นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตัวอยาง การเขยี นคาํ สงั่ ในโปรแกรม Code.org สงั เกต รบั รู 1 พจิ ารณาภารกิจท่ไี ด้รบั เพื่อออกแบบชดุ ค�าสงั่ 2 นา� บล็อกค�าสัง่ มาใชต้ ามชุดค�าส่งั ทอี่ อกแบบได้ 3. ครูใหนักเรียนเลือกบทเรียนที่ 4 เขาวงกต : การจัดลําดับ แลวใหนักเรียนดูวิดีโอบทนํา 3 วางบล็อกคา� สง่ั ตอ่ จากคา� สง่ั และลองเขยี นโปรแกรมภารกจิ ที่ 1 ดว ยตนเอง โดยทคี่ รูยงั ไมต องอธบิ าย เร่ิมทา� งาน ไปเรอ่ื ย ๆ จนสิ้น สุดค�าสง่ั ทอ่ี อกแบบไว้ 4. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา จากที่นักเรียน สังเกตและลองเขียนโปรแกรมดวยตนเองแลว 4 กดปมุ เริ่ม เพื่อตรวจสอบความถกู ต้อง ว่าท�าภารกิจสา� เรจ็ หรือไม่ นักเรยี นคดิ วา ภารกิจของโจทยนี้คืออะไร (แนวตอบ ภารกิจ คือ การพานกแดงไปหา การลบบลอ็ ก คลิกเลือกบล็อกและกดแปน Delete ทค่ี ียบอรด หมเู ขียวใหสําเรจ็ ) การยา ยบล็อก คลกิ เลอื กบลอ็ ก จากนนั้ ลากไปยงั ตาํ แหนง ทต่ี อ งการ แลว จงึ ปลอ ยเมาส 5. ครสู าธติ ขน้ั ตอนการเขยี นโปรแกรมพานกแดง ภาพที่ 3.10 การเขียนคาํ สง่ั ในโปรแกรม Code.org ไปหาหมูเขียวทถ่ี กู ตองใหนักเรียนดู ¡Ô¨¡รรÁ ทาํ ตามแบบ ½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ ครูใหนักเรียนเขียนโปรแกรมพานกแดงไปหา หมเู ขียวตามตัวอยางทคี่ รูสาธติ ใหด ู ทาํ เองโดยไมม แี บบ ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือ เรียน หนา 51 โดยใหนักเรียนทํากิจกรรมใน เวบ็ ไซต Code.org โดยปฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั ทก่ี าํ หนด ใหจนประสบผลสาํ เร็จ ทาํ กิจกรรมในเวบ็ ไซต Code.org โดยปฏบิ ตั ติ าม ดงั นี้ 1) กดปุม Course Catalog เพ่อื เลือกคอรส 1 2) เรมิ่ ทําภารกจิ แตล ะภารกจิ ใหส าํ เรจ็ โดยเรมิ่ ทําภารกจิ ตัง้ แตบ ทท่ี 1 แผนที่แหงความสุข จนถึงบทที่ 4 เขาวงกต : Sequence ทกั ษะการเรยี นรใู นศตวรรษท่ี 21 51 1. ทักษะการใชเทคโนโลยแี ละสารสนเทศ 2. ทกั ษะการแกป ญ หา 3. ทักษะการคิดเชงิ คํานวณ ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 51 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอาจใหนักเรียนลองเขาเว็บไซต Code.org และลองใหนักเรียนสมัคร หากตัวละครยืนหันหนาไปทางทิศเหนือ แลวตองการใหตัว เขาเปนสมาชิกของโปรแกรม Code.org เพ่ือใหนักเรียนเขาสูบทเรียน และ ละครเดินไปทางทิศตะวันออก 2 ครั้ง แลวเดินไปทางทิศใตอีก ทํากิจกรรมการฝก เขียนโปรแกรมบนเว็บไซต Code.org เพอ่ื ใหน กั เรยี นเขาใจ 1 ครัง้ จะสามารถเขียนบล็อกคาํ สง่ั ไดอยางไร และสนกุ กบั การเลน เกมการเขยี นโปรแกรม โดยอาจใหม กี ารแขง ขนั การฝก เขยี น โปรแกรม โดยในแตล ะดา นถา มนี กั เรยี นคนใดเขยี นโปรแกรมเสรจ็ เรว็ และถกู ตอ ง 1. 2. 3. 