Tee ใคร ท ม นส เร อง ย อ manager

วั่นต๋าซื้อบริษัทเรือยอชต์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ

เผยแพร่: 21 มิ.ย. 2556 09:34 โดย: MGR Online

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ต้าเหลียน วั่นต๋า กรุ๊ป บรรลุข้อตกลงซื้อซันซีเคอร์อินเตอร์เนชั่นแนล (Sunseeker International ) บริษัทผู้ผลิตเรือยอชต์หรูของอังกฤษ ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เจมส์บอนด์ถึง 4 เรื่อง รวมทั้งเรื่อง พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก หรือ Quantum of Solace ซึ่งเป็นภาคที่ 22 ของภาพยนตร์สายลับเรื่องนี้

ตามข้อตกลงดังกล่าว วั่นต๋าจะเข้าถือหุ้นของซันซีเคอร์อินเตอร์เนชั่นแนลร้อยละ 91.81 ส่วนที่เหลือถือครองโดยฝ่ายบริหารของซันซีเคอร์ โดยวั่นต๋าจะใช้เงินเพื่อการนี้ทั้งสิ้น 320 ล้านปอนด์ และคาดว่า การถ่ายโอนกิจการจะเสร็จสิ้นภายในกลางเดือนส.ค. นี้

นายหวัง เจี้ยนหลิน ประธานของวั่นต๋าระบุว่า การเข้าซื้อกิจการของซันซีเคอร์ได้ขยายฐานที่มั่นของวั่นต๋าในตลาดท่องเที่ยวและบันเทิงในระดับโลก นับเป็นย่างก้าว ที่สำคัญในการรุกธุรกิจในต่างแดนของวั่นต๋า โดยเมื่อเดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว วั่นต๋าเพิ่งซื้อเอเอ็มซี เอ็นเทอร์เทนเมนต์ ( AMC Entertainment) บริษัทเครือข่ายโรงภาพยนตร์ของสหรัฐฯ ด้วยเงินจำนวน 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

นอกจากการทำข้อตกลงซื้อบริษัทเรือยอชต์หรูแล้ว วั่นต๋ายังตกลงทำสัญญากับกรีนพร็อบเพอร์ตี้ ( Green Property) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ ในโครงการก่อสร้างศูนย์การค้าในใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งประกอบด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว อาคารสำนักงาน และอาคารที่พักอาศัย ด้วยเงินลงทุนจำนวน 700 ล้านปอนด์อีกด้วย

เหตุผลสำคัญในการซื้อซันซีเคอร์ก็เนื่องจากวั่นต๋ากำลังก่อสร้างรีสอร์ตหรู 3 แห่งที่เมืองริมชายฝั่งทะเลได้แก่ชิงเต่า ซันย่า และต้าเหลียน โดยรีสอร์ตแต่ละแห่งจะมีสโมสรเรือยอชต์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ประกอบกับวั่นต๋าเล็งเห็นแล้วว่า ความต้องการสิ่งหรูหราต่าง ๆ กำลังบูมอย่างมากบนแดนมังกร

นายหวังระบุว่า วั่นต๋ายังกำลังพิจารณาต่อเรือยอช์ตเองในประเทศ โดยเพิ่มสายการผลิตของซันซีเคอร์เข้ามาใน 1 ใน 3 เมืองนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีนำเข้าเรือยอชต์จากประเทศ ที่สูงลงได้

ด้านนายสจ๊วร์ต แม็กอินไทร์ กรรมการผู้จัดการของซันซีเคอร์ กล่าวว่า การลงทุนและการสนับสนุนจากวั่นต๋าจะเป็นเครื่องมือช่วยไขกุญแจไปสู่ศักยภาพ ที่มีมหาศาลของตลาดเรือยอชต์หรู ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของจีน

บริษัทซันซีเคอร์ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2511 โดยเป็นบริษัทผู้ต่อเรือยอชต์รายใหญ่ที่สุดในอังกฤษด้วยกำลังการผลิต 300 ลำต่อปี และเรือแต่ละลำมีราคาตั้งแต่ 4 แสนปอนด์ - 21 ล้านปอนด์

