The kings avartar quan zhi gao shouเล ม 26

ในยุคที่การค้าผ่านทางทะเลเพียงอย่างเดียว สีฟ้าครามลึกเกินหยั่งเต็มไปด้วยอันตราย สัตว์ร้ายในปกรณัมหาได้เป็นเพียงตำนาน และโจรสลัด หิวโหย และดุร้ายเสียยิ่งกว่าเลวีอาธานซึ่งแทบจะนับหัวคนที่เคยเจอมันได้บนสองมือ ต่างกับโจรสลัด ใช้เพียงมือข้างเดียวก็นับครบจำนวนลำเรือที่ไม่เคยปะทะกับพวกมัน

ยิ่งการค้ารุ่งเรือง สินค้าเพิ่มมูลค่า การปล้นชิงก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเช่นกัน

ทางการหาได้นิ่งนอนใจ ส่งกองเรือราชนาวีออกกวาดล้างภัยร้ายทางทะเล

ภายในไม่กี่ปี มีโจรสลัดหลายลำถูกทำลายจับกุมไปไม่น้อย ทว่าในหมู่โจรย่อมมีอภิมหาจอมโจร บอสใหญ่เลือดแกร่ง สกิลแพรวพราวเสียจนไร้ผู้ต่อกร

ลำแล้วลำเล่า เรือราชนาวีที่ถูกปั่นหัวโดยโจรสลัดกลุ่มนี้ บ้างถูกหลอกล่อจนหลงติดอยู่ในวังวนสามเหลี่ยมคำสาป บ้างไล่ตามจนถูกชักจูงเข้าน่านน้ำแห่งความตาย ชุกชุมไปด้วยสัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลโดยไม่ทันตั้งตัว

ฆ่าคน แต่มือตนไม่เปื้อนเลือด

คือวิธีการของกลุ่มโจรสลัดใบไม้แดง

ใบเมเปิ้ลแห่งสารทฤดู แดงฉานเป็นพื้นหลัง ทาบทับด้วยกะโหลกสัญลักษณ์บ่งบอกยี่ห้อโจรสลัด Lord Grim เรือรบปืนใหญ่ 8 กระบอก—ปล้นจากกองทัพมาอีกที—ไม่มีเรือลำไหน จะแข็งแกร่งไปกว่าเรือรบที่ราชอาณาจักรอัดฉีดอย่างเต็มที่อีกแล้ว (นโยบายจากกัปตันเขาล่ะ เจ๋ง!) อีกสาเหตุที่ทำให้กลุ่ม “ใบไม้แดง” หลุดรอดจากการจับกุมมาได้เสมอ

เยี่ยชิว หรือชื่อจริงคือเยี่ยซิว

ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้า หัวหน้าของกลุ่มใบไม้แดง กัปปิตันแห่ง Lord Grim โจรสลัดผู้มีที่มาลึกลับ หน้าตาเป็นปริศนา มากด้วยเล่ห์ แพรวพราวเสียจนไม่เคยมีใครสามารถจับตัวมากระชากหน้ากากสีเงินสวย ปิดบังครึ่งหน้านั่นออก เปิดเผยสิ่งซ่อนเร้นภายใต้นั้นได้

ด้วยวีรกรรมปล้นชิงเรือสินค้า หลอก—ให้อะไรสักอย่าง—ฆ่าเรือราชนาวี ค่าหัวของเยี่ยชิว สูงลิ่วจนสามารถเลี้ยงครอบครัวขนาดกลางได้หลายปี

ยอดฝีมือเดียวดาย ย่อมพ่ายคลื่นทะเลชน

ข้างกายเยี่ยชิว ลูกเรือแห่งใบแดง ล้วนแล้วแต่ฝีมือดี ทั้งบู๊และบุ๋น มีพร้อมไม่ขาดตก เหตุผลอีกอย่างที่แตกต่างจากพวกโจรถ่อยดีแต่กำลัง รู้จักแต่การเดินทะเลปล้นชิง คนของใบไม้แดงรู้จักการวางแผนรบ—การรบทางทะเล ที่ไม่ใช่เพียงแค่การหันปืนใหญ่ตะบี้ตะบันซัดลูกปืนเข้าใส่

เพราะพวกเขาแกร่งเกินไป เจ้าเล่ห์เกินไป และโลภจนเกินไป ทางการจึงตัดสินใจส่งผู้มีงีมือล้ำเลิศที่สุดมา พลเรือเอกหานเหวินชิง

……………………………………………………………….

Lord Grim แหวกว่ายผ่านฟองคลื่น ใบเมเปิ้ลซ้อนทับด้วยหัวกะโหลก สะบัดพลิ้วตามแรงลม ใบเรือถูกกางออกเต็มที่ เรือรบลำนี้กำลังแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด

แว่วเสียงของหนักกระทบผิวน้ำดังไล่หลัง เยี่ยซิวหน้าคล้ำไปสี่ส่วนเมื่อเห็นว่าภายใต้เลนส์กล้อง เรือรบราชนาวี ภายใต้บัญชาของกัปตันหานเหวินชิง ร่นระยะห่างเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว

หันกลับมามองข้างหน้า ความคล้ำบนใบหน้าแทบจะพุ่งเป็นแปดส่วน—ถ้าไม่มีหน้ากากปิด—ทะเลหมอกหนา มองเห็นเกาะน้อยใหญ่รูปร่างแปลกตาได้เรือนลาง หากยังแล่นตรงไป Lord Grim จะเข้าสู่แนวฟยอร์ด—หาดเว้าลึกรูปจันทร์เสี้ยว—แหล่งที่อยู่ของเหล่าปีศาจน้ำ ไซเรน

เดินเรือมานาน ใช่ว่าจะไม่เคยพบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดในทะเล แม้แต่นางเงือกเยี่ยซิวยังเคยจับมาขู่ อะแฮ่ม ต่อรอง เพื่อน้ำตานางเงือก สุดยอดยาอายุวัฒนะ แต่สำหรับไซเรน สัตว์ร้ายในร่างครึ่งคนผสมครึ่งปลาครึ่งนก ใช้เสียงกล่อมล่มเรือเดินสมุทร เยี่ยซิวไม่เคยเจอมาก่อน

เพราะพวกมันมีแหล่งอาศัยอยู่แค่เพียงบริเวณภูมิประเทศแปลกประหลาดอย่าง ฟยอร์ด ดินแดนปีศาจในบางความเชื่อ ที่แบบนั้นมันไร้ผู้คน ไม่มีท่าเรือ และเมื่อไร้ท่าเรือย่อมไม่มีเรือสินค้าที่ไหนมาให้เขาปล้นชิง

ไม่มีของมีค่า แล้วเยี่ยซิว—ผู้ไม่ยอมขาดทุน—จะลำบากขับเรือเข้าไปหามันทำไม จริงไหม

แต่วันนี้ดูท่าจะถึงเวลาที่เขาต้องไปเยี่ยมชมมันสักหน่อย ดูว่าไซเรนตัวเป็นๆ จะต่างจากเงือกไหม ปลาผสมนกจะน่าเกลียดขนาดไหน ปลอบใจตัวเองไปงั้น เขาไม่ได้อยากเจอ ตำนาน สักตัวของท้องทะเลหรอก แต่เมื่อคุณมีคนหน้าเหี้ยมขับเรือไล่ตามมาข้างหลัง พร้อมขบวนเรืออีก—เท่าไหร่ไม่รู้—ต่อท้าย ข้างหน้าจะเป็นนรกแบบไหน คุณก็ต้องเข้าไปแล้วล่ะ!

“กัปตันเยี่ยครับ ถ้าเรายังแล่นตรงไปแบบนี้ อีกไม่นานต้องเข้าไปในฟยอร์ดนะครับ!” เสียงนุ่มเอ่ยท้วงอย่างร้อนรน

ชายหนุ่มในชุดกะลาสี ผูกหางม้าขึ้นสูง ใบหน้าใสบิดเบี้ยวแบบคนอยากร้องไห้ มองดูท่าทางไม่ทุกข์ร้อน—เพราะหน้ากากบัง—ของกัปตันแล้ว หลานเหออยากโดดลงทะเล ว่ายน้ำกลับอาณาจักรมันซะเดี๋ยวนี้

ใช่แล้ว หนุ่มน้อยคนนี้คือ “หลานเหอ” บุตรชายคนเล็กของท่านดยุกอี้ชุน เจ้าผู้ครองเมืองหลานซีเก๋อ แห่งอาณาจักรหลานเหอนั่นเอง!

เพราะได้ยินมาว่าลูกชายคนสุดท้องของท่านดยุกไหวพริบดี มีความชำนาญการด้านติดต่อการค้า อีกทั้งยังสนใจการเดินทะเลเป็นอย่างมาก ติดแค่เพียงบิดาหวงไปหน่อย ถูกสั่งห้ามเข้าใกล้ท่าเรืออย่างเด็ดขาด

เยี่ยซิวที่กำลังคิดทำการบางอย่าง อยากได้คนมีหัวการค้าอยู่พอดี ประจวบเหมาะขณะกำลังแอบแฝงตัวอยู่ในตลาดของเมืองหลานซีเก๋อ บังเอิญพบเจอโม่งไม่เนียนบางคนเข้า หัวสมองประเมินเร็วจี๋ แอบสะกดรอยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เมื่อถึงที่ลับตาจึงจัดการสั่งลูกน้อง—อดีตอันธพาล—เปาจื่อ เข้าหาเรื่องทันที

หลานเหอมีฝีมือดาบ ทว่าห่างชั้นกับเปาจื่ออยู่มาก กรงเล็บตวัดปลดดาบในมือกระเด็นตกพื้น ยกขึ้นสูงหมายจ้วงแทงลงมายังกระหม่อม หมายปลิดชีพของบุตรชายแห่งดยุก

ชั่วขณะหนึ่ง หลานเหอนึกเสียใจที่ตนขัดคำสั่งบิดา แอบหนีออกมาตัวคนเดียว เสี้ยววินาทีที่คิดว่าตนต้องตายแน่แล้ว เบื้องหน้า เงาดำสายหนึ่งพลันกระโจนเข้ามา ตวัดอาวุธที่หลานเหอมั่นใจว่าเป็น ร่ม ขึ้นสกัดการโจมตีที่พุ่งลงมา

หลานเหอยืนตะลึง ทำไมมันไม่ขาด! นั่นแค่ร่มนะ! เสียงโลหะกระทบกันดังกังวานไปทั่วซอยร้าง จากนั้น พรึบ! หน้าร่มกางเปิดออกก่อนมันจะพับรวบไปอีกทาง ปลายร่มรวมกันจนมันดูพิกลพิกาล ส่วนด้ามพลันยืดยาวออก ดูคล้ายกับ ทวนยาว

บุรุษปริศนาสะบัด ทวน ในมือเข้าใส่อันธพาลตรงหน้า รวดเร็วและรุนแรงเสียจนมันตอบโต้แทบไม่ทัน ทุลักทุเลเสียจนไม่เหลือมาดกดข่มเขาเมื่อครู่ ปะทะกันไม่กี่กระบวนท่าใครตกเป็นรองอย่างชัดเจนย่อมแน่นอน เมื่อเห็นว่าสู้ต่อไปมีแต่ตาย เจ้าอันธพาลจึงใช้เล่ห์สกปรก ขณะม้วนตัวกลิ้งหลบทวนยาวที่แทงตรงเข้ามา มือหนึ่งคว้าอิฐตรงมุมกำแพง อีกมือแอบกำทรายเอาไว้ กระโดดผึงเข้าปาอิฐใส่ ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายชะงัก เล็งระดับสายตาแล้วปาทรายออกไป