4. เปนคนแรก ครอู าจมีรางวัลหรือมีคะแนนพเิ ศษให (วิเคราะหคําตอบ ตองการใหตัวละครเดินไปทางทิศตะวันออก 2 ครัง้ แลว เดนิ ไปทางทศิ ใตอกี 1 คร้งั จะสามารถเขียนบลอ็ กคํา ส่ังไปทางขวา 2 ครงั้ และบล็อกคาํ สงั่ ลงขา งลา ง 1 ครงั้ ดังนั้น ตอบขอ 3.) T92 Show นา� สอน สรปุ ประเมิน 3. ดูภาพตอไปนี้ แลว เลอื กใชบ ลอ็ กคําส่ัง เพอ่ื ใหนกสีแดงไปหา ขน้ั สอน หมสู ีเขียวโดยไมถูกระเบิด (4 คะแนน) ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ NSE W ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง ซอฟตแวร 1) บล็อกคําสั่ง หรือสื่อท่ีใชในการเขียนโปรแกรม ในแบบฝกหัด 2)เฉฉบลบั ย หนา 38 โดยใหน กั เรยี นพจิ ารณาภาพทกี่ าํ หนดให เมื่อเรียกใหทํางาน แลวเลือกใชบล็อกคําส่ังเพื่อพานกแดงไปหา E หมเู ขยี วใหสําเรจ็ โดยไมถ ูกระเบดิ N ขนั้ สรปุ บล็อกคาํ สัง่ ครถู ามนักเรยี นวา จากการฝกเขยี นโปรแกรม เมื่อเรียกใหทํางาน บนเวบ็ ไซต Code.org นักเรยี นไดอ ะไรจากการ W ฝกน้ี N (แนวตอบ คําตอบของนักเรียนขึ้นอยูกับ ดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ทําใหฝกทักษะการ คดิ เปน ขน้ั ตอนและมเี หตผุ ล ซงึ่ สามารถนาํ ทกั ษะ น้ันไปปรบั ใชในชีวิตประจําวันได) ขนั้ ประเมนิ ตารางการวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑก ารประเมิน ตรวจแบบฝก หัด แบบฝก หดั รอ ยละ 60 ผานเกณฑ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2 การทาํ งานรายบคุ คล พฤติกรรม ผานเกณฑ เกณฑการใหคะแนน คะแนน/ขอ 1. การเขียนรหสั คําสั่ง (6 คะแนน มี 2 วธิ ี) เขยี นรหสั คําสั่งไดถูกตอ งตรงตามทศิ ทาง 1 เขยี นรหัสคําส่ังแลว เดินถึงจุดหมายไดต รงตามเง่ือนไข 2 2. การเลอื กรหสั คาํ สั่ง (6 คะแนน มี 3 ขอ) เลอื กรหัสคําส่งั ตามเง่ือนไขทกี่ ําหนดไดถกู ตอ ง 2 3. การเลอื กใชบลอ็ กคาํ สง่ั (4 คะแนน มี 2 ขอ ) เลือกใชบลอ็ กคาํ สัง่ แลวไดผ ลตรงตามเงอ่ื นไข 2 38 ภาพจาก แบบฝก หดั หนา้ ท3ี่ 48 ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล จากภาพ จะใชบล็อกคําส่ังใด ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลของนักเรียน โดยศึกษา ใหผ้ึงสามารถเดินทางไปเก็บ เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล น้าํ หวานและผลติ น้าํ ผึ้งไดสาํ เรจ็ ที่แนบมาทา ยแผนการจัดการเรียนรทู ี่ 3 หนว ยการเรียนรทู ี่ 3 1. 2. 3. 4. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล (วิเคราะหคําตอบ เม่ือพิจารณาจากภาพที่กําหนดให จะตองใช คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี บลอ็ กคาํ สง่ั ใหผ ง้ึ เดนิ ไปทางขวา เกบ็ นา้ํ หวาน เดนิ ไปทางขวา ผลติ น้ําผงึ้ เรยี งตอ กนั ตามลาํ ดบั ดังน้ัน ตอบขอ 4.) ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผอู้ น่ื 3 การทางานตามหน้าท่ีทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ T93 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 2เวลา ช่ัวโมง ตวั อยา่ งโปรแกรม 1. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ตวั ชวี้ ัด ว 4.2 ป.1/3 เขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื สอ่ื 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายข้นั ตอนการยอ่ ขยายขนาดโดยใช้โปรแกรม Scratch ได้ (K) 2. อธบิ ายข้ันตอนการเปล่ียนแปลงรปู ร่างโดยใช้โปรแกรม Scratch ได้ (K) 3. เขียนโปรแกรมเพอ่ื ส่งั ยอ่ และขยายขนาดตัวละครในโปรแกรม Scratch ได้ (P) 4. เขียนโปรแกรมเพือ่ ส่ังให้มกี ารเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งในโปรแกรม Scratch ได้ (P) 5. เห็นประโยชน์ของการเขยี นโปรแกรม Scratch และน�ำไปปรับใช้ในชีวิตประจำ� วนั