สำหรับตลาดเรือยอชต์ของจีนนั้นคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปีพ.ศ. 2563 หรือเกือบ 1 ใน 3 ของมูลค่ารวมกันในโลกในปีพ.ศ. 2553 โดยส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมาตรการจูงใจด้านภาษีของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนให้บริษัทในประเทศหันมาลงทุนต่อเรือยอช์ตกันมากขึ้น

เผยแพร่: 9 ม.ค. 2556 07:58 โดย: MGR Online

ซีอีโอเครือ ASTVผู้จัดการ เผย “พานทองแท้” ไอ้โม่งสั่งช่อง 3 ถอดละคร “เหนือเมฆ 2” ชี้ พาดพิงครอบครัว ถือว่ามัดตัวเอง ปูดได้ข่าวบินฮ่องกง ร่วมกับ “มาลีนนท์” แถมมีคนเห็นเข้าไปในช่อง 3 ก่อนละครถูกถอดแบบอธิบายไม่ได้ แถมเสียงอ่อยบอกเห็นใจกันด้วย ไล่คืนสัมปทานช่อง 3 แล้วย้ายไปทำช่องวอยซ์ทีวีด้วยกันเลย เผย สงสาร “ฉัตรชัย-สินจัย” แว่วถูกถอดผู้จัด อนาคตมืดลง ฝากทุกคนให้กำลังใจพร้อมนักแสดง

วานนี้ (8 ม.ค.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือ ASTVผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เฟซบุ๊ก นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน กล่าวตำหนิผู้จัดละคร “เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า มีเนื้อหาเสียดสีครอบครัวชินวัตร และเรียกร้องให้ช่อง 3 ออนแอร์ละครต่อ โดยอ้างว่า รัฐบาลตกเป็นจำเลยของสังคม ระบุว่า จากที่ตนได้ติดตามข่าวและตั้งข้อสังเกต ในที่สุด นายพานทองแท้ ก็ให้ข่าวเรื่องละครเหนือเมฆ ที่พาดพิงครอบครัวตัวเอง เท่ากับเป็นการมัดมือตัวเอง ว่า แท้จริงแล้วตัวเองอยู่เบื้องหลังในการถอดละครเรื่องเหนือเมฆ ออกจากช่อง 3

ทั้งนี้ สังเกตได้จากช่อง 3 สั่งถอดละครเรื่องเหนือเมฆ ออกกะทันหัน อ้างว่า ผิดต่อกฎหมาย มาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปี 2551 แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเนื้อหาในละครไม่มีความเหมาะสมตรงไหน พูดอยู่แค่คำเดียวว่า ไม่เหมาะสม ผู้บริหารไม่สามารถตอบคำถามได้เลยว่าไม่เหมาะสมตรงไหน แต่ในขณะที่ นายพานทองแท้ ที่ออกมาให้ข่าว สามารถบรรยายตัวละครในเรื่องเหนือเมฆ ที่มีความเทียบเคียงคล้ายคลึงกับครอบครัวของตนได้อย่างละเอียด ตรงกับครอบครัวของตนออกมาเลย

“การเปรียบเทียบของนายพานทองแท้ ชัดเจนมากกว่าที่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เขาเปรียบเทียบกันอีก นั่นก็แสดงว่า นายพานทองแท้ เป็นคนที่ติดตามหาข้อมูลในเรื่องละครเรื่องนี้มาตลอด ประกอบกับผมได้ข่าวมาแต่ผมไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า มีข่าวว่า ช่วงที่ละครเหนือเมฆฉายใหม่ๆ นายพานทองแท้ ได้ไปฮ่องกงกับผู้บริหารตระกูลมาลีนนท์ของช่อง 3 ซึ่งโอเคเขาอาจจะมีความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกัน แต่ก็เป็นการชี้ให้เห็นว่า นายพานทองแท้ สามารถต่อสายภายในกับผู้บริหารระดับสูงของช่อง 3 ได้ทันที แล้วที่ชัดเจนยิ่งกว่านั้น ก็คือว่า ล่าสุด ก่อนที่ละครเหนือเมฆ จะโดนถอดกลางอากาศ มีคนเห็นนายพานทองแท้เข้าไปในช่อง 3 ไม่ทราบว่าไปทำอะไรอยู่ในช่อง 3 แล้วหลังจากนั้นไม่นานละครเหนือเมฆก็โดนถอดออกไป โดยที่ผู้บริหารช่อง 3 ไม่สามารถอธิบายอะไรต่อสังคมได้ แถมบอกว่าให้เห็นใจครอบครัวของตนด้วย” นายจิตตนาถ กล่าว