หลานเหอเห็นพฤติกรรมไร้ยางอายเช่นนี้ เลือดอัศวินในกายพลันเดือดพล่าน ขณะกำลังจะอ้าปากด่ายอดฝีมือตรงหน้าพลันตวัดทวนขึ้นแล้ว พรึบ! หน้าร่วมพับกลับมากางออกในรูปแบบร่ม ร่มที่คราวนี้เป็นแค่ร่มจริงๆ เสียงซ่าๆ ของทรายกระทบหน้าร่ม หลานเหอหมดคำพูดทันที

อันธพาลฉวยจังหวะที่ทัศนวิสัยของอีกฝ่ายถูกบดบัง กระโดดเหยียบลังไม้ ตีลังกาขึ้นหลังคาบ้าน ก่อนจากไป ยังหันมาพูดประโยคหนึ่ง

“ฮะฮ้า! พี่ชายฝีมือไม่เลวเลย เห็นแก่วีรบุรุษช่วยสาวงาม วันนี้ข้าจะละเว้นให้ก่อนละกัน! ไปล่ะ” หลานเหอแทบกระอัก ใครเป็นสาวงามกันฮะ!

“เหอะๆ ” บุรุษปริศนาเพียงส่งเสียงในลำคอตามเงาหลังสูงไป มาตอนนี้หลานเหอถึงเพิ่งสังเกตว่าอาวุธพิสดารในมืออีกฝ่ายหายไปแล้ว ได้ยังไง? พับเก็บใส่กระบอกร่มเหรอ?

“เอ่อ คือ..” หลานเหอได้สติว่าต้องขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยตน ทว่าคำพูดกลับติดอยู่ในลำคอเมื่อคนตรงหน้าหันกลับมาเผชิญหน้ากันตรงๆ

หน้ากากสีเงินยวงปิดทับครึ่งหน้า คือสิ่งแรกที่เห็น มันปดบังตั้งแต่เหนือจมูกขึ้นไป เปิดเผยเพียงปลายจมูกโด่ง และรีมฝีปากได้รูปสวย ผมสั้นสีกระเซิงเล็กน้อยจากการต่อสู้ มือเรียวสวย—ที่หลานเหอคิดว่าบนโลกนี้คงจะไม่มีมือคู่ไหนสวยได้เท่านี้—ยกขึ้น เพียงเสยผมลวกๆ เอาบางส่วนที่ชี้เด่กลับลงมาเท่านั้น

หลานเหอเผลอกลืนน้ำลาย มองตามมือหยกข้างนั้นละจากเส้นไหมดำขลับ เอื้อมมาตรงหน้าตน ใกล้ ใบหน้าตน เข้ามาเรื่อยๆ และ ปุ ตบลงบนไหล่

หลานเหอสะดุ้ง—แรงไปจนดูน่าสงสัย—สติกลับมาทันที เขาถึงเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขนาดไหน ใกล้ จนได้กลิ่นของทะเลผ่านเส้นผมดำนั่นชัดเจน ภาพผืนท้องทะเลสีครามงดงามเป็นฉากหลังผุดขึ้นในหัว ลมทะเลไล้เรียงสอดแทรกตามไหมนุ่ม มือสวยยกขึ้นจัดแต่งผมให้เข้าที่ แต่ช่างไร้ประโยชน์ เมื่อเทพแห่งสายลมยังหยอกเย้า เคล้าคลออยู่ไม่ห่าง ริมฝีปากได้รูปแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้ น้องชาย นายยังไม่ตายใช่ไหม” และ มโนภาพใดๆ ก็ตามพังทลายลงทันทีที่โทนเสียงราบเรียบ แฝงความน่าหมั่นไส้หลุดลอดออกมาจากปากนั่น

หลานเหอข่มความอยากตบปากน่าจูบนั่นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนสุขุมอย่างตนเองถึงอารมณ์ขึ้นง่ายเพียงคำยั่วยุเล็กน้อย เอ่ยปากตอบอีกฝ่าย

“ข้าสบายดี! ขอบคุณท่านมากที่เข้าช่วยเหลือ หากมีอะไรที่ข้าพอจะตอบแทนน้ำใจท่านได้ ย่อมยินดี!” ถึงจะหมั่นไส้แค่ไหนมารยาทที่สั่งสมมาก็ยังทำให้หลานเหอเลือกโต้ตอบออกไปอย่างสุภาพอยู่ดี

“หืม ทุกอย่าง?”

“ใช่แล้ว ทุกอย่าง!” หลานเหอไม่เชื่อว่า จะมีอะไรที่บิดาตนจะหามาให้ไม่ได้ แลกกับการช่วยชีวิตเขา ยกสมบัติให้สักสิบหีบนั่นยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ

และหลานเหอต้องโทษความปากไวของตัวเองไปอีกนาน

……………………………………………………………….

“เฮ้! กัปตัน! คุณฟังผมอยู่รึเปล่าเนี่ย!” เห็นท่าทางเหม่อลอย จ้องหน้าตนเขม็ง—เดาจากองศาใบหน้า—นั่นแล้วหลานเหอชักจะหงุดหงิด ใครจะคิดล่ะว่าของที่ชายคนนี้ขอ จะเป็นตัวเขาน่ะ!