ได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ เขียนโปรแกรมสง่ั ใหต้ ัวละครย้ายตำ� แหนง่ ย่อขยายขนาด เปลยี่ นรปู รา่ ง 4. สาระส�ำคัญ/ความคดิ รวบยอด การเขียนโปรแกรมเป็นการสร้างล�ำดับค�ำส่ังให้คอมพิวเตอร์ท�ำงาน การเขียนโปรแกรมเพ่ือส่ังให้ตัวละครย้ายต�ำแหน่ง ย่อขยายขนาด หรือเปลยี่ นรปู รา่ ง ท�ำใหเ้ ขา้ ใจระบบการทำ� งานของคอมพิวเตอรแ์ ละการเขยี นโปรแกรมมากยิง่ ขึ้น 5. สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รียน ทกั ษะ 4Cs คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. ทกั ษะการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 1. มีวนิ ัย 2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 2. ทักษะการทำ� งานรว่ มกัน 3. มุ่งม่ันในการท�ำงาน 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ (Collaboration Skill) 3. ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skill) 4. ทักษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : วธิ ีการสอนโดยเนน้ รูปแบบกระบวนการปฏบิ ัติ T94 นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 3.นักเรียนคิดวา µัÇÍ‹า§â»รá¡รÁ ขน้ั นาํ ตวั ละครในเกมตา ง ๆ สามารถเคล่ือนที่ ได นักเรียนเคยเลนเกมในคอมพิวเตอร 1. ครถู ามนกั เรยี นวา การใชโ ปรแกรม Code.org อยางไร หรือไม แลวนักเรียนรูหรือไมวา ตัวละคร ในชั่วโมงท่ีแลว นักเรียนไดเรียนรูการเขียน ในเกมสามารถเดินไปทางซายหรือทางขวา หรือสามารถ คาํ สั่งใดบา ง ยอขยายขนาด หรือเปล่ียนรูปรางไดอยางไร การเขียน (แนวตอบ คําตอบของนักเรียนขึ้นอยูกับ โปรแกรมเปน สงิ่ ทก่ี าํ หนดใหต วั ละครสามารถทาํ ในสง่ิ ทเ่ี รา ดุลยพินิจของครูผูสอน เชน การลบและการ ตอ งการได ยา ยตําแหนงของบลอ็ กคําสัง่ ) 3.1 การยา ยตําแหนง 2. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน ตัวอยาง การเขียนโปรแกรมเพ่ือส่ังใหตัวละครยายไปยัง วา นักเรียนคิดวา ตัวละครในเกมตางๆ ตําแหนง ทต่ี องการดว ยส่ือในเว็บไซต Code.org สามารถเคลือ่ นทีไ่ ดอยา งไร เม่ือกดปมุ คา� สงั่ จะเริม่ ท�างาน ขนั้ สอน ตวั ละครจะยา้ ยตา� แหน่งไปตามทศิ ทางของ สงั เกตรบั รู ลูกศร 1. ครูอธิบายใหนักเรียนในชั้นฟงวา การเขียน โปรแกรมสามารถนําไปใชงานไดหลากหลาย รูปแบบ อีกท้ังยังมีวิธีการเขียนคําส่ังควบคุม การทํางานที่แตกตางกันตามความตองการ ของผูใชงาน เชน การเขียนคําส่ังใหตัวละคร ยายตําแหนง การเขียนคําสั่งใหตัวละคร ยอขยายขนาด การเขียนคําส่ังใหตัวละคร เปล่ียนแปลงรูปรา ง 2. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางการยายตําแหนง ของตวั ละครในหนงั สือเรยี น หนา 52 แลว ให นักเรียนลองฝกเขียนโปรแกรมดวยตนเองบน เวบ็ ไซต Code.org ผลลพั ธเ มือ่ กดปุม ภาพท่ี3.11 การเขยี นโปรแกรมยา ยตาํ แหนง่ ในโปรแกรมCode.org แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หวั ขอ 52 ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา้ 52 ตวั ละครตา งๆ ในเกมสามารถเคลอ่ื นทไ่ี ดจ าก การเขียนคําส่ังควบคุมการทํางานของตัวละครนั้น ซึ่งจะเปนการกําหนดวา ตัวละครนั้นสามารถทํา อะไรไดบ า ง ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู จากภาพ หากตอ งการเขียนโปรแกรมใหศ ิลปน ครอู าจใหน กั เรยี นเขา สเู วบ็ ไซต Code.org แลว ใหน กั เรยี นฝก เขยี นโปรแกรม เคลอ่ื นทไ่ี ปในทศิ ทางตา ง ๆ เพอ่ื วาดภาพใหส าํ เรจ็ เพื่อส่ังใหตัวละครยายตําแหนง หรือครูอาจจัดเตรียมกระดานกิจกรรมและ จะสามารถเขียนโปรแกรมไดอ ยางไร บตั รคาํ สงั่ เกย่ี วกบั การเคลอ่ื นทข่ี องตวั ละครใหน กั เรยี นไดฝ ก การเขยี นโปรแกรม เพอื่ ใหต วั ละครยา ยตาํ แหนง อกี ทงั้ ยงั เปน การเพม่ิ ความเขา ใจเกย่ี วกบั การเขยี น 1. 2. 3. 4. โปรแกรมอยางงายใหกบั นักเรียนอกี ดว ย (วิเคราะหค าํ ตอบ จากภาพ เปน การเขยี นโปรแกรมเพอ่ื ใหศ ลิ ปน วาดภาพใหส ําเรจ็ เพราะฉะนั้นจึงตอ งเขยี นโปรแกรมสัง่ ใหศลิ ปน เคลื่อนทไี่ ปทางซา ย 2 คร้ัง และขนึ้ ดานบน 2 คร้งั จงึ จะสามารถ วาดภาพไดส าํ เรจ็ ดงั นัน้ ตอบขอ 3.) T95 นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡รรÁ ½¡ƒ ·¡Ñ ÉÐ สงั เกตรบั รู เขยี นรหัสคาํ สง่ั ลงในสมุด เพอื่ พาสมไปเก็บดนิ สอท้งั 5 แทงใหครบ 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยให ส้ม นักเรียนพิจารณาแผนที่การเดินทางของสม เพ่ือไปเก็บดินสอใหครบทั้ง 5 แทง โดยให นกั เรยี นเขยี นรหสั คาํ สงั่ ทไี่ ดท ง้ั หมดลงในสมดุ 4. นักเรียนพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกัน เก่ียวกับจํานวนเสนทางท่ีนักเรียนแตละคน หาได 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปจํานวนเสนทางที่ สม สามารถเดินทางไปเก็บดินสอวา มเี สน ทาง ทัง้ หมดกี่เสนทาง ภาพที่ 3.12 การเดนิ ทางของสม ไปเกบ็ ดินสอ ทักษะการเรียนรใู นศตวรรษที่ 21 2. ทกั ษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ 53 1. ทักษะการแกปญหา ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 53 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ในการทํากิจกรรมฝกทักษะ ครูอาจใหนักเรียนในช้ันเรียนทํากิจกรรม ในการเขียนโปรแกรม หากนักเรียนเขียนคําส่ังควบคุมการ ลงในสมดุ ของตนเองกอ น จากนนั้ ครูจึงขออาสาสมคั รออกมาเฉลยคาํ ตอบที่ได ทํางานผิดพลาดจะสง ผลอยา งไร บนกระดาน และหากมีนักเรียนท่ีไดคําตอบตางจากเพื่อน ใหนักเรียนคนนั้น ออกมาเขยี นคาํ ตอบเพมิ่ บนกระดาน ทาํ ไปเรอื่ ยๆ จนไดค รบทกุ เสน ทาง พรอ มทงั้ 1. สามารถแกไขคําสง่ั ทเ่ี กิดขอผดิ พลาดไดงา ย ใหนักเรียนบันทึกคําตอบของเพื่อนลงในสมุดดวย เนื่องจากในขอนี้มีคําตอบ 2. ทาํ ใหไมสามารถแกไขโปรแกรมท่ผี ิดพลาดได มากกวา 1 เสนทาง 3. โปรแกรมท่เี ขยี นข้นึ ไมต รงตามความตอ งการ 4. ไมส ามารถตรวจสอบขอผิดพลาดของโปรแกรมได (วิเคราะหคําตอบ ในการเขียนคําสั่งควบคุมการทํางานของ โปรแกรม ควรมีการตรวจสอบขอ ผดิ พลาดของโปรแกรมอยูเสมอ เนื่องจากหากมีขอผิดพลาดเกิดขึ้นอาจสงผลใหโปรแกรมทํางาน ไมต รงกับความตอ งการของผใู ชง านได ดังนน้ั ตอบขอ 3.) T96 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3.2 การยอขยายขนาด ขน้ั สอน นอกจากบตั รคาํ สงั่ และสอ่ื ในเวบ็ ไซต Code.org แลว สงั เกตรบั รู ยงั มโี ปรแกรม สแครตช (Scratch) ทส่ี ามารถสงั่ ใหต วั ละคร ยา ยตาํ แหนง ยอ ขยายขนาด และเปลยี่ นรปู รา งได โดยใช 6. ครใู หน กั เรยี นเปด เวบ็ ไซต Scratch แลว อธบิ าย โปรแกรม สแครตช ไดจ าก