นายจิตตนาถ กล่าวต่อว่า ถ้าดูกันให้ดี วันนี้ นายพานทองแท้ มีอิทธิพลสูงมากในแวดวงผู้ใหญ่ไทย ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ซึ่งเป็นถึง รมว.กลาโหม เคยถูกนายพานทองแท้ สอนมวยมาแล้วกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยกเลิกไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพล ถึงกับไปไม่เป็นเลย ขนาดรัฐมนตรีกลาโหม ยังเงียบจ๋อย ก็แสดงว่า นายพานทองแท้ มีอิทธิพลล้นฟ้าจริงๆ ไม่ต่างจากทายาทจอมขมังเวทย์ในเรื่องเหนือเมฆเลย นับประสาอะไรกับตระกูลมาลีนนท์ จะไม่อยู่ภายใต้อุ้งเท้าของนายพานทองแท้ ชินวัตร

“ฉะนั้น การออกมาโต้ตอบทางเฟซบุ๊กของนายพานทองแท้ ทั้งๆ ที่เขาหายไปนาน มันเป็นเพราะเขาไม่คิดว่ากระแสสังคมจะแรงขนาดนี้ เพราะคิดว่าการที่ช่อง 3 ไม่นำเสนอข่าว เพราะช่อง 3 ถือเป็นสื่อหลัก และอีกอย่างละครเหนือเมฆ เรตติ้งมันไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ก็คิดว่าพอเรื่องนี้เงียบๆ ไปคนก็ไม่สนใจ แต่ปรากฏว่า วันนี้เขาคิดผิด ทุกอย่างมันก็พุ่งเป้าไปที่ครอบครัวเขาและรัฐบาล ปรากฏว่า กลายเป็นตัวเขาเองที่ออกมาคอนเฟิร์มให้การลิงก์เนื้อหาในละครกับตัวเขา ที่คนแทบจะไม่สนใจอยู่แล้วชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ฉะนั้น ในฐานะของนักสื่อสารมวลชน ผมสามารถฟันธงได้เลยว่า นายพานทองแท้ นี่แหละคือ เบื้องหลังคนที่ถอดละครเรื่องเหนือเมฆตัวจริง ส่วนทีมวอร์รูมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น นายสุรนันทน์ (เวชชาชีวะ) หรือว่า นางสาวศันสนีย์ (นาคพงศ์) มันเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน มันไม่มีอิทธิพลที่จะทำขนาดนั้นหรอก” นายจิตตนาถ กล่าว