“เหอะๆ ท่าทางจะชินกับชีวิตในทะเลแล้วสินะเสี่ยวหลาน เดี๋ยวนี้ถึงกับกล้าตวาดเกอแล้ว?” เยี่ยซิวหรี่ตาใต้หน้ากาก น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจสามส่วนถือดีเจ็ดส่วน

“อึก! นั่นก็เพราะคุณมันหน้าไม่อายไงครับ! ถ้าคุณไม่ลักพาตัวผมมา พ่อผมจะส่งกัปตันหานมาไหมล่ะครับ” หลานเหอตะเบ็งเสียงใส่อย่างไม่กลัวเกรง

เขาอยู่บนเรือ—ชื่อน่าขำ—นี่มาจะสามเดือนแล้ว หลังถูกลักพาตัว ถูกมือเรียวบางซัดจนสลบขณะอยู่กับอีกฝ่ายตามลำพังในห้องนอนส่วนตัว ถูก หิ้ว มาพร้อมกับเส้นทางเดินเรือสินค้าทั้งหมดของอาณาจักรบนโต๊ะของเขา ออกมาตามเส้นทางลับที่เขาเป็นคนนำอีกฝ่ายเข้าไปเอง ขึ้นสู่เรือโจรสลัดผู้โด่งดัง—เยี่ยชิว น่าเจ็บใจคือ เขาพบเจ้าอันธพาลนั่นบนนี้ ลูกเรือผู้ซื่อสัตย์อีกคนของเยี่ยชิว

เยี่ยซิวคร้านจะต่อปากต่อคำ เห็นเจ้าหนุ่มนี่คุ้นชินซะจนชักจะไม่เกรงกลัวตนเหมือนตอนที่มาใหม่ ตัดสินใจมองเมิน ยกกล้องขึ้นส่องไปทางด้านหลังอีกครั้ง

เรือไล่ล่า ใกล้เข้ามาทุกที เขาไม่มีเวลาจะให้ลังเลอีกแล้ว

“เสี่ยวเยวี่ยเยวี่ย เดินหน้าเต็มกำลัง! เราจะเข้าไปหลบซ่อนในหมอก!” เยี่ยซิวตะโกนสั่งการลูกน้องผู้ควบคุมหางเสือ เยวี่ยจงเหมียนแทบหน้าคว่ำ เกือบทำพวงมาลัยเรือหลุดมือขณะสบถด่าหัวหน้าตัวเองคำหนึ่ง

หลานเหอตกใจจนหน้าซีด เรื่องตำนานในท้องทะเลเขาเองเคยได้ยินมาไม่น้อย พื้นที่ข้างหน้านั่นคือ ฟยอร์ด ดินแดนของเหล่าไซเรนนะ! “คุณเอาจริงเหรอ..”

“หืม แน่นอน!”

“คุณไม่กลัวเหรอ ไซเรนมีเสียงร้องที่ทำให้เราเรือล่มได้นะ!”

“เอ๋ นายกลัวอะไร พวกเราเป็นยอดโจรสลัดนะ! ส่วนฉันก็คือมหาเทพโจรสลัดไง!” เยี่ยซิวตอบอย่างมั่นใจ

เออ! เอากับเขาสิ! ไม่ไปยุ่งแล้ว! คิดพลางหลานเหอตัดสินใจหมุนตัวเดินจากไป หันไปจับกลุ่มปรึกษาแผนการหนีข้างหลัง และวิธีรับมือกับ ‘ภัย’ ข้างหน้ากับหวังเจี๋ยซี กุนซือสายบุ๋นของเรือต่อ

เยี่ยซิวถอนหายใจ กวาดตามองไปทั่วลำเรือ ก่อนจะหยุดสายตาลงตรงส่วนหัว ท่าทางเรื่อยเฉื่อยพลันหายไป เขาก้าวย่างด้วยฝีเท้าหนักแน่นตรงไป ที่นั่น บุรุษร่างสูงผู้หนึ่งยืนอยู่

ใบหน้าหล่อเหลายากหาใครเปรียบมองตรงไปข้างหน้า สองมือทิ้งลงข้างตัว ทว่าพร้อมจะชักปืนคู่ในซองตรงต้นขาออกมาอยู่เสมอ ทำตัวเสมือนด่านหน้า ระแวดระวังภัยที่คาดไม่ถึงที่จะเข้ามา

เมื่อเยี่ยซิวมาถึงข้างกาย ชายหนุ่มเพียงเหลือบมอง ผงกหัวให้ ข้างแก้มขึ้นสีเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปดังเดิม

“เห็นอะไรไหม เสี่ยวโจว” เยี่ยซิวเอ่ยถาม

“โขดหิน… เยอะ” โจวเจ๋อข่าย ผู้สงวนคำพูด ตอบกลับเพียงคำสั้นๆ แต่ก็ทำให้เยี่ยซิวยกกล้องในมือขึ้นมาส่องตรงไปทันที

ภายใต้หมอกหนา คือโขดหินนับไม่ถ้วน ทั้งเล็ก ใหญ่ ทั้งที่มองเห็นได้ และถูกบดบัง หมอกหนาเกินกว่าจะเห็นว่ากระแสน้ำ และเส้นทางเป็นแบบไหน หากคิดที่จะแล่นเรือเข้าไป คงมีแต่ต้องอาศัยฝีมือ ความชำนาญในการบังคับ และการคาดเดาอย่างรอบคอบในการตัดสินใจเท่านั้น!

เยี่ยซิวหันหลังวิ่งกลับมาทันที

“ต้าเหยี่ยน ไปบังคับเรือแทนที! ต้องอาศัยนายแล้ว!” เยี่ยซิวตะโกนบอก

ต้าเหยี่ยน หรือก็คือหวังเจี๋ยซี—ตาเล็กข้างใหญ่ข้าง—เพียงมองหัวหน้าตนอย่างเรียบเฉย ซ่อนประกายคมกล้าวูบหนึ่งเอาไว้ภายใต้เปลือกตา ก้าวเข้าไปรับไม้ต่อจากเยวี่ยจงเหมียนซึ่งถอยออกมาอย่างงานดี สองมือจับลงบนพวงมาลัยเรือ ได้เวลายอดฝีมือออกโรงแล้ว!