www.scratch.mit.edu สวนประกอบของเว็บไซต และวิธีการใชงาน ตวั อยา ง การเขยี นโปรแกรมเพอ่ื สง่ั ใหต วั ละครยอ และขยาย เวบ็ ไซตใหน กั เรียนฟง ขนาดในโปรแกรม สแครตช 7. ครูสาธิตวิธีการเขียนคําสั่งควบคุมการทํางาน การยอ่ ขนาดของตัว การขยายขนาดของตัว เพ่ือส่ังใหตัวละครยอและขยายขนาดดวย ละคร เปน การเปลย่ี น ละคร เปนการเปลยี่ น โปรแกรม Scratch ใหนักเรียนดู จากนั้น ขนาดของตวั ละครใหม้ ี ขนาดของตัวละครใหม้ ี ใหนักเรียนทดลองเขียนโปรแกรมดวยตนเอง ขนาดเลก็ กว่าเดิม ขนาดใหญก่ วา่ เดมิ ตามทค่ี รูสาธติ 8. ครูใหนักเรียนลองเปล่ียนคาตัวเลขของคําสั่ง ควบคุมการทํางานของโปรแกรม 2-3 คา แลวใหนักเรียนสังเกตความแตกตางกันของ ผลลัพธของโปรแกรมทีไ่ ด ผลลพั ธท ี่ได้หลงั จากกดปมุ ผลลัพธท ไ่ี ด้หลงั จากกดปุม ภาพที่ 3.13 การเขียนโปรแกรมเพอื่ ย่อขยายขนาดในโปรแกรมสแครตช 54 ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา้ 54 กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนใชโปรแกรม Scratch ในการเขียนโปรแกรม ในการเรียนการสอน เร่ือง การยอขยายขนาดโดยใชโปรแกรม Scratch ยอขยายขนาดตัวละคร 4 ตวั พรอ มกนั หลงั จากทก่ี ดเร่มิ หรือกด ครอู าจเร่มิ ตนจากการใหนักเรยี นเปด โปรแกรม Scratch ขึ้นมา แลวครอู ธิบาย ธงเขียวแลว โดยครูอาจใหเวลานักเรียนเขียนคําส่ังควบคุมการ สวนประกอบของโปรแกรม Scratch ใหนักเรียนฟงคราวๆ กอน จากน้ันครู ทํางานของโปรแกรมประมาณ 10 นาที หรอื ตามความเหมาะสม จึงชวนนักเรียนเขียนโปรแกรมงายๆ เชน โปรแกรมแสดงผล โปรแกรมสั่งให เมอื่ หมดเวลาแลว ครูอาจเฉลยวธิ ีการเขียนโปรแกรมใหน ักเรียนดู ตัวละครเคลื่อนที่ เพือ่ ใหนกั เรียนรูจักการใชงานโปรแกรม Scratch มากยง่ิ ขน้ึ หรือใหนักเรียนที่สามารถเขียนโปรแกรมน้ีไดเฉลยใหกับเพื่อนๆ กอ นทจ่ี ะใหน ักเรยี นเขยี นโปรแกรมยอ ขยายขนาด ในชน้ั เรยี นดูกไ็ ด T97 นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ¡¨Ô ¡รรÁ ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ ทาํ ตามแบบ 1. การขยายขนาดตัวละครตองใสรหัสคําสั่ง ดังน้ี ถาหาก ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะในหนังสือ ตองการขยายขนาดตวั ละครใหใหญกวาเดิม นักเรียนตองใสตวั เลข เรียน โดยในขอ 1. ครูใหนักเรียนเขียนคําสั่ง ทน่ี อ ยกวา หรอื มากกวา 50 เพราะเหตใุ ด จากนนั้ พดู คยุ แลกเปลย่ี น ขยายขนาดตัวละครดวยวิธีการใสคาตัวเลข ความคิดเหน็ ภายในหองเรยี น เพิ่มขึ้นทีละ 50 ลงในโปรแกรมเพื่อใหตัวละคร 2. พิจารณาภาพที่กําหนดให แลวเขียนขั้นตอนการยอขนาดตัวละคร ขยายขนาด ใหมขี นาดเลก็ กวาเดิมพรอ มวาดภาพรหสั คําสัง่ บันทกึ ลงในสมุด ทาํ เองโดยไมม แี บบ ภาพที่ 3.14 หนาหลักโปรแกรมสแครตช 1. ในขอ 2. ครูถามคําถามกระตุนความคิดกับ นกั เรียนวา หากตองการใหต ัวละครที่สรา งข้นึ มขี นาดเลก็ ลง เราจะตอ งตง้ั คา ตวั เลขในคาํ สงั่ ควบคมุ การทาํ งานของโปรแกรมอยา งไร (แนวตอบ คําตอบของนักเรียนข้ึนอยูกับ ดุลยพนิ จิ ของครผู สู อน) 2. ครูใหนักเรียนลองเขียนคําสั่งควบคุมการ ทํางานเพ่ือแกปญหาที่ครูถาม และหลังจาก ที่นักเรียนไดคําตอบแลว ใหนักเรียนเขียน ขัน้ ตอนการยอ ขนาดตวั ละคร พรอมวาดภาพ หรอื ตดิ ภาพรหสั คําส่งั ลงในสมดุ ประจาํ ตวั ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ ครูใหนักเรียนยอและขยายขนาดของตัวละคร อีกครั้งเพ่ือตรวจสอบวา นักเรียนมีความเขาใจ ในการยอ ขยายขนาดตวั ละครจริงหรอื ไม ทกั ษะการเรียนรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทกั ษะการคดิ เชิงคํานวณ 55 1. ทกั ษะการแกปญ หา 3. ทักษะการส่อื สาร ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 55 เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ในการทํากิจกรรมฝกทักษะ ครูอาจจะใหนักเรียนในชั้นเรียนไดพูดคุย ครูอาจใหนักเรียนสรางตัวละครชนิดเดียวกันข้ึนมา 2 ตัว เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมยอขยายขนาดของตัวละครกอนวา ในการส่ังใหตัว แลวใหนักเรียนเขียนโปรแกรมยอขนาดใหกับตัวละครหนึ่ง และ ละครยอหรือขยายขนาด มีวิธีการเขียนคําสั่งควบคุมการทํางานของโปรแกรม เขียนโปรแกรมขยายขนาดใหกับตัวละครอีกตัวหนึ่ง แลวดูความ แตกตางกันอยางไร จากน้ันจึงใหนักเรียนลงมือทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยให สัมพันธของขนาดตัวละครทั้ง 2 ตัว กับคาตัวเลขขนาดของ บันทกึ คําตอบลงในสมดุ ประจาํ ตัว ตัวละครบนโปรแกรมที่เขียนขึ้น แลวใหนักเรียนพูดคุยกัน เกีย่ วกบั ความสมั พนั ธนี้ T98 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3.3 การเปล่ียนรูปรา ง ขน้ั สอน การเปล่ียนรูปรางเปนการทําใหรูปรางของตัวละคร สงั เกตรบั รู มลี ักษณะที่แตกตางไปจากเดิม ตัวอยาง การเขียนโปรแกรมเพื่อส่ังใหมีการเปล่ียนรูปราง 1. ครูทบทวนเร่ืองท่ีเรียนไปเมื่อช่ัวโมงที่แลว ในโปรแกรม1 สแครตช เกี่ยวกับการยอขยายขนาดตัวละคร โดยให นักเรียนลองเขียนคําสั่งควบคุมการทํางาน ตง้ั คา่ เอฟเฟกต (effect) ลงในโปรแกรม Scratch 2. ครูถามคําถามกับนักเรียนวา ถาตองการ เปล่ียนรูปรางตัวละครใหมีลักษณะแตกตาง ไปจากเดิม โดยใชโ ปรแกรม Scratch ควรมี ข้นั ตอนในการเขยี นคาํ ส่ังอยา งไร (แนวตอบ คําตอบนักเรียนข้ึนอยูกับดุลยพินิจ ของครูผสู อน) 3. ครูใหนักเรียนทดลองเขียนโปรแกรมเองตาม ที่นักเรียนตอบคําถามมา แลวดูวาไดผลลัพธ ตามทต่ี อ งการหรอื ไม จากนนั้ ครสู าธติ ขนั้ ตอน การเขียนโปรแกรมเปลี่ยนแปลงรูปรางของ ตวั ละครใหนกั เรียนดู ภาพที่ 3.15 การเขยี นโปรแกรมเพื่อสง่ั ใหม ีการเปล่ยี นรูปร่างในโปรแกรมสแครตช ผลลพั ธท ่ีได้หลังจากกดปมุ 56 ภาพท่ี 3.16 การเขยี นโปรแกรมเพอ่ื ส่ังใหมีการเปล่ยี นรปู รา่ งในโปรแกรมสแครตช ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา้ 56 ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู จากภาพ ขอใดเปนคําสั่งควบคุมการทํางาน 1 เอฟเฟกต สามารถแปลความหมายไดห ลากหลาย โดยในทางคอมพวิ เตอร ที่ส่ังใหกลองนมเปลี่ยนสีไปจากเดิมเมื่อกดปุม เอฟเฟกตจ ะหมายถงึ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการสง่ั ใหโ ปรแกรมทาํ งานอยา งใด สเปซบารบ นคยี บอรด อยางหนึง่ ตามคาํ ส่ังควบคุมการทํางานทีผ่ เู ขียนโปรแกรมกาํ หนดขึ้น เชน เขยี น โปรแกรมส่ังใหต น ไมหมนุ ไป 25 องศา เอฟเฟกตท ไ่ี ด คือ ตน ไมห มุน 25 องศา 1. 2. 3. 