Sql server express edition ม ข อจำก ดอย างไร

เราจะทำการสร้าง Windows Server บน Azure และเน้นรับผิดชอบในเฉพาะในส่วนของ Software เช่นการดูแล OS, ติดตั้ง Application ต่างๆ

ส่วนของ Hardware นั้นให้ทาง Microsoft ช่วยดูแลให้ครับ ทำให้เราลดเวลาที่ต้องดูแล Server ได้เช่นการเพิ่มลด Hard Disk

ภาพจาก robertgreiner.comภาพจาก azure.microsoft.com

ถ้าใครสนใจเนื้อหาประเภทของ Cloud Services ต่างๆ ผมขอแนะนำบทความจากสลัดผักน่ะครับ

Microsoft SQL Server ใน Azure มีอะไรบ้าง

Azure มีบริการ SQL Server หลายหลายรูปแบบเลยครับ แต่ในที่นี้จะขอยกหลักๆมา 3 บริการน่ะครับ

  1. SQL Databases (PaaS) เป็น Service ที่ผมแนะนำครับเพราะมีราคาที่ถูกที่สุด จัดการดูแลง่าย แต่ Database ที่เราจะนำมาติดตั้งนั้นต้องเป็น File ประเภท Data-tier Applications (.bacpac) เท่านั้น ซึ่งมีข้อดีคือสามารถ Export / Import ได้สะดวก แต่ก็มีข้อจำกัดเช่น ไม่สามารถทำการ query ข้าม database ทำให้ถ้าเรามีการเขียน Query ในลักษณะนี้ เราจำเป็นต้องแก้ไขให้ Database ให้สามารถ Export ในรูปแบบของ File .bacpac ก่อน ซึ่งเราเรียกขั้นตอนที่ต้องแก้ไขบางอย่างเพื่อให้ใช้งาน Cloud Service ว่า Cloud Optimized (Minimal Code Changes)
  2. SQL Managed Instances (PaaS) เป็น Service ที่มีราคาสูงกว่า SQL database แต่ยังได้ความเป็น PaaS เหมือนกันคือดูแลจัดการง่าย และลดข้อจำกัดจาก File ประเภท Data-tier Applications (.bacpac) โดยใน Service นี้เราสามารถ Restore Database จาก File Backup (.bak) ได้เลยโดยไม่ต้องแก้ไขอะไร Database เราเรียกขั้นตอนนี้ว่า Lift & Shift (No Code Change)
  3. SQL Virtual Machines (IaaS) เป็นการติดตั้ง SQL Server ลงบน Microsoft Server / Linux Server ครับ ซึ่งจะมีข้อเสียคือเราต้องดูแลมากกว่า 2 อย่างแรก เช่นการ Patch OS แต่จะช่วยเราควบคุมค่าใช้จ่ายได้สะดวกขึ้นถ้าเรามี Database อยู่แล้ว และยังไม่พร้อมที่จะแก้ไข Database เพื่อใช้กับแบบ SQL databases โดยราคาจะขึ้นกับ License ของ SQL ที่เราเลือกครับ ทำให้ถ้าเราอยากที่จะคุมค่าใช้จ่ายเพื่อลองออก MVP ก่อน เราอาจจะเริ่มต้นด้วย Free License ก่อน (Express Edition) ได้ครับ

แนะนำบทความจาก Microsoft ในการศึกษาเทคนิคการ Migrate to Cloud น่ะครับ

ทำไมถึงเลือกใช้ SQL virtual machines

ภาพเปรียบเทียบราคาทั้ง 3 SQL Services

เหตุผลที่ผมต้องเลือก SQL Virtual Machine มาจากเรื่องของระยะเวลาและค่าใช้จ่ายครับ

  • Database ของผมมีการเขียน Query Join ข้าม Database กัน ซึ่งผมยังไม่พร้อมที่จะแก้ไข Code ตรงนี้ ทำให้ผมไม่สามารถเลือก SQL Databases ได้ครับ
  • แต่ถ้าจะเลือก PaaS อีกแบบ คือ SQL Managed Instances ก็มีราคาเริ่มต้นทีสูงเกินไปเพราะราคาเริ่มต้นของ Database + VPN เพื่อต่อ Database ก็เกือบๆ 1,000 USD ต่อเดือนแล้วครับ
  • เลยกลับมาตัดสินใจเลือก SQL Virtual Machines เพื่อทำ MVP ในราคาเริ่มต้นที่พอรับไหวครับ

