนแห่งประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปไตยของชาวอเมริกันกำลังถูกคุกคาม ในอดีตสหรัฐฯ คือต้นแบบของการพัฒนาและประชาธิปไตย แต่ตอนนี้เราไม่สามารถพูดแบบนั้นได้อีกแล้ว