……………………………………………………………….

Lord Grim ยังคงแล่นตรงไปข้างหน้า ไม่มีชะลอหรือคิดหันเลี้ยว ดุดันและแน่วแน่ คล้ายตัวเขาเสียยิ่งกว่าเจ้าของเรือ หานเหวินชิงคิด

เกือบสามเดือน กับการไล่ล่าโจรสลัดผู้โด่งดัง—ใบไม้แดง—ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง! หลอกล่อไล่ต้อน วงล้อมตาข่ายของกองเรือร่วม 50 ลำ เพื่อเยี่ยชิว และ Lord Grim ของเขาโดยเฉพาะ

จางซินเจี๋ย กุนซือประจำตัวเขา นักวางแผนผู้เก่งกาจที่สุดของอาณาจักรป้าถู ถึงกับเป็นผู้วางแผนเอง ใช้จำนวนที่เยอะกว่า กดดันให้เยี่ยชิวเลือกหันเรือเข้าหาทางตัน บริเวณนี้ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยโขดหินโสโครก และแอ่งน้ำวน ขนาบข้างจนเหลือเส้นทางให้เลือกเพียงทางตรง

จะปิดล้อมได้ขนาดนี้ จำเป็นต้องใช้ความร่วมมือของกองเรือทุกอาณาจักร โชคดี ที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของอีกฝ่ายทำให้เหล่าผู้ปกครองล้วนยินดีจะหยิบยื่นกองเรือรบของตนให้ยืม กำจัดมหาโจรสลัดผู้นี้ลงได้ น่านน้ำคงสงบสุขขึ้นอีกร้อยปี!

หานเหวินชิงยืนอย่างมั่นคงบนดาดฟ้าเรือ มือยกกล้องขึ้นส่องเป็นระยะ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อยิ่งนานเข้า เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าเยี่ยชิวคิดหนีเข้าหมอกไปจริงๆ

เยี่ยชิวผู้มากเล่ห์ กระหายโลภ เป็นพวกกล้าได้กล้าเสียมากกว่าที่คิด หานเหวินชิงรู้ดี รู้จักดีจนถึงตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย—ความหลังครั้งยังเยาว์—เขารู้ว่าเยี่ยชิวไม่ใช่พวกโง่ที่จะวิ่งเข้าหาอันตราย หไม่เชื่อเรื่องงมงาย แต่ก็ไม่ลบหลู่ตำนานแห่งท้องทะเล (ยืนยันจากข่าวเรื่องการข่มขู่เงือก)

เพราะเหตุนี้ จางซินเจี๋ยจึงเสนอให้ต้อนเยี่ยชิวมาที่นี่ ด้วยภูมิศาสตร์ และฟยอร์ด—แหล่งที่อยู่ไซเรน อีกฝ่ายมีแค่ทางเดียวที่จะหนีรอด คือ หันหัวเรากลับมา และยอมจำนน

แต่ดูจากความเร็วของ Lord Grim ที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นไม่ลดลงแล้ว คาดว่าพวกเขาคงคิดผิดไป ลืมไปว่าทางฝ่ายนี้มียอดกุนซือของอาณาจักรอยู่ อีกฝ่ายก็มีเช่นกัน!

หวังเจี๋ยซี สุดยอดนักวางแผน นักเดินเรือ และพ่อค้ามากความสามารถ

เข้าร่วมกับโจรสลัดใบไม้แดงเพราะลูกชายคนรอง—เกาอิงเจี๋ย—ติดตามน้องชายคนเล็ก—เฉียวอี้ฟาน—ถูกเยี่ยชิวล่อลวงมาอีกที แต่ไม่รู้เพราะสาเหตุใด ด้วยความสามารถทั้งบู๊และบุ๋นของพ่อค้าตระกูลหวัง แทนที่จะชิงตัวลูกชายทั้งสองกลับมา ดันกลายเป็นเข้าร่วมกับโจรลักพาตัวเสียเฉย

แต่ทว่า กับคนที่รู้จักอีกฝ่ายดี หานเหวินชิงรู้ดีว่าเยี่ยชิวเป็นคนมีเสน่ห์ดึงดูดขนาดไหน ด้วยชาติกำเนิด และเอกลักษณ์ส่วนตัว ไม่แคล้วที่เจ้าหวังตาโตยอมเข้าพวก ก็คงเพราะหน้ามืดหลงเจ้าคนเรื่อยเฉื่อยนั่นเข้านั่นแหละ!

“ขอโทษนะครับกัปตัน ผมคาดผิดไป ดูท่าพวกเขาคงฝ่าหมอกไปแน่แล้ว” จางซินเจี๋ยดันแว่นอย่างประหม่า หมากคราวนี้ เขาตามหลังอยู่หนึ่งก้าวจริงๆ ! ด้วยนึกไม่ถึงว่าเยี่ยชิวผู้รอบคอบคนนั้น ถึงกับบ้าบิ่นกล้าบุกรุกน่านน้ำถิ่นของไซเรน ปีศาจกินเนื้อผู้หวงถิ่น และหิวโหยอยู่ตลอดเวลา

“ไม่เป็นไร! ทางนั้นมีทั้งเยี่ยชิว ทั้งหวังเจี๋ยซี นายคนเดียวรับมือ พวกเราผลักภาระใส่นายมากเกินไปจริงๆ” หานเหวินชิงเอ่ย ไม่ใช่เพื่อปลอบ เพียงแค่พูดความจริงตามที่ตนมอง

“น่าเสียดาย ที่อวี้เหวินโจวปฏิเสธจะช่วยเรา ด้วยมันสมองระดับเขา ย่อมต้องคิดแผนสำรองที่ดีที่สุดได้แน่!” จางซินเจี๋ยรำพึง