4. (วิเคราะหค ําตอบ เมือ่ พิจารณาตวั เลือกท่ีกําหนดให จะเหน็ ไดว า ขอ 1. ส่ังใหเ ปลีย่ นสีเม่อื คลิกธงเขียว ขอ 2. สง่ั ใหล า งเอฟเฟกต ออกเมื่อคลิกธงเขียว ขอ 3. สั่งใหเปลี่ยนสีเมื่อกดปุมสเปซบาร ขอ 4. สง่ั ใหพดู วา “เปล่ียนส”ี 2 วนิ าที ดังนัน้ ตอบขอ 3.) T99 นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡รรÁ ½¡ƒ ·¡Ñ ÉÐ ทาํ ตามแบบ การเปลยี่ นรปู รา งของตวั ละครตอ งใสร หสั คาํ สง่ั ดงั น้ี ถาหากตองการใหรูปรางของตนไมในหนา 56 กลับมาเปนรูปเดิม ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะเกี่ยวกับ นักเรียนตองใสตัวเลขใด เพราะเหตุใดจากนั้นพูดคุยแลกเปลี่ยน การเปล่ียนแปลงรูปราง โดยครูเขียนโปรแกรม ความคดิ เหน็ ภายในหองเรียน ใหต วั ละครเปลย่ี นรปู รา งใหน กั เรยี นดบู นกระดาน แลวใหนักเรียนเขียนโปรแกรมตาม จากน้ัน ทักษะการเรยี นรูในศตวรรษท่ี 21 2. ทกั ษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ ใหนักเรียนดูผลลัพธที่เกิดขึ้นวา ผลลัพธท่ีไดนั้น 1. ทกั ษะการแกป ญ หา เปน อยางไร 3. ทกั ษะการสื่อสาร ทาํ เองโดยไมม แี บบ ครูต้ังคําถามกับนักเรียนวา ถาหากตองการ ใหรูปรางตัวละครท่ีนักเรียนปรับเปลี่ยนรูปรางไป กอนหนาน้ันกลับมาเปนรูปเดิม นักเรียนตองใส คา ตวั เลขตวั ใดลงในคาํ สง่ั ควบคมุ การทาํ งาน แลว ใหน กั เรยี นลองเขยี นคาํ สง่ั ควบคมุ การทาํ งานของ โปรแกรมตามทีต่ นเองคดิ ไว (แนวคําตอบ คําตอบของนักเรียนข้ึนอยูกับ ดุลยพนิ จิ ของครูผสู อน) ฝก ใหช าํ นาญ µÃǨÊͺµ¹àͧ สรปุ ความรปู้ ระจา� หนว่ ยท่ี 3 ครูใหนักเรียนฝกเปลี่ยนรูปรางของตัวละคร หลงั จากเรยี นจบหนว ยนแี้ ลว ใหบ อกสญั ลกั ษณท ตี่ รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง อื่นๆ โดยการใสคาลงในโปรแกรม แลวเปลี่ยน รปู รา งของตัวละครใหกลบั มาเปน เหมอื นเดมิ รายการ เกณฑ ขนั้ สรปุ ดี พอใช ควรปรับปรงุ 1. ครูใหนักเรียนตรวจสอบตนเองจากการเรียน 1. นกั เรยี นเขา ใจหลกั การเขียนโปรแกรมเบอ้ื งตน เน้อื หาในหนว ยการเรียนรูท ี่ 3 เร่ือง การเขียน โปรแกรมเบื้องตน เพ่ือเปนการทบทวนวา 2. นักเรียนสามารถเขียนโปรแกรมโดยใชบตั รคําสั่ง นักเรียนมีความเขาใจเกี่ยวกับบทเรียนนั้น และสอ่ื ในเว็บไซต Code.org ได มากนอยเพยี งใด 3. นักเรียนนําความรูไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ได 57 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 57 เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรา งเสรมิ ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ โดยใหนักเรียนไดฝกการแกปญหา ครอู าจใหน กั เรยี นเลอื กตวั ละครในโปรแกรม Scratch มา 1 ตวั เองกอนวา นักเรียนจะสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อส่ังใหตนไมท่ีบิดเบี้ยวไป แลวใหนักเรียนเขียนโปรแกรมต้ังคาเอฟเฟกตตางๆ ท่ีกําหนดให เปลย่ี นกลบั ไปเปน แบบเดมิ ไดอ ยา งไร หลงั จากนนั้ ครจู งึ เฉลยคาํ ตอบใหน กั เรยี นดู แลวดูการเปล่ียนแปลงของตัวละคร จากนั้นใหนักเรียนพูดคุย แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กนั เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงเอฟเฟกตข อง ตวั ละครของนกั เรยี นแตล ะคน T100 นาํ สอน สรุป ประเมนิ Ẻ½¡ƒ Ë´Ñ µÑÇÍÂÒ‹ §â»Ãá¡ÃÁ คะแนนเตม็ ขน้ั สรปุ 20 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เร่ือง ตัวอยาง โปรแกรมในแบบฝก หดั หนา 39 