ในตอนหนึ่ง นายจิตตนาถ กล่าวถึงประโยคในเฟซบุ๊กนายพานทองแท้ ที่กล่าวหาว่า ทำไมไม่เห็นมีใครทำหนังเรื่องที่เกี่ยวกับลูกอำมาตย์หนีทหาร ถามว่า ที่ผ่านมา เคยมีภาพยนตร์ที่ประชดประชัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ตนไม่ได้ฝักใฝ่สี ไม่ได้ฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย แต่ตนดูภาพยนตร์เรื่องอินทรีแดง ของนายวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เท่าที่ทราบ นายวิศิษฏ์ เป็นเสื้อแดงโดยตรง ตนเคยดูเนื้อหาเรื่องอินทรีแดง จงใจว่า นายอภิสิทธิ์ โดยตรง ตรงกับที่เราเห็นว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ภาพลักษณ์ดี แต่หน้าไหว้หลังหลอก และหนังเรื่องนี้สร้างในยุคสมัยของนายอภิสิทธิ์ด้วย ถ้าใครที่ไปดูจะเห็นว่าคาแรกเตอร์ของนายกฯคนนี้สะท้อนนายอภิสิทธิ์ออกมาเต็มๆ อีกอย่างอินทรีแดง ก็เป็นสัญลักษณ์ของภาคประชาชนที่ต่อสู้ เขาพยายามหมายถึงพวกเสื้อแดงที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมของอำนาจรัฐ ก็คือ อำนาจอำมาตย์ เท่าที่ นายพานทองแท้ บอกว่า ไม่เคยมีใครสร้างละคร ไม่จริง อย่างน้อยหนังเรื่องอินทรีแดงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า นายอภิสิทธิ์ เคยโดนด่าแบบนี้ไปแล้วถ้าใครจะมอง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวอยากจะเรียกร้องอะไรกับช่อง 3 เหมือนกับที่นายพานทองแท้เรียกร้องให้ออนแอร์ละครเรื่องเหนือเมฆ ที่เหลือหรือไม่ นายจิตตนาถ กล่าวว่า ถ้าตนจะเรียกร้อง ก็เรียกร้องอยากที่จะให้ตระกูลมาลีนนท์ คืนสัมปทานช่อง 3 ดีกว่า แล้วให้มีการประมูลสัมปทานช่อง 3 ใหม่ เพราะว่าจริงๆ แล้วช่อง 3 เป็นคลื่นสาธารณะ ไม่ใช่คลื่นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง หรือกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ช่อง 3 เป็นคลื่นของประชาชน ฉะนั้น ถ้ามาทำช่อง 3 อุ้มฝ่ายข่าวที่สนองการเมือง แต่ไปกดดันฝ่ายละคร ซึ่งไม่ได้ไปทำเรื่องที่มันเสียหาย แต่เชิดชูจริยธรรมความดีให้เกิดขึ้นในสังคม แต่กลับไปแบนเขา กำลังทำหายนะให้เกิดขึ้นในฟรีทีวีสาธารณะ ฉะนั้น ตระกูลมาลีนนท์ ไม่มีคุณสมบัติที่จะบริหารช่อง 3 ต่อไป

“ตระกูลมาลีนนท์ อยากจะไปทำทีวีดาวเทียม อยากจะไปช่วยนายพานทองแท้ ทำวอยซ์ ทีวี ก็ไปทำ คือ พูดง่ายๆ คืนสัมปทานช่อง 3 ไปเถอะ แล้วไปช่วยนายพานทองแท้ บริหารวอยซ์ ทีวี เอาให้เหมือนช่อง 3 เลยดีกว่า ยกทีมครอบครัวข่าวทั้งหมดไปเลย แล้วก็เลือกผู้จัดละครที่มันพร้อมที่จะเลียตัวเองไปเลย สิ่งที่ผมกังวลที่สุด ผมสงสารทางคุณนก ฉัตรชัย และ คุณนก สินจัย (เปล่งพานิช) และดาราในเรื่องเหนือเมฆมากกว่า เพราะงานนี้นายพานทองแท้ ไม่พอใจบุคคลเหล่านี้มาก แว่วมาเลยว่า คุณนก สินจัย และ คุณนก ฉัตรชัย น่าจะโดนถอดจากผู้จัด ผมว่าอนาคตในการเป็นนักแสดงของช่อง 3 ก็ค่อยๆ มืดลงไปด้วย เพราะว่าตอนนี้อิทธิพลเขาล้นฟ้าเหลือเกิน สังเกตได้จากทุกเรื่องของนายพานทองแท้ และตระกูลมาลีนนท์ นี่ก็รับใช้แบบไม่เกรงใจแบบหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว” นายจิตตนาถ กล่าว