บนโลกนี้ แท้จริงแล้วมีกุนซือทั้งหมด 4 คน ตัวเขากุนซือแห่งป้าถู เยี่ยชิวหัวหน้าจอมโจร หวังเจี๋ยซีพ่อค้ามากฝีมือ และคนสุดท้าย อวี้เหวินโจวแห่งหมู่บ้านฝนคราม ชายหนุ่มผู้มากด้วยปัญญา ไม่มีเกมกลยุทธ์ใดที่เขาจะแก้ไม่ได้ ทว่าเขาเป็นคนแปลก ด้วยความสามารถระดับนี้ เขาสามารถเข้ารับราชการในวัง เป็นที่ปรึกษาข้างกายราชาได้ด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าขาของเขาเดินได้ล่ะก็

อวี้เหวินโจว เป็นชายพิการ ขาใช้การไม่ได้ อยู่บนรถเข็นไม้ ห่อหุ้มสองขาภายใต้ผ้าคลุมปอนๆ หมู่บ้านฝนครามมีพื้นที่ติดทะเล ทว่ากลับไม่เจริญ เล็กเสียจนแทบเดินรอบได้ในหนึ่งวัน ในยุคนี้ความพิการไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องน่ารักเกียจ และเหวินโจวเองก็มักยิ้มรับให้กับคนที่ล้อร่างกายตนเสมอ รอยยิ้มอบอุ่น—ส่งไปไม่ถึงดวงตา

ปฏิบัติการกวาดล้างโจรสลัดที่ผ่านมา เหวินโจวให้ความร่วมมือเสมอ ยามเมื่อเจ้าหน้าที่ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเขา ทว่าเมื่อถึงคราวล้อมจับเป็นเยี่ยชิว กลับถูกปฏิเสธ

จางซินเจี๋ยไม่ไปคิด—ไม่อยากไปคิด—ถึงเบื้องหลังรอยยิ้ม และท่าทีนั่น หันความสนใจกลับมายังแผนที่ในมือ เอ่ยปากเสนอความคิดตนแก่หานเหวินชิง “กัปตันครับ ด้วยลักษณะภูมิประเทศแถบนี้ ถึงเยี่ยชิวจะฝ่า ฟยอร์ด ออกไปได้จริงๆ แต่ต้องใช้เวลา หากเราออกคำสั่งตอนนี้ แบ่งกำลังเรือส่วนใหญ่ ปิดล้อมจากอีกฟากของหาด อาจจะยังทันรวบตัวเขา และลูกเรือนะครับ”

“อืม ถูกของนาย ถ่ายทอดคำสั่ง! แบ่งกำลังเรือออกไป 30 ลำ วนอ้อมไปดักหน้า 5 ลำกระจายกำลังรอที่นี่! จากฝั่งขวา อีก 5 ลำ จากฝั่งซ้าย และที่เหลือ… ตามฉันเข้าไปกับเยี่ยชิว!”

มองดูร่างสูงใหญ่ของพลเรือเอกออกคำสั่งด้วยความห้าวหาญ จางซินเจี๋ยได้แต่ภาวนาว่าแผนการล้อมจับครั้งนี้จะสำเร็จ ภาวนา… ต่อทั้งโชคชะตา และการอ่านเกมของตน

……………………………………………………………….

ยิ่งลึก หมอกยิ่งลงหนา ทัศนวิสัยย่ำแย่ถึงขีดสุด สัญชาติญาณของเยี่ยชิวตื่นตัวเต็มที่ ยึดพื่นที่หัวเรือเป็นหลัก สลับให้โจวเจ๋อข่ายคุมเชิงจากส่วนกลาง ตนเองคอยสอดส่องสิ่งกีดขวาง และทางน้ำวน ส่งสัญญาณเตือนถึงหวังเจี๋ยซีผู้บังคับหางเสือ

อุณหภูมิลดต่ำลงเรื่อยๆ หลานเหอถึงกับต้องเข้าไปหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวยาวข้างในห้องพัก ควันขาวผุดขึ้นทุกลมหายใจ หนาวเสียจนหากยังไม่หลุดจากหมอกบ้าๆ นี่ออกไป อาจจะมีใครแข็งตายขึ้นมาก็ได้!

ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่นกระทบกราบเรือดังแว่วมาเป็นจังหวะ อากาศที่เย็นลงส่งผลโดยตรงต่อปริมาณออกซิเจน อึดอัดจนคล้ายอยู่บนที่สูง ทั้งที่ที่นี่คือผืนทะเล

Lord Grim ยังคงแล่นตรงไปข้างหน้า ความเร็วคงที่ไม่ลดลง ภายใต้ฝีมือการควบคุมของหวังเจี๋ยซี และประสาทของเยี่ยซิว เรือโจรสลัดแล่นผ่านมาได้ตลอดอย่างราบรื่น

เนิ่นนาน ราวกับนิจนิรันดร์ ในที่สุด หมอกหนาก็เริ่มเจือจาง อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจนความหนาวสะท้านหายไป เหล่าลูกเรือต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่

แล่นต่อไปไม่นาน เยี่ยซิวก็ส่งสัญญาณให้ลดความเร็วลง ใบเรือถูกปลดลง และเรื่องแปลก ตลอดทางตั้งแต่ผ่านหมอกหนาเข้ามา ทุกคนบนเรือไม่สัมผัสถึงแรงลมแม้แต่น้อย ทว่าเรือยังกลับแล่นฉิว ด้วยความเร็วเท่ากับก่อนเข้ามา—เขตแดนอาถรรพ์ก็เป็นแบบนี้เสมอแหละ

เยวี่ยจงเหมียนอดกลั้นความอัดอั้นของตนไว้ ตลอดเวลาที่แล่นมาจนถึงเมื่อครู่ เขาแหงนหน้ามองฟ้าตลอด แผนที่ดวงดาว เผื่อหมอกจะหนาเสียจนเราหลงอยู่ในนี้ แต่เขามองเห็นสุดเพียงยอดปลายเสากระโดง และนั่นทำให้เขาเห็น ธงพื้นหลังรูปใบเมเปิ้ลสีแดง พาดทับกะโหลกสีดำ มันไม่ได้สะบัดเลยซักนิด! ทิ้งลู่แนบติดไปกับเสาซะด้วยซ้ำ!