ขั้นตอนในบทความ

  1. Create Azure Resource Group
  2. Create Azure Virtual Machine with SQL Server 2017 Express Edition
  3. Configure Remote Desktop Connection
  4. Restore Database Backup
  5. Configure Remote Connect Database Server from Local Machine
  6. Configure Database Backup
  7. Configure Virtual Machine Backup
  8. Explore SQL Virtual Machines

1. Create Azure Resource Group

Resource Group จะเกี่ยวกับการจัดหมวดหมู่ของ Azure Resource เข้าด้วยกันเพื่อง่ายต่อการจัดการน่ะครับ เช่น สร้าง Group Dev สำหรับ Resource ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ Development ซึ่ง เวลาลบเราสามารถลบได้ทั้ง Group เลยในครั้งเดียว

Region

  • ระบุตำแหน่งของ Data Center ที่เราจะติดตั้ง VM
  • แนะนำเลือก Southeast Asia ถ้าใช้ในไทยน่ะครับ เพราะใกล้ที่สุด

2. Create Azure Virtual Machine with SQL Server 2017 Express Edition

2.1 Basic Menu

Availability Options

Azure มี Availability สำหรับ VM เพื่อทำให้ระบบ High Availability ครับ โดยเราสามารถเลือกได้ตาม Options นี้

SQL Server 2019 เป็นซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลที่ติดตั้งบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์และใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ส่วน Azure Data Warehouse เป็นบริการฐานข้อมูลแบบคลาวด์ที่ให้บริการโดย Microsoft Azure ซึ่งต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานได้

SQL Server 2019 เหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง หรือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีปริมาณข้อมูลไม่มากเกินไป ส่วน Azure Data Warehouse เหมาะสำหรับองค์กรที่มีปริมาณข้อมูลมากและต้องการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยสามารถเพิ่มหรือลดขนาดของคลัสเตอร์ได้ตามความต้องการ

นอกจากนี้ Azure Data Warehouse ยังมีความสามารถในการจัดการข้อมูลแบบ Massively Parallel Processing (MPP) ซึ่งช่วยให้การประมวลผลข้อมูลเร็วขึ้น และมีความสามารถในการจัดการข้อมูลแบบ Scale-out ซึ่งช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของฐานข้อมูล อีกทั้งยังมีความสามารถในการจัดการข้อมูลแบบ Columnstore Index ซึ่งช่วยให้การค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น

ในการเลือกใช้ SQL Server 2019 หรือ Azure Data Warehouse ขึ้นอยู่กับความต้องการและปริมาณข้อมูลขององค์กร หากองค์กรมีปริมาณข้อมูลมากและต้องการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว และต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูล แนะนำให้ใช้ Azure Data Warehouse ส่วนหากองค์กรมีปริมาณข้อมูลไม่มากเกินไปและต้องการฐานข้อมูลที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แนะนำให้ใช้ SQL Server 2019

ในแง่ของค่าใช้จ่าย

Azure Data Warehouse เป็นบริการฐานข้อมูลแบบคลาวด์ที่ให้บริการโดย Microsoft Azure ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง ๆ ซึ่งจะคำนวณจากปริมาณข้อมูลที่เก็บไว้และการใช้งานที่เกิดขึ้น ในขณะที่ SQL Server 2019 จะต้องซื้อ license และติดตั้งบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร ดังนั้นค่าใช้จ่ายของ SQL Server 2019จะเป็นค่าคงที่ แต่ค่าใช้จ่ายของ Azure Data Warehouse จะเปลี่ยนแปลงไปตามการใช้งานจริง ๆ ขององค์กร

เราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายของระบบการเช่าใช้ได้โดยการกำหนดขนาดที่ใช้ หรือ กำหนดในแง่ค่าใช้จ่ายให้ แจ้งเตือนเมื่อถึง ค่าที่กำหนด