โดยใหน กั เรยี น 1. พจิ ารณาภาพทก่ี าํ หนด แลว วางบลอ็ กคาํ สง่ั ในเวบ็ ไซต Code.org พจิ ารณาภาพทก่ี าํ หนดให แลว วางบลอ็ กคาํ สง่ั เพือ่ ลากเสน สดี าํ ตามภาพจนครบทกุ ตําแหนง มา 2 วธิ ี (8 คะแนน) ในเว็บไซต Code.org เพ่ือลากเสนสีดําตาม ภาพจนครบทกุ ตาํ แหนง มา 2 วธิ ี แลว เขยี นหรอื NE ตดิ ภาพคาํ สง่ั ควบคมุ การทาํ งานของโปรแกรม SW ลงในกรอบคาํ ตอบทกี่ าํ หนดให (ตดิ ภาพหรือเขียนภาพการวางบลอ็ กคาํ ส่งั ) 3. นักเรียนจับคูกันพูดคุยเกี่ยวกับคําสั่งควบคุม การทาํ งานของโปรแกรมวา แตละคนไดค ําสัง่ ควบคุมการทํางานเหมือนกันหรือไม แลว ชว ยกนั พจิ ารณาวา คําสัง่ ทแี่ ตละคนไดมาน้นั ถูกตองหรือไม ถาไมถูกตองใหชวยกันแกไข ใหถกู ตอง วิธีที่ 1 เม่ือเรียกใหทํางาน วิธที ่ี 2 เม่ือเรียกใหทํางาน เฉฉบลบั ย E S E S SE SE WN WN NW NW 39 ภาพจาก แบบฝึกหดั หน้าท3่ี 49 กจิ กรรม ทา ทาย ความรูเสริม ครูอาจออกแบบโปรแกรมท่ีมีลักษณะคลายกับในแบบฝกหัด ในการเขียนคําสั่งควบคุมการทํางานเพื่อใหโปรแกรมทํางาน 1 อยาง โดยท่ีโปรแกรมน้ันจะตองสามารถเขียนคําสั่งควบคุมการทํางาน ในบางครั้งสามารถเขียนไดหลายวิธี แตใหผลลัพธของโปรแกรมเหมือนกัน ไดหลากหลายวิธี ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 5-6 กลุม เนื่องจากคนเขียนโปรแกรมแตละคนก็มีความคิดท่ีแตกตางกัน บางคนท่ีมี แลวใหนักเรียนในแตละกลุมชวยกันระดมความคิดวา โปรแกรม ความคิดซับซอนก็จะสามารถเขียนโปรแกรมไดส้ันกะทัดรัดหรือมีความซับซอน นน้ั สามารถเขยี นคาํ สง่ั ควบคมุ การทาํ งานไดด ว ยวธิ ใี ดบา ง จากนน้ั มากได แตในบางคนที่มีความคิดตรงไปตรงมาจะเขียนโปรแกรมท่ีมีความ ใหตวั แทนแตล ะกลุมออกมานาํ เสนอความคดิ เห็นของกลมุ ตนเอง ยืดเยื้อกวา ซ่ึงข้ึนอยูกับมุมมอง ความสามารถ และประสบการณของผูเขียน โปรแกรมแตล ะคน T101 โปรแกรม Scratch มีส่วนประกอบหลักในการทำงาน3ส่วนอะไรบ้างโปรเจกต์ใน Scratch มีโครงสร้าง 3 ส่วนประกอบด้วย 2.1 เวที(Stage) 2.2 ตัวละคร (Sprite) 2.3 สคริปต์(Script) โปรแกรม Scratch 3.0 คืออะไรอ่านว่า (อ่านว่า สแครช) เป็นโปรแกรมภาษาแบบ แบบ block programming (แบบลาก-วาง) เพื่อให้ตัวละครสนทนาเคลื่อนที่ และวาดรูปได้ โดยจัดเรียงคำสั่งตามลำดับขั้นตอน (sequential) เป็นสื่อหนึ่งที่สร้างภาพให้เห็นการทำงานเป็นขั้นตอนและวิธีการคิดแก้ปัญหาที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นผลจาก “Computational Thinking” วิธีการเข้าใช้งานโปรแกรม Scratch มีกี่วิธีนอกจากนี้ โปรแกรม Scratch เปิดให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แปลเป็นภาษาต่าง ๆ กว่า 74 ภาษา และมีการเปิดสอนตั้งแต่ในโรงเรียนจนถึงมหาวิทยาลัย โดยการเข้าใช้งานมี 2 วิธี คือ การเข้าใช้งานแบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://scratch.mit.edu และการเข้าใช้งานแบบออฟไลน์ได้ที่เว็บไซต์ https://scratch.mit.edu/download. องค์ประกอบของโปรแกรม Scratch มีอะไรบ้างส่วนประกอบของโปรแกรม Scratch 1. แถบเมนูเครื่องมือ 2. เครื่องมือเวที 3. ข้อมูลเวทีหรือตัวละครที่ถูกเลือก 4. บล็อกโปรแกรมคาสั่ง 5. ชุดคาสั่งของบล็อกที่เลือก 6. พื้นที่ทางาน 7. เวที 8. รายการตัวละคร และเวทีที่ใช้ในโปรเจคต์ปัจจุบัน |