ขนในกายลุกชัน เขาอยากจะพูดอะไรออกไป แต่เดินเรือมานาน มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่า สิ่งใดพูดได้ และสิ่งใด พูดไม่ได้ จึงเก็บกลั้นไว้ มองหน้าสบตาเถียนชีผู้ยืนอยู่ข้างเขา รับรู้อย่างผู้ร่วมชะตากรรมกันเงียบๆ

โจวเจ๋อข่ายยังคงสอดส่ายสายตาด้วยความระแวดระวัง สองมือพร้อมจะชักปืนคู่ออกมาลั่นไกเสมอ เขาเป็นนักแม่นปืน จึงตาไวเป็นพิเศษ แม้ไม่เท่ามหาเทพอย่างเยี่ยชิว แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มาก

ชั่วขณะหนึ่งทุกอย่างเงียบสงบเสียจนแม้แต่เสียงเรือรบที่ตามหลังมาก็ไม่ได้ยิน คงกลัวเกินกว่าจะฝ่าเข้ามา หรือหลงทางถูกหมอกกลืนหายไปหมดแล้ว

เยี่ยซิวที่ประสาทถูกเร่งจนถึงขีดสุด ผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าข้างหน้าเริ่มมีแสงลอดผ่านเข้ามา ตัดผ่านหมอกเบาบางจนสามารถมองเห็นวิวรอบด้านได้ชัดเจน

ตอนนี้ Lord Grim เพียงแค่ลองล่องไปตามกระแสน้ำ หวังเจี๋ยซีเพียงบังคับหางเสือ ระวังไม่ให้ชนเข้ากับโขดหินน้อยใหญ่ที่มองเห็นชัดเจนในระยะใกล้—รายรอบลำเรือ

เยี่ยซิวเพ่งมองผ่านหมองบาง ข้างหน้าคือส่วนโค้งเว้าของหาดทราย ที่นี่เป็นฟยอร์ดแปลกประหลาด จันทร์เสี้ยวที่มีรอยแยกผ่ากลางทะลุไปยังส่วนโค้งด้านหลัง

หากยังล่องเรือตรงไปเรื่อยๆ แบบนี้ ไม่นาน พวกเขาก็จะทะลุผ่านกลางเกาะตรงหน้า ออกสู่มหาสมุทรอีกฟากของเกาะ ถ้าหากว่าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา เหตุการณ์อย่างเช่น อะไรสักอย่าง บนก้อนหินแบนราบขนาดใหญ่ตรงขวามือนั่น…

ผมน้ำตาลสว่าง คือสิ่งสะดุดตาสิ่งแรก ไล่ลงมายังใบหน้าอ่อนเยาว์รับกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลใส และนั่น โผล่พ้นมุมปากโง้งยาวออกมา ขาววับ และคมกริบเสียจนแทบสะท้อนแสง—เขี้ยว

โอเค เยี่ยซิวรู้ว่าพวกไซเรนมีเขี้ยว เอาไว้เคี้ยวเนื้อคน แต่ไม่ยักรู้ว่าจะมีไซเรนที่มีเขี้ยวแบบนี้ ทั้งไซส์ใหญ่ และยาวเสียขนาดนี้ ไซเรนพันธุ์สิงโตทะเลรึ แปลกจริง!

เจ้าหมอนั่น—ไซเรนสิงโตทะเล—จ้องเขม็งมายังเยี่ยซิว ไม่หลบตา ขณะยกหางปลาสีฟ้าหม่นขึ้นตบลงบนแท่นศิลาใต้ร่าง เยี่ยซิวเห็นครีบบางใส คล้ายพวกปลามีปีกบนหางนั่น ไม่ได้ดูน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่คิด นอกจากเขี้ยวนั่น—สำหรับไซเรน

นอกจากเยี่ยซิว คนอื่นเองก็สังเกตเห็นไซเรนหนุ่มบนโขดหินนั่นแล้วเช่นกัน โจวเจ๋อข่ายพลันก้าวเท้าเร็วๆ ขึ้นมาหยุดข้างกายกัปตัน หวังเจี๋ยซีปราดมองรอบหนึ่งก่อนเอ่ยถาม

“ถ้าตรงไปแบบนี้ เราจะผ่านมัน เข้าใกล้เกินระยะ 5 เมตร นี่ไม่เป็นไร?”

“อืม ไม่เป็นไร!” เยี่ยซิวขานรับ ตายังคงไม่ละจากสิ่งมีชีวิตตรงหน้า

เจ้านั่นเหมือนจะฟังภาษามนุษย์เข้าใจ ดูได้จากสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อมนุษย์กลุ่มนี้ดูจะไม่กลัวมันเลย ดูท่ามันคงต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกกันซะแล้ว!

ก่อนที่ใครจะทันได้ป้องกัน หรือเยี่ยซิวจะทันได้เอ่ยเตือน ไซเรนหนุ่มพลันขยับ ปากอ้าออก เตรียมกล่อมบทเพลงนำทางสู่ความตาย หมายปลิดชีพยกลำ!