Version ของ SQL Server 2019

  1. Enterprise: เวอร์ชันที่มีความสามารถครบวงจรสูงสุด รวมถึงการจัดการและป้องกันข้อมูลที่มีความสำคัญ การเข้ารหัสและการเข้าถึงข้อมูลที่ปลอดภัย รวมถึงการใช้งาน Big Data Analytics และ Machine Learning
  2. Standard: เวอร์ชันที่มีความสามารถพื้นฐาน รวมถึงการจัดการฐานข้อมูล การสร้างและจัดการตาราง การสร้างและจัดการ Index และการเข้าถึงข้อมูล
  3. Express: เวอร์ชันที่เหมาะสำหรับการใช้งานบนเครื่องเดียว มีความสามารถพื้นฐานเหมือนกับ Standard แต่มีข้อจำกัดในเรื่องขนาดฐานข้อมูลและความสามารถบางอย่าง
  4. Developer: เวอร์ชันที่ใช้สำหรับการพัฒนาและทดสอบซอฟต์แวร์ มีความสามารถเหมือนกับ Enterprise แต่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้ในสภาพการณ์ทางธุรกิจ
  5. Web: เวอร์ชันที่เหมาะสำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์ มีความสามารถเหมือนกับ Standard แต่มีข้อจำกัดในเรื่องขนาดฐานข้อมูลและความสามารถบางอย่าง
  6. Express with Advanced Services: เวอร์ชันที่มีความสามารถเหมือนกับ Express แต่มีเครื่องมือเพิ่มเติมในการจัดการฐานข้อมูล รวมถึง Reporting Services และ Full-text Search EditionsOpen no level price (US$)Licensing modelChannel availabilityEnterprise$13,7482 core packVolume licensing, hostingStandard – per core$3,5862 core packVolume licensing, hostingStandard – server$899ServerVolume licensing, hostingStandard – CAL$209CALVolume licensing, hostingDeveloperFreePer userFree downloadWebSee your hosting partner for pricingNot applicableHosting onlyExpressFreeNot applicableFree download

SQL Server 2019 Software Assurance benefits

BenefitDescriptionFail-over servers for disaster recovery Newอนุญาตให้ลูกค้าติดตั้งและเรียกใช้อินสแตนซ์ SQL Server 2019 แบบพาสซีฟใน OSE หรือเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากสำหรับการกู้คืนจากความเสียหายโดยคาดการณ์ถึงเหตุการณ์เฟลโอเวอร์.Fail-Over servers for disaster recovery in Azure Newอนุญาตให้ลูกค้าติดตั้งและเรียกใช้อินสแตนซ์ SQL Server 2019 แบบพาสซีฟใน OSE หรือเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากสำหรับการกู้คืนจากความเสียหายใน Azure เพื่อคาดการณ์เหตุการณ์เฟลโอเวอร์Azure Hybrid Benefitช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์การใช้งาน SQL Server กับ Software Assurance หรือสิทธิ์การใช้งานการบอกรับเป็นสมาชิกเพื่อชำระอัตราที่ลดลง (“อัตราพื้นฐาน”) สำหรับตัวเลือกฐานข้อมูล SQL vCore เช่น อินสแตนซ์ที่ได้รับการจัดการ ฐานข้อมูลเดี่ยวที่ใช้ vCore และกลุ่มยืดหยุ่นที่ใช้ vCore บน SQL Server ใน Azure Virtual Machines (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง Azure Dedicated Host) และบน SQL Server Integration Services (SSIS)Fail-over servers for high availabilityอนุญาตให้ลูกค้าติดตั้งและเรียกใช้อินสแตนซ์ SQL Server 2019 แบบพาสซีฟใน OSE หรือเซิร์ฟเวอร์แยกต่างหากเพื่อความพร้อมใช้งานสูงเพื่อคาดการณ์เหตุการณ์เฟลโอเวอร์Unlimited virtualizationอนุญาตให้ลูกค้าเรียกใช้อินสแตนซ์ของซอฟต์แวร์ SQL Server 2019 Enterprise Edition จำนวนเท่าใดก็ได้ใน VM ที่ไม่จำกัดจำนวน ใช้งานได้ภายใต้รูปแบบการให้สิทธิ์ใช้งานหลักเท่านั้นPower BI Report ServerAllows SQL Server Enterprise Edition customers to run Power BI Report Server.License mobility through Software AssuranceAllows license reassignment of SQL Server 2019 to third-party shared servers. Does not apply to SQL Server Parallel Data Warehouse (PDW).Additional benefits for Server and Cloud Enrollment customersIn addition to the benefits noted above, Server and Cloud Enrollment (SCE) customers may also qualify for premium benefits, including unlimited problem resolution support.Additional benefits for SCE customersIn addition to the benefits noted above, Server Cloud Enrollment (SCE) customers may also qualify for premium benefits, including Unlimited Problem Resolution Support

สอนถามรายละเอียดเกี่ยวกับ SQL Server 2019 Add Line@fusionsolution หรือ Scan QR ด้านล่าง จะเป็นระบบ ChatGPT with OpenAI ในการตอบปัญหาทาง Technical