“เฮ้ เฮ้ เฮ้! พวกแกตรงนั้นน่ะ บนเรือนั่นแหละ ไม่เห็นเกอเหรอ กล้าไม่เห็นหัวเกอเหรอ งั้นฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉัน หวงเส้าเทียน ผู้นี้ คือสุดยอดผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ ไซเรนผู้หล่อเหลา และมีเสียงอันไพเราะน่าฟัง! จะกะลาสีหน้าไหนได้ยินสักครั้งไม่เคยมีครั้งที่สอง! ทำไมน่ะเหรอ รู้มั้ย รู้มั้ย ก็เพราะว่าพวกมันมัวแต่เคลิบเคลิ้มซะจนเรือแตกจมน้ำตายนะสิ! สมน้ำหน้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

“แล้วรู้มั้ย ว่าใครคือผู้โชคดีคนต่อไป ก็คือพวกแกยังไงล่ะ! ฮะฮ่า กล้ามากนะ ที่บังอาจบุกรุกเข้ามาในถิ่นเกอ วันนี้พวกแกชะตาขาดแล้ว กลายเป็นผีทะเลเฝ้าบ้านให้เกอไปเถอะ! @ฟหกดเรย#$&^(…”

เยี่ยซิวทำหน้าปลาตาย กรองมลภาวะทางเสียงนั่นทิ้งเป็นขยะ ปล่อยมันพูดไป เดี๋ยวมันก็สมองขาดออกซิเจนตายเอง!

“เอ๋ เอ๋ เอ๋ ถึงกับอึ้งไปเลยล่ะสิ ตะลึงในความหล่อเหลา และเสียงอันไพเราะเสนาะหูของเกอสินะ แหม แหม อยากได้ลายเซ็นเกอไหม อ๊ะ แต่วันนี้เกออารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก่อนตายจะยอมให้จับมือทีนึงละกัน!” แต่ดูท่าไซเรนบางตัวจะไม่อยากตายช้าเกิน พูดเองเออเองเสร็จสรรพก็โดดผลุงลงน้ำ ว่ายดุ๊กดิ๊กกระโดดขึ้นมาเกาะขอบเรือใกล้ๆ เยี่ยซิวทันที

“ไหนๆ ใครก่อนดี ใครก่อนดี นายหน้าหล่อก่อนดีไหม หรือน้องผมม้าตรงนั้นดี เอ๋ เอ๋ ทำไมบนเรือพวกนายถึงมีปีศาจตาโตอยู่ด้วยล่ะ เชี่ย อัปมงคลสุดๆ!” ปากแกนั่นแหละที่อัปปรีย์!!! เหล่าลูกเรือต่างกรีดร้องในใจ

ใบหน้าเยี่ยซิวไร้อารมณ์ยามเอื้อมมือไปตรงหน้าอีกฝ่าย ไซเรนหนุ่มเห็นท่าทางนั่น คิดว่าอีกฝ่ายยอมจำนนต่อตน กระดี้กระด๊าซะจนน่าหมั่นไส้ ถ้าไม่ติดว่าเขี้ยวมันใหญ่ เยี่ยซิวจะเอากำปั้นยัดปากมัน!

“หืม หืม หืม เริ่มจากนายก่อนเหรอ นายอยากเริ่มก่อนสินา งั้นมา มา เกอจะสมนาคุณให้เอ–!!!” คำพูดพลันค้างอยู่ตรงปลายเขี้ยว เมื่อไซเรนหนุ่มเห็นมือคนตรงหน้าชัดเจน

นิ้วเรียวยาวดั่งลำเทียน ข้อสวยไม่ปูดโปนอย่างผู้ชายทั่วไป หลังมือขาวสะอาดเสียจนเรียกได้ว่าไร้ราคี เล็บตัดเจียดมนสีชมพูสุขภาพดี หวงเส้าเทียนกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ชั่วชีวิตนี้ กินเนื้อคนมามาก แต่ไม่เคยเจอมือใครน่ากินเท่านี้มาก่อน!

ยื่นมือสั่นๆ ข้างหนึ่งออกไปกอบกุมมือสวยตรงหน้า เชี่ย!!! โคตรนุ่ม! หวงเส้าอยากเลีย เอ้ย อยากได้อ๊ะ!!!

มองดูเจ้าไซเรน—สิงโตทะเล—ตรงหน้า เยี่ยซิวไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ แม้ตอนนี้มันจะมองมือเขาแล้วน้ำลายหยดติ๋งๆ หรือแม้แต่ตอนที่เขาออกกำสั่งโจวเจ๋อข่ายด้วยใบหน้าตายด้าน

“เสี่ยวโจว ยิงทิ้งซะ”

“รับทราบ”

ปัง!

ทันทีทันใจ ชักปืนยิงใส่กลางกะโหลกตัวตรงหน้าด้วยความเร็วระดับเทพ เลือดสีน้ำเงินพุ่งกระจายเป็นน้ำพุ แรงอัดจากกระสุนพาร่างไซเรนหื่นกระเด็นตกน้ำไป ถูกกระแสน้ำดูดลงใต้ท้องเรือ กลายเป็นศพทิ้งตัวลงก้นทะเลไป

ใบหน้าเยี่ยซิวยังคงไร้อารมณ์แม้ยามรับผ้าจากหลานเหอมาเช็ดคราบน้ำลายบนหลังมือ ออกกำสั่งกางใบเรือ เร่งความเร็วมุ่งหน้าผ่านช่องแคบตัดกลางเกาะ หลุดพ้นจากรังไซเรน และหนีพ้นจากการจับกุมของทางการไปได้อีกครั้งอย่างปลอดภัย

.

.

.

.

.

.

.

.

จบ.

หวงเส้าเทียน : เชี่ย เชี่ย เชี่ย กล้ายิงเกอเหรอ ยิงเกอเหรอหา! ไซเรนหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ขนาดนี้ทำได้ไง ได้ไง ได้ไง เกอจะแก้แค้น จะแก้แค้น! จะจับกินเนื้อไม่ให้เหลือติดกระดูกเลย! โดยเฉพาะมือสวยๆ นั่น จะเลียจนแกต้องร้องขอชีวิต!